วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 15:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 14:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นี้ก็อีกหนึ่ง...ตัวอย่างครับ

viewtopic.php?f=1&t=40890&start=15

อ้างคำพูด:
.วิธีฟังเทศน์ที่พระอาจารย์หลวงตามหาบัวท่านสอนน่ะ...ให้อยู่ในท่านั่งสมาธิ...ให้จิตอยู่กับตัว...
...บริกรรมพุทโธและไม่ต้องส่งจิตออกไปหาผู้เทศน์แล้วก็ไม่จำเป็นต้องจำเนื้อความที่ท่านเทศน์ด้วย...
...เมื่อจิตรวมเป็นหนึ่ง...เหลือแต่จิตผู้รู้...คำบริกรรมจะหายไป...จิตอยู่กับร่างกายแบบต่างอันต่างอยู่...
...แบบกายกับจิตแยกกันน่ะ...อธิบายจนข้าพเจ้าขาดใจตายตอนนี้...คุณโฮซ่าก็ยังคงไม่รู้ได้หรอก...
...จิตรวมคือมีกายสักว่ากาย จิตสักว่าจิต เวทนาสักว่าเวทนา ธรรมสักว่าธรรม นี่คือสติปัฏฐานสี่แท้ๆ...
...เพราะธรรมะทุกอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้ไม่ได้แยกส่วนแต่การอธิบายโดยละเอียดต้องแยกกัน...
...เวลาที่ปฏิบัติเข้าไปเจอธรรมของจริง สมาธิ วิปัสสนา สติปัฏฐานสี่ รวมอยู่ณขณะจิตผู้รู้ขณะนั้นเอง...
....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 14:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดิฉันไม่ใช่นักปฎิบัติที่เดินตามมหาสติแท้ๆค่ะ ดิฉันเป็นแบบเทียม


มีแบบแท้...แบบเทียม...ด้วยรึครับ :b32: :b32:

มันเป็นยังงัยนะ... :b7:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 14:43 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
ดิฉันไม่ใช่นักปฎิบัติที่เดินตามมหาสติแท้ๆค่ะ ดิฉันเป็นแบบเทียม


มีแบบแท้...แบบเทียม...ด้วยรึครับ :b32: :b32:

มันเป็นยังงัยนะ... :b7:


เดิมดิฉันไม่ได้ศึกษามาในทางด้านมหาสตินะค่ะดิฉันเป็นนักปฎิบัติแนวกรรมฐาน 40ค่ะ..แต่เหตุการณ์บังคับให้

ศึกษามหาสติ เพราะทุกข์..อยากหาเหตุแห่งทุกข์ให้ตัวเอง เพื่อให้รู้ว่า ทุกข์ที่เรารู้สึกนี่มาจากอะไร เลยต้อง

มาศึกษา หาที่มาที่ไปของทุกข์ เมื่อมาฝึกมหาสติแล้ว ในการพิจารณา ปฎิกูลบรรพ ธาตุบรรพ นวสี

ดิฉันคิดรวมไปถึง อสุภกรรมฐาน และ ละสักกายทิฎฐิในสังโยชน์10 ด้วย ในการพิจารณาแบบนี้

ทำให้ดิฉันเดินผิดในทางมหาสติไง ค่ะ เพราะการละสักกายทิฎฐิ คือ คิดและพิจารณาว่า เราไม่ใช่ขันธ์5

ขันธ์5ไม่ใช่เรา เมื่อพิจารณาแบบนี้ ผลของการพิจารณา กลับกลายเป็นว่า ดิฉันเพิกรูปในกายไป ทำให้ดิฉันไม่

สามารถพิจารณากายได้อย่างต่อเนื่อง มันถึงชะงักงันอย่างนี้ค่ะ..เพราะดิฉันตีความหมายผิด ทำให้การเดินทาง

ธรรมผิด อีกอย่าง ดิฉันไม่มีความถนัดในเรื่องของการตีความของข้อธรรม แปลธรรมทีไร แปลผิดความหมาย

ทุกทีไปค่ะ...... :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย ชาวโลก เมื่อ 03 ก.พ. 2012, 14:30, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ใช่การเดินผิดซะทีเดียวตราบใดที่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งและทางปฏิบัติ เช่น ความเมตตา เป็นธรรมที่เกิดขึ้นแล้วเป็นสัมมาสังกัปปะ นี่คือทางเดินที่ถูก แต่การตระหนี่ขี้เหนียวนี่คือการเดินผิด ผมอ่านแนวปฏิบัติของคุณต้องขอโทษที่จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร เกี่ยวกับการเดินผิดเดินถูกอย่างไร

คุณบอกว่าพิจารณากายเห็นตัวเองในกระจกเหมือนซากศพ อยากถามว่าสังขารเกิดขึ้นไหมครับ คือเห็นตัวเองเหมือนซากศพเพราะจิตปรุงแต่ง นั่นคือเห็นแสงตรงหน้าแต่เข้าใจว่าเป็นภาพมีตัวตนมีเรามีเขา เพราะจริงๆสิ่งที่เห็นเป็นแค่แสง ถ้าคุณดับไฟแล้วมองตัวเองในกระจกตอนดึกคุณจะเห็นอะไร คุณจะมองไม่ค่อยออกว่าเป็นภาพอะไร เหตุเพราะมีแสงกระทบ ดังนั้นจิตปรุงแต่งเพราะเห็นแสงว่าเป็นตัวเราตัวเขา สังขารจึงเกิด

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 17:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ขณะจิต เขียน:
ชาวโลก เขียน:
:b8: :b8: สวัสดีค่ะ นักธรรม และผู้รู้ทุกท่าน :b8: :b8:

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.

:b8: :b8: ขอบพระคุณล่วงหน้าคะ :b8: :b8:


ผมว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วครับ การเห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนเป็นการละอัตตา ย่อมเป็นคำสอนของ
พระพุทธเจ้า แต่ที่จิตติดกับความว่างนั้น อาจทำให้เกิดความชะงักงันในการปฏิบัติได้ แต่ถ้าลองกำหนดรู้ความว่างนั้นโดยไม่ต้องปรุงแต่ง ผมว่าไม่นานจิตย่อมเพิกถอนมาเอง ตามกฏอนิจจัง

แต่ผมว่าลองกำหนดจิตโดยยกจิตมาเจริญสติกับการเคลื่อนไหวจะดีกว่าเพราะขณะเคลื่อนไหวจิตย่อมจดจ่อกับปัจจุบันธรรม เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรมในปัจจุบัน
เห็นความเกิดดับต่อหน้าต่อตา แล้วจะเห็นมายาแห่งความคิดไม่หลงจมในมายา จิต ย่อม ปล่อยปละ ละวาง และเกิดความเห็นความรู้จริงในทุกข์ ในธรรมตามลำดับลำดาไป

ส่วนการละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้อง ข้อนี้ผมเห็นว่าการละขันธ์ 5 คือการละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน

ส่วนตัวขันธ์ 5 นั้น ก็เป็นเพียงขันธ์ เป็นเพียงธรรมตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยจึงไม่ต้องทำอะไร เมื่อหมดเหตุปัจจัย ย่อมดับไปเอง

เหมือนกองไฟ เมื่อถูกจุดลุกไหม้แล้ว เมื่อยังมีเชื้อย่อมลุกโพลงอยู่เมื่อหมดเชื้อแล้วย่อมดับเย็นไปเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าไฟไม่ใช่ตน ก็ไม่ไปกอดกองไฟนั้น และไม่ต้องการจุดไฟกองใหม่ขึ้นมาอีก

:b8: :b8: :b8:


:b1: :b8: :b16: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 17:20 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2012, 16:35
โพสต์: 110


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ขณะจิต เขียน:
ชาวโลก เขียน:
:b8: :b8: สวัสดีค่ะ นักธรรม และผู้รู้ทุกท่าน :b8: :b8:

ดิฉันอยากถามว่า การละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5 ค่ะ

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้องในมหาสติค่ะ.

:b8: :b8: ขอบพระคุณล่วงหน้าคะ :b8: :b8:


ผมว่าคุณเดินมาถูกทางแล้วครับ การเห็นขันธ์ 5 ไม่ใช่ตัวตนเป็นการละอัตตา ย่อมเป็นคำสอนของ
พระพุทธเจ้า แต่ที่จิตติดกับความว่างนั้น อาจทำให้เกิดความชะงักงันในการปฏิบัติได้ แต่ถ้าลองกำหนดรู้ความว่างนั้นโดยไม่ต้องปรุงแต่ง ผมว่าไม่นานจิตย่อมเพิกถอนมาเอง ตามกฏอนิจจัง

แต่ผมว่าลองกำหนดจิตโดยยกจิตมาเจริญสติกับการเคลื่อนไหวจะดีกว่าเพราะขณะเคลื่อนไหวจิตย่อมจดจ่อกับปัจจุบันธรรม เห็นกายในกาย เห็นเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิต เห็นธรรมในธรรมในปัจจุบัน
เห็นความเกิดดับต่อหน้าต่อตา แล้วจะเห็นมายาแห่งความคิดไม่หลงจมในมายา จิต ย่อม ปล่อยปละ ละวาง และเกิดความเห็นความรู้จริงในทุกข์ ในธรรมตามลำดับลำดาไป

ส่วนการละขันธ์5 ในทางมหาสตินั้น คือละขันธ์5 แบบไหน

ละแบบเพิกขันธ์5 หรือ ละขันธ์5 คือ การวางเฉยต่อขันธ์5

ละขันธ์5 แบบไหน ถูกต้อง ข้อนี้ผมเห็นว่าการละขันธ์ 5 คือการละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน

ส่วนตัวขันธ์ 5 นั้น ก็เป็นเพียงขันธ์ เป็นเพียงธรรมตามธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาตามเหตุปัจจัยจึงไม่ต้องทำอะไร เมื่อหมดเหตุปัจจัย ย่อมดับไปเอง

เหมือนกองไฟ เมื่อถูกจุดลุกไหม้แล้ว เมื่อยังมีเชื้อย่อมลุกโพลงอยู่เมื่อหมดเชื้อแล้วย่อมดับเย็นไปเอง

เมื่อเรารู้แล้วว่าไฟไม่ใช่ตน ก็ไม่ไปกอดกองไฟนั้น และไม่ต้องการจุดไฟกองใหม่ขึ้นมาอีก

:b8: :b8: :b8:


:b1: :b8: :b16: :b4:


:b1: ขอบคุณ คุณ eragon_joe ที่นำข้อความของคุณ ขณะจิตมาให้อ่านอีกครั้งค่ะ ดิฉันจะลองไปทำดูเรื่องการดูความว่างโดยไม่ปรุงแต่งน่ะค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 17:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ค. 2010, 23:55
โพสต์: 55

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้สิ่งใด ก็ไม่สู้เท่า รู้ได้ด้วยตนเอง

ปฏิบัติสิ่งใด ก็ไม่สู้เท่า ปฏิบัติได้ด้วยตนเอง

พิจารณาสิ่งใด ก็ไม่สู้เท่า พิจารณาได้ด้วยตนเอง


แก้ไขล่าสุดโดย อรูปะ เมื่อ 03 ก.พ. 2012, 17:15, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 ก.ค. 2011, 22:53
โพสต์: 705

แนวปฏิบัติ: รู้สึกตัว
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


[quote="ชาวโลก"]
ดิฉันดูความว่างอยู่หลายอาทิตย์ค่ะ แต่ส่งผลระหว่างวันว่า จิตดิฉันลอย ปกติระหว่างวันดิฉันจะรู้ลมหายใจเข้าออกเสมอ แต่ช่วงที่ดูอยู่นั้นจิตลอย ลอยเว้งว้างแบบไม่มีที่สิ้นสุด แรกๆลอยนิดๆ วันต่อมาเริ่มลอยมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ จนมีวันนึงดิฉันคิดได้ว่า พระท่านเคยบอกว่า เราอย่าประมาทในชีวิต เราควรคิดถึงความตายเป็นปกติ เมื่อนึกถึงคำพระคำนี้ ทำให้คิดว่า ถ้าเราตายตอนนี้ เราต้องลอยตามแบบสภาวะที่เรากำลังลอยอยู่แน่ๆ เพราะนึกถึงคำอีกคำนึงได้ของพระท่านว่า ตอนตายเรานึกถึงสิ่งใด เราจะไปเป็นในสิ่งนั้น ช่วงนั้นดิฉันเริ่มลอยขึ้นเรื่อยๆมากขึ้นทุกๆวัน พอนึกถึงคำพระสองประโยคนี้ ทำให้ดิฉันหยุดทำมหาสติค่ะ

[color=#0000FF]ปกติดิฉันใช้การเดินในการทำกรรมฐานค่ะ ระหว่างวันเมื่อใช้สมาธิน้อยๆเลียๆ จะไม่มีปัญหาในการพิจารณากาย แต่เมื่อใด ทำกรรมฐานอย่างจริงจัง เพ่งพิจารณาอย่างจริงจัง ไม่นานก็ต้องไปจบที่อวกาศทุกทีไป เลยเป็นเหตุให้ต้องอยู่ทำมหาสตินะค่ะ ดิฉันหยุดทำมหาสติได้ 2 เดือนแล้ว ..



อาการลอยแบบนั้นน่าจะเกิดจากกำลังของสติ และปัญญายังไม่พอ เหมือนจิตจึงตกภวังค์ ตอนเริ่มปฏิบัติใหม่ๆ ผมเคยเป็นไม่ทราบว่าคล้ายกันหรือปล่าว คือเมื่อผมเริ่มนั่งสมาธิโดยหัดเอาจากการอ่านหนังสือ เมื่อนั่งสักพักจิตเริ่มสงบก็เกิดอาการจิตลอยๆ เคว้งคว้างวูบวาบ มีอาการจะตกวูปเหมือนอยู่ปากเหว เหมือนจิตกล้าๆกลัวๆที่จะตกลงไป จึงปรับมาปฏิบัติแนวอานาปาณสติและสติปัฏฐานแทนรู้สึกถูกจริตกว่า ก็ได้ความรู้เพิ่มพูนมาเรื่อยๆ


การละความเห็นผิดของจิตที่มีต่อขันธ์ 5 ที่ยึดเอาขันธ์ 5 เป็นตน แปลว่า ละความยึดถือยึดมั่นในขันธ์5 แต่ขันธ์ ยังคงอยู่ตามสภาพของมัน...ดิฉันเข้าใจถูกไหมค่ะ


ถูกต้องครับแต่การละความยึดมั่นในขันธ์ 5 ไม่ใช่การปล่อยปละไม่สนใจ แต่อยู่ด้วยปัญญา เปรียบดังที่ครูอาจารย์ท่านเปรียบขันธ์ 5 ดังแพสวะ ต้องบำรุงดูแล เพื่อพาประคองข้าม ห้วงวัฏฏะ เป็นเครื่องมือพาออกจากทุกข์ ไม่ถือมั่นขันธ์ กาย จิต แต่รู้อยู่ ดูอยู่ พอกพูน ศีล สมาธิ ปัญญา ให้แข้มแข็ง มีกำลัง ปลด ปละ ละ วาง คาย สำรอก กิเลส ตัณหา อุปทาน จนขันธ์ทั้งหลายเบาลง เย็นลง จนถึงที่สุด เป็นนิพพาน ที่ผมเห็นอยู่ กำลังทำอยู่เป็นอย่างนี้

ส่วนการปฏิบัติแนวมหาสติที่คุณกล่าวมานั้น ผมไม่แน่ใจว่าเป็นการปฏิบัติแนวใหนเพราะผมไม่แตกฉานแนวสมถะกรรมฐานอันนี้ต้องขอยกให้ผู้รู้ด้านนี้มาวินิจฉัย แต่ที่อ่านตามดูน่าจะไม่ตรงกับ สติปัฏฐาน 4 ทั้งหมด ลองมาปฏิบัติสติปัฏฐานอย่างจริงจังดูสิครับ ผมเคยเจริญสติอย่างเข้มข้น ถึงขนาดง่วงอยู่กำหนดสติเพ่งจนหายง่วงเดี๋ยวนั้น แต่เมื่อทำไปหลายๆวัน ก็ปวดหัวมาก พิจารณาดูจึงรู้ว่าพักผ่อนไม่เพียงพอ จิตเราไหว แต่กายบอกว่าไม่ได้ จึงเลิกเพ่ง ใช้วิธีกำหนดรู้อย่างกลางๆ พอดี ไม่ฝืน สักพักก็ก้าวหน้าต่อไปได้(ผมศึกษาด้วยวิธีดูจิต ไม่จมในความคิด เจริญสติแบบเคลื่อนไหว แบบหลวงพ่อเทียน )
:b41: :b42: :b41:

.....................................................
"ธรรมะเป็นปัจจัตตัง ต้องทำเอง รู้เอง เห็นเอง เข้าใจเอง"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 22:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


ตั๊บแก...เล่นง่าย..นะตั๊บแก
:b6:

ชาวโลก เขียน:

เดิมดิฉันไม่ได้ศึกษามาในทางด้านมหาสตินะค่ะดิฉันเป็นนักปฎิบัติแนวกรรมฐาน 40ค่ะ..แต่เหตุการณ์บังคับให้ ศึกษามหาสติ เพราะทุกข์..อยากหาเหตุแห่งทุกข์ให้ตัวเอง เพื่อให้รู้ว่า ทุกข์ที่เรารู้สึกนี่มาจากอะไร เลยต้อง มาศึกษา หาที่มาที่ไปของทุกข์


ก็ถูกแล้ว...สมถะแล้วมาวิปัสสนา...ก็ใช้สมถะนั้นแหละพลิกมาวิปัสสนา

อ้างคำพูด:
เมื่อมาฝึกมหาสติแล้ว ในการพิจารณา ปฎิกูลบรรพ ธาตุบรรพ นวสี ดิฉันคิดรวมไปถึง

อสุภกรรมฐาน และ ละสักกายทิฎฐิในสังโยชน์10 ด้วย ในการพิจารณาแบบนี้

ทำให้ดิฉันเดินผิดในทางมหาสติไง ค่ะ เพราะการละสักกายทิฎฐิ คือ คิดและพิจารณาว่า เราไม่ใช่ขันธ์5

ขันธ์5ไม่ใช่เรา เมื่อพิจารณาแบบนี้ ผลของการพิจารณา กลับกลายเป็นว่า ดิฉันเพิกรูปในกายไป ทำให้ดิฉันไม่

สามารถพิจารณากายได้อย่างต่อเนื่อง มันถึงชะงักงันอย่างนี้ค่ะ.


อสุภะ....ทำให้เราละ...เราคลายความกำหนัดในราคะ

สักกายทิฏฐิ...พิจารณาหาความเป็นเราในอาการ 32 (ซึ่งมันไม่มี)...ขั้นหยาบ..เห็นความเสื่อมสลายคือการตายของทุกสิ่ง...ขั้นกลาง...เห็นร่างกายเป็นของสกปรกเน่าเหม็น...ขั้นละเอียด...หาความเป็นเราไม่มีในขันธ์5...นี้จำขี้ปากของอาจารย์มา..

หากคุณถนัดอสุภะ...ก็เอาอสุภะมาพิจารณา....โดยมองที่กายเรา....เน้นว่าต้องเป็นกายเรา(เพราะอวิชชามันรักที่สุดก็กายเรานี้แหละ...ไม่ใช่กายไหน)....ถามมันไปว่านี้หรือเรา...ถามจี้มันไปเรื่อย ๆ...ซากศพเน่าเหม็นนี้หรือคือเรา....จนมันลงใจจริง ๆ ว่า...ไม่..เมื่อไร..ก็โอเค

อีกอย่าง....คือเอาร่างกายเรามาผ่าดูเล่น...บางคนอาจจะเห็นด้วยกำลังญาณหรือฌาณ....บางคนอาจเห็นด้วยความคิดพิจารณา...จะอย่างไหนก็แล้วแต่...แต่ผลที่ได้จะเหมือนกันคือ....ไม่เห็นมีเราในร่างนี้นั้นเอง....อันนี้ลองแล้ว..ดี..แต่ยังลองไม่สุด

ทีนี้....ก็เข้ามาที่อาการ...การเข้าอวกาศ

พอคิดว่า...ขันธ์ 5 นี้ไม่ใช่เรา...มันก็พรึมไปอวกาศเลยหรือ?

พอเข้าอวกาศแล้ว...รู้สึกอย่างไร?

อ้างคำพูด:
.เพราะดิฉันตีความหมายผิด ทำให้การเดินทาง

ธรรมผิด อีกอย่าง ดิฉันไม่มีความถนัดในเรื่องของการตีความของข้อธรรม แปลธรรมทีไร แปลคิดความหมาย

ทุกทีไปค่ะ...... :b8: :b8:

ก็แปลก....ที่เล่า ๆ มานี้...ก็เห็นแต่อ่านเองทำเอง...ก็ทำมาได้ตั้งเยอะ
ไปวัดไปวาบ้างมั้ยละครับนี้....


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


29253.ภารสุตฺตกถา แสดงธรรม(วิธีถอดขันธ์5)โดยพระมงคลเทพมุนี



viewtopic.php?t=29253


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓
ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค



มหาวรรค อานาปาณกถา

เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ บรรทัดที่ ๔๐๗๐ - ๕๑๙๙. หน้าที่ ๑๖๗ - ๒๑๒.
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B ... agebreak=0


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


viewtopic.php?f=2&t=28061


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 22:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


นึก ๆ แล้ว...ว่าต้องมา... :b12: :b12:

ยังมีอีกหลายท่าน..ยังไม่มา.... huh huh


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ย. 2009, 10:41
โพสต์: 4463

อายุ: 0
ที่อยู่: วัฏสงสาร

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง แต่ก็มีคุณเช่นนั้นที่ดูพวกคุณอยู่ทุกวัน :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ก.พ. 2012, 23:51 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


มาที..ก็จัดหนัก..เลยนิ
s002


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.พ. 2012, 07:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่ชาวโลก :b8:
**พิจารณาจากที่พี่กล่าวมาในผลการปฏิบัติของพี่นั้นอยู่สูงกว่าภูมิปัญญาที่ผมมีจึงไม่อาจกล่าวว่าผิดหรือถูกอะไรได้เต็มปากมากนัก แต่ก็พอทราบลักษณะอาการดังกล่าวจากคำบอกกล่าวของพระอาจารย์ท่านที่ได้สั่งสอนไว้ แต่ยังไงก็ไม่ขอแนะนำอะไรดีกว่าครับในเรื่องการแก้ไข แต่อยากถามว่าพี่เป็นคนพื้นเพที่ไหนครับหรอทำงานอยู่ที่ไหน เผื่อมีครูบาอาจารย์ที่อยู่ใกล้ๆที่ผมพอจะทราบ ผมจะได้แนะนำให้พี่ไปปรึกษาเพื่อขอหลักธรรมเพื่อนำไปปฏิบัติต่อหรือแก้ไขได้ครับ เพราะนักปฏิบัติเราจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีครูบาอาจารย์ที่พึ่งได้เป็นสรณะด้วยนะครับ เพื่อเวลาอย่างนี้แหละครับ
ขอบคุณครับ :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 131 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร