วันเวลาปัจจุบัน 24 มิ.ย. 2025, 21:57  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 12:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


ไปถามแม่ทูลหัวของคุณโรส..ดูซิ..รู้พระธรรมคำสอนจากที่ไหน?

ลอยมาจากอากาศหรือ?

:b32:
ถามจริงๆนะคะจะหน้าหนาห่มจีวรไปอีกนานไหม
บวชแล้วรับเงินคือการออกจากธรรมวินัยแล้ว
ปลงอาบัติทุกวันมันได้ที่ไหนคะแล้วก็บางอ้อ
ปลงกะคนที่รับเงินเหมือนกันนั้นไม่ได้ด้วย
จะอยู่เหยียบย่ำพระศาสดาอีกนานไหม
พระธรรมและพระวินัยแทนเราตถาคต

:b32: :b32:


เลอะเทอะดี...พูดฟ้า...คว้าขี้มาตอบ :b9: :b9: :b9:

ผมเห็นคนหนึ่งกำลังเหยียบย่ำพระศาสนาอยู่..

ดูนี้..

Rosarin เขียน:
:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้

เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


:b9: :b9: :b9:

:b32:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


สุตมยปัญญา ก็มีก็มาในตำรานะ :b1:

สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา

:b32:
คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท
ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


ไปถามแม่ทูลหัวของคุณโรส..ดูซิ..รู้พระธรรมคำสอนจากที่ไหน?

ลอยมาจากอากาศหรือ?

:b32:
ถามจริงๆนะคะจะหน้าหนาห่มจีวรไปอีกนานไหม
บวชแล้วรับเงินคือการออกจากธรรมวินัยแล้ว
ปลงอาบัติทุกวันมันได้ที่ไหนคะแล้วก็บางอ้อ
ปลงกะคนที่รับเงินเหมือนกันนั้นไม่ได้ด้วย
จะอยู่เหยียบย่ำพระศาสดาอีกนานไหม
พระธรรมและพระวินัยแทนเราตถาคต

:b32: :b32:


เลอะเทอะดี...พูดฟ้า...คว้าขี้มาตอบ :b9: :b9: :b9:

ผมเห็นคนหนึ่งกำลังเหยียบย่ำพระศาสนาอยู่..

ดูนี้..

Rosarin เขียน:
:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้

เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


:b9: :b9: :b9:

:b32:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


สุตมยปัญญา ก็มีก็มาในตำรานะ :b1:

สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา

:b32:
คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท
ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


ความเห็นขัดแย้งกันครับ

พุทธศาสนาสอนคนทุกระดับชั้น

อริยสัจ4นี้เกี่ยวกับความทุกข์

คนที่รู้นั้นทำมากกว่าฟัง

เขาพูดด้วยในสิ่งที่เป็นกุศล

รู้จักระงับเหตุแห่งอกุศล

ระงับเหตุไม่ได้ อย่าหวังผลเลยครับ

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 12:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


ไปถามแม่ทูลหัวของคุณโรส..ดูซิ..รู้พระธรรมคำสอนจากที่ไหน?

ลอยมาจากอากาศหรือ?

:b32:
ถามจริงๆนะคะจะหน้าหนาห่มจีวรไปอีกนานไหม
บวชแล้วรับเงินคือการออกจากธรรมวินัยแล้ว
ปลงอาบัติทุกวันมันได้ที่ไหนคะแล้วก็บางอ้อ
ปลงกะคนที่รับเงินเหมือนกันนั้นไม่ได้ด้วย
จะอยู่เหยียบย่ำพระศาสดาอีกนานไหม
พระธรรมและพระวินัยแทนเราตถาคต

:b32: :b32:


เลอะเทอะดี...พูดฟ้า...คว้าขี้มาตอบ :b9: :b9: :b9:

ผมเห็นคนหนึ่งกำลังเหยียบย่ำพระศาสนาอยู่..

ดูนี้..

Rosarin เขียน:
:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้

เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


:b9: :b9: :b9:

:b32:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


สุตมยปัญญา ก็มีก็มาในตำรานะ :b1:

สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา

:b32:
คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท
ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ


อ้างคำพูด:
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง


ตัวอย่างเช่นฟังตรงทีละคำๆ ดังว่า "นิพพาน" นิพ คำหนึ่ง พาน คำหนึ่ง "สติ" สะ คำหนึ่ง ติ คำหนึ่ง อย่างนี้นะขอรับ :b32:

อ้างคำพูด:
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล


พูดอะไรก็พันกันไปมา พูดไปพูดมาลิ้นพันคอตัวเอง คือว่าพระอริยบุคคลนี่ เป็นกันตั้งแต่ออกจากท้องแม่หรือขอรับ ไม่ใช่เป็นปุถุชนก่อนแล้วเป็นอริยบุคคลกระนั้่นหรือ :b12:

คำสอนของพระพุทธเจ้าแบ่งเป็นสองคือจริยธรรมอย่างหนึ่ง สภาวธรรมอย่างหนึ่ง ต้องแยกและทำความเข้าใจให้ชัด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


http://g-picture2.wunjun.com/6/full/271 ... ?s=742x417

พระพุทธเจ้าเอง ใช้ประทับรอยพระบาทเป็นตัวแทน เช่น รอยพระบาทริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานที เป็นต้น หลังจากพุทธปรินิพพานแล้ว ก็มีการสร้างรูปเปรียบ สำหรับไหว้กราบเพื่อระลึกถึงพระปัญญาคุณ พระบริสุทธิคุณ และพระมหากรุณาคุณของพระพุทธเจ้า


นัมมทา ชื่อแม่น้ำสายสำคัญในภาคกลางของอินเดีย ไหลไปคล้ายจะเคียงคู่กับเทือกเขาวินธยะ ถือว่าเป็นเส้นแบ่งระหว่างอุตราบถ (ดินแดนแถบเหนือ) กับ ทักขิณาบถ (ดินแดนแถบใต้) ของชมพูทวีป,
บัดนี้เรียกว่า Narmada แต่บางที เรียก Narbada หรือ Nerbudda ชาวฮินดูถือว่า เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สุด รองจากแม่น้ำคงคา, แม่น้ำนัมมทายาว ประมาณ ๑,๓๐๐ กม. ไหลจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ออกทะเลที่ใต้เมืองท่าภารุกัจฉะ (บัดนี้ เรียก Bharuch) สู่อ่าว Khambhat (Cambay) อรรถกถาเล่าว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปสุนาปรันตรัฐตามคำอาราธนาของพระปุณณะผู้เป็นชาวแคว้นนั้นแล้ว ระหว่างทางเสด็จกลับ ถึงแม่น้ำนัมมทา ได้แสดงธรรมโปรดนัมมทานาคราช ซึ่งได้ทูลขอของที่ระลึกไว้บูชา จึงทรงประทับรอยพระบาท ไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานั้น อันถือกันมาว่า เป็นพระพุทธบาทแห่งแรก

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 13:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin

คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท

ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ





อ้างคำพูด:
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล


เอาธรรมะพื้นๆให้ดู

ครั้งหนึ่ง อุชชัยพราหมณ์ได้ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่า ตนจะไปอยู่ต่างถิ่น จะขอให้พระพุทธองค์แสดงธรรม ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขปัจจุบัน และธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขภายหน้า

พระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการนี้ เป็นไปเพื่อประโยชน์เพื่อความสุขปัจจุบัน กล่าวคือ อุฏฐานสัมปทา อารักขสัมปทา กัลยาณมิตตตา สมชีวิตา

๑) อุฏฐานสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรหาเลี้ยงชีพด้วยความขยันในการงาน ไม่ว่าจะเป็นกสิกรรม ก็ดี พาณิชยกรรม ก็ดี โครักขกรรม ก็ดี ราชการทหาร ก็ดี ราชการพลเรือน ก็ดี ศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ดี เธอเป็นผู้ขยัน ชำนิชำนาญ ไม่เกียจคร้าน ในงานนั้น ประกอบด้วยปัญญาเครื่องสอบสวนตรวจตรา รู้จักวิธีปฏิบัติในเรื่องนั้นๆ สามารถทำ สามารถจัดการ นี้เรียกว่า อุฏฐานสัมปทา

๒) อารักขสัมปทา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรมีโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร เก็บรวบรวมขึ้นด้วยกำลังแขน อย่างอาบเหงื่อต่างน้ำ เป็นของชอบธรรม ได้มาโดยธรรม เธอจัดการรักษาคุ้มครองทรัพย์เหล่านั้น โดยพิจารณาว่า ทำอย่างไร ราชาทั้งหลายจะไม่พึงริบโภคะเหล่านี้ของเราเสีย พวกโจรไม่พึงลักไปเสีย ไฟไม่พึงไหม้เสีย น้ำไม่พึงพาไปเสีย ทายาทอัปรีย์ก็จะไม่พึงเอาไปเสีย นี้เรียกว่า อารักขสัมปทา

๓) กัลยาณมิตตตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเข้าอยู่อาศัยในคามหรือนิคมใดก็ตาม เธอเข้าสนิทสนมสนทนาปราศรัย ถกถ้อยปรึกษา กับท่านที่เป็นคหบดีบ้าง บุตรคหบดีบ้าง พวกคนหนุ่มที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง คนสูงอายุที่มีความประพฤติเป็นผู้ใหญ่บ้าง ผู้ประกอบด้วยศรัทธา ประกอบด้วยศีล ประกอบด้วยจาคะ ประกอบด้วยปัญญา เธอศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศรัทธา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศรัทธา ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยศีล ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยศีล ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยจาคะ ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยจาคะ ศึกษาเยี่ยงอย่างความเพียบพร้อมด้วยปัญญา ของท่านผู้เพียบพร้อมด้วยปัญญา นี้เรียกว่า กัลยาณมิตตตา

๔) สมชีวิตา เป็นไฉน ? คือ กุลบุตรเลี้ยงชีวิพอเหมาะ ไม่ให้ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ให้ฝืดเคืองเกินไป โดยรู้เข้าใจทางเพิ่มพูนและทางลดถอยแห่งโภคทรัพย์ ว่าทำอย่างนี้ รายได้ของเราจึงจะเหนือรายจ่าย และรายจ่ายของเราจึงจักไม่เหนือรายได้ เปรียบเหมือนคนชั่งตาชั่งหรือลูกมือคนชั่งยกตาชั่งขึ้นแล้ว ย่อมรู้ว่าหย่อนไปเท่านั้น หรือเกินไปเท่านี้

“ถ้าหากกุลบุตร นี้ รายได้น้อย แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อ ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ ...กินใช้ทรัพย์สมบัติเหมือนคนกินมะเดื่อ ถ้ากุลบุตรนี้มีรายได้มาก แต่เลี้ยงชีวิตอย่างฝืดเคือง ก็จะมีผู้กล่าวว่าเอาได้ว่า กุลบุตรผู้นี้ คงจะตายอย่างคนอนาถา แต่เพราะกุลบุตรนี้เลี้ยงชีวิตพอเหมาะ...นี้เรียกว่า สมชีวิตา

"ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อบายมุข (ช่องทางเสื่อม) ๔ ประการ คือ เป็นนักเลงหญิง เป็นนักเลงสุรา เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรชั่วสหายชั่ว ฝักใฝ่ในคนชั่ว เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำแหล่งใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนปิดทางน้ำเข้าเสีย เปิดแต่ทางน้ำออก อีกทั้งฝนก็ไม่ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความลดน้อยลงอย่างเดียว ไม่มีความเพิ่มขึ้นได้เลย...

“ดูกรพราหมณ์ โภคะที่เกิดขึ้นโดยชอบอย่างนี้แล้ว ย่อมมี อายมุข (ช่องทางเพิ่มขึ้น) ๔ ประการ คือ ไม่เป็นนักเลงหญิง ไม่เป็นนักเลงสุรา ไม่เป็นนักเลงการพนัน มีมิตรดี มีสหายดี ใฝ่ใจในกัลยาณชน เปรียบเหมือนอ่างเก็บน้ำใหญ่ ใหญ่ มีทางไหลเข้า ๔ ทาง มีทางไหลออก ๔ ทาง หากคนเปิดทางน้ำเข้า ปิดทางน้ำออก และฝนก็ตกต้องตามฤดูกาล เมื่อเป็นเช่นนี้ อ่างเก็บน้ำใหญ่นั้น เป็นอันหวังได้แต่ความเพิ่มพูนอย่างเดียว ไม่มีความลดน้อยลงเลย...

“ดูกรพราหมณ์ ธรรม ๔ ประการ เหล่านี้แล ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขปัจจุบัน แก่กุลบุตร”

จากนั้น ตรัสแสดงธรรม ๔ ประการ ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์สุขเบื้องหน้า หรือประโยชน์ล้ำเลยตาเห็น (สัมปรายิกัตถะ) คือสัทธาสัมปทา ศีลสัมปทา จาคสัมปทา และปัญญาสัมปทา (องฺ.อฏฺฐก.23/145/294)


จบข่าว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 14:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


ไปถามแม่ทูลหัวของคุณโรส..ดูซิ..รู้พระธรรมคำสอนจากที่ไหน?

ลอยมาจากอากาศหรือ?

:b32:
ถามจริงๆนะคะจะหน้าหนาห่มจีวรไปอีกนานไหม
บวชแล้วรับเงินคือการออกจากธรรมวินัยแล้ว
ปลงอาบัติทุกวันมันได้ที่ไหนคะแล้วก็บางอ้อ
ปลงกะคนที่รับเงินเหมือนกันนั้นไม่ได้ด้วย
จะอยู่เหยียบย่ำพระศาสดาอีกนานไหม
พระธรรมและพระวินัยแทนเราตถาคต

:b32: :b32:


เลอะเทอะดี...พูดฟ้า...คว้าขี้มาตอบ :b9: :b9: :b9:

ผมเห็นคนหนึ่งกำลังเหยียบย่ำพระศาสนาอยู่..

ดูนี้..

Rosarin เขียน:
:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้

เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


:b9: :b9: :b9:

:b32:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


สุตมยปัญญา ก็มีก็มาในตำรานะ :b1:

สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา

:b32:
คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท
ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


ความเห็นขัดแย้งกันครับ

พุทธศาสนาสอนคนทุกระดับชั้น

อริยสัจ4นี้เกี่ยวกับความทุกข์

คนที่รู้นั้นทำมากกว่าฟัง

เขาพูดด้วยในสิ่งที่เป็นกุศล

รู้จักระงับเหตุแห่งอกุศล

ระงับเหตุไม่ได้ อย่าหวังผลเลยครับ

tongue
ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะสาวกแปลว่าฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อเพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 16:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin


ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะ สาวก แปลว่า ฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อ
เพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ



ตกลงนี่คุณโรสจะเอายังไง เดี๋ยวก็ว่านั่งขัดสมาธิหลับตาฟังหลวงตาเทศน์จนได้ฌาน 3 โน่น มาตอนนี้ไม่ให้หลับตา :b10:

แล้วก็เล่นเว้าเอาซื่อๆ สาวก แปลว่า ผู้ฟัง แค่นั้น (ที่งอกไปอีกเป็นอัตตโนมติ) ตัวเองก็จะเล่นฟังกันอย่างเดียวตามศัพท์สาวกเลยนิ :b32: นี่แหละถึงว่า ธรรมะเลียนแบบ คือ เลียนแบบไปทุกเรื่อง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปุณณสุนาปรันตะ, ปุณณสุนาปรันตกะ พระมหาสาวกองค์หนึ่ง ในจำนวนอสีติมหาสาวก ชื่อเดิมว่า ปุณณะ เกิดที่เมืองท่า ชื่อ สุปปารกะ ในแคว้นสุนาปรันตะ เมื่อเติบโตขึ้น ได้ประกอบการค้าขายร่วมกับน้องชาย ผลัดกันนำกองเกวียน ๕๐๐ เล่ม เที่ยวค้าขายตามหัวเมืองต่างๆ คราวหนึ่ง น้องชายอยู่เฝ้าบ้าน ปุณณะนำกองเกวียนออกค้าขายผ่านเมืองต่างๆ มาจนถึงกรุงสาวัตถี พักกองเกวียนอยู่ใกล้พระเชตวัน รับประทานอาหารเช้าแล้วก็นั่งพักผ่อนกันตามสบาย ขณะนั้นเอง ปุณณะมองเห็นชาวพระนครสาวัตถีแต่ตัวสะอาดเรียบร้อย พากันเดินไปยังพระเชตวันเพื่อฟังธรรม ไต่ถามทราบความก็ดีใจ จึงพาบริวารเดินตามเขาเข้าไปสู่พระวิหาร ยืนอยู่ท้ายสุดที่ประชุม ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าแล้วเลื่อมใสอยากจะบวช
วันรุ่งขึ้นถวายมหาทานแด่พระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขแล้ว มอบหมายธุระแก่เจ้าหน้าที่คุมของให้นำสมบัติไปมอบให้แก่น้องชาย แล้วออกบวชในสำนักพระศาสดา
ตั้งใจทำกรรมฐาน แต่ก็ไม่สำเร็จ คิดจะไปบำเพ็ญภาวนาที่ถิ่นเดิมของท่านเอง จึงเข้าไปเฝ้าพระพุทธเจ้า กราบทูลของพระโอวาท ดังปรากฏเนื้อความในปุณโณวาทสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้าประทานพระโอวาทแสดงวิธีปฏิบัติต่อ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และธรรมารมณ์ โดยอาการที่จะมิให้ทุกข์เกิดขึ้น แล้วตรัสถามท่านว่า จะไปอยู่ในถิ่นใด

ท่านทูลตอบว่า จะไปอยู่ในแคว้นสุนาปรันตะ

ตรัสถามว่า ชาวสุนาปรันตะเป็นคนดุร้าย ถ้าเขาด่าว่าท่าน จะวางใจต่อคนเหล่านั้นอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่ายังดีนักหนาที่เขาไม่ตบตี

ตรัสถามว่า ถ้าเขาตบตี จะวางใจอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่ายังดีนักหนาที่เขาไม่ขว้างปาด้วยก้อนดิน

ตรัสถามว่า ถ้าเขาขว้างปาด้วยก้อนดิน จะวางใจอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่ายังดีนักหนาที่เขาไม่ทุบตีด้วยท่อนไม้


ตรัสถามว่า ถ้าเขาด้วยท่อนไม้ จะวางใจอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่ายังดีนักหนาที่เขาไม่ฟันแทงด้วยศัสตรา

ตรัสถามว่า ถ้าเขาฟันแทงด้วยศัสตรา จะวางใจอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่ายังดีนักหนาที่เขาไม่เอาศัสตราอันคมฆ่าเสีย

ตรัสถามว่า ถ้าเขาเอาศัสตราอันคมปลิดชีพเสียจะวางใจอย่างไร

ทูลตอบว่า จะคิดว่า มีสาวกบางท่านเบื่อหน่ายร่างกายและชีวิตต้องเที่ยวหาศัสตรามาสังหารตนเอง แต่เราไม่ต้องเที่ยวหาเลย ก็ได้ศัสตราแล้ว

พระผู้มีพระภาคประทานสาธุการ และตรัสว่า ท่านมีทมะ และอุปสมะอย่างนี้ สามารถไปอยู่ในแคว้นสุนาปรันตะได้

พระโอวาทและแนวคิดของพระปุณณะนี้ เป็นคติอันมีค่ายิ่งสำหรับพระภิกษุผู้จะจาริกไปประกาศพระศาสนาในถิ่นไกล

พระปุณณะกลับสู่แคว้นสุนาปรันตะแล้ว ได้ย้ายหาที่เหมาะสำหรับการทำกรรมฐานหลายแห่ง จนในที่สุดแห่งที่ ๔ ได้เข้าจำพรรษาแรกที่วัดกุฬการาม ในพรรษานั้น น้องชายของท่านกับพ่อค้ารวม ๕๐๐ คน เอาสินค้าลงเรือจะไปยังทะเลอื่น ในวันลงเรือ น้องชายมาลาและขอความคุ้มครองจากท่าน ระหว่างทางเรือไปถึงเกาะแห่งหนึ่ง พากันแวะบนเกาะ พบป่าจันทน์แดงอันมีค่าสูง จึงล้มเลิกความคิดที่จะเกินทางต่อ ช่วยกันตัดไม้จันทน์บรรทุกเรือจนเต็มแล้ว ออกเดินทางกลับถิ่นเดิม แต่พอออกเดินเรือมาได้ไม่นาน พวกอมนุษย์ที่สิ่งอยู่ในป่าจันทน์ซึ่งโกรธแค้น ได้ทำให้เกิดลมพายุอย่างแรงและหลอกหลอนต่างๆ น้องชายของพระปุณณะระลึกถึงพระพี่ชาย พระปุณณะทราบ จึงเหาะมายืนอยู่ที่หน้าเรือ พวกอมนุษย์ก็พากันหนีไป ลมพายุก็สงบ

พวกพ่อค้าทั้ง ๕๐๐ คน กลับถึงถิ่นเดิมโดยสวัสดีแล้ว ได้พร้อมทั้งภรรยาพากันประกาศนับถือพระปุณณะ ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะ แล้วแบ่งไม้จันทน์แดงส่วนหนึ่งออกมาถวายท่าน
พระปุณณะตอบว่า ท่านไม่มีกิจที่จะต้องการใช้ไม้เหล่านั้น และแนะให้สร้างศาลาถวายพระพุทธเจ้า ศาลานั้น เรียกว่า จันทนศาลา เมื่อศาลาเสร็จแล้ว พระปุณณะได้ไปทูลอาราธนาพระพุทธเจ้าเสด็จมายังแคว้นสุนาปรันตะพร้อมด้วยพระสาวกจำนวนมาก

ระหว่างทางพระผู้มีพระภาคทรงแวะหยุดประทับโปรดสัจจพันธดาบส ที่ภูเขาสัจจพันธ์ก่อน แล้วนำพระสัจจพันธ์ ซึ่งบรรลุอรหัตผลแล้วมายังสุนาปรันตะด้วย ทรงแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะ และประทับที่จันทนศาลา ในมหฬการาม ๒-๓ วัน เสด็จเที่ยวบิณฑบาตในหมู่บ้าน และทรงเดินทางกลับ
ระหว่างทางเสด็จถึงฝั่งแม่น้ำนัมมทา ได้แสดงธรรมโปรดนัมมทานาคราช นาคราชขอของที่ระลึกไว้บูชา จึงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทานั้น

จากนั้น เสด็จต่อไปถึงภูเขาสัจจพันธ์ ตรัสสั่งพระสัจจพันธ์ให้อยู่สั่งสอนประชาชน ณ ที่นั้น พระสัจจพันธ์ทูลขอสิ่งที่ระลึกไว้บูชา จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ภูเขานั้นด้วย อันนับว่า เป็นประวัติการเกิดขึ้นของรอยพระพุทธบาท

เหตุการณ์ที่เล่านี้ เกิดขึ้นในพรรษาแรกที่พระปุณณะกลับมาอยู่ในแคว้นสุนาปรันตะ และท่านเองก็ได้บรรลุอรหัตผลในพรรษาแรกนั้นเช่นกัน ท่านพระปุณณะเถระบำเพ็ญจริยาเพื่อประโยชน์สุดแก่ประชาชนสืบมาจนถึงปรินิพพาน ณ แคว้นสุนาปรันตะนั้น ก่อนพุทธปรินิพพาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 18:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin


ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะ สาวก แปลว่า ฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อ
เพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ



ตกลงนี่คุณโรสจะเอายังไง เดี๋ยวก็ว่านั่งขัดสมาธิหลับตาฟังหลวงตาเทศน์จนได้ฌาน 3 โน่น มาตอนนี้ไม่ให้หลับตา :b10:

แล้วก็เล่นเว้าเอาซื่อๆ สาวก แปลว่า ผู้ฟัง แค่นั้น (ที่งอกไปอีกเป็นอัตตโนมติ) ตัวเองก็จะเล่นฟังกันอย่างเดียวตามศัพท์สาวกเลยนิ :b32: นี่แหละถึงว่า ธรรมะเลียนแบบ คือ เลียนแบบไปทุกเรื่อง

:b12:
ก็ถามมาไงก็ตอบให้รู้ตามที่อยากรู้ไงคะ
นั่นมันอดีตก่อนจะได้ฟังพระพุทธพจน์
รู้สภาวะธรรมของจริงยังไม่ได้รู้บัญญัติคำอะไรเลย
ก็เป็นเครื่องยืนยันผลของกรรมในอดีตมาไงนั่งแค่ชั่วโมงกว่าๆเองนะ
อดีตมันผ่านไปแล้วไม่เอามาเป็นอารมณ์อะไรเลยต้องตามรู้ปัจจุบันตามคำสอนทีละคำทำเหตุเกิดปัญญาจ้า
ไปยึดทำไมเล่า...อดีตชาติไม่รู้ว่าหลงผิดนั่งมานานเท่าไหร่ไม่รู้หรอก...แต่รู้ว่าฟังคำสอนน๊าจึงทิ้งสิ่งที่ผิดได้
เพราะชาตินี้ก็คืออดีตของชาติหน้าทำเหตุปัจจัยให้เกิดปัญญาบ้างหรือยังเพราะว่าข้ามสุตมยปัญญาไม่ได้
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin


ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะ สาวก แปลว่า ฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อ
เพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ



ตกลงนี่คุณโรสจะเอายังไง เดี๋ยวก็ว่านั่งขัดสมาธิหลับตาฟังหลวงตาเทศน์จนได้ฌาน 3 โน่น มาตอนนี้ไม่ให้หลับตา :b10:

แล้วก็เล่นเว้าเอาซื่อๆ สาวก แปลว่า ผู้ฟัง แค่นั้น (ที่งอกไปอีกเป็นอัตตโนมติ) ตัวเองก็จะเล่นฟังกันอย่างเดียวตามศัพท์สาวกเลยนิ :b32: นี่แหละถึงว่า ธรรมะเลียนแบบ คือ เลียนแบบไปทุกเรื่อง

:b12:
ก็ถามมาไงก็ตอบให้รู้ตามที่อยากรู้ไงคะ
นั่นมันอดีตก่อนจะได้ฟังพระพุทธพจน์
รู้สภาวะธรรมของจริงยังไม่ได้รู้บัญญัติคำอะไรเลย
ก็เป็นเครื่องยืนยันผลของกรรมในอดีตมาไงนั่งแค่ชั่วโมงกว่าๆเองนะ
อดีตมันผ่านไปแล้วไม่เอามาเป็นอารมณ์อะไรเลยต้องตามรู้ปัจจุบันตามคำสอนทีละคำทำเหตุเกิดปัญญาจ้า
ไปยึดทำไมเล่า...อดีตชาติไม่รู้ว่าหลงผิดนั่งมานานเท่าไหร่ไม่รู้หรอก...แต่รู้ว่าฟังคำสอนน๊าจึงทิ้งสิ่งที่ผิดได้
เพราะชาตินี้ก็คืออดีตของชาติหน้าทำเหตุปัจจัยให้เกิดปัญญาบ้างหรือยังเพราะว่าข้ามสุตมยปัญญาไม่ได้
:b32: :b32:


ว่าเป็นชาติๆเลยนะ คิกๆๆ

หลับตาฟังเทศน์ได้ฌาน 3 กับฟังแม่สุจิน อันไหนก่อน อันไหนหลังขอรับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 22:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin


ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะ สาวก แปลว่า ฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อ
เพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ



ตกลงนี่คุณโรสจะเอายังไง เดี๋ยวก็ว่านั่งขัดสมาธิหลับตาฟังหลวงตาเทศน์จนได้ฌาน 3 โน่น มาตอนนี้ไม่ให้หลับตา :b10:

แล้วก็เล่นเว้าเอาซื่อๆ สาวก แปลว่า ผู้ฟัง แค่นั้น (ที่งอกไปอีกเป็นอัตตโนมติ) ตัวเองก็จะเล่นฟังกันอย่างเดียวตามศัพท์สาวกเลยนิ :b32: นี่แหละถึงว่า ธรรมะเลียนแบบ คือ เลียนแบบไปทุกเรื่อง

:b12:
ก็ถามมาไงก็ตอบให้รู้ตามที่อยากรู้ไงคะ
นั่นมันอดีตก่อนจะได้ฟังพระพุทธพจน์
รู้สภาวะธรรมของจริงยังไม่ได้รู้บัญญัติคำอะไรเลย
ก็เป็นเครื่องยืนยันผลของกรรมในอดีตมาไงนั่งแค่ชั่วโมงกว่าๆเองนะ
อดีตมันผ่านไปแล้วไม่เอามาเป็นอารมณ์อะไรเลยต้องตามรู้ปัจจุบันตามคำสอนทีละคำทำเหตุเกิดปัญญาจ้า
ไปยึดทำไมเล่า...อดีตชาติไม่รู้ว่าหลงผิดนั่งมานานเท่าไหร่ไม่รู้หรอก...แต่รู้ว่าฟังคำสอนน๊าจึงทิ้งสิ่งที่ผิดได้
เพราะชาตินี้ก็คืออดีตของชาติหน้าทำเหตุปัจจัยให้เกิดปัญญาบ้างหรือยังเพราะว่าข้ามสุตมยปัญญาไม่ได้
:b32: :b32:


ว่าเป็นชาติๆเลยนะ คิกๆๆ

หลับตาฟังเทศน์ได้ฌาน 3 กับฟังแม่สุจิน อันไหนก่อน อันไหนหลังขอรับ

:b32:
สนใจตรงมีปัญญาให้มากกว่าฌานให้ได้ก่อนนะคะ
คุณนี่ไม่รู้จักฟังเลยนี่บอกว่า
สิกขาน่ะต้องฟังตามเป็นจริง
ยังไม่รู้อีกหรือก็เห็นเป็นวิบาก
เกิดมาเพื่อรับผลของกรรมในอดีต
ผลจะปรากฏให้ได้รับดีหรือไม่ดีนั้นไม่เพิ่มไงคะ
แต่ที่คิดใหม่พูดใหม่ทำใหม่คือกรรมใหม่ไงคะจิตนั้นไม่มีอะไรกั้นเพราะไม่มีตัวตน
ทำอะไรก็ดูปัจจุบันที่กำลังทำสิชอบฟังมีศรัทธาที่จะฟังไหมทำสุตมยปัญญา?
แค่เห็นแค่ได้ยินแค่รู้เย็นร้อนอ่อนแข็งตึงไหวกระทบสัมผัสน่ะคือวิบากและกิริยา
แต่ที่กำลังคิดนึกไปตามวิบากนั้นน่าคิดตามกิเลสที่นอนมาในจิตตัวเองไงคะคือมิจฉาทิฏฐิ
ถ้าไม่เริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์คือตามฟังเพื่อเกิดสัมมาตามได้ก็เป็นคิดตามมิจฉาคือกิเลสตนไงคะ
เข้าใจไหมคะต้องกำลังทำฟังจริงๆจึงเริ่มสะสมปัญญามีสัมมาตามคำสอนได้นะคะไม่มีอะไรสำคัญเท่าฟังน๊า
https://youtu.be/ZtudTxDYDoM
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 23:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
student เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


ไปถามแม่ทูลหัวของคุณโรส..ดูซิ..รู้พระธรรมคำสอนจากที่ไหน?

ลอยมาจากอากาศหรือ?

:b32:
ถามจริงๆนะคะจะหน้าหนาห่มจีวรไปอีกนานไหม
บวชแล้วรับเงินคือการออกจากธรรมวินัยแล้ว
ปลงอาบัติทุกวันมันได้ที่ไหนคะแล้วก็บางอ้อ
ปลงกะคนที่รับเงินเหมือนกันนั้นไม่ได้ด้วย
จะอยู่เหยียบย่ำพระศาสดาอีกนานไหม
พระธรรมและพระวินัยแทนเราตถาคต

:b32: :b32:


เลอะเทอะดี...พูดฟ้า...คว้าขี้มาตอบ :b9: :b9: :b9:

ผมเห็นคนหนึ่งกำลังเหยียบย่ำพระศาสนาอยู่..

ดูนี้..

Rosarin เขียน:
:b12:
พระพุทธรูปทุกแบบไม่ใช่คำสอนเพราะคำสอนแทนศาสดา
และพระรัตนตรัยสูงสุดคือคำสอน...ใช่ตำราไหมคะ
พระพุทธศานาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ทรงตรัสแสดงกาลามสูตรไม่ให้เชื่อแม้แต่ตำรา
ที่อ่านแล้วจดจำเอาไปทำแปลว่ามีตัวตนไม่รู้ว่าทำไม่ได้

เพราะทุกอย่างเกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วตามกรรมไงคะ
:b32: :b32:


:b9: :b9: :b9:

:b32:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
รู้จักคำสอน...ก็รู้มาจากตัวหนังสือ...แต่กลับไม่รู้คุณ

เข้าขั้นเนรคุณของแท้..

ชั่งไร้ค่า...ไร้สาระ..ซะจริง

แต่โรสรู้จากฟังนะคะไม่ได้อ่านตำราชัดไหมสุตมยปัญญาเห็นกิเลสบรรพชิตตามคำสอนตรงเปะๆๆๆ
:b32: :b32:


สุตมยปัญญา ก็มีก็มาในตำรานะ :b1:

สุตมยปัญญา จินตามยปัญญา ภาวนามยปัญญา

:b32:
คำสอนมีตำราเป็นตั้งๆคนชาติไหนก็อ่านได้
แต่ปัญญาจากการฟังเนี่ยนะทำไม่ตรงก็ตายเปล่าไง
เพราะพระธรรมไม่สาธารณะกะปุถุชนแต่สำหรับอริยบุคคล
ที่เป็นเสขะบุคคล7จำพวกและอเสขะอีก1จำพวกรวม8บุคคลทุกบริษัท
ไม่ใช่รู้งูๆปลาๆแต่เป็นความจริงที่รู้แจ้งชัดในความเป็นอริยสัจธรรมตามเป็นจริงนะคะ
:b12:
:b4: :b4:


ความเห็นขัดแย้งกันครับ

พุทธศาสนาสอนคนทุกระดับชั้น

อริยสัจ4นี้เกี่ยวกับความทุกข์

คนที่รู้นั้นทำมากกว่าฟัง

เขาพูดด้วยในสิ่งที่เป็นกุศล

รู้จักระงับเหตุแห่งอกุศล

ระงับเหตุไม่ได้ อย่าหวังผลเลยครับ

tongue
ปัจจุบันขณะตรงแล้วไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นตรงทางสายกลาง
อ่านให้เข้าใจความจริงว่าตนไม่รู้มากแค่ไหนพึ่งพระรัตนตรัยรึยัง
สังฆรัตนะคือผู้ที่เข้าถึงอริยสัจจ์4ตรงทางอริยมรรคแปดแล้วจริงๆ
ไม่ใช่มั่วอ่านมั่วท่องจำเอาไปทำแต่ถึงความจริงแล้วเดี๋ยวนี้ตรงขณะ
อริยบุคคลทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตคือผู้รู้ความจริงตามปัญญารู้ชัดตรง
และอเสขะบุคคลมี1เดียวคือบรรลุอรหัตตผลแล้วถึงนิโรธแล้วไม่ต้องสิกขา
ส่วนเสขะบุคคลคืออริยบุคคลตั้งแต่โสดาปะติมรรคจนถึงอรหัตตมรรค7จำพวกต้องสิกขา
อริยบุคคลล้วนแต่อบรมเจริญปัญญาจากการฟังนับชาติไม่ถ้วนและไม่ขาดการฟังตามปกติเป็นปกติ
อริยบุคคลเนี่ยอ่ะค่ะไม่รวมปุถุชนที่ไม่ฟังคำสอนเพราะสาวกแปลว่าฟังคำสอนเข้าใจรู้แจ้งเห็นจริงตื่นรู้
บ่แม่นไปหลับตาคลำทางเป็นตาบอดคลำช้างเน้อเพราะตถาคตบอกหื้อฟังให้เข้าใจถูกตามคักๆแต๊ๆเน้อ
:b12:
:b32: :b32:


พูดแบบนี้คือ อ้างกรรมแต่ชาติปางก่อน
ถือว่าผิดศีลข้อ1 คือโกหก พูดในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้

ชาติที่แล้วของคนทั้งหลายไม่เหมือนกัน เป็นสิงสาราสัตว์
เป็นสัตว์นรก เป็นเทวดา คุณเกิดในพุทธศาสนาคุณยังไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่ต้องไปย้อนยุคทำให้ตนเองเป็นคนพูดไม่ตรง ทุกขณะก็มุสา ยกตนข่มท่าน สิ่งที่ไม่รู้ดันอ้างว่าตนเองรู้

พูดเรื่องปัจจุบันขณะ ไปเอาเรื่องกรรมมาอ้าง กรรมเป็นเรื่องของอดีต

พระพุทธเจ้าตรัสไว้ อดีตอย่าโหยหา นี่อะไรกัน อ้างแต่อดีตว่าสะสมปัญญามา

คุณน่าสงสารที่สุด เพราะอุตส่าห์เจอหลวงตาบัว ฟังคำสอน สุดท้ายก็หันกลับมาแว้งกัดสงฆ์

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.ย. 2018, 23:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


เจอ2คดี เต็มๆ

1-โกหกมดเท็จ

2- ด่าทอพระสงฆ์

อันที่3 ยังต้องให้คณะสงฆ์ตัดสินก่อน ว่าร่วมกันขโมยธรรม อีกไม่นานก็น่าจะแพ้ภัยตนเอง

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 01:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7517

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
เจอ2คดี เต็มๆ

1-โกหกมดเท็จ

2- ด่าทอพระสงฆ์

อันที่3 ยังต้องให้คณะสงฆ์ตัดสินก่อน ว่าร่วมกันขโมยธรรม อีกไม่นานก็น่าจะแพ้ภัยตนเอง

:b32:
ความจริงของชีวิตปรมัตถธัมมะถามลุงหมานสิ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะสลับกันครบ6ทางเดียวนี้
มีแล้วไม่ต้องทำครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6จริงๆ
ใน1ขณะจิตมีธัมมะนับไม่ถ้วนกุศลกะอกุศลไม่ปนกัน
กุศลกรรมคือจิต+กุศลเจตสิก+รูป
อกุศลกรรมคือจิต+อกุศลเจตสิก+รูป
การประกาศคำตถาคตตามเป็นจริงให้รุ่งเรือง
คือการหงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด
ทำตามๆกันปิดกันให้แซ่ดเลย
ภิกษุในธรรมวินัยรับเงินไม่ได้
ไม่เข้าใจหรือคะชาวบ้านใช้เงินได้
ไม่มีวินัยมาบังคับว่ารับเงินจะตกนรก
มาชี้ขุมทรัพย์ให้ดูน๊าว่าบวชห้ามรับเงินนะทำไม่ได้จะตกนรก
การบวชคือสละสมบัติอาชีพการงานมาเป็นผู้ขอตามธรรมวินัยไงคะ
ทำตามสิกขาบทไม่ได้ต้องรู้จักตนเองต้องลาสิกขาไงคะไม่ได้ล้อเล่น
บวชรับเงินโทษที่ไม่ปลงอาบัติถ้ายังครองจีวรอยู่คือไปอบายภูมินรกเท่านั้น
นรกขยายได้ตามกรรมแต่คนที่พูดความจริงตามคำสอนไม่ใช่คนที่เดือดร้อนใจนะคะ
https://youtu.be/haWoRa7clPk
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.ย. 2018, 02:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 เม.ย. 2010, 08:10
โพสต์: 2830

แนวปฏิบัติ: ขันธ์5ด้วยการสังเกตุ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และอินทรีย์22
สิ่งที่ชื่นชอบ: พระสุตตันตปิฎก
อายุ: 0
ที่อยู่: ระยอง อุบลราชธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
student เขียน:
เจอ2คดี เต็มๆ

1-โกหกมดเท็จ

2- ด่าทอพระสงฆ์

อันที่3 ยังต้องให้คณะสงฆ์ตัดสินก่อน ว่าร่วมกันขโมยธรรม อีกไม่นานก็น่าจะแพ้ภัยตนเอง

:b32:
ความจริงของชีวิตปรมัตถธัมมะถามลุงหมานสิ
จิตเกิดดับทีละ1ขณะสลับกันครบ6ทางเดียวนี้
มีแล้วไม่ต้องทำครบธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6จริงๆ
ใน1ขณะจิตมีธัมมะนับไม่ถ้วนกุศลกะอกุศลไม่ปนกัน
กุศลกรรมคือจิต+กุศลเจตสิก+รูป
อกุศลกรรมคือจิต+อกุศลเจตสิก+รูป
การประกาศคำตถาคตตามเป็นจริงให้รุ่งเรือง
คือการหงายของที่คว่ำเปิดของที่ปิด
ทำตามๆกันปิดกันให้แซ่ดเลย
ภิกษุในธรรมวินัยรับเงินไม่ได้
ไม่เข้าใจหรือคะชาวบ้านใช้เงินได้
ไม่มีวินัยมาบังคับว่ารับเงินจะตกนรก
มาชี้ขุมทรัพย์ให้ดูน๊าว่าบวชห้ามรับเงินนะทำไม่ได้จะตกนรก
การบวชคือสละสมบัติอาชีพการงานมาเป็นผู้ขอตามธรรมวินัยไงคะ
ทำตามสิกขาบทไม่ได้ต้องรู้จักตนเองต้องลาสิกขาไงคะไม่ได้ล้อเล่น
บวชรับเงินโทษที่ไม่ปลงอาบัติถ้ายังครองจีวรอยู่คือไปอบายภูมินรกเท่านั้น
นรกขยายได้ตามกรรมแต่คนที่พูดความจริงตามคำสอนไม่ใช่คนที่เดือดร้อนใจนะคะ
https://youtu.be/haWoRa7clPk
:b12:
:b32: :b32:


จริงๆพุทธศาสนารุ่งเรืองมานานตั้งแต่พุทธกาลนะครับ

ไม่เข้าใจไปถามลุงหมานก็ได้ว่า พุทธศาสนารุ่งเรืองตั้งแต่พระพุทธเจ้ายังอยู่

.....................................................
อย่าท้อถอยต่อการปฏิบัติ อย่าปล่อยให้ความขุ่นเคืองเข้าแทรก สร้างพลังด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า รำลึกและตอบแทนพระคุณมารดา และบิดา มองโลกด้วยใจเป็นกลาง ระลึกเสมอว่าเรายังด้อยปัญญาหากยังไม่ได้ปัญญา


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 155 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร