วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 12:36  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2008, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เรียนท่านทั้งหลายครับ

เรามาปิคตำราคุยกัน เอาประสบการณ์มาคุยกันตามประสาเพื่อนธรรมะ

ไม่ต้องตีความตามสมมุติโวหาร หรือ คำศัพท์ให้หลงทาง

ผมขอกราบเรียนเชิญท่านทุกท่านครับ

ผมขอแปลกระทู้ของผมง่ายๆ ครับว่า

เราจะใช้สติเป็นฐานในกระบวนการเข้าสู่นิพพานได้อย่างไรในภาคปฏิบัติ

เอาสบายๆ ตามประสาเพื่อนครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2008, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ภาคปฏิบัติมีนิดเดียว คือ รู้รูปและนามตามเป็นจริงหรือตามที่มันเป็น ในปัจจุบันแต่ละขณะๆ
:b48: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2008, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



คุณ mes ดูตัวอย่างผู้เข้าสู่ภาคปฏิบัติ แต่ไม่รู้หรือไม่กำหนดรู้ตามที่รูปและนามเป็นไปเอง วิชชาจึงไม่เกิด
พิจารณาดู ครับ :b1:


ยามจิตสงบพอควร รู้ เหมือนมีกลุ่มก้อน อะไรอย่างหนึ่งรูปร่างเหมือนเนื้อตัวร่างกายอยู่ภายใน บางวันสีค่อนข้างดำ บางวันสีใสขึ้นมา ยามที่เสียงกระทบหู รู้ว่า กลุ่มก้อนนี้แปลสภาพแล้วพุ่งไปสู่หู
ขอคำอธิบายจากท่านผู้รู้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2008, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.ค. 2006, 06:25
โพสต์: 2058


 ข้อมูลส่วนตัว


"ผู้ใดหลงใหลในตำราและอาจารย์ ผู้นั้นไม่อาจพ้นทุกข์ได้

แต่ผู้ที่จะพ้นทุกข์ได้ ต้องอาศัยตำราและอาจารย์เหมือนกัน"


หลวงปู่ ดุลย์ อตุโล


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ต.ค. 2008, 23:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


------------------------------------------------------------------------------
สติปัฏฐานของผม ขอพูดง่ายๆ ว่า


เรามีฐานที่มั่น 4 ประการ ในการเอาสติไป focus เอาไว้

- เมื่อเริ่มแรก ฐานไหนชัดก็เอาสติไปดูฐานนั้น แต่อย่าให้ขาดไปจากฐานใดฐานหนึ่ง
(ถ้าได้ทุกฐานถ้วนทั่วพร้อมเต็ม คือสุดยอดของเป้าหมาย)

ถ้าขาดไปจากฐานกาย ฐานเวทนา
ก็เช่น ลืมกาย กายหาย ไม่รู้ว่านั่งสมาธิอยู่ ลมหายใจหายไป
เมื่อยไม่รู้ เย็นร้อนไม่รู้เลย อย่างนี้คือฐาน กาย+เวทนา หายไป

แต่ถ้ายังเกาะฐานที่เหลืออยู่ ก้ยังถือว่าใช้ได้

เช่น ถ้าขาดไปจากฐานธรรม
ก้คือ ไม่ได้เฝ้าดูความเกิดดับของรูปนามต่างๆที่เกิดขึ้น
แต่ไปสนใจว่ามีพระพุทธเจ้ามาคุยด้วย ได้ท่องไปเจอนู่นนี่นั่น ต่างๆนาๆ
นี่คือไม่ได้ดูไตรลักษณ์แล้ว แต่ไปดูละครอยู่

ถ้าขาดไปจากฐานจิต
ไม่รู้ว่ากำลังคิด ไม่รู้ว่าจิตอยู่ไหน จิตหลงคิดไปกับความคิด
(หรือถ้านั่งสมาธิจนเกิดนิมิตก็คือหลงไปกับนิมิต นิมิตก็เกิดจากจิตมันคิดนั่นแหละ)

เหมือนตอนฝันน่ะคับ
จิตหลงไปในความคิด เราไม่รู้ว่าเรากำลังคิด
ไม่รู้ว่าจิตทำงานอยู่ จิตเกิดไม่รู้ จิตกำลังคิดไม่รู้ จิตดับแล้วไม่รู้
จิตใหม่เกิดไม่รู้
เหมือนนั่งเหม่อลอยไป ไม่รู้ที่จบ
เหมือนนั่งคิดนู่นนี่ไปเรื่อยๆ


นี่คือสติปัฏฐาน 4 ความเข้าใจของผม
ที่เกิดจากการปฏิบัติและรับฟังคำสอนมา

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 00:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3836

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฏิจจสมุปบาท + สติปัฏฐาน??


บอกตามตรงว่าผมดูไม่ทันหรอกคับ วงจรนี้นะ

อย่างได้ยินอะไรแล้วดีใจนี่มันจบครบรอบไปแล้วครับ
แล้วมีรอบอื่นๆคอยสร้างความดีใจเสริมขึ้นมาเรื่อยๆ


ในแนวที่ผมปฏิบัติอยู่
เช่นพูดถึงเฉพาะจิตตานุปัสนา

เราสนใจแค่ สติทันสังขารจิต แล้วสังขารมันก็ดับ
ถ้ายังไม่ดับก็ดูไปเรื่อยๆจนเจอตอนมันดับ
พอสังขารใหม่เกิด เราก็ต้องหัดให้รู้ทันไวๆ

ผมฝึกแค่นั้นเองครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบนอกตำรากับท่าน mes ครับ

สำหรับปฏิจสมุปบาท ในแง่การปฏิบัติผมเห็นว่าทำได้สองวิธีครับ

1.วิธีเข้าถึง
2.วิธีพิจารณา

1.วิธีเข้าถึง จะเป็นการใช้กำลังของสมาธิที่เป็นฌานแล้วดำเนินให้เห็นถึงการสืบต่อเนื่องเป็นวงจรเกิดและวงจรดับขององค์ธรรมปัจจุบันที่เรากำลังสนใจอยู่ ว่าเกิดขึ้นมาเป็นทอดๆ ได้อย่างไร แล้วดับไปเป็นทอดๆ ได้อย่างไร

2.วิธีพิจารณา ซึ่งผมใช้วิธีนี้อยู่ โดยจะเป็นการพิจารณาเห็นตามที่เรียนมา โดยทั่วไปจะนำสิ่งปัจจุบันที่กำลังรับรู้ ณ ปัจจุบันมา เช่น เมื่อมีความโกรธเกิดขึ้น เราก็พิจารณาตามที่ร่ำเรียนมา ให้เห็นว่ามันเกิดสืบต่อกันมาอย่างไร เช่น เกิดจากตากับรูป เกิดจักษุวิญญาณ รวมกัน 3 อย่างจึงเป็นจักษุผัสสะ เมื่อผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดทุกขเวทนา เมื่อทุกขเวทนาเกิดขึ้น ก็ปรุงแต่งเป็นตัณหา คือ ความโกรธ แล้วเป็นอุปทานคือความยึด พิจารณาอย่างนี้ย่อมเห็นถึงสายเกิดแห่งปฏิจสมุปบาทในองค์ธรรมปัจจุบันนั้น

ต่อไปเมื่อพิจารณาแล้วอย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ย่อมคลายออกจากความโกรธ ปัญญาเกิด สติเกิด โทสะย่อมดับลงไปเอง ตรงนี้เราจะเห็นถึงความไม่เที่ยงแห่งโทสะ เราก็จะพิจารณาเห็นต่อไปได้เองว่าเมื่อเป็นอย่างนี้คือเมื่อโทสะดับ คือ ตัณหาดับ อุปทานก็ดับ อุปาทานดับ ภพจึงดับ เพราะภพดับ ชาติจึงดับ เพราะชาติดับ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะทุกข์โทมนัส และอุปายาสจึงดับ อย่างนี้เราย่อมเห็นถึงสายดับแห่งปฏฺจสมุปบาทครับ ปฏิบัติควบคู่กัน เราย่อมเป็นอันรู้อยู่เห็นอยู่ซึ่งปฏิจสมุปบาทเนื่องๆ ครับ

ลองพิจารณาดูครับ ผิดถูกอย่างไร อยู่ที่ใจปล่อยวาง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 10:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ยามจิตสงบพอควร รู้ เหมือนมีกลุ่มก้อน อะไรอย่างหนึ่งรูปร่างเหมือนเนื้อตัวร่างกายอยู่ภายใน บางวันสีค่อนข้างดำ บางวันสีใสขึ้นมา ยามที่เสียงกระทบหู รู้ว่า กลุ่มก้อนนี้แปลสภาพแล้วพุ่งไปสู่หู
ขอคำอธิบายจากท่านผู้รู้ ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความกระจ่าง


ขอออกตัวว่าไม่ใช่ผู้รู้ครับ

แต่จะทำข้อสอบ ท่านผู้รู้กรุณาตรวจข้อสอบผมด้วย

ข้างต้นนี้เกิดจากมีศรัทธามากประการหนึ่ง อันที่จริงการปฏิบัติต้องมีศรัทธาอยู่แต่ถ้ามากเกินไปไม่สมดุลย์ในพละ อินทรีย์จะเกิดอาการปรุ่งแต่ง ในกรณีนี้เกิดร่วมกับความกลัวในมโนธรรมครับ

เมื่อศรัทธามีมากก็เกิดวิริยะมากเกินเช่นกัน

จึงต้องปรับถอยลงมาให้สมดุลย์พอดีกัน

ด้วยการกำหนดรู้ คือรู้ว่าตรึงเกินไปแล้ว คือกำหนอว่ารู้หนอ หรือรู้ๆๆๆๆ

หรืออาจจะเปลี่ยนมาเดินจงกรมบ้างอาการก็อาจจะหายไป

ทั้งนี้ท่านผู้อ่านอย่าเพิ่งเชื่อผมครับ

เป็นข้อคิดที่ผมสันนิฐานมากจากประสพการณ์ที่คล้ายๆกันของตนเอง

ถูกผิดอย่างไรยังต้องรอท่านอาจารย์ช่วยชี้แนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 10:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ตรงประเด็น เขียน:
"ผู้ใดหลงใหลในตำราและอาจารย์ ผู้นั้นไม่อาจพ้นทุกข์ได้

แต่ผู้ที่จะพ้นทุกข์ได้ ต้องอาศัยตำราและอาจารย์เหมือนกัน"


หลวงปู่ ดุลย์ อตุโล


ท่านตรงประเด็นยกคำท่านครูบาอาจารย์มาถูกต้องที่สุดครับ

สุดยอดของครูคือพระพุทธเจ้า

หากไม่ยึดพระธรรมก็ไม่อาจรู้ธรรม นำพาให้พ้นทุกขได้

หากหลงใหลในอาจารย์แม้แต่พระพุทธเจ้าก็ไม่ยอมปฏิบัติธรรม

เอาแต่หาหนทางจะไปอยู่ใกล้ชิดอาจารย์ กลายเป็นเสน่หา เป็นสังโยช พ้นทุกขไม่ได้

แทนที่จะมุ่งสู่นิพพานกลับแสวงหาดินแดนพุทธเกษตร

ฉนั้นนอกตำราของผมจึงขอแปลงเป็นปิคตำราทำข้อสอบครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 10:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
บอกตามตรงว่าผมดูไม่ทันหรอกคับ วงจรนี้นะ


ท่านคามินธรรม ผู้ร่าเริงที่ลึกล้ำ

อย่าว่าแต่ดูจิตทันเลยครับ

น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาเรายังตามดูไม่ทันเลยครับ ที่เห็นเป็นสายที่เรียกแม่น้ำแท้จริงคือสภาวะ(ผมเรียกถูกหรือเปล่าไม่ทราบ)

และที่ละเอียดลึกกว่านั้นคือ

ที่เราเห็นมันคือภาพ ไม่มีของจริงเลยแม้แต่อย่างเดียว

ภาพหลอนกับภาพจริงความแตกต่างน้อยมาก

เรามองเห็นแสงสว่างแทนสีรุ้งทั้งเจ็ด

ทั้งหมดทั้งปวงเป็นแค่การสั่นสะเทือนที่ประสาทตาเท่านั้น

ความจริงเราทุกคนตาบอด และ หูหนวก

เราไม่เคยมองเห็นสิ่งใดๆ และได้ยินเสียงใดๆทั้งสิ้น

ที่เป็นอยู่แค่ประสาทในอายตนะสัมผัสที่ถูกกระแทก

แล้วที่ผมตามติดก็คือความรู้ลึก

และทำไมจึงรู้ลึกเช่นนั้น

เท่านั้นครับ

ผมอยากคุยกับท่านคามินธรรมยาวๆแต่นึกอะไรไม่ออกจึงเขียนมาตามความคิดตัวเองมาอย่างนี้

ท่านคามินคงจะมีความคิดลึกๆดีๆกลับมาสู่ผมแน่ๆครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 11:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คิรัสพล เขียน:
สำหรับปฏิจสมุปบาท ในแง่การปฏิบัติผมเห็นว่าทำได้สองวิธีครับ

1.วิธีเข้าถึง
2.วิธีพิจารณา


สวัสดีครับท่านคิรัสพล

ความจริงผมเห็นด้วยกับท่านคิรัสพลอยู่แล้วครับ

แต่อยากสนทนากับท่านเพื่อคบหากัน

วิธีเข้าถึงของท่านคือสมถะ และวิธีพิจารณาของท่านคือวิปัสสนา ใช่ไหมครับ

ในกรณีตัวอย่างของท่านกรัชกายท่านคิรัสพลมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

และที่ผมทำข้อสอบมานั้นท่านคิรัสพลมีความคิดเห็นว่าผิดถูกตรงไหนอย่างไรครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8:

สวัสดีครับท่าน mes ผมเองก็ยินดีมากครับ ที่ท่านสนทนากับผมเพื่อคบหากัน

1.วิธีเข้าถึง = ทำให้สิ่งนั้นปรากฏขึ้นมาจริงๆ แล้วพิจารณาหรือสืบสาวไปทีละทอดในทุกทอดจะต้องเป็นสิ่งที่ปรากฏขึ้นจริงๆ ณ ขณะนั้น ในส่วนของปฏิจสมุปบาทฝ่ายดับจะทำได้ยากมากๆ จะต้องมีสมาธิเป็นฌานประกอบด้วยถึงจะเข้าถึงได้

2.วิธีพิจารณา = พิจารณาให้เห็นตามเป็นจริง ซึ่งความจริงที่เห็นอาจจะยังไม่ปรากฏขึ้นจริงๆ ก็ได้ (แต่อนาคต หรืออดีตสิ่งอย่างเดียวกันของเราหรือคนอื่นได้ปรากฏขึ้นจริงๆ อย่างนั้นมาแล้ว)

การตั้งคำถามของคุณ mes สำหรับความคิดเห็นของผม เข้าใจว่าหัวข้อกระทู้นั้นเป็นการถามคำถามหนึ่งว่า..

"ใช้สติปัฏฐานสี่อย่างไร จึงจะรู้จะเห็นในปฏิจสมุปบาทฝ่ายดับได้?" (ปฏิจสมุปบาทนิโรธวาท = กระบวนการฝ่ายดับ)

ส่วนการที่คุณ mes สรุปกระทู้ออกมาก็เป็นอีกคำถามหนึ่ง คือ

"เราจะใช้สติเป็นฐานในกระบวนการเข้าสู่นิพพานได้อย่างไรในภาคปฏิบัติ"

ผมเลือกตอบเฉพาะคำถามแรกตามที่ผมเข้าใจเท่านั้น มิได้ตอบคำถามที่สองครับ เพราะในความเห็นของผมคำถามที่สองตอบได้หลากหลาย และทำได้แม้ไม่ต้องเจริญตามแนวสติปัฏฐานสี่อย่างที่เข้าใจกันในปัจจุบันโดยทั่วไป เช่น "ที่ลงท้ายว่าหนอๆ" , "รู้ๆ" เป็นต้น

สำหรับผมแล้วสติปัฏฐานสี่ จะไม่ใช่การเจริญอย่างดังกล่าวที่ลงท้ายด้วย "หนอๆ" เหรือ "รู้ๆ" ท่านั้น แต่หมายถึงการรวมวิธีการปฏิบัติทั้งหมดที่ทำให้ไปสู่นิพพานได้มารวมเข้าไว้ด้วยกัน แล้วแยกให้จำง่ายเลือกปฏิบัติได้ง่ายเป็นสี่หมวด อันนี้นอกตำราสำหรับบางคน แต่สำหรับผมแล้วทุกอย่างอยู่ในตำราได้หมด วิธีปฏิบัติ ประสบการณ์ของเราก็อยู่ในตำราได้ครับ ตรงนี้อาจไม่ตรงกับที่หลายๆท่านเรียนมา

ยินดีที่ได้ร่วมสนทนาธรรมแลกเปลี่ยนกันครับ

:b1:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 15:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ที่ทำสติปัฏฐาน4 อย่างเดียว แม้จะเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็เป็นแค่อรหันต์สุกขวิปัสสโก ไม่มีทางเข้าใจปฏิจจสมุปบาท
อย่างกระจ่าง ผู้ที่จะสามารถเข้าใจปฏิจจสมุปบาทอย่างกระจ่าง คือ พระอรหันต์ที่ได้อภิญญาทั้ง 6 อย่างเท่านั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ต.ค. 2008, 17:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


ปล่อยในสิ่งที่รู้
รู้ในสิ่งที่ปล่อย...

ใจเห็นใจ ที่ไม่เที่ยง จับเหวี่ยงทิ้ง
ใจเห็นใจนิ่ง จริงแท้ ไม่แปรผัน
ใจรู้ใจ ที่เบิกบาน กาลนิรันดร์
ใจปล่อยใจ ไม่ยึดมั่น ใจใดเลย...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ต.ค. 2008, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 07 ก.ย. 2005, 15:24
โพสต์: 179


 ข้อมูลส่วนตัว


:b42:

.....................................................
คำพูดเพียงน้อยนิดอาจเปลี่ยนชีวิตของคนได้


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 20 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร