วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 20:20  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 10:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อีกตัวอย่างหนึ่ง

นั่งสมาธิแล้วได้ยินเสียงด่าตัวเอง

นั่งสมาธินั่งดูลม แล้วมามองกระจกแบบใช้ตาเพ่ง. กระจกมันบิดไปบิดมา บางทีก็ได้ยินเสียงคนพูดถึงเรืองที่ผมคิด แต่มองไม่เห็นคน ตอนนี้เพี้ยนครับ อาการแบบนี้เขาเรียกจิตหลอกรึเปล่า ตอนนี้ลำบากมาก หนวกหูเสียงด่ามาเป็นอาทิตย์แล้วครับ ได้ยินเสียงความคิดของตัวเองอีก หนวกหูมาก พอจะมีวิธีแก้ใหมครับ.


เสียงในใจอย่างนี้อาจจะเป็นเสียงดำริ เสียงดำรินี้จะมาก่อนที่จะ คิด พูด ทำ สิ่งต่าง ๆ ทั้งที่เป็น
ฝ่ายกุศล ฝ่ายอกุศล บางคนเมื่อจะดำริก็ไม่รู้ ดำริอยู่ก็ไม่รู้ ดำริเป็นกุศล หรือ อกุศลก็ไม่รู้ บางคน
จะดำริก็รู้ ดำริอยู่ก็รู้ ดำริเป็นกุศล หรือ อกุศลก็รู้ คนพวกแรกคือพวกไม่เจริญสติสัมปชัญญะ คน
พวกหลังคือพวกมีความเพียรเจริญสติสัมปชัญญะ


นี่ก็เช่นกัน เอาคำศัพท์มาพูดวาดภาพไป

ผมพูดตามจริงโดยใช้ภาษาที่ผู้อ่านในทีนี้พึงอ่านแล้วเข้าใจโดยไม่ยาก



สติ สัมปชัญญะ เป็นบาลี

ที่ว่าเข้าใจไม่ยาก เลิพ เจ. บอกสิ สติ ไม่ใช้คำว่าแปลก็ได้ ใช้คำว่า สติ หมายถึงยังไง สัมปชัญญะ หมายถึงยังไง

สติ คือ ระลึก สัมปชัญญะ คือ รู้


แล้วอยู่ๆ พูดๆสิ่งเหล่านั้นมันจะเกิดขึ้นมาเองหรือ

คนพวกแรกคือพวกไม่เจริญสติสัมปชัญญะ คน
พวกหลังคือพวกมีความเพียรเจริญสติสัมปชัญญะ

พวกที่ได้ยินนั่นได้ยินนี่ พวกได้ยินเสียงความคิด น่าจะเป็นพวกแรก
คือไม่เจริญสติสัมปชัญญะ ในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ในชีวิต
ประจำวันเลยวันทั้งวันนึกคิดแต่เรื่องโลภ โกร หลง แต่ไม่ได้รู้ตัวเอง
เลย พอมานั่งภาวนาจิตมันก็แล่นไปในอารมณ์ที่มันคุ้นชิน พอมาเห็น
เข้ามันก็เอาก็เอาไม่อยู่มันก็เลยหลอน


ส่วนอีกพวกมีความเพียรเจริญสติตามระลึก มีสัมปชัญญะใน กายกรรม
วจีกรรม มโนกรรม สำรวมระวังสังวรณ์อินทรีย์ มานั่งภาวนาจิตมันก็อยู่
ในอำนาจ จะเผลอไม่เผลอมันก็ไม่ไปไหน แล่นไปในสติปัฏฐาน มัน
ต่างกันอย่างนี้


เอาอีกแระ :b1:


เจริญสติสัมปชัญญะใน กายกรรม วจีกรรม มโนกรรม อย่างไร
มีความเพียรตามระลึกใน ความคิด คำพูด การกระทำ .. อย่างนี้เป็นอกุศลอย่าคิด พูด ทำ อย่างนี้ ๆ
เป็นกุศลควรคิด พูด ทำ อย่างนี้ มีสัมปชัญญะ คิด พูด ทำ แต่สิ่งที่เป็นกุศล ละทุจริต ๓ เจริญสุจริต ๓

แล่นไปในสติปัฏฐาน ๔ อย่างไร .
พิจารณาเห็น กายในกายบ้าง เห็นเวทนาในเวทนาบ้าง เห็นจิตในจิตบ้าง เห็นธรรมในธรรมบ้าง

:b12:
1เห็นกายในกาย/กายไม่ใช่จิต/กายไม่ใช่เรา/กายไม่ใช่เวทนา/กายไม่ใช่ตัวตนแต่ยังยึดถือคิดว่าเรามีกาย
ทราบไหมคะกายไม่รู้อะไรเลย
ทุกอย่างสักแต่ว่ามีชั่วคราวเป็นไปตามอำนาจของจิตตามการเกิดดับของจิตทีละ1ขณะ
:b53:
2เห็นเวทนาในเวทนา/เวทนาไม่ใช่กาย/เวทนาไม่ใช่จิต/เวทนาไม่ใช่เราแต่เป็นเรามีเวทนา
สุข-ทุกข์-เฉยเกิดเป็นเวทนาทางกายแล้วดับไปพร้อมจิต
โสมนัส-โทรมนัสเกิดทางใจเป็นเวทนาทางใจรู้สึกดีใจเสียใจก็ไม่ใช่กายไม่ใช่จิต
:b53:
3เห็นจิตในจิต
จิตแต่ละ1ทางไม่ใช่ตัวตน
เป็นจิตแต่ละ1ขณะแต่ละ1ทาง
เกิดแล้วดับทันทีไม่มีเราในจิตแต่ละขณะ
มีแต่ความคิดเห็นผิดและมีอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้งหลายว่าเป็นตัวเราของเรากายเรา
:b53:
4เห็นธรรมในธรรม
ทุกอย่างเป็นธัมมะเป็นสิ่งที่มีจริงๆมีแล้ว
มีลักษณะเฉพาะของตนของตนแต่ละ1ไม่ซ้ำ
ทุกอย่างมีเพราะคิดถ้าไม่คิดอะไอะไรก็หามีไม่
จากไม่มีจึงเกิดปรากฏว่ามีตั้งอยู่ชั่วคราวให้รู้ว่ามีนิดนึง
ก่อนดับหายไปทางมโนทวารวิถีไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยงแท้ที่จริงล้วนมีแต่ความยึดมั่นถือมั่นในตัวตน
:b16:
:b4: :b4:

:b12:
ไป ดู ลม เอง โดย ไม่ ฟัง จะรู้ความจริงไหม
ไม่คิดตามคำตถาคตจะรู้ไหมว่าขณิกมรณะ
ตายทุกขณะลมหายใจสั้นแสนสั้นนับดูสิว่า
ลมขาดตอนไปนับไม่ถ้วนถึงแสนล้านครั้ง
เอาตัวตนไปกำหนดดูลมหายใจเองโดย
ไม่ระลึกตรงตามคำสอนตอนฟังแปลว่า
ขาดสติเข้าไม่ถึงสัจจะที่มีตามคำสอน
บอกให้ฟังคำสอนก่อนตายไม่ใช่ให้เชื่อ
แต่ให้มีศรัทธาในการฟังคำสอนของพระพุทธเจ้า
:b55: :b55: :b55:
https://youtu.be/34vCK-WBYvE

การมีพระรัตนตรัยสูงสุดเป็นที่พึ่งเพื่อให้ระลึกถูกตามคำสอนได้นั้น
ทำได้ละเอียดที่สุดตอนกำลังฟังแล้วเข้าใจความจริงถูกตามได้ทีละคำ
คิดถูกตามได้ทีละคำตามการฟังเสียงตรงตามสภาวะที่ตัวเองกำลังมีไงคะ
การแยกออกไปหลับตาไม่รู้ตามคำสอนตรงวิถีจิตที่กำลังปรากฏคือทำคิดเองไม่ระลึกตามคำสอนคือขาดสติ
:b12:
:b16: :b16:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 21 พ.ค. 2019, 10:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 13:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:
ตรงนี้ก็ได้. ทำให้นิวรณ์5ดับก็ได้นะ. ทำได้ป่ะถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น. ขนาดสาวกระดับใกล้ชิดพระองค์ยังไปเลย. ศิษย์อาจารย์ป้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ ไม่ต้องทำตามพพระองค์. ขอนับถือคนับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 14:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าอยู่ต่อหน้าพระองค์. พระองค์สั่งแบบนั่นโคนไม้ นั้นเรื่อนว่าง ฯ อาจารย์ป้ากับคุณโรส. จะทำอย่างไรครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:
ตรงนี้ก็ได้. ทำให้นิวรณ์5ดับก็ได้นะ. ทำได้ป่ะถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น. ขนาดสาวกระดับใกล้ชิดพระองค์ยังไปเลย. ศิษย์อาจารย์ป้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ ไม่ต้องทำตามพพระองค์. ขอนับถือคนับ

ที่คิดพูดทำนั้นเป็นการทำกรรมใหม่
แต่สัจจะดับแล้วถึงแสนโกฏิดวงจิต
จะทำอะไรตัวจริงธัมมะดับไปแล้ว
ฟังเพื่อเพียรรู้ถูกตรงตามคำสอน
สิกขาตามคำสอนแปลว่าอะไร
สิกขาแปลว่าศึกษา
ตามแปลว่าตามทีละคำตรงปัจจุบันขณะ
คำสอนคือทั้งหมดในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
สติต้องกำลังระลึกความจริงตามปกติเพื่อเกิดปัญญารู้ตามตรงคำนั้นๆตามปกติที่กายมีตรงสัจจะที่ปรากฏ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2019, 02:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:
ตรงนี้ก็ได้. ทำให้นิวรณ์5ดับก็ได้นะ. ทำได้ป่ะถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น. ขนาดสาวกระดับใกล้ชิดพระองค์ยังไปเลย. ศิษย์อาจารย์ป้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ ไม่ต้องทำตามพพระองค์. ขอนับถือคนับ

ที่คิดพูดทำนั้นเป็นการทำกรรมใหม่
แต่สัจจะดับแล้วถึงแสนโกฏิดวงจิต
จะทำอะไรตัวจริงธัมมะดับไปแล้ว
ฟังเพื่อเพียรรู้ถูกตรงตามคำสอน
สิกขาตามคำสอนแปลว่าอะไร
สิกขาแปลว่าศึกษา
ตามแปลว่าตามทีละคำตรงปัจจุบันขณะ
คำสอนคือทั้งหมดในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
สติต้องกำลังระลึกความจริงตามปกติเพื่อเกิดปัญญารู้ตามตรงคำนั้นๆตามปกติที่กายมีตรงสัจจะที่ปรากฏ
:b12:
:b16: :b16:
สัจจะปรากฏแล้วไงล่ะครับในเมื่อกรรมใหม่เจตนาใหม่สำคัญกว่า. ผู้ที่เรียนรู้ก็ได้รู้แล้วดับสักกายทิฏฐิไปแล้วกิเลสตัวนี้ถูกดับไปแล้ว ความว่ามีตัวตนจะเกิดมได้ได้อย่างไร พระองค์กล่าวว่า นี้. นั้นโคนไม้นั้นเรือนว่าง ฯ คนไปปฏิบัติตามคำสอนมีอะไรผิดครับ
สมมุติคุณได้ยินคำนี้ต่อพระหน้าพระองค์คุณจะทำอย่างไร. ตอบด้วย

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2019, 04:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:
ตรงนี้ก็ได้. ทำให้นิวรณ์5ดับก็ได้นะ. ทำได้ป่ะถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น. ขนาดสาวกระดับใกล้ชิดพระองค์ยังไปเลย. ศิษย์อาจารย์ป้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ ไม่ต้องทำตามพพระองค์. ขอนับถือคนับ

ที่คิดพูดทำนั้นเป็นการทำกรรมใหม่
แต่สัจจะดับแล้วถึงแสนโกฏิดวงจิต
จะทำอะไรตัวจริงธัมมะดับไปแล้ว
ฟังเพื่อเพียรรู้ถูกตรงตามคำสอน
สิกขาตามคำสอนแปลว่าอะไร
สิกขาแปลว่าศึกษา
ตามแปลว่าตามทีละคำตรงปัจจุบันขณะ
คำสอนคือทั้งหมดในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
สติต้องกำลังระลึกความจริงตามปกติเพื่อเกิดปัญญารู้ตามตรงคำนั้นๆตามปกติที่กายมีตรงสัจจะที่ปรากฏ
:b12:
:b16: :b16:
สัจจะปรากฏแล้วไงล่ะครับในเมื่อกรรมใหม่เจตนาใหม่สำคัญกว่า. ผู้ที่เรียนรู้ก็ได้รู้แล้วดับสักกายทิฏฐิไปแล้วกิเลสตัวนี้ถูกดับไปแล้ว ความว่ามีตัวตนจะเกิดมได้ได้อย่างไร พระองค์กล่าวว่า นี้. นั้นโคนไม้นั้นเรือนว่าง ฯ คนไปปฏิบัติตามคำสอนมีอะไรผิดครับ
สมมุติคุณได้ยินคำนี้ต่อพระหน้าพระองค์คุณจะทำอย่างไร. ตอบด้วย

คำสอนรู้ความจริงตามได้ตรงปัจจุบันขณะทรงสอนให้รู้จักกิเลสไม่ได้สอนว่าดีแต่ชั่วเพราะไม่รู้ค่ะ
ทุกอย่างคือกิจหน้าที่ของปัญญาไม่ใช่เรามีตัวตนไปคิดพูดทำแยกออกไปจากปกติ
ปัญญาเกิดตอนเป็นผู้มีปกติเจริญอบรมปัญญาจากการฟังพระธรรมไหมคะ
ตามลำดับปัญญาไม่มีการข้ามขั้นต้องเริ่มที่1และถ้าไม่ล้นจาก1ก็ไม่มี2/3
อย่างจะทำฌานก็เกิดตามลำดับการทำเริ่มคนละแบบกับปัญญาคือปัญญาตื่นรู้บ่แม่นหลับทั้งที่ตาไม่บอด
https://youtu.be/imbEdENVZjE
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2019, 09:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
เรื่องความรู้เกิดดับ. รูปนามเกิดดับ. วินาทีหนึ่ง ทางตำราก็บอกไว้เป็นล้านๆครัง. มีใครเห็นจริงบ้าง. ก็ไม่มีใครเห็น.ขณิกะมรณะที่คนตายเป็นล้านๆครั้งลมหายใจที่มันดับไปด้วยลักษณ์ธาตุใหม่ตลอด เป็นล้านๆมีใครเหม็นจริงบ้าง. มันก็เข้าใจได้ด้วยการบอกเล่าพิจารณา. ความรู้เหล่านี้ ได้ฟังกันมานานมากแล้ว. ไม่สามารถดับกิเลสได้เลย. แค่ประเทืองปัญญาพระองค์ให้ฟังได้พอแก่การเข้าใจ. ที่จริงวิทยาศาสตร์สมัยนี้สามารถมีเครื่องเมือพิสูจน์ได้แล้วสามารถเห็นการเกิดดับของร่างกายคนนี้นเกิดตายๆๆๆเป็นล้านครั้งในวินาที. เซลเก่าตายเซลใหม่เกิดขึ้นอย่างนี้ตลอดไปจวบจนตายจริงๆ. แต่นักวิทยาศาสตร์ไม่เข้าใจเรื่องจิตที่ไปรับรู้เรื่องนี้ก็ดับไปตามสิ่งที่มันรู้นี้นแหล่ะ. เพราะองค์แสดงอานาปานสติให้ไปปฏิบัติกันเพราะมันมีธรรมมะที่ละเอียดลึกซึ่งเห็นการดับของจิตและกายเป้นล้านครั้วได้จริงที่ต้องอาศัยสมาธิระดับสูงเพื่อดับกิเลส. สร้างองค์โพชฌงค์ให้บริบูรณ์ เพื่อทำหน้าที่ให้วิชา วิมุตติให้บริบูรณ์. คนทีขาดการศึกษาที่รอบครอบก็จะยึดความรู้เพียงเท่านั้น. มันจึงได้แต่ความรู้ชั้นผิว. ดับตัณหาอะไรไม่ได้เลย. คุยธรรมมะมาเป็น50ปีก็เก็นะอะไรก็กินไปตามความอยาก. อารมณ์ใคร่มาก็เสพไปแบบอนัตตา คิดว่าอนัตตามันก็แค่นั้น
https://youtu.be/5xvC-rApkNw

:b32:
ศึกษาคำสอนตรงความจริงที่กำลังมี
คิดได้นะว่าไม่มีใครรู้ความจริง555
แล้วคิดไหมว่าไปทำกิเลสใหม่เพิ่ม
อยากเร่งไปไหนเหรอยิ่งเร่งยิ่งไม่รู้
เพราะขาดการสะสมปัญญาตามลำดับ
พึ่งคิดตามคำสอนตามลำดับความคิดตัวเอง
ตอนกำลังฟังตรงปัจุบันจนเข้าใจว่าควรฟังหรือควรไปทำอย่างอื่นล่ะ
:b12:
:b12: :b12:
อยากเร่งไม่มี. มีแต่ความเพียรที่มีกำลัง. โดยใช้อธิฐานความเพียร. เป็นกุศลจิตครับ. เพราะเห็นโทษในการหน่อนยาย

:b12:
สติเจตสิก+ปัญญาเจตสิก
ลืมตาระลึกตาม+เข้าใจถูกตามตอนฟัง
กำลังรู้+เข้าใจความจริงถูกตามอยู่ไม่ได้คิดเอง
การรู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีเกิดตอนมีวิถีจิตครบ6ทางปรากฏ
ไปกำหนดจดจ้องด้วยตัวตนคิดเองไม่พึ่งคิดตามคำสอนนั่นน่ะทำสิ่งที่ไม่มีให้มีกิเลสละเอียดแก้ยากขึ้นไปอีก
สิ่งที่มีแล้วที่กำลังเกิดดับเนี่ยตัวเองต้องเพียรรู้ความจริงตรงที่กายใจมีตามกำลังสติปัญญาตนเองสามารถ
:b12:
:b12: :b12:
นั้นโคนไม้. นั้นเรือนว่างฯ

ก็ตอนนี้เลยเราเห็นเป็นกิเลสทั้งแสนโกฏิขณะแล้ว
ระลึกตามคำสอนอยู่หรือเปล่าล่ะถ้าไม่ก็คือขาดสติแล้ว
สติไม่เกิดตอนไม่ระลึกตรงสัจจะที่กายใจตนเองกำลังมีนะคะ
จะไปไหนจะไปทำอะไรนั่นเพราะไม่รู้และอยากจะไปทำให้รู้ไงคะ
แต่ความจริงก็คือกิเลสมีแล้วและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนไม่เพียรฟังคำสอนให้เข้าใจ
แต่เพียรไปคิดเองทำเองโดยขาดการฟังและไม่ไตร่ตรองตามคำสอนให้ตรงกับสิ่งที่กำลังมีอยู่เนี่ย
ถามว่าไม่เข้าใจเลยหรือคะว่าแค่คิดตรงคำว่าดี1คำกิเลสไหลนับแสนโกฏิขณะไม่คิดตรงที่กายมี=มีอวิชชา
:b12:
:b4: :b4:
ตรงนี้ก็ได้. ทำให้นิวรณ์5ดับก็ได้นะ. ทำได้ป่ะถ้าทำได้ก็ไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น. ขนาดสาวกระดับใกล้ชิดพระองค์ยังไปเลย. ศิษย์อาจารย์ป้าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าเยอะ ไม่ต้องทำตามพพระองค์. ขอนับถือคนับ

ที่คิดพูดทำนั้นเป็นการทำกรรมใหม่
แต่สัจจะดับแล้วถึงแสนโกฏิดวงจิต
จะทำอะไรตัวจริงธัมมะดับไปแล้ว
ฟังเพื่อเพียรรู้ถูกตรงตามคำสอน
สิกขาตามคำสอนแปลว่าอะไร
สิกขาแปลว่าศึกษา
ตามแปลว่าตามทีละคำตรงปัจจุบันขณะ
คำสอนคือทั้งหมดในพระไตรปิฎกมีตรงแล้วเดี๋ยวนี้
สติต้องกำลังระลึกความจริงตามปกติเพื่อเกิดปัญญารู้ตามตรงคำนั้นๆตามปกติที่กายมีตรงสัจจะที่ปรากฏ
:b12:
:b16: :b16:
สัจจะปรากฏแล้วไงล่ะครับในเมื่อกรรมใหม่เจตนาใหม่สำคัญกว่า. ผู้ที่เรียนรู้ก็ได้รู้แล้วดับสักกายทิฏฐิไปแล้วกิเลสตัวนี้ถูกดับไปแล้ว ความว่ามีตัวตนจะเกิดมได้ได้อย่างไร พระองค์กล่าวว่า นี้. นั้นโคนไม้นั้นเรือนว่าง ฯ คนไปปฏิบัติตามคำสอนมีอะไรผิดครับ
สมมุติคุณได้ยินคำนี้ต่อพระหน้าพระองค์คุณจะทำอย่างไร. ตอบด้วย

คำสอนรู้ความจริงตามได้ตรงปัจจุบันขณะทรงสอนให้รู้จักกิเลสไม่ได้สอนว่าดีแต่ชั่วเพราะไม่รู้ค่ะ
ทุกอย่างคือกิจหน้าที่ของปัญญาไม่ใช่เรามีตัวตนไปคิดพูดทำแยกออกไปจากปกติ
ปัญญาเกิดตอนเป็นผู้มีปกติเจริญอบรมปัญญาจากการฟังพระธรรมไหมคะ
ตามลำดับปัญญาไม่มีการข้ามขั้นต้องเริ่มที่1และถ้าไม่ล้นจาก1ก็ไม่มี2/3
อย่างจะทำฌานก็เกิดตามลำดับการทำเริ่มคนละแบบกับปัญญาคือปัญญาตื่นรู้บ่แม่นหลับทั้งที่ตาไม่บอด
https://youtu.be/imbEdENVZjE
:b12:
:b12: :b12:
เอาเรื่องง่ายๆให้ตรงก่อนนนะ. การพนันผิดศิล ข้อ5. ผู้ใดสอนท่านมา. อย่ารับรองหรือคัดค้านตรวจหรือยัง

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2019, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุดิ น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2019, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
ความรู้จากการฟังที่เห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา.เปรียบเหมือนเรากรีดหรือวาดรูปลงไปในน้ำ. ไม่นานน้ำนั้นก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
กิเลสจึงแค่กระพรื้มนิดหน่อยไม่นานนักกิเลสก็ยังเหมือนเดิม
แต่ถ้าเราเห็นอนิจจัง. ทุกขัง อนัตตา ด้วยการภาวนารับรู้ความจริงในระดับเวทนาที่เกิดขึ้นจริงในร่างกายเราทุกขณะอยู่นี้ที่เป็นแรงสั่นสะเทือนของการเกิดดับของ ธาตุ ดิน น้ำ ไฟ ลม ทุกขณะ. เราได้กรีดหรือสลักรูปลึกลงไปในเนื้อหิน รอยนั้นก็ยังจารึกอยู่มิคลายอีกนาน. กิเลสนั้นถูกกำจัดได้ในจารึกความรู้นี้


ความคิดอย่างนี้ทำอย่างนั้นแหละ ทำให้ผู้ปฏิบัติเพี้ยนได้ คิกๆๆ (นี่ยังไม่ถึงกับเพี้ยนนะ แต่ว่าเป็นทุกข์เพราะทุกขเวทนา)

ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่านอาจารย์โกเอ็นก้า คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร