วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 11:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2018, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัศจรรย์ แปลก, ประหลาด (ส. อาศฺจรฺย ป. อจฺฉิรย)

อัตตัตถะ ประโยชน์ตน, สิ่งที่เป็นคุณแก่ชีวิต ช่วยให้เป็นอยู่ด้วยดี สามารถพึ่งตน หรือเป็นที่พึ่งแก่ตนได้ ไม่ว่าจะเป็นทิฏฐัมมิกัตถะ สัมปรายิกัตถะ หรือปรมัตถะ, ความมีชีวิตและสิ่งอันเกื้อกูลหนุนให้ชีวิตเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติทั้งหลาย ทั้งทางกาย ทางสังคม ทางจิตใจ และทางปัญญา, ชีวิตที่มีคุณภาพ มีคุณค่า และมีความหมาย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2018, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ


https://koidoo.com/2018/07/22/%e0%b8%a8 ... %e0%b9%83/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2018, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แต่อีกสูตร พูดถึงการบวชด้วย จึงได้หนีออกบวช แสดงว่าคิดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย จึงได้ออกบวช แล้วได้บำเพ็ญเพียรตามที่ต่างๆ ถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แสดงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ต้องใช้เวลามากเหมือนกัน ตั้ง ๖ ปี

แต่พระเยซู พระนบีมูฮัมหมัด ไม่ต้องใช้เวลาเช่นนี้ และพระพุทธเจ้าใช้เวลาคิดค้นนานจนตรัสรู้ ที่ใต้ต้นโพธิ์พุทธคยา วันเพ็ญเดือน ๖ แล้วไปเทศนาสอนคน จนกระทั่งนิพพาน

ถ้าเราได้อ่านประวัติของพระองค์แล้ว ก็น่าจะเอามาเป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
ขอให้เราอ่านกันให้ได้ คนที่อ่านภาษาฝรั่งได้ เอาที่ฝรั่งเขาเขียนมาอ่านก็ได้ เพราะฝรั่งเขาตัดเรื่องปาฏิหาริย์ออกไป

หนังสือไทยที่ไม่มีปาฏิหาริย์ก็มีเหมือนกัน มุ่งตำนาน แต่ถ้ามุ่งเอาข้อปฏิบัติ เอาธรรมะ พุทธประวัติจริงๆ แล้วต้องอ่าน พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ซึ่งเป็นธรรมะล้วนๆ ยกเอาธรรมะที่พระองค์เคยได้ตรัสไว้ล้วนๆ มารวมกันเป็นเล่ม ซึ่งเป็นธรรมะจากชีวิตของพระพุทธเจ้า อันเป็นเรื่องน่าอ่าน ควรมีไว้อ่านเป็นเครื่องเตือนใจ จะได้รู้พระองค์ยิ่งขึ้น รู้จักวิธีการปฏิบัติของพระองค์ต่อชาวโลก เรียกว่า
อัตตสมบัติ ปรหิตสมบัติ

อัตตสมบัติ คือ ว่าดีเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า

ปรหิตสมบัติ คือ ส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อะไรบ้าง เอามานั่งอ่าน นั่งพิจารณา ยิ่งอ่านมากยิ่งรักพระพุทธเจ้ามาก ฝรั่งเขาเรียกว่า The More I Know Him The More I Love Him ยิ่งรู้จักพระองค์มากเท่าใด ยิ่งรักพระองค์มากเท่านั้น อันนี้เป็นความจริง เวลาเกิดความท้อถอย อ่อนอกอ่อนใจ อ่านพุทธประวัติแล้วใจมันจะขึงขังจะได้กำลังใจขึ้น หรือว่า เวลามีความทุกข์ก็เอาอ่าน ค่อยคลายจากความทุกข์ความเดือดร้อน นี่อย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง เราหยิบขึ้นมาทีละบทมาพิจารณา เช่น หยิบบทว่า อะระหัง หมายความอย่างไร นั่งคิดนั่งนึก ให้เห็นความหมายของคำว่า อะระหัง โดยชัดเจน แล้วก็เอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป เอาเป็นตัวอย่างนั้น เราก็หยิบเอามาพิจารณาเป็นเรื่องๆ ในเวลาที่เราว่างหรือในเวลาที่มันยุ่งๆใจ ไม่สบายใจ มานั่งนึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า มันได้ประโยชน์

พระพุทธรูปเขาทำไว้งามๆ ก็เพื่อเป็นภาพล่อตาล่อใจให้เราได้ไปนั่งดู แล้วก็เกิดความเพลิดเพลินทางใจ แล้วจะได้คิดถึงความงามความดีของพระพุทธเจ้าต่อไป อย่างนี้ เรียกว่า เจริญพุทธานุสสติ ทำได้ทุกโอกาส ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ นั่งรถไปตามทางก็ทำได้ เดินก็ทำได้ เดินกับพระพุทธเจ้า นั่งกับพระพุทธเจ้า นอนกับพระพุทธเจ้า เพราะเราคิดถึงพระพุทธองค์ ก็เรียกว่าอยู่กับพระพุทธเจ้า

ขณะใดที่ใจเราอยู่กับพระพุทธเจ้า มารไม่รบกวน บาปไม่เกิด เพราะว่าอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วมารจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงควรจะได้ระลึกถึงทั้งสองแง่บ่อยๆ เรียกว่า พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า

rolleyes
จำแต่ชื่อแต่เรื่องราวไม่รู้ว่าความจริงของตนเองอยู่ที่ไหน
ถ้าผลไม้มีให้เลือกมากมายกินทีเดียวครบทุกชนิดไหมคะ
ต้องกินทีละชนิดทุกวันกินบ่อยๆทุกวันถึงจะเรียกว่ากินถูกได้ประโยชน์
เพื่อให้ร่ายกายได้ประโยชน์ดูดซึมเอาไปใช้ได้เหมือนคำสอนต้องฟังทุกวันให้เข้าใจจนจรดกระดูก
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ย. 2018, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แต่อีกสูตร พูดถึงการบวชด้วย จึงได้หนีออกบวช แสดงว่าคิดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย จึงได้ออกบวช แล้วได้บำเพ็ญเพียรตามที่ต่างๆ ถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แสดงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ต้องใช้เวลามากเหมือนกัน ตั้ง ๖ ปี

แต่พระเยซู พระนบีมูฮัมหมัด ไม่ต้องใช้เวลาเช่นนี้ และพระพุทธเจ้าใช้เวลาคิดค้นนานจนตรัสรู้ ที่ใต้ต้นโพธิ์พุทธคยา วันเพ็ญเดือน ๖ แล้วไปเทศนาสอนคน จนกระทั่งนิพพาน

ถ้าเราได้อ่านประวัติของพระองค์แล้ว ก็น่าจะเอามาเป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
ขอให้เราอ่านกันให้ได้ คนที่อ่านภาษาฝรั่งได้ เอาที่ฝรั่งเขาเขียนมาอ่านก็ได้ เพราะฝรั่งเขาตัดเรื่องปาฏิหาริย์ออกไป

หนังสือไทยที่ไม่มีปาฏิหาริย์ก็มีเหมือนกัน มุ่งตำนาน แต่ถ้ามุ่งเอาข้อปฏิบัติ เอาธรรมะ พุทธประวัติจริงๆ แล้วต้องอ่าน พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ซึ่งเป็นธรรมะล้วนๆ ยกเอาธรรมะที่พระองค์เคยได้ตรัสไว้ล้วนๆ มารวมกันเป็นเล่ม ซึ่งเป็นธรรมะจากชีวิตของพระพุทธเจ้า อันเป็นเรื่องน่าอ่าน ควรมีไว้อ่านเป็นเครื่องเตือนใจ จะได้รู้พระองค์ยิ่งขึ้น รู้จักวิธีการปฏิบัติของพระองค์ต่อชาวโลก เรียกว่า
อัตตสมบัติ ปรหิตสมบัติ

อัตตสมบัติ คือ ว่าดีเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า

ปรหิตสมบัติ คือ ส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อะไรบ้าง เอามานั่งอ่าน นั่งพิจารณา ยิ่งอ่านมากยิ่งรักพระพุทธเจ้ามาก ฝรั่งเขาเรียกว่า The More I Know Him The More I Love Him ยิ่งรู้จักพระองค์มากเท่าใด ยิ่งรักพระองค์มากเท่านั้น อันนี้เป็นความจริง เวลาเกิดความท้อถอย อ่อนอกอ่อนใจ อ่านพุทธประวัติแล้วใจมันจะขึงขังจะได้กำลังใจขึ้น หรือว่า เวลามีความทุกข์ก็เอาอ่าน ค่อยคลายจากความทุกข์ความเดือดร้อน นี่อย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง เราหยิบขึ้นมาทีละบทมาพิจารณา เช่น หยิบบทว่า อะระหัง หมายความอย่างไร นั่งคิดนั่งนึก ให้เห็นความหมายของคำว่า อะระหัง โดยชัดเจน แล้วก็เอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป เอาเป็นตัวอย่างนั้น เราก็หยิบเอามาพิจารณาเป็นเรื่องๆ ในเวลาที่เราว่างหรือในเวลาที่มันยุ่งๆใจ ไม่สบายใจ มานั่งนึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า มันได้ประโยชน์

พระพุทธรูปเขาทำไว้งามๆ ก็เพื่อเป็นภาพล่อตาล่อใจให้เราได้ไปนั่งดู แล้วก็เกิดความเพลิดเพลินทางใจ แล้วจะได้คิดถึงความงามความดีของพระพุทธเจ้าต่อไป อย่างนี้ เรียกว่า เจริญพุทธานุสสติ ทำได้ทุกโอกาส ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ นั่งรถไปตามทางก็ทำได้ เดินก็ทำได้ เดินกับพระพุทธเจ้า นั่งกับพระพุทธเจ้า นอนกับพระพุทธเจ้า เพราะเราคิดถึงพระพุทธองค์ ก็เรียกว่าอยู่กับพระพุทธเจ้า

ขณะใดที่ใจเราอยู่กับพระพุทธเจ้า มารไม่รบกวน บาปไม่เกิด เพราะว่าอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วมารจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงควรจะได้ระลึกถึงทั้งสองแง่บ่อยๆ เรียกว่า พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า

rolleyes
จำแต่ชื่อแต่เรื่องราวไม่รู้ว่าความจริงของตนเองอยู่ที่ไหน
ถ้าผลไม้มีให้เลือกมากมายกินทีเดียวครบทุกชนิดไหมคะ
ต้องกินทีละชนิดทุกวันกินบ่อยๆทุกวันถึงจะเรียกว่ากินถูกได้ประโยชน์
เพื่อให้ร่ายกายได้ประโยชน์ดูดซึมเอาไปใช้ได้เหมือนคำสอนต้องฟังทุกวันให้เข้าใจจนจรดกระดูก



อ่านหนังสือไม่แตก

https://www.matichon.co.th/wp-content/u ... %B8%87.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 11:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แต่อีกสูตร พูดถึงการบวชด้วย จึงได้หนีออกบวช แสดงว่าคิดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย จึงได้ออกบวช แล้วได้บำเพ็ญเพียรตามที่ต่างๆ ถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แสดงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ต้องใช้เวลามากเหมือนกัน ตั้ง ๖ ปี

แต่พระเยซู พระนบีมูฮัมหมัด ไม่ต้องใช้เวลาเช่นนี้ และพระพุทธเจ้าใช้เวลาคิดค้นนานจนตรัสรู้ ที่ใต้ต้นโพธิ์พุทธคยา วันเพ็ญเดือน ๖ แล้วไปเทศนาสอนคน จนกระทั่งนิพพาน

ถ้าเราได้อ่านประวัติของพระองค์แล้ว ก็น่าจะเอามาเป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
ขอให้เราอ่านกันให้ได้ คนที่อ่านภาษาฝรั่งได้ เอาที่ฝรั่งเขาเขียนมาอ่านก็ได้ เพราะฝรั่งเขาตัดเรื่องปาฏิหาริย์ออกไป

หนังสือไทยที่ไม่มีปาฏิหาริย์ก็มีเหมือนกัน มุ่งตำนาน แต่ถ้ามุ่งเอาข้อปฏิบัติ เอาธรรมะ พุทธประวัติจริงๆ แล้วต้องอ่าน พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ซึ่งเป็นธรรมะล้วนๆ ยกเอาธรรมะที่พระองค์เคยได้ตรัสไว้ล้วนๆ มารวมกันเป็นเล่ม ซึ่งเป็นธรรมะจากชีวิตของพระพุทธเจ้า อันเป็นเรื่องน่าอ่าน ควรมีไว้อ่านเป็นเครื่องเตือนใจ จะได้รู้พระองค์ยิ่งขึ้น รู้จักวิธีการปฏิบัติของพระองค์ต่อชาวโลก เรียกว่า
อัตตสมบัติ ปรหิตสมบัติ

อัตตสมบัติ คือ ว่าดีเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า

ปรหิตสมบัติ คือ ส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อะไรบ้าง เอามานั่งอ่าน นั่งพิจารณา ยิ่งอ่านมากยิ่งรักพระพุทธเจ้ามาก ฝรั่งเขาเรียกว่า The More I Know Him The More I Love Him ยิ่งรู้จักพระองค์มากเท่าใด ยิ่งรักพระองค์มากเท่านั้น อันนี้เป็นความจริง เวลาเกิดความท้อถอย อ่อนอกอ่อนใจ อ่านพุทธประวัติแล้วใจมันจะขึงขังจะได้กำลังใจขึ้น หรือว่า เวลามีความทุกข์ก็เอาอ่าน ค่อยคลายจากความทุกข์ความเดือดร้อน นี่อย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง เราหยิบขึ้นมาทีละบทมาพิจารณา เช่น หยิบบทว่า อะระหัง หมายความอย่างไร นั่งคิดนั่งนึก ให้เห็นความหมายของคำว่า อะระหัง โดยชัดเจน แล้วก็เอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป เอาเป็นตัวอย่างนั้น เราก็หยิบเอามาพิจารณาเป็นเรื่องๆ ในเวลาที่เราว่างหรือในเวลาที่มันยุ่งๆใจ ไม่สบายใจ มานั่งนึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า มันได้ประโยชน์

พระพุทธรูปเขาทำไว้งามๆ ก็เพื่อเป็นภาพล่อตาล่อใจให้เราได้ไปนั่งดู แล้วก็เกิดความเพลิดเพลินทางใจ แล้วจะได้คิดถึงความงามความดีของพระพุทธเจ้าต่อไป อย่างนี้ เรียกว่า เจริญพุทธานุสสติ ทำได้ทุกโอกาส ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ นั่งรถไปตามทางก็ทำได้ เดินก็ทำได้ เดินกับพระพุทธเจ้า นั่งกับพระพุทธเจ้า นอนกับพระพุทธเจ้า เพราะเราคิดถึงพระพุทธองค์ ก็เรียกว่าอยู่กับพระพุทธเจ้า

ขณะใดที่ใจเราอยู่กับพระพุทธเจ้า มารไม่รบกวน บาปไม่เกิด เพราะว่าอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วมารจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงควรจะได้ระลึกถึงทั้งสองแง่บ่อยๆ เรียกว่า พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า

rolleyes
จำแต่ชื่อแต่เรื่องราวไม่รู้ว่าความจริงของตนเองอยู่ที่ไหน
ถ้าผลไม้มีให้เลือกมากมายกินทีเดียวครบทุกชนิดไหมคะ
ต้องกินทีละชนิดทุกวันกินบ่อยๆทุกวันถึงจะเรียกว่ากินถูกได้ประโยชน์
เพื่อให้ร่ายกายได้ประโยชน์ดูดซึมเอาไปใช้ได้เหมือนคำสอนต้องฟังทุกวันให้เข้าใจจนจรดกระดูก



อ่านหนังสือไม่แตก

https://www.matichon.co.th/wp-content/u ... %B8%87.jpg

:b12:
นี่คุณตีความตามคำตถาคตไม่แตกแปลว่ามีกิเลสอาสาวะนอนเนื่องมาเยอะที่ไหลให้เห็นอยู่นี่แหละมีกิเลสอยู่
จนกว่าเริ่มฟังมีปัญญาจึงจะมีกำลังโผล่ขึ้นมาหายใจน๊ารู้ไหมต้องคิดให้ตรงขณิกมรณะกำลังตายทุกขณะ
เพราะสภาพธรรมกำลังปรากฏให้เห็นตลอดเวลาแต่อวิชชารู้ไม่ได้เพราะยังหลงสมมุติที่มีเยอะมากอยู่ไง
ไม่ละสิ่งที่เห็นเพื่อรู้ตามการฟังเพื่อเข้าใจถูกตามได้ทีละคำแปลว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้นฉันจะเอาตามที่รู้ไม่ฟังเลย
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.ย. 2018, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แต่อีกสูตร พูดถึงการบวชด้วย จึงได้หนีออกบวช แสดงว่าคิดถึงเรื่อง แก่ เจ็บ ตาย จึงได้ออกบวช แล้วได้บำเพ็ญเพียรตามที่ต่างๆ ถึง ๖ ปี จึงได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า แสดงว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้ต้องใช้เวลามากเหมือนกัน ตั้ง ๖ ปี

แต่พระเยซู พระนบีมูฮัมหมัด ไม่ต้องใช้เวลาเช่นนี้ และพระพุทธเจ้าใช้เวลาคิดค้นนานจนตรัสรู้ ที่ใต้ต้นโพธิ์พุทธคยา วันเพ็ญเดือน ๖ แล้วไปเทศนาสอนคน จนกระทั่งนิพพาน

ถ้าเราได้อ่านประวัติของพระองค์แล้ว ก็น่าจะเอามาเป็นตัวอย่างในชีวิตประจำวัน
ขอให้เราอ่านกันให้ได้ คนที่อ่านภาษาฝรั่งได้ เอาที่ฝรั่งเขาเขียนมาอ่านก็ได้ เพราะฝรั่งเขาตัดเรื่องปาฏิหาริย์ออกไป

หนังสือไทยที่ไม่มีปาฏิหาริย์ก็มีเหมือนกัน มุ่งตำนาน แต่ถ้ามุ่งเอาข้อปฏิบัติ เอาธรรมะ พุทธประวัติจริงๆ แล้วต้องอ่าน พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ ซึ่งเป็นธรรมะล้วนๆ ยกเอาธรรมะที่พระองค์เคยได้ตรัสไว้ล้วนๆ มารวมกันเป็นเล่ม ซึ่งเป็นธรรมะจากชีวิตของพระพุทธเจ้า อันเป็นเรื่องน่าอ่าน ควรมีไว้อ่านเป็นเครื่องเตือนใจ จะได้รู้พระองค์ยิ่งขึ้น รู้จักวิธีการปฏิบัติของพระองค์ต่อชาวโลก เรียกว่า
อัตตสมบัติ ปรหิตสมบัติ

อัตตสมบัติ คือ ว่าดีเฉพาะองค์พระพุทธเจ้า

ปรหิตสมบัติ คือ ส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น อะไรบ้าง เอามานั่งอ่าน นั่งพิจารณา ยิ่งอ่านมากยิ่งรักพระพุทธเจ้ามาก ฝรั่งเขาเรียกว่า The More I Know Him The More I Love Him ยิ่งรู้จักพระองค์มากเท่าใด ยิ่งรักพระองค์มากเท่านั้น อันนี้เป็นความจริง เวลาเกิดความท้อถอย อ่อนอกอ่อนใจ อ่านพุทธประวัติแล้วใจมันจะขึงขังจะได้กำลังใจขึ้น หรือว่า เวลามีความทุกข์ก็เอาอ่าน ค่อยคลายจากความทุกข์ความเดือดร้อน นี่อย่างหนึ่ง

อีกอย่างหนึ่ง เราหยิบขึ้นมาทีละบทมาพิจารณา เช่น หยิบบทว่า อะระหัง หมายความอย่างไร นั่งคิดนั่งนึก ให้เห็นความหมายของคำว่า อะระหัง โดยชัดเจน แล้วก็เอามาใช้เป็นหลักปฏิบัติต่อไป เอาเป็นตัวอย่างนั้น เราก็หยิบเอามาพิจารณาเป็นเรื่องๆ ในเวลาที่เราว่างหรือในเวลาที่มันยุ่งๆใจ ไม่สบายใจ มานั่งนึกถึงพระพุทธเจ้าดีกว่า มันได้ประโยชน์

พระพุทธรูปเขาทำไว้งามๆ ก็เพื่อเป็นภาพล่อตาล่อใจให้เราได้ไปนั่งดู แล้วก็เกิดความเพลิดเพลินทางใจ แล้วจะได้คิดถึงความงามความดีของพระพุทธเจ้าต่อไป อย่างนี้ เรียกว่า เจริญพุทธานุสสติ ทำได้ทุกโอกาส ไม่จำกัดเวลา ไม่จำกัดสถานที่ นั่งรถไปตามทางก็ทำได้ เดินก็ทำได้ เดินกับพระพุทธเจ้า นั่งกับพระพุทธเจ้า นอนกับพระพุทธเจ้า เพราะเราคิดถึงพระพุทธองค์ ก็เรียกว่าอยู่กับพระพุทธเจ้า

ขณะใดที่ใจเราอยู่กับพระพุทธเจ้า มารไม่รบกวน บาปไม่เกิด เพราะว่าอยู่กับพระพุทธเจ้าแล้วมารจะเกิดขึ้นได้อย่างไร จึงควรจะได้ระลึกถึงทั้งสองแง่บ่อยๆ เรียกว่า พุทธานุสสติ ระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า

rolleyes
จำแต่ชื่อแต่เรื่องราวไม่รู้ว่าความจริงของตนเองอยู่ที่ไหน
ถ้าผลไม้มีให้เลือกมากมายกินทีเดียวครบทุกชนิดไหมคะ
ต้องกินทีละชนิดทุกวันกินบ่อยๆทุกวันถึงจะเรียกว่ากินถูกได้ประโยชน์
เพื่อให้ร่ายกายได้ประโยชน์ดูดซึมเอาไปใช้ได้เหมือนคำสอนต้องฟังทุกวันให้เข้าใจจนจรดกระดูก



อ่านหนังสือไม่แตก

https://www.matichon.co.th/wp-content/u ... %B8%87.jpg

:b12:
นี่คุณตีความตามคำตถาคตไม่แตกแปลว่ามีกิเลสอาสาวะนอนเนื่องมาเยอะที่ไหลให้เห็นอยู่นี่แหละมีกิเลสอยู่
จนกว่าเริ่มฟังมีปัญญาจึงจะมีกำลังโผล่ขึ้นมาหายใจน๊ารู้ไหมต้องคิดให้ตรงขณิกมรณะกำลังตายทุกขณะ
เพราะสภาพธรรมกำลังปรากฏให้เห็นตลอดเวลาแต่อวิชชารู้ไม่ได้เพราะยังหลงสมมุติที่มีเยอะมากอยู่ไง
ไม่ละสิ่งที่เห็นเพื่อรู้ตามการฟังเพื่อเข้าใจถูกตามได้ทีละคำแปลว่าไม่รู้อะไรทั้งนั้นฉันจะเอาตามที่รู้ไม่ฟังเลย
:b32: :b32:


เพ้อเจ้อ :b16: นิพ คำหนึ่ง พาน คำหนึ่ง ส คำหนึ่ง ติ คำหนึ่ง ฟุ้งซ่าน ยังไม่รู้ตัวอีก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร