วันเวลาปัจจุบัน 21 มิ.ย. 2025, 23:19  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 62  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
สำหรับคุณโฮฮับนั้นพาผมและเพื่อนๆเตลิดออกมาไกลจากประเด็นของกระทู้มากแล้ว ผมจึงไม่ขอต่อล้อต่อเถียงกับคุณอีก เรื่องที่แสดงมาทั้งหมด ใครผิด ใครถูก สิ่งใดใช่ธรรมไม่ใช่ธรรม ผู้อ่านคงมีวินิจฉัยตัดสินใจได้เองว่าจะเลือกเชื่อใครในเรื่องใด หลักฐานเรื่องราวทั้งหมดไม่หายไปไหนตรวจสอบได้อยู่เสมอ


ที่ผมพูดเนื้อหามันก็อยู่ในประเด็น เพราะผมเอามาจากความเห็นคุณ
ถ้าคุณใช้วิจารณญานสักหน่อย....จะเห็นว่าผมอ้างอิงความเห็นคุณมาตอบแถบทุกหัวข้อ
แบบนี้คุณจะมาว่าผมพาเตลิดได้หรือครับ มันเป็นคุณเองนั้นแหล่ะ ที่ขาดสติพูดเลยเปลื่อย
เอาภาษาจินตนาการมาพูด พอใครเขาพูดปริยัติ เน้นพุทธพจน์ คุณก็ว่าเขาพูดแต่ปริยัติ

สมาธิเบื้องต้นคุณยังใช้ไม่ได้เลยครับคุณโสกะ

asoka เขียน:
เรากลับมาเจาะลึกลงไปในหัวข้อของกระทู้ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติวิปัสสนาภาวนากันต่อไปดีกว่านะครับ
"ครึ่งชั่วโมง ทำใจให้สงบจากนิวรณ์ 5 ไม่ได้ รู้มากมายก็ไร้ค่า"

เมื่อเปิดกระทู้ขึ้นมาโดยยังมิได้บอกถึงวัตถุประสงค์ของกระทู้ให้ทราบเสียก่อน ก็เลยเปรียบเหมือนการไปแหย่รังแตน ให้เกิดกับผู้ที่เคยชินแต่การยกบัญญัติในคัมภีร์มาสนทนากัน มากกว่าการนำประสบการณ์การปฏิบัติจริงมาเล่าสู่กันฟัง จึงมีเรื่องและประเด็นต่างๆแทรกขึ้นมามากมาย


มันเป็นเพราะคุณไม่เข้าใจ คนที่ขาดปัญญาและปฏิบัติแบบหวังผลปาฏิหารย์ มิจฉาทิฐิ
มักจะคิดเอาเองว่าตนมีปัญญาแล้ว หลงคิดไปว่าการปรุงแต่งของจิตคือปัญญา

นี่ก็มาพูดเองเออเองแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ หาว่าเขาพูดแต่ปริยัติ ไม่พูดปฏิบัติ
เขาพูดการปฏิบัติให้ฟัง ตัวเองไม่เข้าใจ เพราะไปหลงกับการปฏิบัติที่เป็นมิจฉาอวิชาจึงยังครอบงำ
จิตจึงไม่มีวิชชา เป็นเช่นนี้ถึงได้ไปกล่าวหาเขาแบบผู้ไร้วุฒิภาวะ

การปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักของพุทธศาสนา
แนวทางและผลของการปฏิบัติ จะต้องตรงกับพุทธพจน์หรือหลักธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว
ดังนั้นเมื่อจะอธิบายความ ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการปฏิบัติหรือผลของการปฏิบัติ
การเอาปริยัติหรือพุทธพจน์มาอ้างอิงเทียบเคียง......เป็นการกระทำที่ถูกต้องที่สุดแล้ว

ที่มันเป็นปัญหาของโสกะก็คือ.....
โสกะปฏิบัติผิดหลัก จึงไม่สามารถหาปริยัติหรือพุทธพจน์มาเทียบเคียง
และด้วยมิจฉาทิฐิ จึงปฏิเสธและปรามาสผู้เอาปริยัติและพุทธพจน์มาเป็นหลักฐานอ้างอิง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 07:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
วันนี้จักกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการ ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาว่า
1.เพื่อสะกิดใจให้นักศึกษาธรรมทั้งหลายได้สำเหนียกว่า......"ธรรมใดก็ไร้ค่า ถ้าไม่ทำ"


พระพุทธองค์นำสิ่งที่พระองค์ตรัสรู้มาสอนสาวก เราเหล่าสาวกหรือพุทธศาสนิกชน
เรียกสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนว่า....ธรรมหรือพระธรรม

เมื่อเป็นเช่นนี้ การกระทำใดๆเพื่อให้เกิดผลตามที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ
เราต้องปฏิบัติตามที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว....สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวก็คือพระธรรมนั้นเอง

เราสาวกรุ๋นหลังต่างรู้ดีว่า พระธรรมหรือธรรมที่พระพุทธองค์ทรงกล่าว นั้นก็คือ..ปริยัติ
ดังนั้นการกระทำใดๆ ที่ทำผิดหลักจากปริยัติ ก็นับได้ว่าการกระทำนั้น
ไม่ใช่เป็นการปฏิบัติในพุทธศาสนา ยิ่งถ้าบุคคลใดไม่เห็นความสำคัญในปริยัติ
เท่ากับว่าไม่เห็นความสำคัญในปัญญาของพุทธองค์ บุคคลนั้นย่อมได้ชื่อว่า...
โมฆะบุรุษหรืออาจเป็นเดียรถีย์


"ธรรมย่อมไร้ค่า เมื่อกระทำผิดทำนองคลองธรรมเข้าใจมั้ยโสกะ

asoka เขียน:
2.ภาคปฏิบัติตามรูปแบบในตำราหรือคัมภีร์เรื่อง สมถะภาวนา วิปัสสนาภาวนา เราได้ยินได้ฟังกันมามากมายหลายแง่หลายมุม คราวนี้จะได้มาลองฟังในแง่มุมที่แปลกหูแปลกตาในรูปแบบและภาษาที่คนรุ่นไหมน่าจะอ่าน ฟัง รู้เรื่องและสามารถนำไปทดสอบทดลองปฏิบัติได้


คุณก็รู้ว่า ต่างได้ยินได้ฟังมาหลายแง่หลายมุม เหตุนี้จึงต้องมีหลักปฏิบัติ
อันเป็นหนึ่งเดียว นั้นก็คือปริยัติอันเป็นพุทธพจน์

เหตุนี้ผมถึงได้บอกคุณไงว่า....อาจารย์คุณไปลอกเลี่ยน พระอภิธัมมัตถสังคหะ
แล้วเอามาเปลี่ยนแปลงแก้ไข จนสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้เป็นปริยัติแท้ๆผิดเพี้ยน

asoka เขียน:

3.กระทู้ไม่มีประสงค์ที่จะลบหลู่ปริยัติธรรม แต่เสนอข้อคิดสะกิดใจ ให้รู้ว่า...ความรู้ภาคปริยัติหรือทฤษฎี ถ้าไม่เอามาประยุกต์ใช้ ไม่ลงมือพิสูจน์ ไม่ทดสอบกับตนเอง จนทำได้ตามหลักทฤษฎี ความรู้ทั้งหลายทั้งหมดนั้นจะไร้ค่ากลายไปเป็นแค่ขยะในสมอง กลับกลายเป็นภาระและเครื่องถ่วงให้การปฏิบัติจริงล่าช้า เพราะจะมากด้วยอุทธัจจะนิวรณ์ธรรมและจะชักนำผู้รู้แล้วไม่ปฏิบัติ ให้ตกไปสู่ภาษิตที่ว่า

"รู้มาก ยากนาน" หรือ

"ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด"


ตอนแรกก็ยังให้อภัยคิดเสียว่า โสกะยังขาดปัญญาคำพูดที่เป็นมิจฉาวาจาในตอนต้น
อาจเป็นเพราะรู้เท่าไม่ถึงการ
แต่ที่ไหนได้ ยังไม่สำนึก เอาพระธรรมมาสร้างวจีทุจริต
กล่าวหาพระธรรม ด้วยการต่อเติมเสริมแต่ง ใช้คำพูดลอยๆมากล่าวหาผู้รู้ธรรม
หาว่า ธรรมที่อยู่ในสมองของผู้รู้เป็นขยะ โสกะคุณนี่ยิ่งกว่าเทวทัตอีกน่ะครับ


โสกะการที่พระธรรมยังคงอยู่มาได้ ก็ต้องอาศัยผู้รู้ธรรมเหล่านี้
ตรงข้ามพระธรรมของพุทธองค์ที่ผิดเพี้ยน บิดเบื้อน ก็เป็นเพราะมีคนอย่างโสกะ
ที่เอาเรื่องนอกรีตนอกลอยมาชี้นำชาวบ้าน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:

4.แบบทดสอบความสามารถสัมผัสรู้ชีพจร ได้เร็วมากน้อยเพียงไร หรือมิเตอร์วัดระดับสมาธิ 5 ขั้นตอนให้มาลองกันดูนั้นมันน่าสัมผัสลองดูจริงๆ เพราะเป็นสิ่งที่มีอยู่เกิดอยู่ในกายของมนุษย์เราทุกคน ผู้ตั้งกระทู้ก็ได้ทดลองทดสอบมาแล้วอย่างโชกโชนและช่ำชอง จนเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ที่มีผลต่อการปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนาภาวนาในชีวิตประจำวัน

ขอให้ทดลองสังเกตดูกันจริงๆเสียก่อน แล้วค่อยมาถกเถียงวิพากษ์วิจารณกันไปในกรอบของกระทู้

ลองดูแล้วได้ผลเป็นอย่างไรได้ข้อคิดสะกิดใจอะไรบ้างจากการทดลองนี้ ก็เอามาคุยกันนะครับ
:b38:


ที่มีคนเข้ามาวิพากษ์คุณ เป็นเพราะเขามีประสบการณ์ และจากประสบการณ์ของเขา
บอกให้รู้ว่า......สิ่งที่คุณบอกมันไม่ใช่การปฏิบัติที่พระพุทธองค์ทรงสอน
นี่ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ คุณไม่ยอมรับว่าคนอื่นก็ปฏิบัตมา มีประสบการณ์เช่นกัน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด......คุณบอกว่า เมื่อจิตสงบ จะได้ยินการเต้นตอดของหัวใจ
ผมแย้งคุณไปว่า ตอนเราตื้นเต้นหรือวุ่นวายใจ เราจะได้ยินการเต้นของหัวใจหรือชีพจร
ได้ดีกว่าอีก
และยัยน้องคิงคองก็ยังบอกคุณเลยว่า...ตอนยัยน้องเขาของขึ้นโมโห ก็ได้ยินหัวใจมันเต้นแรง
คุณไม่รู้หรือว่า เขากำลังบอกคุณว่า...การปฏิบัติของคุณมันใช้ไม่ได้
ดันบอกมาได้จิตสงบจะได้ยินการเต้นตอดของหัว ชาวบ้านเขาจิตมันไม่สงบ
ถึงได้ยินการเต้นของหัวใจ แถมยังดังกว่าด้วย


โสกะเป็นเพราะคุณปฏิบัติผิด ทำให้จิตของคุณเฉื่อยชา
ไม่ทันต่อสิ่งที่มากระทบ มันจึงทำให้คุณขาดสมาธิที่จะพิจารณาธรรม
แม้แต่ธรรมหรือเนื้อหาที่เป็นบัญญัติ มันอยู่ตรงหน้าคุณแท้ๆ คุณยังไม่มีสมาธิที่จะพิจารณา
พูดจาแสดงความเห็นขาดตกหล่น ไม่มีปัญญารู้ว่าประเด็นสำคัญความเห็นมันอยู่ตรงไหน
จึงทำให้พูดจาเหมือนคนขาดสติ ตกอยู่ในโมหะแแห่งการจินตนาการ
:b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 08:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
"กรัชกาย"]ถามคุณ piyavat :b8: หน่อยนะครับ เรื่องความรัก-ความชัง เขาเอาอะไรมาวัดกันครับ กรัชกายเคยเห็นแต่ปรอตวัดไข้ แต่ปรอทวัดความรัก-ความชัง ยังไม่เคยเห็น หรือมีแล้วแต่กรัชกายตกข่าว


รอคำตอบจากคุณ piyavat อยู่นะครับ :b8: อยากรู้แหล่งจำหน่ายเครื่องไม้เครื่องมือวัดความรักความใคร่-ความชอบความชังคนหน่อย เมื่อสอบถามจนรู้ร้านจำหน่ายแล้ว จะรีบไปหาซื้อติดตัวไว้สักอันหนึ่ง พอดีช่วงนี้ หาผู้คนวัดง่าย :b1: เพียงไปที่กระทรวงต่างๆ วัดคนกลุ่มนี้ก่อน ซึ่งเขาว่าเขารักมากกว่าคนอื่น คนอื่นไม่รัก ดูสิความรักเขาจะขึ้นไปกี่ % กี่ขีดกัน เมื่อรู้แล้วก็ไปวัดอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกชี้ว่าไม่รัก :b16: ขอเขาวัดดูว่าเข็มจะชี้ไปที่รักหรือไม่รัก :b14: :b13: จะได้หายสงสัยเสียที ข้องใจมานานแล้ว รัก-ไม่รัก ขอความกรุณาเข้ามาตอบทีนะครับนะ :b8:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


asoka เขียน:
s004
Nongkkong
อ้างคำพูด:
คุณน้องก็รู้ชัดเวลามีผัสสะมากระทบ คุณน้องจะรับรู้ถึงการเต้นตอดตุ๊บๆๆของหัวใจ คือมันจะตุ๊บๆๆๆและคุณน้องก็รู้ชัดอยู่ภายในว่าหัวใจเต้นแรงจนรู้สึกได้เลย โอโห้คุณน้องบรรลุเป็นพระโสดาบัณแล้วเพราะรู้ชัดถึงสภาวะการเต้นตอดของหัวใจ :b32: (มันก็เต้นปกติตามธรรมดาของมัน แต่ของขึ้นทีไรหัวใจเต้นตุ๊บๆๆเลยจนรู้สึกได้ นี่ตูโกรธจนหัวใจเต้นแรงขนาดนี้เชียวหรอว่ะ

:b9:
น้องคงอ่านมาไม่ละเอียดพอกระมังครับ การที่สามารถสัมผัสรู้หัวใจเต้นหรือชีพจร ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจนนั้น เป็นเพียงเครื่องชี้บอกว่าระดับสมาธิหรือความตั้งมั่นของจิตอยู่ในระดับที่ควรแก่งานเจริญวิปัสสนาภาวนา เพราะ ว่า รูป - นามจะแยกออกจากกันชัดเจน ทำให้สังเกต พิจารณาสภาวะต่างๆได้จนทำให้ญาณวิปัสสนาเจริญก้าวหน้าขึ้นไปตามลำดับแและอาจสามารถส่งให้เข้าถึงมรรค ผล นิพพาน ผ่านญาณ 16 ได้


น้องเขาอ่านละเอียด และสิ่งที่น้องเขาตอบ มันก็ตรงประเด็นกับความเห็นคุณ
ปัญหามันอยู่ที่คุณไม่มีปัญญาพิจารณาความเห็นคนอื่น เพราะไม่มีสมาธิพอ

ที่น้องคิงคองเขาพูด เขาสื่อให้คุณรู้ว่า ไอ้วิธีการปฏิบัติของคุณ.......มันผิด

คุณบอกว่าการสัมผัสรู้การเต้นของหัวใจ เป็นเครื่องชี้วัดระดับสมาธิความตั้งมั่นควรค่าแก่การวิปัสสนา
ยัยน้องเขาแสดงความเห็นแย้งคุณ ในลักษณะของการประชดประชัน
แต่ในการประชดประชันนั้น มันเป็นความจริง ยัยน้องเขาบอกว่า....

ตอนโกรธเขาสามารถรู้การเต้นของหัวใจได้ และแรงกว่าของคุณเสียอีก
ซึ่งอาการอย่างนี้ เราต้องยอมรับว่าเป็นจริง เพราะทุกคนต้องเคยผ่านมาแล้ว
ความโกรธที่น้องเขาบอก...มันตรงข้ามกับสิ่งที่คุณกล่าวโดยสิ้นเชิง ที่ว่าสมาธิจิตตั้งมั่น

สรุปก็คือยัยน้องเขารู้ดีกว่าคุณมากนัก เขาสามารถบอกได้ว่า
สิ่งที่คุณพูดขาดหลักความเป็นจริง...........คุณโม้แบบมั่วๆ :b32:


asoka เขียน:
s004

ลมหายใจ...หัวใจเต้น....ชีพจร....ความสั่นสะเทือนในร่างกาย.....สังขารุเปกขาญาณ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องมือหรือมิเตอร์ช่วยชี้วัดระดับของสมาธิว่าตั้งมั่นถึงระดับไหน ซึ่งทุกท่านทุกคนสามารถทดลองพิสูจน์ดูด้วยตนเองได้


ไม่ต้องทดลอง เพราะเขาผ่านมาแล้วทั้งนั้น เพราะไอ้อาการที่คุณว่า........
ในความเป็นจริง มันเกิดจากการที่ จิตขาดสมาธิ ขาดสติ ถูกอกุศลจิตเข้าครอบงำ
เมื่อจิตมีอาการ หลง เกิดโทสะหรือโลภะ มันส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาทางกาย เลือดสูบฉีด
หัวใจเต้นแรง ชีพจรก็เต้นไปตามจังหวะของหัวใจ

และอาการใดที่เรียกว่า ขาดสติ นั้นก็คือ ตื่นเต้นตกใจกลัว ความประหม่า
ความดีใจฯลฯ สิ่งที่ว่ามามันไม่ใช่ผลจากการที่มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิเลยครับ

คุณกำลังเอาอาการของจิตที่ขาดสติ ไปมั่วโม้ว่าเป็นอาการที่จิตตั้งมั่น
คุณกำลังทำให้พระธรรมผิดเพี้ยน


asoka เขียน:
s004

ความสงบระดับที่สามารถรู้สึกชีพจรในกายได้ชัดเจนตลอดเวลานั้น จะสังเกตเห็นว่า สติ ปัญญา จะมีความคมกล้า ว่องไว รู้เห็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนลึกซึ้งในกายและจิต ทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม รู้เหตุ รู้ผล รู้ทันและรู้ถึงการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไปของทุกอารมณ์....ลองสังเกตดูกันนะครับ


ผมปรามาสคุณไว้ก่อนเลยครับ ความสงบที่คุณว่า
ผมดูแล้วคุณยังไม่รู้เลยครับว่า ลักษณะของความสงบของจิตเป็นอย่างไร
อยากถามครับ ไอ้อาการที่คุณว่า เขาเรียกจิตสงบหรือครับ

เป็นเพราะคุณมั่วธรรม ปฏิบัติผิด ส่งผลให้เข้าใจผิดทั้งปริยัติและปฏิบัติครับ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 15:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านอโศกะ จะไปเถียงกับโฮอับทำไมครับเสียเวลาเปล่าๆ เขาไมรู้จักหรอกครับการที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกทั่วร่างกายนั้นเป็นก้าวแรกของการวิปัสนาที่เป้นภาวนามยปัญญาที่แท้จริง เขารุ้แต่ภาวนาแบบทิ้งเมียอิอิยิ้ม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 15:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


เรามั่นศึกษาและสำเนียกโดยมีหลักว่าเราเป็นผุ้รุ้พร้อมกายทั้งปวง ตรงนีแหล่ะที่คนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทิ่จริงคือการรับรุ้ถึงความรุ้สึกทั่ร่างกายให้ได้นั้นเอง พวกเขาไม่รุ้จักหรอก พวกเราเพียงนึกคิดถึงตรงไหนของร่างกายเราก้อรับรุ้ได้มันต่างกันนะกับพวกเขา คุนอโศกะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 15:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


ลองพิจารณาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างสมถะและวิปัสนาดูแล้วลองเอาความเห็นจากประสบการณ์ปฏิบัติของอะโสกะมาเทียบเคียงกับประสบการณ์ของคุณน้องที่บอกว่ารู้ชัดเวลากำลังโกรธจะรู้ว่า หัวใจเต้นตุ๊บๆๆๆ การวิปัสนาก็คือการทำลายอนุสัยกิเลศ แต่ของอโสกะทำไมเห็นการเต้นตอดของหัวใจเป็นสมาธิสงบตั้งมั่น เหอๆๆ
สมถะ เมื่อทำไปจนเกิดผลก็ทำให้เกิดความสงบสุข ส่วนวิปัสสนานั้นเมื่อทำไปจนเกิดวิปัสสนา(ปัญญา)แล้ว ก็ทำให้เห็นแต่ทุกข์อย่างเดียว เมื่อผู้ปฏิบัติเห็นทุกข์แล้ว ตัณหาและทิฏฐิ ก็ไม่อาจจะอาศัยเกิดได้ในอารมณ์เช่นที่ว่านั้น
แล้วลองไปพิจารณาภาาคปฏิบัติของอโสกะดูนะว่าทำไมปฏิบัติแล้วเห็นแต่ความสงบจิตมีสมาธิ คนอื่นเค้าปฏิบัติเห็นแต่ทุกข์ เห็นว่าตนเองมีโทสะ มีโลภะ เห็นแต่กิเลศอนุสัยที่โผล่ขึ้น555+แต่อโสกะนี่สงบตั้งมั่นเป็นสมาธิดีแท้5555+

http://larndham.org/index.php?/topic/11 ... %E0%B8%A3/
ดูความเห็นนี้แล้ว รู้สึกว่าตัวหนังสือสีแดงนั่นนะ คล้ายๆคุณน้องมีขันธสันดานมาจากภพที่แล้ว :b32: s002
อานิสงส์ของสมถะ(สมาธิ)นั้นมี ๕ ประการ คือ
๑. ทำให้เข้าสมาบัติได้ เพื่อเป็นสุขในภพปัจจุบัน
๒. ทำให้เป็นบาทวิปัสสนา
๓. ทำให้เกิดโลกียอภิญญา ๕ ประการ
๔. ทำให้เกิดเป็นพรหม
๕. ทำให้เข้านิโรธสมาบัติได้

อานิสงส์ของวิปัสสนา
๑. มีสติมั่นคงไม่ตายด้วยความหลง
๒. ได้เกิดอยู่ในสุคติภูมิ (คือมนุษย์สวรรค์)
๓. ถ้าอุปนิสัยยังอ่อนอยู่ ก็จะเป็นอุปนิสัยติดขันธสันดานไปในภพหน้า
๔. ถ้ามีอุปนิสัยและอินทรีย์แก่กล้า ก็จะทำพระนิพพานให้แจ้งด้วยปัญญาภายใน ๗ วันหรือ ๗ เดือน หรือ ๗ ปี พระอรหันต์หรือพระอนาคามี พึงหวังได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 15:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
ท่านอโศกะ จะไปเถียงกับโฮอับทำไมครับเสียเวลาเปล่าๆ เขาไมรู้จักหรอกครับการที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกทั่วร่างกายนั้นเป็นก้าวแรกของการวิปัสนาที่เป้นภาวนามยปัญญาที่แท้จริง เขารุ้แต่ภาวนาแบบทิ้งเมียอิอิยิ้ม

หรอจ้ะแมสซิ่ง แล้วอะเมซิ่งภาวนามยปัญญาแบบไหน ถึง รักธรรมชาติและเซ็ก 5555+

ปล.ตอนที่โพสข้อความนี้รู้ถึงแรงเต้นตอดของหัวใจอีกละ5555+ :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 16:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 ก.พ. 2012, 12:27
โพสต์: 2372

แนวปฏิบัติ: ปฏิจจสมุปบาท และกรรมฐาน
งานอดิเรก: สวดมนต์รภาวนา
อายุ: 27

 ข้อมูลส่วนตัว


amazing เขียน:
เรามั่นศึกษาและสำเนียกโดยมีหลักว่าเราเป็นผุ้รุ้พร้อมกายทั้งปวง ตรงนีแหล่ะที่คนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทิ่จริงคือการรับรุ้ถึงความรุ้สึกทั่ร่างกายให้ได้นั้นเอง พวกเขาไม่รุ้จักหรอก พวกเราเพียงนึกคิดถึงตรงไหนของร่างกายเราก้อรับรุ้ได้มันต่างกันนะกับพวกเขา คุนอโศกะ

อะแมสซิ่งเอ๋ยยิ่งพูดยิ่งขำ ถ้าไม่บล็อคเฟสคุณน้อง เด่วคุณน้องจะเอาหลักฐานการกระทำในด้านมืดของแมสซิ่งให้คนอื่นรู้เลยว่า ธาตุแท้ตนเองเป็นยังไง เอารูปลีมินโฮขึ้นเป็นรูปประจำตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เฟสจริงพอเราถามว่าทำไมไม่เอาเฟสจริงมาแอดเพื่อน ก็บอกเราว่าเฟสนี้ผมเอาไว้คุยเล่นๆ(สงสัยจะไว้คุยกะสาวๆเกาหลี :b32: :b32: ) พุทธโธ่มาพูดธรรมมะจ้อๆตอนแรกบล็อคเฟสคุนน้องไป แต่ไปๆมาๆเลิกบล็อคเฟสเรา แต่ในเฟสขึ้นหัวข้อว่า ผมรักธรรมชาติและเซ็ก 555+(คุณน้องเข้าไปส่องมาเลยเจอ :b32: )แต่ตอนแรกก็เฉยๆเพราะไม่ติดใจไร แต่นี่มาจ้อธรรมมะอีกแระเลยของขึ้น555+ ไม่มีดีไรให้อวดก็ไม่ต้องมาอวดเพราะไม่งั้นคุณน้องจะสาวไส้ให้คนอื่นดู :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 16:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
รักธรรมชาติและเซ็ก



จะหักอื่น ขืนหัก ก็จักได้
หักอาลัย นี้ไม่หลุด สุดจะหัก
สารพัด ตัดขาด ประหลาดนัก
แต่ตัดรัก นี้ไม่ขาด ประหลาดใจ

"นิราศอิเหนา"

คงจริงอย่างกลอนที่สุนทรภู่แต่งนั่น

เห็นคุณทวดอายุ 103 ปี เข้าพิธีวิวาห์กับคุณยายวัยอีกหนึ่งปีครบร้อย :b1:

http://news.voicetv.co.th/thailand/85325.html

หรือท่านเพียงต้องการเพื่อนคู่คิดมิตรคู่เรือน :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
ท่านอโศกะ จะไปเถียงกับโฮอับทำไมครับเสียเวลาเปล่าๆ เขาไมรู้จักหรอกครับการที่สามารถรับรู้ถึงความรู้สึกทั่วร่างกายนั้นเป็นก้าวแรกของการวิปัสนาที่เป้นภาวนามยปัญญาที่แท้จริง เขารุ้แต่ภาวนาแบบทิ้งเมียอิอิยิ้ม

หรอจ้ะแมสซิ่ง แล้วอะเมซิ่งภาวนามยปัญญาแบบไหน ถึง รักธรรมชาติและเซ็ก 5555+

ปล.ตอนที่โพสข้อความนี้รู้ถึงแรงเต้นตอดของหัวใจอีกละ5555+ :b32: :b32:


นี่ไงพรหมจรรย์ของบิกทู่ ธรรมชาติและเซ็ก
ขี้โม้ สงสัยตามแทะโลมน้องเขาแน่ๆ ถูกน้องเขาย้อนศร เอามาประจานซะแล้วบิกทู่เอ๋ย
ปานนี้หัวใจบิกทู่คงเต้นเป็นจังหวะ๓ช่า :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 17:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 ก.พ. 2010, 17:53
โพสต์: 4999

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
เรามั่นศึกษาและสำเนียกโดยมีหลักว่าเราเป็นผุ้รุ้พร้อมกายทั้งปวง ตรงนีแหล่ะที่คนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทิ่จริงคือการรับรุ้ถึงความรุ้สึกทั่ร่างกายให้ได้นั้นเอง พวกเขาไม่รุ้จักหรอก พวกเราเพียงนึกคิดถึงตรงไหนของร่างกายเราก้อรับรุ้ได้มันต่างกันนะกับพวกเขา คุนอโศกะ

อะแมสซิ่งเอ๋ยยิ่งพูดยิ่งขำ ถ้าไม่บล็อคเฟสคุณน้อง เด่วคุณน้องจะเอาหลักฐานการกระทำในด้านมืดของแมสซิ่งให้คนอื่นรู้เลยว่า ธาตุแท้ตนเองเป็นยังไง เอารูปลีมินโฮขึ้นเป็นรูปประจำตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เฟสจริงพอเราถามว่าทำไมไม่เอาเฟสจริงมาแอดเพื่อน ก็บอกเราว่าเฟสนี้ผมเอาไว้คุยเล่นๆ(สงสัยจะไว้คุยกะสาวๆเกาหลี :b32: :b32: ) พุทธโธ่มาพูดธรรมมะจ้อๆตอนแรกบล็อคเฟสคุนน้องไป แต่ไปๆมาๆเลิกบล็อคเฟสเรา แต่ในเฟสขึ้นหัวข้อว่า ผมรักธรรมชาติและเซ็ก 555+(คุณน้องเข้าไปส่องมาเลยเจอ :b32: )แต่ตอนแรกก็เฉยๆเพราะไม่ติดใจไร แต่นี่มาจ้อธรรมมะอีกแระเลยของขึ้น555+ ไม่มีดีไรให้อวดก็ไม่ต้องมาอวดเพราะไม่งั้นคุณน้องจะสาวไส้ให้คนอื่นดู :b32: :b32:


วันหลังเรียกบิกทู่ว่า.......พี่หื่นลีมินโฮน่ะน้องคอง :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 21:19 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


โฮฮับ เขียน:
nongkong เขียน:
amazing เขียน:
เรามั่นศึกษาและสำเนียกโดยมีหลักว่าเราเป็นผุ้รุ้พร้อมกายทั้งปวง ตรงนีแหล่ะที่คนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทิ่จริงคือการรับรุ้ถึงความรุ้สึกทั่ร่างกายให้ได้นั้นเอง พวกเขาไม่รุ้จักหรอก พวกเราเพียงนึกคิดถึงตรงไหนของร่างกายเราก้อรับรุ้ได้มันต่างกันนะกับพวกเขา คุนอโศกะ

อะแมสซิ่งเอ๋ยยิ่งพูดยิ่งขำ ถ้าไม่บล็อคเฟสคุณน้อง เด่วคุณน้องจะเอาหลักฐานการกระทำในด้านมืดของแมสซิ่งให้คนอื่นรู้เลยว่า ธาตุแท้ตนเองเป็นยังไง เอารูปลีมินโฮขึ้นเป็นรูปประจำตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เฟสจริงพอเราถามว่าทำไมไม่เอาเฟสจริงมาแอดเพื่อน ก็บอกเราว่าเฟสนี้ผมเอาไว้คุยเล่นๆ(สงสัยจะไว้คุยกะสาวๆเกาหลี :b32: :b32: ) พุทธโธ่มาพูดธรรมมะจ้อๆตอนแรกบล็อคเฟสคุนน้องไป แต่ไปๆมาๆเลิกบล็อคเฟสเรา แต่ในเฟสขึ้นหัวข้อว่า ผมรักธรรมชาติและเซ็ก 555+(คุณน้องเข้าไปส่องมาเลยเจอ :b32: )แต่ตอนแรกก็เฉยๆเพราะไม่ติดใจไร แต่นี่มาจ้อธรรมมะอีกแระเลยของขึ้น555+ ไม่มีดีไรให้อวดก็ไม่ต้องมาอวดเพราะไม่งั้นคุณน้องจะสาวไส้ให้คนอื่นดู :b32: :b32:


วันหลังเรียกบิกทู่ว่า.......พี่หื่นลีมินโฮน่ะน้องคอง :b32:
โฮฮับ เอ๋ยโฮฮับ รักธรรมชาติและเซ็กผิดตรงไหน หรืือโฮไม่ชอบเซ็ก ผมนะกล้าที่จะไม่ปิดบิดเรื่องแบบแบบนี้ ส่วนเรื่องแทะเล็มนั้นถามคุนน้องดุเอาเองโฮฮับว่ามีป่าว เฟสมีไว้ให้สนุกสนาน ตัวจริงนั้นโฮเห็นแล้วจะตกใจ มินโฮหมองเลยนะอิอิ :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2013, 21:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ธ.ค. 2012, 15:49
โพสต์: 932


 ข้อมูลส่วนตัว


nongkong เขียน:
amazing เขียน:
เรามั่นศึกษาและสำเนียกโดยมีหลักว่าเราเป็นผุ้รุ้พร้อมกายทั้งปวง ตรงนีแหล่ะที่คนไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ทิ่จริงคือการรับรุ้ถึงความรุ้สึกทั่ร่างกายให้ได้นั้นเอง พวกเขาไม่รุ้จักหรอก พวกเราเพียงนึกคิดถึงตรงไหนของร่างกายเราก้อรับรุ้ได้มันต่างกันนะกับพวกเขา คุนอโศกะ

อะแมสซิ่งเอ๋ยยิ่งพูดยิ่งขำ ถ้าไม่บล็อคเฟสคุณน้อง เด่วคุณน้องจะเอาหลักฐานการกระทำในด้านมืดของแมสซิ่งให้คนอื่นรู้เลยว่า ธาตุแท้ตนเองเป็นยังไง เอารูปลีมินโฮขึ้นเป็นรูปประจำตัวเองทั้งที่ไม่ใช่เฟสจริงพอเราถามว่าทำไมไม่เอาเฟสจริงมาแอดเพื่อน ก็บอกเราว่าเฟสนี้ผมเอาไว้คุยเล่นๆ(สงสัยจะไว้คุยกะสาวๆเกาหลี :b32: :b32: ) พุทธโธ่มาพูดธรรมมะจ้อๆตอนแรกบล็อคเฟสคุนน้องไป แต่ไปๆมาๆเลิกบล็อคเฟสเรา แต่ในเฟสขึ้นหัวข้อว่า ผมรักธรรมชาติและเซ็ก 555+(คุณน้องเข้าไปส่องมาเลยเจอ :b32: )แต่ตอนแรกก็เฉยๆเพราะไม่ติดใจไร แต่นี่มาจ้อธรรมมะอีกแระเลยของขึ้น555+ ไม่มีดีไรให้อวดก็ไม่ต้องมาอวดเพราะไม่งั้นคุณน้องจะสาวไส้ให้คนอื่นดู :b32: :b32:

สาวเลยคุนน้องมีอะไรอีก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 925 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10 ... 62  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร