วันเวลาปัจจุบัน 15 ส.ค. 2025, 17:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 12:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่

มรรคตามคำสอนพระพุทธองค์
ที่เราศึกษาถือปฏิบัตินั้นไม่มีอะไรที่จะเป็นเรื่องน่าสงสัย

ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ยกตัวอย่าง
ข้อแรก สัมมาทิฐิ หรือ ความเห็นชอบ/ไม่เห็นผิด ข้อสัย แล้วเราจะเห็นชอบได้อย่างไร "อย่างไร" "ทำอย่างไร" แน่นอนต้องหาเหตุใช่ไหมครับเหมือนเรียนวิทยาศาสตร์
ส่วนผลออกมา คือ มีสัมมาทิฐิ
แล้วอย่างนี้ท่านผู้รู้จะเห็นมรรคมีองค์ 8 เป็นแนวปฏิบัติได้อย่างไรครับ มรรค คือ ผล
เคยได้ยินคำว่า มรรคผล ไหมครับ

ส่วนตัวอย่างที่คุณยกมา
เป็น การมองเห็นในมุมมองของคุณน่ะ
เราไม่ได้มีความเห็นอย่างนั้น
เราไม่ได้เดินมรรคในลักษณะนั้น


แล้วท่านเดินมรรคในลักษณะอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ
มรรค 8 เหมือนกับ ศีลข้อห้ามตรงที่ว่า คือไปปฏิบัติที่ผล หรือ ปลายของมัน
เช่น ห้ามกินเหล้า ไปหยุดการดื่มเหล้า แต่ใจ และวาจายังละไม่ได้ เช่น (พูดออกมาว่า หิวเหล้าโ้้ว้ยขณะอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษา) ศีลไม่บริสุทธิ์นะครับ

มรรค 8 ก็เหมือนกัน ไปเอาผลมาเป็นแนวการปฏิบัติ
ที่จริงแล้วต้อง วิปัสสนาภาวนา เป็นแนวปฏิบัติ แล้วเอาปัญญามาดับเหตุแห่งทุกข์ ก็คือ ข้อ 3 ของอริยสัจ 4 นั้นเอง คือ นิโรธ วิธีการดับทุกข์ หรือ ความดับทุกข์ที่ทุกท่านเข้าใจกัน


แก้ไขล่าสุดโดย ไม่เที่ยง เกิดดับ เมื่อ 09 ม.ค. 2012, 12:19, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 12:07 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ผมตอบปัญหาไม่ได้หรอกครับ ผมปฏิบัติไปอีกแนวทางหนึ่ง ผมรู้ และเห็นได้เฉพาะในสิ่งที่ศึกษา และปฏิบัติมาเท่านั้น คลื่นสัญญาณไม่ตรงกันจูนไม่เข้ากันหรอกครับ


เราสอนท่านไม่ได้หรอก
เพราะ ทางเดินที่เราเดิน ท่านปฏิเสธมันมาแต่ไหนแล้ว

:b1:

และเราก็ไม่เคยเห็นธรรมที่พระพุทธองค์สอน
สะท้อนแนวไปในทาง "หนีทุกข์ไปหาสุข"
และ บทความของท่านทั้งหลายแหล่
ก็สะท้อนทิศทางเช่นนั้นตลอด คือปฏิเสธสิ่งหนึ่ง ไปยึดอีกสิ่งหนึ่ง
ทิ้งอารมณ์หนึ่ง ไปจับอีกอารมณ์หนึ่ง
อันเป็นการทิ้งแบบ มีแรงเจตนาอันมี ปฏิฆะเป็นแรงผลักดัน
เมื่อทิ้งอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไปอยู่ในอารมณ์ที่พอใจได้มากขึ้น
ก็คือ เสพติดอารมณ์
การเปลี่ยนอารมณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องง่าย
ไม่ต้องใช้คำว่า "ไม่เที่ยงเกิดดับ" ใช้คำว่า "ช่างหัวมัน" จนเสพคุ้น
ก็ให้ผลเป็นได้เช่นเดียวกัน
และเราก็ยังไม่เห็นว่า เป็นเรื่อง วิปัสสนา

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 12:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับพี่ๆทุกท่าน :b8:
**ขอผมแบ่งบันเรื่อง มรรคผล ด้วยคนนะครับ
**ในความรู้ของผมนั้น"มรรคและผล" เป็นเพียงสมมติบัญญัติที่จะแยกออกมาให้เราเห็นได้ชัดเจน ดังเช่นกฏไตรลักษณ์"อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา" แต่โดยสภาวะแล้วทั้งมรรคผลและไตรลักษณ์ เมื่อถึงหรือเห็นแล้วเราก็จะรู้ได้ว่ามันเกิดขึ้นมาพร้อมกันทันที เมื่อเข้าถึงมรรคก็ถึงผลทันที เมื่อเราเห็นอนิจจังเราก็จะเห็นทุกขังและอนัตตาพร้อมๆกันเช่นเดียวกัน
**แต่โดยธรรมดาแล้วพวกเรามักจะจำเอาแต่สมมติบัญญัติมายึดและคาดเดาเอาว่าต้องเรียงตามลำดับ 123 ซึ่งความยึดนั่นแหละตัวขวางทางธรรมและปัญญาเราดีๆนี่เอง
**แต่ผมเองก็ยึดถือเอาว่ามรรคคือ ทาง แนวทาง วิถีทาง เส้นทาง เข็มทิศนำทาง หลักนำทาง ที่จะพาผมเข้าใกล้หรือไปสู่จุดหมายที่ปลายทางที่ๆมีความรู้อันยอดเยี่ยมนั้นรออยู่ครับ
ขอบคุณครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:22 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ผมตอบปัญหาไม่ได้หรอกครับ ผมปฏิบัติไปอีกแนวทางหนึ่ง ผมรู้ และเห็นได้เฉพาะในสิ่งที่ศึกษา และปฏิบัติมาเท่านั้น คลื่นสัญญาณไม่ตรงกันจูนไม่เข้ากันหรอกครับ


เราสอนท่านไม่ได้หรอก
เพราะ ทางเดินที่เราเดิน ท่านปฏิเสธมันมาแต่ไหนแล้ว

:b1:

และเราก็ไม่เคยเห็นธรรมที่พระพุทธองค์สอน
สะท้อนแนวไปในทาง "หนีทุกข์ไปหาสุข"
และ บทความของท่านทั้งหลายแหล่
ก็สะท้อนทิศทางเช่นนั้นตลอด คือปฏิเสธสิ่งหนึ่ง ไปยึดอีกสิ่งหนึ่ง
ทิ้งอารมณ์หนึ่ง ไปจับอีกอารมณ์หนึ่ง
อันเป็นการทิ้งแบบ มีแรงเจตนาอันมี ปฏิฆะเป็นแรงผลักดัน
เมื่อทิ้งอารมณ์ที่ไม่พอใจ ไปอยู่ในอารมณ์ที่พอใจได้มากขึ้น
ก็คือ เสพติดอารมณ์
การเปลี่ยนอารมณ์เช่นนี้ เป็นเรื่องง่าย
ไม่ต้องใช้คำว่า "ไม่เที่ยงเกิดดับ" ใช้คำว่า "ช่างหัวมัน" จนเสพคุ้น
ก็ให้ผลเป็นได้เช่นเดียวกัน
และเราก็ยังไม่เห็นว่า เป็นเรื่อง วิปัสสนา

:b1:


คำไม่เที่ยง เกิดดับ มาจากคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา /เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เพื่อให้ง่าย และสั้นก็ใช้เพียงแค่ "ไม่เที่ยง เกิดดับ"
ถ้าไม่ใช้คำนี้ผู้ปฏิบัติก็จะไม่รู้ความจริง เป็นการฝึกเริ่มต้นเพื่อสร้างภูมิธรรมก่อน แต่ต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน ว่า สรรพสิ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายดับไปเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งไหนเกิดขึ้นลอยๆ เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราวสุดท้ายแตกสลายหายไป ไม่คงทนถาวร ไม่มีตัวตน
ใช้คำว่า "ช่างหัวมัน" อันนี้เรียกว่า "ปลง" หรือ " ไม่สนใจ" คำนี้ใช้ดับความพอใจ ไม่พอใจ ไม่ได้นะครับ
ยกตัวอย่าง มีคนด่าเรา 5 ครั้ง ครั้งที่ 1- 5 เราปลง เรายังไม่โกรธ แต่ครั้งที่ 6 7 8 9 เราต้องโกรธอย่างแน่นอน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีลิมิตของมันอยู่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:24 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้มีธรรมช่วยอธิบายลักษณะแก้วน้ำใบนี้หน่อยครับ

รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:27 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


แล้วผู้ ไม่เที่ยง เกิดดับ จะเอาคำอธิบายไปทำอะไรล่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:30 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


จะเเอาแก้วน้ำไปนิพพานด้วยเหร๋อ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ก.ย. 2010, 09:07
โพสต์: 761

แนวปฏิบัติ: อานาปาฯ
งานอดิเรก: ศึกษาพุทธธรรม
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม
ชื่อเล่น: ปลีกวิเวก
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กำลังจะไปดูบอล....

คุณว่า...ดูบอลไปวิปัสสนาไปได้รึเปล่า???

เดียวกลับมาชม :b32: :b32:


วิปัสสนาเมื่อมีอะไรมากระทบ เห็นลูกฟุตบอล ฟุตบอลไม่เที่ยง เกิดดับ กรรมการไม่เที่ยง เกิดดับ
คนเตะฟุตบอล ไม่เที่ยง เกิดดับ คนเชียร์ไม่เที่ยง เกิดดับ เสียงเชียร์ ไม่เที่ยง เกิดดับ
ใจคิดลึกไม่เที่ยง เกิดดับ ได้กลิ่นควัน กลิ่นไม่เที่ยง เกิดดับ
ปวดหลัง ปวดก้น ไม่เที่ยง เกิดดับ ลมเย็นไม่เที่ยงเกิดดับ กินน้ำอัดลม รสไม่เที่ยง เกิดดับ
การวิปัสสนาภาวนาอย่างนี้เพื่อเติมความจริงในความจำให้มากที่สุด สะสมทุกวัน
เพื่อให้เกิดปัญญา เอามาดับความเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิด โลภ โกรธ หลง
ถ้าไม่วิปัสสนาอย่างนี้ความไม่พอใจ พอใจ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โกรธคนเตะฟุตบอล โกรธกรรมการตัดสินว่าไม่ยุติธรรม ไปทำร้ายกัน กองเชียร์ชกต่อยกัน เป็นเรื่องใหญ่สุดท้ายทุกข์ตามมา แค่เกมส์กีฬามีแพ้ชนะเป็นธรรมดา ที่ชนะหรือแพ้ตามเหตุปัจจัย ไปหลงกับเกมส์กีฬา

วิปัสสนา คือ การสร้างภูมิทางธรรมก่อนเพื่อให้เกิดปัญญา แล้วจะเข้าใจ และอธิบายสิ่งต่างๆ ได้เอง

เพิ่มเติมอีกนิดครับ
"เมื่อฝึกวิปัสสนา ตอนพิจารณาสิ่งรอบตัวเรา ต้องย้อนกลับมาพิจารณาตัวเราด้วยทุกครั้ง" เราก็ไม่เที่ยง เกิดดับ "
การพิจารณาสิ่งรอบตัวเรา คือพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ ไม่หลงกับสิ่งที่มากระทบตัวเรา เพื่อดับทุกข์สะสม หรือทุกข์ที่เกิดจากอายตนะทั้ง 6
ส่วนการพิจารณาตัวเรา คือการพิจารณขันธ์ 5 เพื่อฆ่าตัวตนของเรา ไม่ให้ยึดติดว่านี่คือตัวเรา เราไม่มีตัวตน ไม่มีเรา เพื่อดับทุกข์ธรรมชาติ หรือทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย


tongue สวัสดีค่ะ คุณไม่เที่ยง

แนวปฏิบัติของคุณไม่เที่ยงเราอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ตรงไหนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ตรงไหนเป็นปัญญาที่จะเข้าไปกำหนดรู้ในทุกข์ อาจจะคนละแนวกับเรา ....เราว่าคุณไม่เที่ยงน่าจะลองหากัลยาณมิตรใหม่ ๆ ดูบ้างนะ...จะได้มีความรู้ทางธรรมที่หลากหลายมากขึ้น....อย่างเราก็มีครูบาอาจารย์หลายท่านแต่สุดท้ายแนวทางปฏิบัติก็เหมือนกันทุกท่านซึ่งตรงกับคำสอนขององค์พระศาสดา..มันก็พูดยากนะแต่ละคนก็มักจะบอกว่าแนวทางปฏิบัติของตนถูกต้องแล้วแทบทั้งนั้น...แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่ได้พบกัลยาณมิตรที่สามารถแนะนำเราออกจากวัฏฏะทุกข์นี้ได้จริง (ยกเว้นองค์พระศาสดานะ)...คุณคงเข้าใจนะว่าคนที่จะอ่านพระไตรปิฎกแล้วเข้าใจในเนื้อหาสาระแล้วนำมาเป็นแนวทางปฏิบัตินั้นมีอยู่ไม่มาก...คนอย่างเรา ๆ หรือคนส่วนใหญ่ต้องอาศัยกัลยาณมิตรหรือครูบาอาจารย์นำมาถ่ายถอดอีกที...แต่ถ้าใครคิดว่ามีปัญญามากพอก็ศึกษาจากพระไตรปิฎกโดยไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ก็ได้...

ถ้าสิ่งที่เราแนะนำทำให้คุณขัดเคืองใจ ก็ต้องขออภัย..ด้วยมีเจตนาที่ปรารถนาดีต่อท่านเท่านั้น :b41:

ขอเจริญในธรรม :b8:

.....................................................
วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน โส เสฏฺโฐ เทวมานุสเส
ผู้ถึงพร้อมด้วยความรู้คู่ความดี คือผู้ที่ประเสริฐสุดในหมู่มนุษย์และเทวดา
วรรคทอง วรรคธรรม โดยท่าน ว.วชิรเมธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:31 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
คำไม่เที่ยง เกิดดับ มาจากคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา /เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
เพื่อให้ง่าย และสั้นก็ใช้เพียงแค่ "ไม่เที่ยง เกิดดับ"
ถ้าไม่ใช้คำนี้ผู้ปฏิบัติก็จะไม่รู้ความจริง เป็นการฝึกเริ่มต้นเพื่อสร้างภูมิธรรมก่อน แต่ต้องเข้าใจความหมายที่แท้จริงของมัน ว่า สรรพสิ่งเกิดขึ้นจากเหตุปัจจัย ตั้งอยู่เพราะเหตุปัจจัย สุดท้ายดับไปเพราะเหตุปัจจัย ไม่มีสิ่งไหนเกิดขึ้นลอยๆ เกิดจากเหตุปัจจัยมาประชุมกันชั่วคราวสุดท้ายแตกสลายหายไป ไม่คงทนถาวร ไม่มีตัวตน
ใช้คำว่า "ช่างหัวมัน" อันนี้เรียกว่า "ปลง" หรือ " ไม่สนใจ" คำนี้ใช้ดับความพอใจ ไม่พอใจ ไม่ได้นะครับ
ยกตัวอย่าง มีคนด่าเรา 5 ครั้ง ครั้งที่ 1- 5 เราปลง เรายังไม่โกรธ แต่ครั้งที่ 6 7 8 9 เราต้องโกรธอย่างแน่นอน เพราะว่าสิ่งเหล่านี้มีลิมิตของมันอยู่


ก็จะไปต่างอะไรกับ
กรณีที่เราตั้งประเด็นถามล่ะ
eragon_joe เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
เจริญปัญญา หรือ วิปัสสนาภาวนา
เอาปัญญาที่ได้มาดับความเชื่อ หรือ อวิชชา
มรรค 8 คือผลของการดับเหตุแห่งทุกข์ได้ ถ้าดับไม่ได้ มรรค 8 ไม่เกิด


เรื่องอาจารย์ที่เอกอนตั้งประเด็นไว้ข้างต้น
อยู่ในข่าย
เป็นผู้ที่ได้เจริญปัญญา หรือ วิปัสสนาภาวนา จนบรรลุผลแล้ว หรือไม่
อยู่ในข่าย
เป็นผู้ที่ได้เอาปัญญาที่ได้มาดับความเชื่อ หรือ อวิชชา จนบรรลุผลแล้ว หรือไม่
และอยู่ในข่าย
เป็นผู้ที่ดับเหตุแห่งทุกข์ได้ จนบรรลุผลแล้ว หรือไม่

และดังนั้น มรรค 8 เขาเกิดหรือยัง

:b1:

ถ้าอาจารย์ท่านนั้น กล่าวว่าตนบรรลุธรรม
คุณพอจะแสดงความเห็นได้ป่าว
ธรรมที่ท่านบรรลุ คือ ธรรมอะไร

:b1:


:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 13:34 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5019


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
แล้วท่านเดินมรรคในลักษณะอย่างไร ช่วยชี้แนะด้วยครับ
มรรค 8 เหมือนกับ ศีลข้อห้ามตรงที่ว่า คือไปปฏิบัติที่ผล หรือ ปลายของมัน
เช่น ห้ามกินเหล้า ไปหยุดการดื่มเหล้า แต่ใจ และวาจายังละไม่ได้ เช่น (พูดออกมาว่า หิวเหล้าโ้้ว้ยขณะอยู่ในช่วงงดเหล้าเข้าพรรษา) ศีลไม่บริสุทธิ์นะครับ

มรรค 8 ก็เหมือนกัน ไปเอาผลมาเป็นแนวการปฏิบัติ
ที่จริงแล้วต้อง วิปัสสนาภาวนา เป็นแนวปฏิบัติ แล้วเอาปัญญามาดับเหตุแห่งทุกข์ ก็คือ ข้อ 3 ของอริยสัจ 4 นั้นเอง คือ นิโรธ วิธีการดับทุกข์ หรือ ความดับทุกข์ที่ทุกท่านเข้าใจกัน


ใน นิโรธ ปรากฎเจตสิกใด
ท่านจึงแสดงความเห็นเช่นนั้น...

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 14:21 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ธ.ค. 2011, 16:32
โพสต์: 324


 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะภูมิจิตภูมิธรรมผมยังไม่ถึงจึงขออาราธนายกเอาคำสอนของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาแสดงในที่นี้ครับ :b8:
**"นิโรธ เป็นของดับเพราะรู้เท่าแล้ว จิตไม่เกิดยินดี ยินร้าย ดับไปเช่นนี้ ชื่อว่านิโรธ"
**"มรรค 8 นั้น สมาธิมรรคเป็นองค์ 1 นอกนั้นเป็นปริยาย"
**"อริยสัจ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค คือ กาย วาจา ใจ เป็นมรรค เข้าไปดับทุกข์ ดับสมุทัย ดับนิโรธ, นิโรธดับไม่เอา เอาที่ไม่ดับ คือดับนั้นยังเป็นตัวมรรค เอาสิ่งที่ไม่ดับ สิ่งที่ตั้งอยู่นั่นแหละเป็นตัวให้สิ้นทุกข์"
**"ต้องผ่านความผิดมาเสียก่อนจึงปฏิบัติถูก ความผิดเป็นเหตุความถูกเป็นผลของความทั้งหลาย ต้องเดินมรรค 8 ให้ถูกจึงจะแก้ได้ เดินตามสายหนทางของพระอริยะเจ้า ใช้ตบะอย่างยิ่งคือ ความเพียร จึงจะสอนตนได้ โลกีย์ โลกุตระ 2 อย่างประจำอยู่ในโลก 3 ภพ"
**"จะบอกการดำเนิน วิปัสสนา และสมถะ โดยเฉพาะนั้นมิได้ เพราะมันไปหน้าเดียว จริตของคนต่างๆกันแล้วแต่ความฉลาดไหวพริบของใคร เพราะดำเนินจิตหลายแง่แล้วแต่ความสะดวก"
**"พระอานนท์ เป็นคลังพระธรรม อะไรท่านรู้หมด ทำเนิ่นช้าเพราะท่านติดพระสูตร พระอภิธรรม ไม่น้อมลงมาปฏิบัติ จึงสำเร็จช้าอายุ 80 ปี หลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานไป 3 เดือน"
**"เดินมรรคให้เห็นทุกข์ ให้เดินมรรคเห็นสมุทัย ให้ยิ่งในมรรคให้ยิ่งในนิโรธ จึงจะพ้นทุกข์"
ขอให้พิจารณาโดยปัญญาแล้วจะเห็นชอบด้วยปัญญาครับ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 14:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ผู้มีธรรมช่วยอธิบายลักษณะแก้วน้ำใบนี้หน่อยครับ

รูปภาพ


ตอนนี้แก้วน้ำนั้นเป็นแค่แสง คือผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ หากหลับตาลงตอนนี้จะไม่เห็นแสงนี้

หากไม่ไปจับ จะไม่มีผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณ

แม้จะมีแก้วน้ำจริงๆตั้งอยู่หรือแค่รูปภาพก็เป็นแค่แสงอยู่ดี

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 15:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กำลังจะไปดูบอล....

คุณว่า...ดูบอลไปวิปัสสนาไปได้รึเปล่า???

เดียวกลับมาชม :b32: :b32:


เป็นคำถามที่ธรรมดาแต่มีความหมายมากครับเมื่อต้องคิดหาคำตอบ จริงๆแล้วหากจะกำหนดรู้เพื่อปฏิบัติวิปัสสนาก็ทำได้ คือ พิจารณาว่าเป็นการเสพของอายตนะคือทางจักษุและ โสต ผัสสะ

มีสังขารเกิดขึ้นของขันธ์5คือ เกิดความเมตตา อยากให้ทีมที่ตัวเองเชียร์ได้รับความสำเร็จคือชัยชนะ
อาจเกิดวิบัติของเมตตาคือความลำเอียง ไม่อยากเห็นฝ่ายตรงข้ามชนะ

เกิดมุทิตาขึ้น เมื่อเห็นว่าทีมที่ตัวเองเชียร์ได้รับชัยชนะแล้วเกิดความยินดี อาจเกิดวิบัติของมุทิตาคือความสะใจ คะนองใจ เยาะเย้ย ที่เห็นฝ่ายตรงข้ามแพ้

หากฝ่ายที่ตัวเองเชียร์แพ้ขึ้นมาก็เกิดวิบัติของความกรุณาคือความอาฆาตพยาบาทต่อทีมตรงข้าม

แค่ความคิดเห็นส่วนตัวครับ การจะปฏิบัติธรรมนั้นควรหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้อยู่แล้วคือไม่ทำในเวลาเดียวกัน

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 16:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


ปลีกวิเวก เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
กำลังจะไปดูบอล....

คุณว่า...ดูบอลไปวิปัสสนาไปได้รึเปล่า???

เดียวกลับมาชม :b32: :b32:


วิปัสสนาเมื่อมีอะไรมากระทบ เห็นลูกฟุตบอล ฟุตบอลไม่เที่ยง เกิดดับ กรรมการไม่เที่ยง เกิดดับ
คนเตะฟุตบอล ไม่เที่ยง เกิดดับ คนเชียร์ไม่เที่ยง เกิดดับ เสียงเชียร์ ไม่เที่ยง เกิดดับ
ใจคิดลึกไม่เที่ยง เกิดดับ ได้กลิ่นควัน กลิ่นไม่เที่ยง เกิดดับ
ปวดหลัง ปวดก้น ไม่เที่ยง เกิดดับ ลมเย็นไม่เที่ยงเกิดดับ กินน้ำอัดลม รสไม่เที่ยง เกิดดับ
การวิปัสสนาภาวนาอย่างนี้เพื่อเติมความจริงในความจำให้มากที่สุด สะสมทุกวัน
เพื่อให้เกิดปัญญา เอามาดับความเชื่อ เพื่อไม่ให้เกิด โลภ โกรธ หลง
ถ้าไม่วิปัสสนาอย่างนี้ความไม่พอใจ พอใจ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน โกรธคนเตะฟุตบอล โกรธกรรมการตัดสินว่าไม่ยุติธรรม ไปทำร้ายกัน กองเชียร์ชกต่อยกัน เป็นเรื่องใหญ่สุดท้ายทุกข์ตามมา แค่เกมส์กีฬามีแพ้ชนะเป็นธรรมดา ที่ชนะหรือแพ้ตามเหตุปัจจัย ไปหลงกับเกมส์กีฬา

วิปัสสนา คือ การสร้างภูมิทางธรรมก่อนเพื่อให้เกิดปัญญา แล้วจะเข้าใจ และอธิบายสิ่งต่างๆ ได้เอง

เพิ่มเติมอีกนิดครับ
"เมื่อฝึกวิปัสสนา ตอนพิจารณาสิ่งรอบตัวเรา ต้องย้อนกลับมาพิจารณาตัวเราด้วยทุกครั้ง" เราก็ไม่เที่ยง เกิดดับ "
การพิจารณาสิ่งรอบตัวเรา คือพิจารณาเพื่อไม่ให้เกิดความพอใจ ไม่พอใจ ไม่หลงกับสิ่งที่มากระทบตัวเรา เพื่อดับทุกข์สะสม หรือทุกข์ที่เกิดจากอายตนะทั้ง 6
ส่วนการพิจารณาตัวเรา คือการพิจารณขันธ์ 5 เพื่อฆ่าตัวตนของเรา ไม่ให้ยึดติดว่านี่คือตัวเรา เราไม่มีตัวตน ไม่มีเรา เพื่อดับทุกข์ธรรมชาติ หรือทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย


tongue สวัสดีค่ะ คุณไม่เที่ยง

แนวปฏิบัติของคุณไม่เที่ยงเราอ่านแล้วก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ ตรงไหนเป็นเหตุแห่งทุกข์ ตรงไหนเป็นปัญญาที่จะเข้าไปกำหนดรู้ในทุกข์ อาจจะคนละแนวกับเรา ....เราว่าคุณไม่เที่ยงน่าจะลองหากัลยาณมิตรใหม่ ๆ ดูบ้างนะ...จะได้มีความรู้ทางธรรมที่หลากหลายมากขึ้น....อย่างเราก็มีครูบาอาจารย์หลายท่านแต่สุดท้ายแนวทางปฏิบัติก็เหมือนกันทุกท่านซึ่งตรงกับคำสอนขององค์พระศาสดา..มันก็พูดยากนะแต่ละคนก็มักจะบอกว่าแนวทางปฏิบัติของตนถูกต้องแล้วแทบทั้งนั้น...แต่จะมีสักกี่คนเล่าที่ได้พบกัลยาณมิตรที่สามารถแนะนำเราออกจากวัฏฏะทุกข์นี้ได้จริง (ยกเว้นองค์พระศาสดานะ)...คุณคงเข้าใจนะว่าคนที่จะอ่านพระไตรปิฎกแล้วเข้าใจในเนื้อหาสาระแล้วนำมาเป็นแนวทางปฏิบัตินั้นมีอยู่ไม่มาก...คนอย่างเรา ๆ หรือคนส่วนใหญ่ต้องอาศัยกัลยาณมิตรหรือครูบาอาจารย์นำมาถ่ายถอดอีกที...แต่ถ้าใครคิดว่ามีปัญญามากพอก็ศึกษาจากพระไตรปิฎกโดยไม่ต้องมีครูบาอาจารย์ก็ได้...

ถ้าสิ่งที่เราแนะนำทำให้คุณขัดเคืองใจ ก็ต้องขออภัย..ด้วยมีเจตนาที่ปรารถนาดีต่อท่านเท่านั้น :b41:

ขอเจริญในธรรม :b8:


เป็นการปฏิบัติเพื่อดับต้นเหตุแห่งทุกข์ ไม่ได้มีญาณอะไรหรอก
ทุกข์เกิดจากการไปหลง พอใจ ไม่พอใจ กับสิ่งที่มากระทบอายตนะทั้ง 6 (หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ )
ยกตัวอย่าง หูได้ยินเสียงด่า เกิดความไม่พอใจ ไปทำร้ายเขา ไปฆ่าเขา สุดท้ายเข้าคุก ทุกข์ก็ตามมา ถ้าเอาความจริง "ไม่เที่ยง เกิดดับ" ไปตั้งกั้นไม่ให้เกิดความไม่พอใจ จิตเราก็จะไม่คิดปรุงแต่ง ความไม่พอใจก็ไม่เกิด เมื่อเขาด่าก็ พิจารณาเสียงไม่เที่ยง เกิด ดับ
(เสียงมีเกิดขึ้น สุดท้ายเสียงนั้นก็หายไป) คนด่าเราสุดท้ายก็ต้องตาย พิจารณาตัวเราด้วย ว่าเราก็ต้องตาย ความไม่พอใจก็ไม่เกิด ทุกข์ก็ไม่ตามมา ถ้าไม่ทำอย่างนี้เข้าคุกเพราะไปทำร้าย หรือฆ่าเขา
เห็นหรือยังครับว่านี้คือ ทุกข์ที่เราสะสมทุกวินาที ต้นเหตุแห่งทุกข์ คือ ความพอใจ ไม่พอใจ /โลภ โกรธ หลง นั้นเอง

ส่วนท่านต้องการดับทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือทุกข์ธรรมชาติ ห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ บังคับไม่ให้แก่้ ไม่ให้เจ็บ ไม่ได้ ก็ให้พิจารณาขันธ์ 5 เพื่อฆ่าตัวตนของเรา เราไม่มีตัวตน ไม่ใช่เรา ดับทุกข์ได้ทันที


แก้ไขล่าสุดโดย ไม่เที่ยง เกิดดับ เมื่อ 09 ม.ค. 2012, 16:59, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ม.ค. 2012, 16:56 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 03 ต.ค. 2011, 15:47
โพสต์: 539


 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
ไม่เที่ยง เกิดดับ เขียน:
ผู้มีธรรมช่วยอธิบายลักษณะแก้วน้ำใบนี้หน่อยครับ

รูปภาพ


ตอนนี้แก้วน้ำนั้นเป็นแค่แสง คือผัสสะที่เกิดจากจักษุวิญญาณ หากหลับตาลงตอนนี้จะไม่เห็นแสงนี้

หากไม่ไปจับ จะไม่มีผัสสะที่เกิดจากกายวิญญาณ

แม้จะมีแก้วน้ำจริงๆตั้งอยู่หรือแค่รูปภาพก็เป็นแค่แสงอยู่ดี


ท่านเห็นว่าแก้วน้ำนี้เกิดจากอะไร แล้วสุดท้ายแก้วน้ำนี้เป็นอย่างไร มีแก้วน้ำไหมครับ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร