พลเอก นิวัตร ผู้ช่วย รมต.ยุติธรรม บอก บวชเณร ช่วยพัฒนาเยาวชน และสังคม

http://f.ptcdn.info/564/041/000/o56dgag ... jEOv-o.jpg



อดคิดถึงเรื่องที่โฮฮับปริวิตกไม่ได้ คิกๆๆ

http://f.ptcdn.info/611/041/000/o59fpbp ... GuJs-o.jpg

ช่วงปิดเทอมวัดที่จัดบวชสามเณร สมภารวัดต้องรับภาระธุระจัดหาค่าใช้จ่ายกันเอง ภาครัฐไม่มีงบให้

เขาก็มีการบวชสามเณร



สามเณร แปลว่า เหล่ากอสมณะ

http://avax.news/fact/Children_Becoming ... Seoul.html

http://pantip.com/topic/35025736

แต่ผู้ใหญ่บางคนเกิดอาการดร่าม่าเข้าเส้น อยู่ดีๆเอาเด็กมาโกนหัว
ผิดกับพ่อแม่ของเด็กพวกนี้....รู้จักแยกแยะวัยของเด็ก

ควรให้ลูกหลานหันเข้าหาศาสนาแต่เล็กๆ ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

เต้นแร้งเต้นกาอย่างนั้นในสังคมมีเกินพอแล้ว

อีกอย่าง ก็มิใช่ให้เขาบวชตลอดชีวิต แค่ 10 วัน 15 วัน ทนไม่ได้ ชีวิตภายหน้าจะทนอะไรได้ล่ะ

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา จะต้องมีความเข้าใจในคำสอนของพระพุทธองค์
แม้ตัวผู้ใหญ่หรือนักบวชส่วนใหญ่ยังไม่มีความเข้าใจเลย แล้วจะสัมหาอะไรกับเด็ก

เรื่องจริยธรรมตัวพ่อแม่นั้นแหล่ะต้องเป็นผู้สอน

กรัชกายนี่มันมั่วไม่เลิก!!!

เขาก็ทำกันอยู่นั่นไง คิกๆๆ

พระพุทธศาสนา เป็นศาสนาแห่ง ศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นศาสนาแห่ง ทาน ศีล ภาวนา

จะเอาแต่ปัญญาอย่างเดียวแบบโฮฮับมโน เรียกว่า ปัญญาบ้าๆบอๆ ปัญญาอ่อน ปัญญาติ๋งต๋อง

งั้นหรือ!!! เห็นก๊อปปี้บทความชาวบ้านมาโพสตลอด

บทความนั้นต้องมีหลักฐานอ้างอิงกรัชกายจะเอาจะอ่านจะจำ แล้วก็นำมาเผยแพร่

มิใช่มั่วๆตีความเองตามที่ความฟุ้งซ่านบอกให้ อย่างโฮฮับน้า คิกๆๆ

ประเด็นของกรัชกายมันอยู่ที่ ไม่มีความคิดอ่านเป็นของตนเอง อุปมาก็เปรียบเหมือนนกแก้วนกขุนทอง
มนุษย์สอนให้พูดอะไรก็พูดไปเรื่อย หาได้เข้าใจในสิ่งที่ตนพูดไม่ ....นี่และคือเหตุผลที่พี่โฮบอกว่า
กรัชกายมันได้แต่ก๊อปปี้บทความชาวบ้านเขา หาได้มีสติปัญญาเป็นของตนเองไม่
กรัชกายหาได้มีราคาในสายตาพี่โฮเลย

และอีกเป็นเด็นก็คือ......ไอ้ที่บอกว่าหลักฐานอ้างอิงที่ว่า จะแน่ใจได้ไงว่าหลักฐานที่เอามาโพส
มันจะไม่มั่วก็เห็นๆอยู่ว่า......มันมั่ว พอพี่โฮแสดงความเห็นแย้ง กรัชกายทำได้แค่ด่าพี่โฮว่า...ไอ้บ้า

แบบนี้หรือที่เรียกมีปัญญา เป็นตัวตลกมากกว่ามั้ง

แล้วจะให้ด่าว่าไง ก็บ้าจริงๆ คิกๆๆ

เอาง่ายๆ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา โฮฮับว่า เป็นบุคคล ไม่ใช่คน ต้องให้บ้าก่อน จึงเรียก "คน" ถ้าคิดยังงี้ อย่าคิดดีกว่า คิดบ้าๆ

พอไปกับกระทู้ได้ ลงไว้ที่นี่เลย

เพื่อให้มีหลักคิดทางพุทธธรรม จะไม่มั่วซั้วจนเกินเกินไป โฮฮับ ควรเอาอย่างน้องเค้านะ

http://f.ptcdn.info/253/035/000/1441706422-s-o.jpg

น.ส.สุกัญญา เจริญวีรกุล นิสิตชั้นปีที่ 4 คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาภาษาบาลีและสันสกฤต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้เรียนบาลีศึกษา สำนักเรียนวัดสามพระยา กล่าวว่า สาเหตุที่เรียนภาษาบาลีจริงจังเพราะชอบมาตั้งแต่วัยเยาว์ และอยากเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า จึงเริ่มเรียนไวยากรณ์ที่สำนักเรียนวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ และต่อยอดการเรียนในประโยคที่สูงขึ้นที่สำนักเรียนวัดสามพระยา และเมื่อแม่กองบาลีฯ เปิดสนามสอบเป็นปีแรก ตนจึงลงสอบบาลีศึกษา 6 ประโยค เมื่อผลสอบปรากฏว่าผ่าน ต่อมาจึงเข้ารับพัดเป็นปีแรกที่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ


"ประโยชน์ของการเรียนภาษาบาลีในโรงเรียนพระปริยัติธรรม คือ ได้ศึกษาโครงสร้างของภาษาและได้สืบทอดพระพุทธศาสนา ที่สำคัญการเรียนภาษาบาลีในทางธรรมช่วยเกื้อกูลกับสาขาวิชาทางโลก แม้การเรียนทั้ง 2 รูปแบบไวยากรณ์จะไม่ต่างกันมาก แต่มิติของภาษาจะช่วยให้เข้าใจกฎเกณฑ์ภาษามากขึ้น การเรียนภาษาบาลีอาจยากสำหรับฆราวาส แต่ถ้าผู้เรียนมีความมุ่งมั่นและพยายามทำความเข้าใจ เชื่อว่าทุกคนสามารถเรียนได้ และขณะนี้ตนกำลังเรียนบาลีศึกษา 7 ประโยค" น.ส.สุกัญญากล่าว

http://www.matichon.co.th/news_detail.p ... 1441638601


http://www.khaosod.co.th/view_newsonlin ... um=twitter

ใครบอกหนูว่าเรียนบาลีแล้ว จะเข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้า.......มั่วแล้ว
บาลีมันก็เป็นภาษาๆภาษาหนึ่ง เรียนไปก็ได้แค่หลักความรู้ทางภาษาศาสตร์...ไม่เกี่ยวกับธรรมที่พระพุทธทรงสอน

ถ้าคิดแบบยัยหนูคนนี้ แถวบางปะอินและแถวท่าเตียนคงมีอรหันต์เดินกันให้เกลื่อน
ใครจบเปรียญเก้าก็เป็นอรหันต์ แปดเป็นอนาคามี เจ็ดเป็นสกิทาคา ตั้งแต่หกลงไปเป็นโสดาบัน

เลอะเทอะ!