http://m.pantip.com/topic/30822689?
คุนน้องเอาความเห็นของกัลยาชนคนมีศีล..มาให้อ่าน..ที่ได้รับตำแหน่งโลกสวยเหมือนคุนน้อง คือคุนน้องก็แปลกใจตนเองว่า..ทำไมปกติคุนน้องไม่ค่อยโลกสวย..ขนาดกรณีเนปาลคุนน้องยังมองว่าเป็นกรรมถูกกระทำจากภัยธรรมชาติธาตุดิน ..กรณีของโรฮิงยาก็กรรมที่เค้าต้องรับวิบากแบบนั้นเช่นกัน...แต่คุนน้องก็แปลกใจมากที่ชาวไทยเมืองพุทธ..ถกเถียงเรื่องชาวโรฮิงจา..แบบเหยียดสัญชาติ..ดูถูกพวกเขา..
สงสัยคุนน้องคงเป็นคนกลุ่มน้อย..ในไทยที่ค่อนข้างเห็นใจพวกเขานะ..ก็ไม่รู้สินะว่า..การถีบหัวคนอื่นและเอาพวกพ้องกันเอง..กับการที่ช่วยเหลือพวกเค้าให้ถูกต้องด้านมนุษธรรม..อะไรกันแน่ที่อริยะชนควรจะพึงกระทำ..อย่างน้อยคุนน้องก็ยังมีผู้ชายคนนึง..ที่มีจิตใจประดุจพรหมเหมือนคุนน้องอยู่..ค่อยยังชั่ว.. นึกว่ามีเรามีจิตใจแบบนี้แล้วเป็นพวกผ่าเหล่าผ่ากอ..ไม่รักประเทศตนเอง..ก็พอเข้าใจพี่ไทยเรา..แม้แต่ความสามัคคีในประเทศเรายังไม่มี..แบ่งฝักฝ่าย..ฆ่ากันเอง..
นับจากนี้ไป..คุนน้องจะเลิกถามพระพุทธเจ้าในเรื่องนี้..คุนน้องจะมองดูพวกเขา..มองดูเหมือนละคร...ที่คุนน้องรู้ตอนจบของพวกเขาเหล่านั้น

จริงแล้วพี่เต้คิดว่า ทางออกที่ดีที่สุดคือ
น่าที่จะหาทางออกว่าให้พวกเค้าไปอยู่ที่ไหน มีผู้นำของพวกเค้าเองคือที่เกาะ

แต่ถ้าจะเอาความคิดเห็น เหตุผลก็ถูกทั้ ง 2ฝ่าย
อีกฝ่ายหนึ่งก้อกลัวมาก เพราะแน่นอนถ้ารับเข้ามาต้องมีปัญหา
อีกฝ่ายหนึ่งก้อมีจิตที่เมตตา จนลืมนึกถึงปัญหาที่จะตามมา

ปัญหาก้อคือ คนจำนวนมากต้องมีทั้งคนดีและไม่ดี แน่นอนคนไม่ดี
จะต้องสร้างปัญหาแน่ ถ้าคนไม่ดีพวกนี้ไปอยู่ในกลุ่มที่สร้าง
ปัญหา ทีนี้ปัญหาใหญ่แน่ คุมยาก เพราะคนพวกนี้เค้าเลือกได้ทางเดียว
คือสู้ตาย เพราะชีวิตของพวกเค้าอยู่หรือตายมีค่าเท่ากัน
นี่คือปัญหาที่น่ากลัว

เพราะฉนั้นคิดว่าทางออกมีทางเดียว คือให้พวกเค้าไปอยู่ในที่
เราไปสร้างปัญหาให้พวกเค้าไม่ได้ เค้าจะมาสร้างปัญหาให้พวกเราไม่ได้

จริงๆแล้ว ชีวิตของพวกเค้ามีกรรม เค้ารับกรรมของเค้า
เราคือผู้ที่ได้โอกาส เราจะไปซ้ำเค้าทำไม เค้าล้ม เรายื่นมือไปดึงเค้าขึ้นมา
ถ้าซักวัน ใจของพวกเค้ามีธรรมะ สิ่งนั้นล่ะ
ที่จะช่วยให้พวกเค้าหลุดพ้นจากกรรมนี้ได้ ก้อคงต้องดูกันต่อไปหล่ะค่ะ

ต้องให้รัฐบาลไทยไปโวยกับสหประชาชาติ..พูดไปดิแบกภาระไม่ไหว..ขนาดประชากรไทยที่ตกงาน..ยังแก้ปัญหาไม่ได้..เศรฐกิจไม่ดี..ไม่มีงบประมาณพอ..ไปโวยกับสหประชาชาติสิถ้ามีกึ๋นพอ..ไม่ใช่ปอดแหก..การแก้ปัญหาการให้อาหารหรือที่พักพิงชั่สคราว..มันเป็นการแก้ปัญหาไม่ถูกสาเหตุ..นั่นมันแค่การเยียวยาชั่วคราว..ยังไงแผลก็ลุกลามอยู่ดี..แต่เป็นการฆ่าตัวตายของพี่ไทยชัดๆ..ไปของบจากสหประชาชาติเพื่อช่วยเหลือการเยียวยาครั้งนี้..ถ้าจะให้พี่ไทยทำหน้าที่เป็นศาลาริมทางคนยาก
ไม่ใช่ไม่สงสารคนไทย..แต่เราต้องหาทางออกให้กับทุกฝ่าย..อย่างพี่เต้บอกก็ดี..คือแบ่งเกาะให้พวกเขาซักที่..ที่ไหนในโลก..ให้การช่วยเหลือขั้นต้น..ในเรื่อง ที่พักพิง อาหาร ยารักษาโรค เครื่องนุ่งห่ม..โดยที่ต้องให้การร่วมมือกันจากสหประชาชาติ..ลงขันช่วยเหลือพวกเขาซะ..แล้วยังไม่รวมการป้องกันจำนวนประชากรพวกเขาอีก..หลายๆอย่าง..ถ้าไม่มีผู้นำคนไหน..มาจัดระเบียบการดำรงชีวิตของเขา..ต่อให้ไปอยู่เกาะ..ก็หนีอพยพอีก..เพราะอะไรอดอยาก ไม่รู้วิธีทำกิน ประชากรเพิ่ม..ก็ดูสุนัขจรจัดดิ..ไม่มีคนฉีดวัคซีนป้องกัน..สุนัขจรจัดมันก็เพิ่มขึ้นๆๆ..
มันเป็นปัญหาระดับสากล..ที่พี่ไทยน้ำท่วมปาก..กลืนไม่เข้าคายไม่ออก..ไม่รู้รัฐบาลอมไรอยู่

รู้ป่ะคุนน้องสะอิดสะเอียนพวกที่ชอบอ้างคำสอนพระศาสดา.ในเรื่องพรหมวิหาร.แต่การกระทำขัดแย้ง..พวกมือถือสากปากถือศีล..เกิดชาติหน้าฉันใดอย่าให้พวกมันได้มาเกิดร่วมชาติร่วมแผ่นดินเดียวกันกับคุนน้อง..ถ้าให้คุนน้องเลือกลอยแพ คนทุกข์ยากลำบากต้องทนเห็นลูกเล็กเด็กแดงอดอยากหิวโหยตาย..คุนน้องไม่มีวันทำในสิ่งผิดศีลธรรมแบบนั้นเด็ดขาด...ถ้าคุนน้องเป็นรัฐบาลคุนน้องจะแก้ปัญหาเรื่องนี้สุดกำลังแม้จะมีปัญหายุ่งยาก..แต่คุนน้องจะไม่มีทางนิ่งดูดายปล่อยคนไปตายกลางทะเล..ขนาดหิริโอตัปปะยังไม่มี..ปฏิบัติธรรมแล้วจะเกิดปัญญารู้แจ้ง555 ก็แค่พวกมโนหลงลมๆแล้งๆ

ถ้าคุณ เข้าใจในเรื่องธรรมชาติของมนุษย์ หรือถ้าคุณน้องว่าง
ลองพิจารณาธรรมในด้านของคำว่า คน
คุณน้องจะไม่รู้สึกโกรธใคร หรือเกลียดใคร แล้วพอคำว่าโกรธหรือเกลียด
มันไม่มี คำว่า อภ้ย ก้อตามมา

ทำเรื่อยๆ บ่อยๆ จะค่อยๆ ชินไปเอง พอชิน ตัวเราก้อรู้สึกเบา
ลองฝึกดูค่ะ

ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ..พวกที่คิดว่าตนมีคุนธรรมสูงส่ง..เรียงหน้ากันเข้ามา..ถ้าใครมันมีความเห็นขัดแย้งกับคุนน้องในเรื่องโรฮิงญา....บอกมันเรียงหน้าเข้ามาเลยค่ะ..เพราะแผ่นดินนี้..ไม่ใช่ของใครทั้งนั้น..ทุกคนแม้แต่เดรัจฉานก็มีสิทอาศัยอยู่..พวกมันตั้งกฏระเบียบแก่งแย่งดินแดนกัน..ทั้งที่ความจริง..สัตว์ทุกชีวิตมีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการดำรงชีวิต..บนโลกแห่งนี้..บอกพวกมันเรียงหน้าเข้ามาสิ..ถ้ามันคิดว่าสิ่งที่คุนน้องพูดไม่เป็นความจริง..คุนน้องก็อยากรู้..เทพ พรหม เทวดา ฟ้าดิน..จะยืนอยู่ข้างใคร..
ปล. จะบอกไรให้เอาบุญ..ชาวโรฮิงยาได้รับวิบากก็จริง...แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับชาวโรฮิงญา..คือการกระทำของเพื่อนมนุษย์..ที่กระทำกับพวกเขาไปในทิศทางใด..ระหว่างกุศลกรรมกับอกุศลกรรม...
ไม่ได้หมายความว่าพวกเค้ามีกรรม..กรรมคือการกระทำ..สิ่งที่คุนน้องเห็นคือทุกชาติกำลังสร้างกรรมกับชาวโรฮิงญา...ไปในทิศทางใด!!

นายกรัฐมนตรีเข้าใจกระแสโลกโซเชียลมีเดียในความเป็นห่วงเรื่องปัญหาผู้อพยพชาวโรฮีนจา มั่นใจคนไทยมีหลักการและมีสติ ยันดูแลผู้ลักลอบข้ามแดนทุกชนชาติและเชื้อชาติตามหลักมนุษยธรรม และไม่มีนโยบายตั้งศูนย์อพยพหรือค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศ

พลตรีสรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รู้สึกเป็นห่วงต่อกระแสในสื่อโซเชียลมีเดียขณะนี้ ที่แสดงความเห็นในทำนองไม่ต้องการให้รัฐบาลยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผู้เคลื่อนย้ายอย่างไม่ปกติในมหาสมุทรอินเดียเพราะเกรงจะกลายเป็นภาระแก่ประเทศในระยะยาว รวมทั้งกังวลเรื่องความมั่นคงของประเทศ

โดยท่านนายกได้ฝากเรียนพี่น้องประชาชนทุกท่านว่า ท่านเข้าใจความห่วงใยของคนไทยทุกคน การตัดสินใจใดๆ ของรัฐบาลจะยึดเอาประเทศชาติและประชาชนคนไทยเป็นที่ตั้ง และจะไม่ดำเนินนโยบายใดๆที่จะส่งผลกระทบต่อสวัสดิภาพและความมั่นคงของประเทศ

อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนมนุษย์และการให้ความร่วมมือกับเพื่อนบ้านก็เป็นสิ่งที่พึงกระทำในขอบเขตที่เหมาะสมและไม่เดือดร้อน ไม่ใช่เอ็นดูเขา เอ็นเราขาด ถ้าแบบนี้คงไม่ใช่แนวทางที่ถูกต้อง ในทางตรงกันข้ามการที่เราจะปฏิเสธการให้ความช่วยเหลืออย่างสิ้นเชิงก็อาจส่งผลต่อการดำรงตนในฐานะสมาชิกประชาคมโลกที่ยังต้องมีการติดต่อประสานพึ่งพากันในกรณีอื่นๆ

นายกรัฐมนตรีเชื่อมั่นว่าพี่น้องประชาชนคนไทยล้วนเข้าใจในหลักการนี้และมีสติมีความมุ่งมั่นที่จะร่วมใจกับฝ่าฝันปัญหาไปกับรัฐบาล บนความถูกต้องและดีงาม ซึ่ง ท่านนายกกล่าวเสมอว่า คิดดี ทำดี ย่อมได้ผลดี

พลตรีสรรเสริญ กล่าวต่อว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ฝากขอบคุณมายังพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนที่ส่งกำลังใจแสดงความห่วงใยเรื่องสุขภาพมายังตัวท่านนายก และรัฐบาล ที่ขณะนี้มีปัญหารุมเร้าให้ต้องแก้ไขมากมาย ท่านนายกฝากเรียนว่า ท่านมีความมุ่งมั่นเต็มที่ มีกำลังใจเต็มเปี่ยม เหนื่อยบ้าง แต่ไม่ถ้อทอย

สำหรับแนวทางการจัดการปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย ประเทศไทยยังคงใช้หลักการเดิมไม่เปลี่ยนแปลง กล่าวคือให้การดูแลตามหลักมนุษยธรรมแก่ผู้ลักลอบข้ามแดนทุกชนชาติและเชื้อชาติ โดยให้การดูแลเรื่องอาหาร ตรวจรักษาสุขภาพ และทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฏหมายของประเทศไทย เพื่อส่งกลับ ซึ่งทุกประเทศในโลกล้วนใช้แนวทางนี้ในการดำเนินการกับผู้ลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฏหมาย

ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยไม่มีนโยบายตั้งศูนย์อพยพหรือค่ายผู้ลี้ภัยในประเทศไทย เป็นเพียงการจัดหาพื้นที่ควบคุมเป็นการชั่วคราวให้ระหว่างรอเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เนื่องจากพื้นที่ของ ตม. มีการความแออัด และประเทศไทยเชื่อว่าการแก้ไขปัญหาที่สมเหตุสมผล ควรแก้ที่ต้นทางของปัญหา องค์กรนานาชาติที่มีหน้าที่ควรเข้าไปให้การช่วยเหลือพัฒนาสวัสดิภาพและคุณภาพชีวิตของผู้เคลื่อนย้ายเหล่านี้ตั้งแต่ประเทศต้นทาง เพื่อไม่ให้เกิดการเคลื่อนย้ายออกมายังประเทศอื่น

เหตุการณ์นี้...มีคนที่รับกรรม...กับ...คนที่มีกิเลส..มาเจอกัน..( ผู้อพยพ..กับ...พวกค้ามนุษย์)

คนที่กำลังรับกรรม..กำลังลอยคอเคว้งคว้า...

และ...กำลัง..รอคอย..คนที่ต้องการบำเพ็ญบารมี..ทำบุญ..ทำกุศล

การบำเพ็ญบารมี..ทำบุญ..ทำกุศล....เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนาสาธุด้วย...โดยเฉพาะ..คนที่กำลังตกทุกข์ได้ยาก

แต่ถ้า..จะมีใคร...ไม่คิดอยากบำเพ็ญบารมี..ทำบุญ..ทำกุศล...ในเหตุการณ์นี้...เราจะกล่าวโทษคนนี้..เราจะโกรธ..ไม่พอใจ..คนประเภทนี้ได้มั้ยว่า..ทำไมไม่ทำ??....

ส่วนตัวนะครับ....เราไม่น่าจะกล่าวโทษ..หรือไม่พอใจ..โกรธ...คนที่ไม่เต็มใจทำบารมี..ทำบุญ..ทำกุศล...ในกรณีนี้..ที่เราคิดจะทำ

และ...บางคนคิดจะทำ..แต่วิธีการ..ก็อาจจะแตกต่างจากเรา...เพราะแต่ละคนก็มีสภาพ..ภาวะที่ไม่เหมือนกัน...

บางท่านเป็นเจ้าหน้าที่...จะทำอะไรก็ต้องคำนึงถึงสังคมส่วนรวม....
บางคนเป็นปัจเจกชน...ก็สามารถทำอะไรก็ได้ทันที...จะบริจาคเงินซื้ออะไรให้ผู้อพยพก็ทำได้เลย....ไม่เหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ..เพราะเงินนั้นเป็นของคนทั้งประเทศ...จะทำอะไรก็ต้องมีกฎระเบียบ..กฎหมายมารองรับ...และความรับผิดชอบต่อส่วนรวม...

.เราจึงควรระมัดระมัง...ไม่ควรด่วนไปเพ่งโทษ..ใคร..ก่อน..(จริง..จริง..คือ...ต้องไม่เพ่งโทษใครทั้งนั้น...ควรเพ่งกับกิจที่เราคิดจะทำดีกว่า)..แทนที่จะได้ทำบุญ..ทำความดี...เด่วจะกลายเป็นการทำกรรมไม่ดีไป

ในกรณีนี้ที่เรา..เป็นประชาชน...เป้นปัจเจกบุคคล...คิดว่าจะทำอะไรเพื่อผ่อนคลายทุกข์เขาผู้กำลังทุกข์..ได้บ้างละ...ก็ทำทันทีเลย

คิดถึงเหตุการณ์เมื่อนานมาแล้ว....(แต่ผู้อพยพมาเล่าให้ฟัง...ในวันแม่เมื่อไม่นามมานี้..ทำให้เรา..เรา..ที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์..ได้รู้)

เพื่อนบ้าน..เกิดบ้านแตก..หนีตาย..มีของติดตัวมาเล็กน้อย..จนถึง..มาแต่ตัว...เดินเท้าเข้ามา..ทะลักแนวชายแดนตะวันออก...กำนันผู้ใหญ่บ้านเข้าไปสอบถามทันที...เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีอะไรจะกิน...ก็ประกาศบอกชาวบ้าน...มีอะไรก็เอามาช่วย...เอาข้าวมาหุ่งให้กิน...เอาเป็ดเอาไก่..เท่าที่มี..มาทำให้กินทันที..จัดที่ให้พักนอนกันตามมีตามเกิด....และ..ไม่นานเกินสัปดาห์..ก็มีของพระราชทานมาช่วย....

นานกว่าที่จะมีเจ้าหน้าที่องค์กรไหนๆ..เข้าไปช่วยซะอีก.

ผู้อพยพ..เขาซึ่งในน้ำใจชาวไทย..ตรงนี้มาก..ประทับใจเขามาจนถึงทุกวัน.

บ้านผมอยู่ชายแดน..ผมเลยไปถามผู้เฒ่าผู้แก่....ก็ยิ่งได้ภาพที่ชัดเจนมากขึ้น..ว่า...ชาวบ้านเรามีน้ำใจขนาดไหน

คุณกบฯ เขียน



เราไม่เข้าใจการทำงานของพวกเจ้าหน้าที่ พวกนี้จริงๆ
เท่าที่เราอ่านข่าวน่ะค่ะ คนที่เข้าไปช่วยผู้ตกทุกข์ได้ยาก
ไม่ว่าจะเป็นกรณีอะไรก็ช่าง พวกเจ้าหน้าที่พวกนี้เค้าต้องไปทีหลังทุกที
เหมือนตอนเด็กๆ เวลาที่ดูหนังไทย คนร้ายสู้กับพระเอก
พอคนร้ายตายหมดแล้วตำรวจมาทุกที

อองซานซูจี เรียกร้องให้รัฐบาลพม่าให้สัญชาติชาวโรฮิงญา...คุนน้องเคยเห็นชาวพม่าหน้าตาเหมือนแขก..ที่ภูเก๊ต..สงสัยแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีสัญชาติ..ไม่รู้โรฮิงญารึเปล่า..แต่คนที่เคยเจอมาอยู่ไทยตั้งแต่อายุ14 จนปาไป30+(ไม่เคยกลับประทศตนเอง )..นิสัยดีนะ..ขยัน..อดทน..แต่ไม่ชอบพูดเป็นคนเงียบๆ..ตรงไปตรงมา...
อีกคนนึงเคยเห็นเป็นชาวพม่า(สวยคมหน้าแขก)
เป็นลูกจ้างร้านเสริมสวย..สระผมดีมาก..นวดหัวสบายสุดๆๆ ถ้าเป็นแรงงานชาวโรฮิงยา..แสดงว่าพวกเขาก็โอเคนะ..โอเคกว่าพวกพม่าด้วยบอกตรงๆ..

นอกเรื่องนิดนึง..
เคยได้ยินคำพูดโบราณพูดถึงผู้หญิงงาม..ประมาณว่า..ผิวพม่านัยตาแขก..ก็เลยอยากรู้ว่าจะหน้าตาแบบไหนเลยไปเสริชหานางงามพม่า...
หน้าตาผิวพรรณ..เป็นที่นิยมทั้งไทยและเทศ คือคุนน้องชอบมากเลยนะผิวแบบนั้น..ไม่ดำไปไม่ขาวไป..ผิวสีน้ำผึ้ง..มันดูสุขภาพดี..แล้วดวงตาดำคมเข้มขนตางอนๆ
ชอบอ่ะ ..
จริงๆนะถ้าประเทศพวกเขารวมเผ่าพันธ์กัน..พวกเขาจะเป็นประเทศที่ผู้หญิงสวยสุดๆอ่ะนะ..สวยแบบว่าได้รับโหวตทั่วโลกเลยแหละ..

กรณีนี้ คนพุทธจะเลือกอะไรระหว่าง

เมตตาธรรมค้ำจุนโลก กับ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

เนื่องจากไม่ได้ติดตามลึกซึ้งกับเหตุการณ์นี้จึงไม่รู้ว่าหากออกความเห็นไปแล้วจะไปซ้ำกับแนวการแก้ปัญหาที่รัฐเขาวางไว้แล้วหรือยังแต่จะแสดงความคิดเห็นตามแนวคิดของผมเองว่าพอจะไหวไหมดังนี้ครับ

1 เนื่องจากสหประชาชาติเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือกลุ่มโรฮิงญา ดังนั้นแนวแก้ไขปัญหาอันดับแรกคือ
1-1 ให้สหประชาชาติ ออก Identity Card ให้กับชาวโรฮิงญา โดยมุ่งเน้นในเรื่องการสร้าง Identity ในกรอบของ สหประชาชาติ โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นคนของประเทศอะไรทั้งนั้น แต่เป็นการสร้างให้บุคคลที่ไม่มีสัญชาติได้มีโอกาสมีชื่อนามสกุล ภายใต้การควบคุมของสหประชาชาติและขึ้นตรงต่อสหประชาชาติว่าด้วยการดูแลเขาเหล่านั้นโดยไม่โยนปัญหาไร้บัตรประชาชนและพาสปอรต์ไปให้ประเทศใกล้เคียงเช่นไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอื่นๆ
1-2 หากสหประชาชาติปฎิเสธว่าไม่มีนโยบายสร้าง Identity ให้กับผู้ลี้ภัยเหล่านั้น ประเทศไทยเราก็สามารถโต้แย้งสหประชาชาติกลับว่า ในเมื่อแค่ทำบัตรประจำตัวคนเหล่านั้นภายใต้การควบคุมของสหประชาชาติไม่ได้ แล้วจะหวังให้ประเทศไทยรับกลุ่มคนเหล่านั้นมาดูแลมันก็แลจะเป็นการโยนปัญหาให้ประเทศไทยฝ่ายเดียว
1-3 ให้สหประชาชาติถามความตั้งใจคนเหล่านั้นว่า เขาตั้งใจจะไปอยู่ประเทศอะไรตั้งแต่แรก เพราะความแตกต่างทางศาสนาจะก่อให้เกิดปัญหาความเชื่อและศรัทธาไม่ตรงกัน โดยหากเขาเหล่านั้นเจาะจงจะไปอยู่ประเทศที่นับถือศาสนาเดียวกัน ก็ย่อมไม่เกิดความขัดแย้งกันด้านความคิด
1-4 ภายใต้การเรียกร้องให้นานาชาติช่วยเหลือด้านที่พัก สหประชาชาติก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดไม่ว่าจะด้านอาหาร ยารักษาโรค พยาบาล หมอ ค่าเดินทางลำเลียงผู้คน ต้องเป็นคนของสหประชาชาติเท่านั้น ยกเว้นแต่ว่าจะมีความสมัครใจเองของหมอ และพยาบาลจากชาติที่ช่วยเหลือ
1-5 หากสหประชาชาติปฎิเสธ ไทยเราก็ถือโอกาสนี้ว่าไม่สามารถสร้างที่พักได้เพราะประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่มีทุนเยอะ
1-6 สหประชาติต้องรับผิดชอบด้วยการจัดหาที่อยู่ใหม่ให้เขาเหล่านั้น โดยทุนของสหประชาชาติเอง หากไม่สามารถทำได้ ไทยเราก็จะส่งเขาเหล่านั้นกลับลงเรือลำเดิมที่เขาเข้ามา

2 แบ่งซอยจำนวนคนเหล่านั้นให้ประเทศละแวกใกล้เคียงรับภาระดูและไปก่อนในจำนวนเท่าๆกัน เช่นไทย 130คน มาเลเซีย 130 คน อินโด 130 คน สิงคโปร์ 130 คน เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เงื่อนไขเหล่านี้ต้องผ่านข้อที่1ก่อนคือ ทุกคนจะต้องมี Identity ของสหประชาชาติ

นี่คือความคิดเห็นของผมต่อปัญหาโรฮิงญา

ตามเก็บข้อมูลจากผู้รู้มาให้อ่านกัน

8 ข้อที่คนไทยต้องรู้! "โรฮิงญา" ไม่ได้หนีตายจากยะไข่และไม่ได้โดนหลอกลงเรือ

ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงไทยระบุว่าได้ตรวจสอบปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมืองชาวโรฮิงญาแล้ว พบว่ามีข้อเท็จจริงหลายประการที่สังคมไทยยังเข้าใจคลาดเคลื่อน

1. ชาวโรฮิงญาที่ลักลอบเข้าเมืองไม่ใช่เชื้อชาติโรฮิงญาทั้งหมดแต่มีชาวบังกลาเทศครึ่งต่อครึ่ง

2. ชาวโรฮิงญาที่หลบหนีเข้าเมืองไม่ได้มาจากรัฐยะไข่ของเมียนมาร์ทั้งหมด แต่ที่มาจากรัฐยะไข่เป็นเพียงส่วนน้อย เพราะส่วนใหญ่ตรวจสอบแล้วมาจากคอกซ์บาซา ชายแดนบังกลาเทศกับเมียนมาร์ (รัฐยะไข่) แม้แต่ชาวโรฮิงญาจากยะไข่ ก็ไปเริ่มต้นลงเรือที่คอกซ์บาซาเพราะมีขบวนการนำพารับจ้างพาลงเรือออกมา

3. ชาวโรฮิงญาที่ลักลอบเข้าไทยไม่ใช่เหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ แต่สมัครใจเดินทางมาเพื่อต้องการเข้าไปทำงานที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย หรือประเทศที่สามเพื่อหางานทำ

4. เมื่อชาวโรฮิงญาหรือบังคลาเทศเดินทางมาด้วยความสมัครใจด้วยการลงขันออกเงินค่าเดินทางกันมาเอง จึงไม่ใช่ค้ามนุษย์ แต่เป็นการลักลอบเข้าเมือง เครือข่ายที่ช่วยเหลือก็เป็นพวกขบวนการนำพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายไม่ใช่ขบวนการค้ามนุษย์

5. การจัดตั้งค่ายผู้อพยพในไทยจึงไม่จำเป็นและไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหา

6. มีค่ายใหญ่มากที่สามารถรองรับชาวโรฮิงญาได้อยู่แล้ว โดยมี 2 ค่ายอยู่ที่คอกซ์บาซา จุคนได้ร่วม 300,000 คน แต่ตอนนี้ในค่ายมีชาวโรฮิงญาอยู่แค่ราวๆ 20,000 คนเท่านั้น ฉะนั้นไทยสามารถส่งคนเหล่านี้กลับไปพำนักในค่ายดังกล่าวได้

7. สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ปล่อยปละละเลยให้ชาวโรฮิงญาที่อยู่ในค่ายที่คอกซ์บาซาหลบหนีออกมา จึงต้องมีส่วนรับผิดชอบกับปัญหาด้วย เพราะค่ายดังกล่าวอยู่ในความดูแลของยูเอ็นเอชซีอาร์

8. หลักการจัดการกับปัญหานี้ที่ถูกต้อง คือการส่งกลับไปที่ต้นทางซึ่งก็คือค่ายที่คอกซ์บาซา โดยประเด็นนี้จะถูกหยิบยกขึ้นหารือในที่ประชุมวันที่ 29 พ.ค. 58 ซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมร่วมกับนานาชาติ