วันเวลาปัจจุบัน 17 ก.ค. 2025, 01:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 27  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มี.ค. 2015, 20:01 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




5532808.png
5532808.png [ 77.4 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
อยากจะบอกนะคะ ว่าเพราะปัญญาน้อยด้วย..และศึกษามาน้อยด้วย
การฟังธรรม ก็จะเป็นเกี่ยวกับเรื่องปาบ บุญ คุณ โทษ
ฟังเทศจากหลวงปู่..ที่รู้สึกกระทบใจและเข้าใจง่าย จะหลวงปู่ดุลย์..หลวงปู่เปลี่ยน..หลวงตามหาบัว :b8: ประมาณนี้
ขั้นสมาธิก็ พอรู้จักกรรมฐานต่างๆ ฌาน1-4 ก็คือทำเพื่อความสงบ..จะให้เหลือตัวรู้ ว่างๆ เฉยๆแบบนั้น
และบางที..พิจารณา ก็มักจะใช้กฏไตรลักษณ์มาไตร่ตรอง
ไม่เคยได้ยินเลย..ที่ว่าตัวรู้จะต้องหายไป ดับไป
แม้จะทบทวน...ตามพระอ.บอก ก็เหมือนจะเห็นจริงตามนั้น และตามที่เริ่มเปิดเวบ..นั้นนี้หาอ่านศึกษาก็ประมาณนั้น
แต่...ก็คิดว่าไม่ใช่แน่ นั่นต้องระดับสูง..ไอ้เราทำนิดๆหน่อยๆ ได้ไปรู้ไปเห็นคงไม่ใช่..ไม่เชื่อ :b2:
หรือจะหลงทางไปทางไหนมากกว่า
โง่ค่ะ..แทนที่จะพิจารณาธรรม..กลับไปตื่นเต้นกับเรื่องที่เพิ่มอัตตาตัวตน...
มัวแต่ออกไปหาความรู้ภายนอกเพิ่มพูนกิเลส :b7:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2015, 00:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




4s9y2mpn.png
4s9y2mpn.png [ 192.53 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
b55: :b55: แต่แม้จะหลงทาง..ก็มีข้อดีที่ไม่หลงตัว :b27: :b27:
เพราะค้นไปค้นมา..ไปเจอ..คุณสมบัติ..พระโสดาบัน :b14:
แหม...ไอ้ที่ผุดรู้ๆๆๆขึ้นมา มันใช่ทั้งน๊าน แต่อันนี้ไม่หลงค่ะ เพราะประมาณว่า..ไม่เคยรู้..เลยหลอกกันไม่ได้
แต่ก็ยอมรับค่ะ..เกือบหลง s002 เมื่อมารู้
:b20: มันก็น่ายินดีนะ..เอ้!!! ฉันมีคุณสมบัติเหรอ เพราะมันผุดรู้อะค่ะ..มันกังวานในใจขึ้นมาเองจริงนะๆ :b14:
แต่เมื่อคิดแบบนี้ :b9: :b9: มันเสื่อมทันทีค่ะ มันไม่ใช่..ฉันเป็นโสดาบันแล้วนะ :b34: :b34:
:b1: แค่กิเลสค่ะ..อันนี้รู้ทัน จิตใจวุ่นวายสับสน ไม่ยอมรับในธรรมที่ปรากฏนี่หละ มันปราบกิเลสตัวนี้ชัดเจน
ตามความเห็นส่วนตัว จึงมีข้อแนะนำ..คนที่ยังไม่ถึง..แล้วเจออารมณ์สมมุติดังนี้
s002 ไอเดียไปเข้าปฏิบัติธรรมแค่5วัน ด้วยใจวุ่นๆ และก่อนหน้านั้นห่างการทำสมาธิมานาน
ย้ำ..สิ่งที่ผุดรู้..มันไม่ได้มีความคิดไตร่ตรองนำหรอกนะ...อยู่ๆมันผุดรู้..เหมือนดังขึ้นมาในใจ
มันรู้ว่ามันเป็นแบบนี้ๆๆๆแล้วนะ อันนี้มี อันนี้ไม่มีแล้วนะ..แล้วก็เป็นจริงๆ :b9: :b9:
เคยได้ผลจากการทำสมาธิต่อเนื่อง..........มันจึงพอจะแยกออก..ตรงนี้แหละทำให้หลงยินดี :b5:
:b5: กำลังสมาธิ..ที่เคยได้..มันมีความสงบ..นิ่งๆอยู่อย่างนั้น..สุขสงบ..แต่เหมือนมีอะไร..
ทำให้เกิดขึ้น..ตั้งอยู่อย่างนั้น..ตามกำลัง..และอ่อนลงตามกำลัง :b12: :b14:
:b5: แต่ครั้งนี้..เหมือนฉันเป็นฉันเอง..ตามปกติ :b5: :b5: :b5: .................พยายามอธิบาย..งงๆเหมือนกันค่ะ :b9:
มันยังเห็นทุกอารมณ์เกิด..แต่เห็นเป็นเพียงแค่สิ่งสมมุติ..เห็น แต่ไม่เอา :b9: :b9:
(ถ้ากำลังสมาธิ..ไม่เห็น..ไม่เอา..นิ่งๆ..สงบสุข)
แต่นี่รับรู้เป็นปกติทุกอย่าง..แต่ไม่เหมือนเดิมตรงที่ว่า มันเห็นก็สักแต่ว่าเห็น แค่รับรู้ เหมือนนั่งมองอยู่ :b5:
อันที่ไม่มีก็ไม่มี..หมดไปแล้วก็หมด..พยายามสมมุติขึ้นมายังไงก็ไม่ได้
(ถ้ากำลังสมาธิ..คนอื่นเป็นยังไงไม่รู้นะ..แต่ไอเดีย..นิ่งๆสงบๆ เรื่อยๆคงที่..ไม่มาค้นหาตรวจสอบอะไรแบบนี้
มีสติ..ตื่นอยู่ทุกเวลา..เช่นพุท-โธ ตลอดทั้งวัน เบาหน่อยก็รู้แค่ที่ลม หรือปิติ มันวนอยู่คล้ายคนทำสมาธิอยู่ทั้งวัน
ไม่มีตก..จะพบ..จะเจอ..หรือทำอะไร ก็เป็นอยู่ รู้ตัวอยู่ตลอด
แต่ก็นั่นหละ..มัวตรวจสอบ..หลงยินดีกะมันด้วย..ถ้าไปต่อ ก็คงได้รู้แจ้งเห็นจริง :b32: )
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2015, 12:55 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




mod_article42660905_4f5109414b9b0.png
mod_article42660905_4f5109414b9b0.png [ 170.86 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
อารมณ์ อะไรที่มันไม่เคยเจอ..มันก็ชวนให้หลงยินดีนะคะ..ยิ่งเป็นสิ่งที่เหมือนจะไปทางที่ดี
ทำสมาธิ..หวังแค่ได้ความสงบ..ถ้าคิดหวังพอใจแค่นี้ก็จบ จบทางไปนิพพานค่ะ หวังได้อะไร..จะไปเอาในนิพพาน
เป็นไปไม่ได้หรอก..(พูดถึงความหมาย..ส่วนตัวเองนะ..อันนี้ว่า..ตัวเองนะคะ :b9: )
ปล.แต่สมาธิ..เป็นทางผ่านให้ถึงนิพพานนี่แน่นอน
สิ่งที่ได้จากสมาธิ..คือสติ..เพียงแต่มีสติ..สิ่งดีๆก็จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน..แต่ดีแบบไหน?
ยังมีความไม่เที่ยง..แค่สมาธิ..ยังไปไม่ถึงที่สุด
มรรคมีองค์8..ไอเดียไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่เมื่อเริ่มจะเดินทาง..
ความเห็นผิดตั้งแต่แรก..ก็ทำให้เป้าหมายคลาดเคลื่อน..
เหมือนอยากจะขึ้นไปบินเหนือเมฆ แต่ใช้เครื่องร่อนขับเคลื่อนขึ้นไป..
พอไปบินอยู่กลางอากาศ..ถึงรู้ว่า..ไปสูงกว่านี้ไม่ได้
ก็..ต้องกลับมาแก้...
s005 แหะๆไถล ไปซะยาวเลย ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่..แต่นี่..คือความคิดเห็นในปัจจุบัน
ถ้ายังมีเห็นผิดตรงไหน ขอกัลยาณมิตร..ชี้แนะด้วยค่ะ :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 20:45 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




009.gif
009.gif [ 52.27 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
ระยะเวลาแค่5วัน....กับการก้าวออกมาแล้วรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่....ถ้าจะให้เล่ารายละเอียด
มีหลายรายการค่ะ....แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไรดีๆทั้งหลาย....ช่วงนั้นก็จะแค่....สักแต่ว่ารู้
แต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เป็นกังวลอยู่3วัน....ไปค้นหาก็ไม่เจอ....จึงย้อนกลับมาพิจารณา....สรุปใจความเอง
ซึ่งความหมายก็ไม่พ้นไปจากสภาวะที่คล้ายนิพพาน....ถามว่ามั่นใจมั้ย....ก็มั่นใจนะ
เพราะสรุปเองก็ไปตรงกับคำบัญญัติจากหลายๆที่....จนเหมือนกับจะคัดลอกมาเลย
และพระอ. :b8: ....ท่านก็เมตตาบอกไว้แล้วคืนนั้น....
ว่าดับรูป-เวทนา-สัญญา-สังขาร-วิญญาน....แล้วจะเหลืออะไร??....ก็คือพระนิพพาน
แต่ที่พยายามขัดแย้ง....ไม่ยอมรับ....ก็เพราะมันรู้ขึ้นมาหน่ะสิ....ว่าไม่เอา
มันบอกไม่ถูกสุดๆ....ถ้าคิดว่านี่คือนิพพาน....แล้วทำไมไม่เอา....ไม่อยากไป
มันสับสน....สำหรับคนที่อธิษฐาน....ปรารถนาพระนิพพานมาตลอด
3วันที่คิดค้น....และเห็นทุกข์ก่อตัวขึ้นมาเรื่อยๆ....ก็เลยหยุดและปล่อยวาง
ด้วยความเห็นที่ว่า....ทุกอย่างเกิดขึ้นตามธรรมชาติ....เหนือการบังคับตั้งใจทำให้เกิด
เรามีหน้าที่ตามรู้....ธรรมนั้นแสดงให้ดู....จนหมดสิ้นเหตุ....ถึงจุดหนึ่งก็หมด....ไม่มีอะไร....ไม่ใช่ของเรา
ดับก็ไม่เชิง....เกิดก็ไม่ใช่....คืออยู่อย่างนั้น....แต่ตรงไหน....ที่ใดไม่ปรากฏ
:b55: จึงปล่อยวาง....คิดว่าไม่ต้องไปสนใจกับสิ่งที่เกิด..ผล..ตอนนี้คือความยึดมั่นถือมั่นมันคลาย..แค่คลายไปบ้าง
แต่ชัดเจน....จึงไม่สำคัญที่เกิดขึ้นจะเป็นอะไร....แต่ก็ทำให้เชื่อ....ถึงที่สุดแล้ว....คำว่าเราไม่มี
จะไปยึดมั่นเอาอะไรอีก....คิดแบบนี้ก็ปล่อยวาง
ก็อีกแหละ....วุ่นวายใจขนาดนี้....ถึงเวลาก็ปล่อย ปล่อยไปได้ง่ายเลย....ผิดปกติ :b14:
แต่ก็ยังมีนะ ยังเห็นอยู่ ถ้ามีเชื้อก็พร้อมจะติดทุกเมื่อ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




unnamed (5).gif
unnamed (5).gif [ 16.86 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
อีกเรื่องสำคัญ....ความกลัว....ปกติฟ้าไม่สว่าง....นอนคนเดียวไม่ได้
อันนี้ไม่เห็น....แต่เหมือนไม่มี...มันแปลกมากๆ....เพราะความกลัวเหมือนเป็นชีวิตจิตใจ..แทบจะแยกกันไม่ออก
ผ่านมาก็หลายวัน....ไม่ได้เกิดความกลัวขึ้นมาหรอกนะ....แต่สงสัย....เลยลองตามดู
เพราะทุกเช้าสามีกะลูกจะออกไปรร. ฟ้ายังไม่สว่าง....ก็กลับมานอนต่อทุกวันและไม่ได้คิดกลัวอะไรขึ้นมาเลย
วันหนึ่งก็บอกตัวเอง....ต้องกลัวสิ....กลัวๆๆๆ....นึกๆๆๆ จนรู้สึกออกแรงเบ่งตัวพองไปด้วย(จริงๆ..นึกแล้วยังขำ :b32: )
แต่มันไม่มี....มันพูดได้....แต่จำไม่ได้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง :b27:
ฟังๆดูอาจจะมากไป...แต่อย่างที่บอก....ความกลัวเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
แบบว่าแค่นอนตะแคงหลัง....ก็กลัว ผวาด้านหลังแล้ว....ไม่ต้องไปปรุงแต่งอะไรมาก
เหมือนคนหิวข้าว...แต่ไม่ได้คิดว่าจะกินอะไร....แต่ความรู้สึกก็มีอยู่อย่างนั้น....ทุกทีที่อยู่คนเดียว
:b55: หรือบางที....นั่งดูทีวีอยู่....ตาดูอยู่นะ....เห็นอยู่นะ....แต่ทุกอย่างที่เหลือมันหายไป
ไม่ได้ยินเสียง....รู้ตัวอีกที....เมื่อลมหายใจกลับมา
อารมณ์มันเบาๆ มันมองอะไร เข้าใจง่ายไปหมด ส่วนมาก....รู้ก็สักแต่ว่ารู้....เห็นก็สักแต่ว่าเห็น
มันไม่ใช่เฉยๆอย่างที่เคยเป็นนะ...แต่มันมีกระบวนการคิด...จิตมันคิดเอง :b14: อธิบายยาก
และเวลาผ่านไปเป็นเดือนก็เถอะ....ก็เป็นอยู่อย่างนี้....ก็เริ่มมีแอบคิด....นี่ขนาดไม่ได้ทำสมาธินะ
ทำไมทุกอย่างยังคงอยู่....และดีกว่า....แค่กำลังสมาธิที่เคยเป็น....นิ่งๆสงบสุข ขาดการรู้เห็นความจริง :b9:
มันก็ไม่เชิงนะ....แต่ต่างกันแน่ๆ อธิบายยาก :b9: เดี๋ยวมาถามว่าเห็นความจริงอะไร
มันน่าจะเป็นเรื่องของมุมมองมากกว่านะ....มันรู้สึกถึงความใส....มันมองอะไรชัดกว่าก็แค่นั้น
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2015, 22:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




67de3acb-2b04-4d55-8268-822b8db8e4eb.png
67de3acb-2b04-4d55-8268-822b8db8e4eb.png [ 290.7 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
ก็เมื่อมีคิดบ่อยๆเข้าก็เริ่มยินดี
จนมีแวบคิด....นี่ฉันเป็นโสดาบันแล้วเหรอ :b14: :b9: :b9:
:b51: จากที่แค่หยุดกับคำว่า....สักแต่ว่ารู้....สักแต่ว่าเห็น....ไม่ได้เริ่มเข้าไปปรุงแต่ง
เมื่อคิดแบบนี้....ความรู้สึกแตกต่างกันทันที....มันจะคอยสังเกตุ....ระวังรักษาคุณสมบัติ
ความอยากเป็น....มันแทรกซึมเข้ามาทันที....เบาๆอยู่ ก็หนักขึ้นมาเลย :b14:
:b51: ตามความเห็นตัวเองนะ ปุถุชน อาจจะเรียกท่านได้....ว่าโสดาบัน
เพราะเป็นสมมุติ....คุณสมบัติของผู้หลุดพ้นในระดับหนึ่ง
แต่โสดาบันท่านน่าจะรู้ในคุณสมบัติของตนเอง....มากกว่าไปยึดในคำสมมุติว่าโสดาบัน
เพราะฉะนั้นท่านน่าไม่มาพูดแบบคิดว่า....ท่านเป็นโสดาบัน
หรือถ้าจะพูดเพราะมีเจตจำนงค์ใด....ก็ไม่ใช่เพราะตัวเอง....แต่เพราะคนที่รับฟัง....เขายังอยู่ในขั้นสมมุติ

:b12: เดานะ...เดาบ้างอีกคน :b9: :b9:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 06:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




laksana.gif
laksana.gif [ 49.92 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
ถึงแม้จะไม่ค่อยหลงตัวเองสักเท่าไหร่ :b9: .....แต่ก็ยังไม่พ้น....ยังหลงทางอยู่ค่ะ :b5: :b5:
เพราะมัวหลงเมามายกับคุณวิเศษที่ได้....จนห่างการปฏิบัติยาวเลย....อยู่กะความพอใจ....ผ่านไปวันๆ
เผื่อจะรู้ตัว....แม้ยังไม่หมดซะทีเดียว....แต่ก็มีจางไป
มาได้เห็นพระสูตรนี้ :b8:
อ้างคำพูด:
Quote Tipitaka:

[๓๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้
อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ ปี
ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ...
๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลใน
ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้
หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้
ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ... ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง
เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน
๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น
พระอนาคามี ๑ ฯ
ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่า
สัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ
บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว
แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฉะนี้แล ฯ



ก็พอเข้าใจในระดับหนึ่ง....ไม่ใช่คิดอะไรมากไปนะ....แค่เข้าใจว่า....เมื่อปฏิบัติจริง ก็ย่อมเห็นผลจริงได้
และไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะคิดไง....ถ้าใช่มันง่ายเกินไป :b9:
ก็นึกนะตอนนั้น....ว่าน่าจะไปต่อได้....คือกลับไปทำสมาธิได้
แต่พอเริ่มกลับไปนั่งสมาธิ....กลับไปฟุ้งซ่าน....วุ่นวาย....ไม่รู้จะเริ่มอะไร....แบบไหน
เอากรรมฐานไหนดี....จับนู่น นี่ นั่น ไปหมด
ที่สำคัญ....ไม่ยอมทำนะ....สติปัฏฐาน4 :b23:
ก็เลยเริ่มเห็นความอยากตัวเองชัดเจน....และเริ่มถามตัวเอง....เป้าหมายของการปฏิบัติ
ต้องการอะไร....จะเอาอะไร
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 07:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




ไมยราพ copy (1).png
ไมยราพ copy (1).png [ 311.03 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
มันเห็นมากเลยนะ s005 อยากนั่น นู้น นี่ไปหมด..ไม่เคยคิด ว่าจะคิด และเลี่ยงมาตลอด..ว่าไม่ใช่..ไม่อยากได้
ส่วนหนึ่งที่สำคัญ....ก็จากที่ได้ย้อนอดีตในลานธรรม....ได้เห็นตัวเอง....เห็นแล้วเห็นอีก
จนไปต่อไม่ได้เลย....ต้องหยุดทบทวนจริงจัง :b8:
:b55: :b55: ยกต.ย ที่มันรู้ขึ้นมาแล้วรู้สึกอายตัวเองนะ....
ไม่ยอมทำสติปัฏฐาน4....เพราะคิดว่าจะไม่ได้ฤทธิ์....ทั้งที่เคยค่อนข้างมั่นใจ....ว่าฉันไม่สน
มันหรอกตัวเองมาตลอด....ว่าทำเพราะ....อยาก....ไปนิพพานอย่างเดียว
โดยที่ผ่านมา....ไม่เคยศึกษาเส้นทางหรือเข้าใจความหมายเลย....มีความคิดผิด....เห็นผิดมาตลอด
แม้แต่ตอนที่ถามคำถามนี้ :b9: :b9: :b15:
อ้างคำพูด:
อยากจะขอผู้ศึกษาธรรมรวมทั้งเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านช่วยให้ความเห็นหน่อยค่ะ
หากว่ามรรคมีองค์8 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเข้าร่วมปฏิบัติธรรมของไอเดียครั้งนี้ มีครบใหมคะ
อยู่ๆก็คิดได้  จบเลยทีเดียวรึเปล่า

ยังไม่มีความเข้าใจเลย ว่าถ้ามรรค8ทำงาน....คือบรรลุธรรม :b3: :b3: :b14: :b9: :b9:
:b51: เคยทำสมาธิ(ที่เล่าค้างไว้) รอบนี้เริ่มจากหนังสือ....จิตตภาวนาเล่มเล็กๆของหลวงปู่ ท่านก็สอนสั้นๆ :b8:
ประมานว่ากำหนดลม....จนเริ่มละเอียด ก็พยายามที่จะแค่รู้ เห็นสว่างก็แค่รู้, เห็นคนเห็นอะไร,ปิติ,สงบ
ก็แค่ตามรู้ และดูถึงความไม่เที่ยง เดี๋ยวอันนั้น เดี๋ยวอันนี้ ไอเดียก็ทำตาม....
ถ้าตั้งมั่นหน่อยก็ยกเอากฏไตรลักษณ์มาไตร่ตรอง....ก็เห็นว่าจริงตามนั้น
ก็เพิ่งเข้าใจไม่กี่วันมานี้.....ก็ที่เล่าค้างไว้แหละ....ว่านั่นก็คือวิปัสสนาไปในตัว
ถึงว่าเจอ.....วิปัสนูกิเลสเต็มๆ ( :b27: เกือบแสดงให้เห็น สิ่งที่คิดว่าใช่....ในประสบการณ์นั้น :b15: :b9: )
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 18:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




tumblr_static_tumblr_n270tcetgv1rdijxoo1_250.gif
tumblr_static_tumblr_n270tcetgv1rdijxoo1_250.gif [ 847.28 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
ที่นึกถึงกฏไตรลักษณ์ได้ ก็คงจะเพราะสั้นๆ จำง่าย เข้าใจง่าย
ปกติเป็นคนไม่ชอบศึกษาหาอ่าน.....เพราะจะไม่จำเอาซะเลย
แต่พอได้ยิน ได้ฟังธรรม ก็จับหัวข้อมาเป็นประเด็นไตร่ตรองต่อเอง....ก็
เช่น ไตรลักษณ์ หรือประโยคแสดงธรรมสั้นๆ ที่แสดงแก่พระอริยะเจ้าตอนที่ท่านได้บรรลุธรรม หรือพุทธสุภาษิต
ก็ได้ยินมาก็เพียงเล็กน้อย....ซ้ำเอามาคิดไตร่ตรองเองอีก....ก็อาจจะไปกันใหญ่ :b9: :b9:
อริยสัจ4 นี่ติดใจนะ....จำได้ว่าเอามาคิดๆ....คือที่คิดไตร่ตรองนี่ คือเวลาปกตินะ....ไม่ใช่ตอนทำสมาธิอีก :b9:
แต่จำได้ เพราะมาท่องอยู่บ่อย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นำมาคิดบ่อยๆเลย..ติดใจ
ทุกข์....ก็นี่ทุกข์ สมุทัย....ก็นี่เหตุแห่งทุกข์(ทบทวนที่การกระทำตัวเองนะ) มานิโรธ มรรค ทางดับทุกข์ หนทางดับทุกข์
ท้ายนี่คิดนะ....คิดแล้วคิดอีก....แต่ต่อได้แค่ ทำสมาธินี่แหละ :b9: :b9: ทำไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็รู้เอง :b14:
อาจจะดูเป็นคนที่แย่ :b5: :b9: ....แต่ไอเดียก็มี
ศรัทธานะ ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์....มีใจคิดถึง มั่นใจจะทำพระนิพพานให้แจ้งในชาตินี้ :b8:
แต่นี่ยังไม่พอ เพิ่งเข้าใจ ว่ามรรค คือทางสายเดียวในพระพุทธศาสนา ที่จะทำให้ไปพบพระนิพพาน
ต่อไปนี้....ไอเดียจะต้องทำความเข้าใจตามคำสอนของพระพุทธองค์ให้แจ่มแจ้ง....ในส่วนที่คิดว่าควรจะทำ
เพราะ :b9: รู้มากก็ช้า....รู้น้อยก็ติด :b14: (เตือนตัวเองค่ะ)
:b26: และไม่ควรนำมาคิดต่อเติมเอง ไปเรื่อย
จนพอกพูนความอยากโดยไม่รู้ตัว
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 18:42 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




unnamed (6).gif
unnamed (6).gif [ 29.55 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
s002 ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน เพิ่งมีคนเตือนว่า....เรามาปฏิบัติเพื่อละ
ถ้ามาว่าแต่ก่อน....ก็คงคิดว่า....ฉันก็ปฏิบัติเพื่อละ
ทำสมาธิ....แล้วก็เห็นว่าละ....เห็นว่าตัวเองเป็นคนดี....ทำดี..ได้โดยอัตโนมัติ
รัก..โลภ..โกรธ..หลง ก็ละไปซะจนเกือบหมด....ในทุกครั้งที่ลงมือปฏิบัติ....
อันนี้ก็เพิ่งรู้....แม้มาถูกทางจริง....แต่ถ้ายึดความดีแม้เพียงน้อย ก็ไม่ถึงพระนิพพานได้ คือ...เหมือนสุดทางใดก็ตาม ที่ถูก ที่เดินมา พอถึงประตู ก็ต้องมีวิธีเปิด ซึ่งเหมือนจะเป็นเราเปิด แต่ก็ไม่เชิง เพราะถ้ามีเราก็เข้าไปไม่ได้
(อันนี้ต้องบอกก่อนนะ....การสร้างเสริมความดี ก็ดีอยู่ แล้วแต่จุดประสงค์ของแต่ละคน
แต่ไอเดียจะเอานิพพาน....ไอเดียก็ต้องพยายามทำความเข้าใจตรงนี้)
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 19:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




img2.png
img2.png [ 106.02 KiB | เปิดดู 2639 ครั้ง ]
แต่เมื่อมีคนมาว่าคราวนี้....มันสว่างขึ้นมาเลย :b8: .....ละ.....ยังไง?
จิตใจไม่สงบ....ก็เดี๋ยวทำสมาธิก็สงบ
รัก โลภ โกรธ หลง วุ่นวายเริ่มควบคุมไม่อยู่....ก็เดี๋ยวกลับไปทำสมาธิก็ดีแล้ว
แม้แต่เล็กๆน้อยๆ เจ็บป่วยหาโรคไม่ได้ ,อยากกินข้าวน้อยๆ....ก็เดี๋ยวทำสมาธิก็หมดปัญหา ฯลฯ
ยกให้สมาธิอย่างเดียว....คือทางหลุดพ้น....เพราะเคยติดใจในผลที่ได้....ทั้งที่ก็เสื่อมมาไม่รู้กี่ครั้ง :b9: :b9:
:b51: พอรู้ขึ้นมา....ก็คิดว่าคงจะเริ่มไปต่อได้แล้ว....
ทีนี้จะกลับมาทำสมาธิ....ก็ไม่ไหว....มันเห็นความอยากรออยู่เต็มไปหมด!!!!
มันเห็นจริงๆนะ :b14: บอกไม่ถูก....ถ้าไม่อยากก็ทำไม่ได้ใช่ใหม....แต่นี่มันคงอยากมากเกินไป :b5:
แต่ก็ไม่ไปปรับที่ไหน....ปรับที่ใจ....เมื่อเห็นความอยากมากมาย....มันก็ได้เห็นเหตุแห่งทุกข์
ที่ต้องศึกษาก็คือ นิโรธ....มรรค
และจะเลือกทางใด....ก็ตามแต่จริตของตัวเองด้วย :b19: :b19:
และสำหรับคนที่ชอบผาดโผน....ก็คงจะไปแบบเรียบง่ายไม่ได้ :b17: :b17: :b9: :b9:
ก็ว่ากันไป :b5: :b5: ตอนนี้ก็ว่าแบบนี้....คราวหน้ากลับมาใหม่ก็ไม่รู้ว่าจะอีกแบบรึเปล่า :b9: :b9:
ค่อยทำความเข้าใจกันต่อไป :b1:
:b39: :b39: แม้จะล้มลุกคลุกคลาน....ก็จะสู้ไม่ถอยแล้ว
แม้จะตายจากกายนี้....ก็ปราถนาไปทำต่อ
ผูกจิตไว้กับคำอธิษฐาน
พยายามสร้างบารมีเป็นแรงส่ง
ยึดให้มั่นในพระรัตนตรัย
เดินไปตามทางที่พระพุทธองค์ทรงชี้แนะ :b8:
ให้สำเร็จ....มรรคผลนิพพานในชาตินี้ด้วยเทอญ
:b8: :b8: :b8:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 20:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




3808159.gif
3808159.gif [ 291.7 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
มีคนถาม....และถามตัวเองก็บ่อย....เป้าหมายในการทำสมาธิของไอเดียคืออะไร
ลังเลมาตลอด....วันนี้ตอบได้แล้ว
ไม่ได้หวังมากไปนะคะ....แต่เป็นกำลังใจมีแล้วมากกว่า
แต่ก่อน...ถ้าพูดถึงคำว่าพระนิพพาน....เหมือนเป็นสถานที่ที่สูงมาก
เหมือนตัวเองเป็นมดตัวน้อยๆ....กำลังจะออกเดินทางบนถนนที่ยาวไกล....ค่อยๆไต่ไป :b9: :b9:
แต่วันนี้....เริ่มเข้าใจว่า....นิพพาน....ไม่ใช่สถานที่....ที่จะต้องออกเดินทางไปให้ไกลที่ไหน
แต่นิพพาน....มีอยู่ทุกที่....มีในเราทุกคนนี่เอง
:b51: ก็ไม่รู้นะ....ว่าเข้าใจ....ถูกหรือผิด.... :b53: เพราะเรารู้....ก็มิใช่ไป....ยึดรู้
:b55: เหมือนเคยยึดมาแล้ว :b3: :b3: ....คำว่าพระนิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
แต่เป็นสุข....ในความเห็นผิดของตน....คือ....เวทนาสุข
จนเมื่อไปเจอสิ่งที่คิดว่าคล้าย....จึงรู้สึกว่ามัน....ไม่ใช่
ทั้งที่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย....ในนั้นไม่มีอะไรตั้งอยู่ได้เลย....แต่ไปถึงได้
และที่ลุกมาเดือดร้อนใจเป็นทุกข์....ก็เพราะ....คิดว่าจะมีอะไร....หวังจะให้มีอะไร....อยากจะให้มีอะไร :b3:
:b46: กว่าจะทำความเข้าใจ....และยอมรับได้....ว่าเป็นผลของความสุข....ที่เที่ยงแท้แน่นอน :b46:
คือ จริงๆแค่ยอมรับตรงนี้....เรื่องเดียวเลย แต่ก็ต้องย้อนไปตามหาเหตุ
ตอนนี้จึงไปต่อได้แล้วค่ะ....ตอนนี้ได้เริ่มการปฏิบัติ....ปฏิบัติ....เพื่อละ
:b39: :b39: แต่เมื่อรู้....ก็มีถอดใจนะ....เมื่อคิดว่าจะได้เริ่มต้นใหม่....หดหู่
แต่พอทันเห็น....ว่ามันเริ่มไปยึดเข้าอีก....ก็คลาย....เดินทางสายกลางค่ะ :b1:
คอยปรับที่ใจอย่างเดียว....และกลับเป็นว่า....ทำสมาธิได้ง่ายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อนเลย :b46: :b46: :b46:
tongue จบบทสรุป...ของปัจจุบันวันนี้นะคะ
ก็แค่ความคิดเห็นหนึ่ง.....ที่มาเล่าสู่กันฟัง....
ตอนนี้รู้สึกเหมือนมีพลังเต็มเปี่ยม....ฝากส่งไปถึงเพื่อนๆกัลยาณมิตรทุกท่านด้วยค่ะ :b8:
ไว้ได้เรื่องยังไง....อาจจะกลับมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้ง
ช่วงนี้...เริ่มต้นใหม่...คงต้องพักก่อนสักพักค่ะ
:b46: รักษาใจนะคะ
:b8: :b8: :b8:
:b29: :b29:
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2015, 21:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ก.ค. 2008, 21:56
โพสต์: 3925

ชื่อเล่น: เช่นนั้น
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


s002 s007

.....................................................
ธรรมะอันยิ่งใหญ่ ไม่อาจเอื้อนเอ่ย
บัญญัติ เป็นเพียงสิ่งต่ำต้อยแบกรับความยิ่งใหญ่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2015, 09:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




V63S1kw.gif
V63S1kw.gif [ 240.27 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
tongue ช่วงนี้ลานธรรมเงียบๆ กลับ มาอัพเดตกันหน่อยค่ะ :b12:
:b29: :b29: กลับมาเล่าต่อ....ที่เล่าค้างไว้หน่ะค่ะ ตอนนี้จะเริ่มอยู่ประมานช่วงหน้าที่5 :b55: :b55:
และทิ้งท้ายไว้ว่า...... :b39: .......
อ้างคำพูด:
ปกตินั่งสมาธิไม่เคยฟุ้งซ่านมากขนาดนี้....แทบไม่ได้ความสงบเลย จนหมดเวลายังไม่ทันได้ปล่อยพุท-โธหรอก
แค่ลมพอละเอียดเบาขึ้นบ้างก็ออกละ มันนาน มันเบื่อ
นั่งเป็นชม. ไม่ได้อะไรเลย
(จากที่เคยคิดว่า...ถ้าผ่านความกลัว...จนนั่งหลับตาได้...ก็คงดี...มันก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนักเลย...)

แต่ก็ไม่ยอมแพ้นะ...ยังสู้...ด้วยการเพิ่มรอบ วันละ2-3รอบบ้าง
ที่เสริมมา...15-20นาที...มีเวลาก็แวบไปทำ...ไม่ได้อะไรก็ทำ...
ผลก็คือ...นั่งหลับตาความคิดก็เกิดทันที..เกิดแบบไหลเลื่อนอย่างกะสายน้ำ

  ก็น่าจะเพราะเป็นคนใจเร็ว..ใจด่วน..คิดทำอะไรก็จะทำให้เห็นสำเร็จเร็วๆ
เมื่อมันคิดๆไปเรื่อยๆ...ฟุ้งซ่านอยู่ได้...เหมือนวิ่งไล่จับอะไรก็คอยแต่จะหลุดมืออยู่นั่น  
ไม่อยากเสียเวลาอีก..  
ก็เลยคิดใช้วิธี...ตั้งใจคิด...เมื่ออยากจะคิดไปเรื่อย...เมื่ออยากจะทำงานนัก...
ก็เลยหางานอะไรมาให้มันทำซะเลย  
ก็อย่างที่บอก เริ่มทำความเข้าใจกับคำว่านิวรณ์5
และฟุ้งซ่านก็เป็น1ในนั้น  


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2015, 10:39 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มิ.ย. 2014, 20:13
โพสต์: 709

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




MEm9zZs.gif
MEm9zZs.gif [ 521.97 KiB | เปิดดู 2641 ครั้ง ]
ที่อยากจะเล่าสู่กันฟังต่อ...เพราะเป็นประสบการณ์ที่ทำให้ได้สัมผัสสภาวะอะไรหลายๆอย่าง :b44:
ที่หากอยู่แบบปกติ..ไม่ได้ไปฝึกดูจิตดูใจ..ก็ไม่มีทางเกิดขึ้นได้
:b46: :b46: มันอาจจะดูเป็นเรื่องธรรมดา..ของนักปฏิบัติ
แต่สำหรับผู้เริ่มต้นยังไม่เคยสัมผัส ก็อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง...เป็นกำลังใจ :b40:
ว่า...ผลของการปฏิบัติ ก่อให้เกิดความสุข...ความสุขใดเสมอเหมือนความสงบไม่มีจริงๆ
:b50: :b50: ที่ไอเดียชอบพูดคำนี้นักหนา...เพราะ...แต่ก่อนจะชอบทบทวนบ่อยๆ
เวลาได้ยิน,ได้รู้มาประมาณว่า...สิ่งที่ดิ้นรนต้องการใฝ่หากันนั้น คือทุกข์
คือ...จะเอามาคิดบ่อยๆ ทุกข์?ยังไง? คือจะคิดมาตั้งแต่เริ่มโต จนกระทั่งมีความรัก....
ยกตัวอย่างเรื่องนี้ละกัน...เคยเหมือนเถียงตัวเองในใจ
:b47: :b15: รักคือทุกข์ได้ยังไง...ก็มันให้ความรู้สึกเป็นสุขจะตาย ยิ่งเวลาที่ได้อยู่ใกล้กัน
แม้จะโกรธกัน,ทะเลาะกัน เดียวก็ดีกัน...หวานชื่นยิ่งขึ้นอีก :b14: :b14:
:b11: คือผ่านการทบทวนมาบ่อยๆ...ว่าการไม่มีอะไรๆจะทำให้เป็นสุขได้ยังไง
:b38: จนมาวันที่..ได้สัมผัสเอง :b49: :b49: ใครจะมาบอกยังไง ให้ไปเอาอะไรๆเป็นชิ้นเป็นอัน...ก็ไม่มีทางเชื่อแล้ว
แต่ยัง..เอา..บ้างนะ :b9: :b9: เพราะกิเลสยังไม่หมด :b32: :b32: ( :b5: คือแค่ความเชื่ออย่างเดียวก็ยังไม่พอค่ะ)
:b41: :b41: :b41: :b41:
:b46: :b46: :b46:
:b20: :b20: ที่จะเล่า...ในรูปแบบที่ทำ...ยอมรับนะคะว่า...แทบไม่มีความรู้อะไรเลย
ตอนนั้นมันเป็นการพยายามพลิกแพลง ให้ผ่านไปให้ได้...เพราะมีแค่ใจที่คิดอยากทำ
โดยไม่มีการเข้าไปศึกษาจริงจังในคำของพระพุทธองค์ :b8: เลยสักหัวข้อ
....มีแต่การฟังเทศฟังธรรม แล้วรู้สึกเห็นทุกข์เห็นโทษ...จึงคล้อยตาม
และอาจจะด้วยเป็นคนที่มีมุมมองไม่ค่อยเหมือนใครมาแต่เด็ก
เวลามีโอกาสตั้งใจฟังธรรม...จึงไม่ได้เหมือนเป็นความรู้ใหม่ซะหมด
เช่น...เวลาไปเฝ้าคนไข้ผ่าตัด ที่นอนครางเจ็บแผลเกือบทั้งคืน ก็จะคอยบอกเขาว่า
"เจ็บมันก็อยู่ตรงนั้น...ลองทำใจเฉยๆสิ ทำใจให้สบาย เจ็บก็แค่เจ็บ"
ตอนนั้นยังไม่รู้จักธรรมะ..และโดนคนฟังเขามองเหมือนเราพูดอะไรแปลกๆ แบบต่อต้านบ้าง
และในอีกหลายมุมมอง...ฉะนั้นพอได้ฟังธรรม จึงรู้สึกเหมือนมีคนรับรอง :b16:
และพอเห็นทางช่วยให้รักษาใจ ในเรื่องอะไรที่ควร,,ไม่ควรทำ ช่วยให้มีสติ ไม่ไหลไปตามอารมณ์ :b55:
เพราะทุกข์ของไอเดีย...ส่วนมาก...จะเกิดจากเช่น เราจะเถียง,,จะทะเลาะ,,จะพูดมาก :b14:
แล้วเหมือนจะมีช่องว่างหนึ่ง ที่จะบอกตัวเองในใจ ว่าหยุดๆๆๆๆๆๆ
แต่ก็เลือกที่จะไม่หยุด แล้วทำในสิ่งที่ควร :b3: :b3:
พอจบแล้ว ก็ทุกข์..ทุกข์เพราะไม่หยุด เพราะทำไม่ได้ :b55: :b55:
จึงเป็นส่วนให้คิดอยากทำสมาธิ เพราะเข้าใจว่าจะเป็นส่วนช่วยให้จิตใจเราดีขึ้น
แต่ส่วนมากก็ได้แค่คิด...แต่ขี้เกียจเยอะมากกกกกกกว่าอีก :b9: :b9:
:b42: :b42: :b42:
ก็ครั้งที่เล่านี้ก็มีโอกาสต่อเนื่องได้ประมาณเดือน แค่เดือนเดียวเอง :b27: :b27:
แต่น่าจะนับตั้งแต่เริ่มหาที่นั่งได้นี่แหละ :b7:
แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 404 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 6, 7, 8, 9, 10, 11, 12 ... 27  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร