วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 10:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 พ.ย. 2008, 14:07
โพสต์: 13


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าจะแผ่เมตตาให้เต็มที่จริงๆนะครับ
จะต้องให้ออกมาจากใจครับ
คือเราจะต้องนึกถึงความสุขความรักความเมตตาที่เรามีต่อเพื่อนร่วมเกิดแก่เจ็บตาย
จนใจของเราเต็มเปี่ยมไปด้วยความชุ่มเย็น เมตตา
แล้วจินตนาการว่ามีคลื่นแห่งความเมตตา หรือแสงแห่งความเมตตา
แผ่ออกมาจากตัวเราไปยังคนที่เราต้องการ
วิธีนี้จะเป็นการแผ่เมตตาด้วยสมาธิ
จะมีกำลังสูงกว่าครับ
เราก็สวดไปนึกถึงคนที่เราต้องการให้เขามีความสุข
แล้วก็ขอให้เขายิ่งมีความสุขขึ้นเรื่อยๆ
ยิ่งสวดจิตเราก็ยิ่งหวังดีต่อเขา
ให้ลองเอาไปทำดูนะครับ ง่ายๆไม่ยากครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2008, 17:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีหัวข้อ “กรรม ชำระล้างได้อย่างไร?” พุทธพจน์ตอนท้าย ตรัสถึงเรื่องเมตตาเจโตวิมุติ
เราพอใจจะเรียกตัดกรรมก็น่าจะได้ หรือจะเรียก เจริญเมตตาก็น่าได้ เพราะว่าเมื่อเราเพียรพยายามฝึกอบรมจิตให้เจริญมีสติสัมปชัญญะมั่น เช่นพุทธพจน์ท่อนนี้

“เขาละปาณาติบาต งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ ละมุสาวาท...ปิสุณาวาจา...ผรุสวาจา...
สัมผัปปลาปะ...อภิชฌา...พยาบาท...ละมิจฉาทิฏฐิ แล้วเป็นสัมมาทิฏฐิ เขาเป็นอริยสาวก
มีใจปราศจากอภิชฌา ปราศจากพยาบาท ไม่ลุ่มหลง มีสัมปชัญญะ มีสติมั่น อยู่ด้วยใจที่ประกอบด้วย
เมตตาปกแผ่ไปทิศ 1...ทิศ 2...ทิศ 3 ...ทิศ 4 ครบถ้วนทั้งสูง ต่ำ กว้างขวาง ทั่วทั้งโลก
ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วยเมตตา อันไพบูลย์ ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ
ไร้เวร ไร้พยาบาท ฯลฯ เมื่อเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ ทำให้มากอย่างนี้ กรรมใดที่ทำไว้
พอประมาณ กรรมนั้นจักไม่เหลือ จะไม่คงอยู่ในเมตตาเจโตวิมุตตินั้น”

สํ.สฬ. 18/613-619/393-398)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2008, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



สาระของพุทธพจน์อยู่ที่



เป็นสัมมาทิฏฐิ เขาเป็นอริยสาวก มีใจปราศจากอภิชฌา ปราศจากพยาบาท ไม่ลุ่มหลง
มีสัมปชัญญะ มีสติมั่น อยู่ด้วยใจที่ประกอบด้วยเมตตาปกแผ่ไปทิศ 1...ทิศ 2...ทิศ 3 ...ทิศ 4
ครบถ้วนทั้งสูง ต่ำ กว้างขวาง ทั่วทั้งโลก ทั่วสัตว์ทุกเหล่า ในที่ทุกสถาน ด้วยใจประกอบด้วย
เมตตา อันไพบูลย์ ยิ่งใหญ่ ไม่มีประมาณ ไร้เวร ไร้พยาบาท ฯลฯ เมื่อเจริญเมตตาเจโตวิมุตติ ทำให้
มากอย่างนี้ กรรมใดที่ทำไว้พอประมาณ กรรมนั้นจักไม่เหลือ จะไม่คงอยู่ในเมตตาเจโตวิมุตตินั้น


ไล่ๆดูก็ไม่พ้นการเจริญสติสัมปชัญญะเป็นเหตุ เนื้อหานอกนั้นเป็นผล ซึ่งเกิดจากการฝึกอบรมสติสัมปชัญญะ เมื่อฝึกได้ผลแล้วเมตตาหรือเมตตาเจโตวิมุติก็เกิด :b42:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ย. 2008, 13:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: :b44: การแผ่เมตตา เป็นการแผ่ให้เพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย :b43:
-จะมีแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน ก้คือขึ้นต้นด้วย อะหังสุขิโต โหมิ ฯ
-แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั่วไปหมายถึงใครๆก็ได้ไม่จำกัดบุคคล(ใครพอจะรับได้ก็รับ) ขึ้นต้นด้วยสัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายฯ
-สุดท้ายแผ่อุทิศส่วนกุศล นี่ให้แบบเฉพาะเจาะจงซึ่งในบทสวดจะระบุว่ามีใครบ้าง เป็นต้นว่า
มีพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง ครูอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรเป็นต้น หรือจะนึกถึงใครก็ได้ที่เราสนิทหรือรู้จัก
ด้วยก็ได้ แล้วแผ่ให้เขาไป :b41: :b39: (มองโดยรวมๆก็จะคล้ายๆกัน)
:b40:
:b40:การที่เราแผ่ไปแล้วๆมีผีมาขอรับบุญด้วย อย่าเพิ่งตกใจกลัวนะครับ นั่นแสดงว่าเรามีบุญที่มากพอทำให้เค้าต้องการมาขอบุญจากเรา ให้เราค่อยๆนึกแล้วแผ่ให้ดวงวิญญาณนั้นไป ไม่แน่ว่าเรากะผีตนนั้นอาจเป็นญาติพี่น้องกันในอดีต แต่มีกรรมเกี่ยวข้องกันเค้าเลยติดต่อเราได้ :b39: :b40: :b42:

ตอนเราทำบุญอะไรก็แล้วแต่ เวลากรวดน้ำให้คนที่ล่วงลับหรือมีชีวิตอยู่ เมื่อพระสวดยะถา(ให้คนเป็น) และจบด้วยสัพพี(ให้คนที่ตายแล้ว) แค่เราสาธุในใจนึกถึงคนที่รุ้จัก แค่นั้นเค้าก็ได้รับเดี๋ยวนั้น เพราะจิตคนเร็วมาก (ลัดมือเดียวไปได้แสนโกฏิจักรวาล) จะมากรวดน้ำใส่โคนต้นไม้หรือไม่เท ก็ได้ผลเท่ากันครับ **คนไทยส่วนมากชอบมาเทน้ำใส่โคนต้นไม้ใหญ่เมื่อกรวดน้ำเสร็จ ซึ่งเป็นการทำตามความคิดของพราหมณ์ ซึ่งมีมาช้านานแล้วตั้งแต่ก่อนพุทธกาลโน้น** :b42: :b43: :b44: :b40: :b39:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2008, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: :b10: การแผ่เมตตา เป็นการแผ่ให้เพื่อนร่วมโลกทั้งหลาย
-จะมีแผ่เมตตาให้ตัวเองก่อน ก้คือขึ้นต้นด้วย อะหังสุขิโต โหมิ ฯ
-แล้วแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั่วไปหมายถึงใครๆก็ได้ไม่จำกัดบุคคล(ใครพอจะรับได้ก็รับ) ขึ้นต้นด้วยสัพเพสัตตา สัตว์ทั้งหลายฯ
-สุดท้ายแผ่อุทิศส่วนกุศล นี่ให้แบบเฉพาะเจาะจงซึ่งในบทสวดจะระบุว่ามีใครบ้าง เป็นต้นว่า
มีพ่อแม่ ญาติ พี่น้อง ครูอาจารย์ เจ้ากรรมนายเวรเป็นต้น หรือจะนึกถึงใครก็ได้ที่เราสนิทหรือรู้จัก
ด้วยก็ได้ แล้วแผ่ให้เขาไป (มองโดยรวมๆก็จะคล้ายๆกัน)
ถามK.อินทรีย์5 :b10: :b10: ค่ะ แล้วการแผ่อุทิศส่วนกุศล นี้มีบทสวดสั้นๆด้วยไม๊คะ เราสงสัยว่า
เราจะมีบทสวดเริ่มต้นจาก :b41: บูชาพระรัตนตรัย
:b41: นมัสการพระรัตนตรัย
:b41: นบน้อม........
:b41: พระไตรสร......
:b41: สรรเสริญพระพุทธคุณ.....
:b41: บทสวดชัยมงคล....
:b41: บทสวดหลวงปู๋ทวด
:b41: บทกรวดน้ำ
:b41: บทอนุญาตเวร...เวรานิปิ......มะระณังจุติ
:b41: บทอุทิศส่วนกุศล...อิทัง ปุญญะผะลัง....
:b41: คำอธิษฐาน....ข้าพเจ้าขออารธนาบารี.......
:b41: คำขอขมา....ด้วยใจก็ดี.......
:b43: :b43: :b43: นั่งสมาธิ
:b41: บทแผ่เมตตาตนเอง
:b41: บทแผ่เมตตาสรรพ....
รบกวนช่วยอธิบายได้ไม๊คะว่า :b10: การอุทิศส่วนกุศลให้คนตายควรแทรกตรงบทไหนคะ
:b10: ถ้าเราจะอุทิศให้คนตายแบบเจาะจงก่อน แล้วค่อยทั่วไปได้ไม๊
:b10: เราอยากแยกให้คนเป็น/คนตาย เพราะจิตเรายังไม่นิ่งจึง บางครั้งจะสับสนวนไป...วนมา...ลืมด้วย
:b10: ถ้าเราสวดบทอุทิศส่วนกุศล ให้เฉพาะคนตาย และแผ่เมตตาให้เฉพาะคนเป็นได้ไม๊คะ
: :b41: รบกวนท่านผู้รู้ท่านอื่นจะแนะนำด้วยก็ขออนุโมทนาด้วยนะคะ
:b53: :b53: และทุกวันจะสวดเท่านี้ มีบทอื่นที่ควรเพิ่มไม๊คะ :b53: :b53:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2008, 13:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b42: สวดเยอะจังเลยนะครับ มีหลายบทดี แต่อยากจะบอกว่าการสวดมนต์การกุศโลบายอย่างหนึ่งที่ทำให้สติรวมเข้ากับจิตเรา ซึ่งบางคนสวดมาก บางคนสวดน้อยบท :b48:

วิสัชนา: ขอตอบว่าบทแผ่อุทิศส่วนกุศลแบบเจาะจง มีบทสวดสั้นๆครับ :b40: ขึ้นต้นด้วยอิทัง เม... มาตาปิตุนัง โหตุ สุขิตา โหตุ(หมายถึงให้พ่อแม่ของเราอยู่เย็นเป็นสุข) นี่เป็นแบบทางการ....
แต่ถ้าเราจะนึกถึงคนๆนั้นก็ได้คือเราอาจไม่มีบทสวดนี้ ก้อาจแผ่ไปว่า ขอให้พ่อแม่ข้าพเจ้าที่อย่จังหวัด..
อยู่ดีมีสุข คิดอะไรสมความมุ่งมาดปรารถนา แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จ ถ้าเป็นเพื่อนก็ให้นึกถึงชื่อเพื่อนแล้วแผ่ไปตามชื่อนั้นๆ(จะเป็นคนเป็น หรือคนที่ตายไปแล้วก็ได้) เพราะเรารู้จักเค้า :b41: หรือถ้ากลัวสับสนจะแผ่แบบแยกให้คนเป็นก่อนแล้วถึงให้คนตายอย่างนี้ก็ได้มีค่าเท่ากัน) :b41:
:b43: จริงๆแล้วสวดเท่านี้ก็เพียงพอแล้วครับ เด๋วจะไม่มีเวลาปฏิบัติมากๆ เพราะการสวดมนต์เป็นอุบายอย่างนึงที่ให้สติรวมเข้ากับจิตเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติกรรมฐานต่อไป อย่าไปพะวงกับเรื่อง
บทสวดจนเกินไปจะดีกว่า :b39: :b44: :b40: ขอแต่ให้สวดเสมอๆ ทุกๆวันแบบนี้จะดีที่สุด
แต่อยากจะบอกว่ามีผู้รู้ในนี้บอกว่าจะแผ่เมตตาให้ใคร ก็ต้องทำจิตให้นิ่ง ระงับซึ่งโทสะและความกังวลต่างๆให้ได้ก่อน เมื่อจิตเราสบายอ่อนโยน ถึงค่อยแผ่นะ การแผ่ถึงจะได้ผล ไม่งั้นแผ่ไปเกือบทุกบทก็จะไม่ได้อะไรเกิดขึ้นมา :b44: :b43: :b39:
:b8: :b8: เอวัง :b40: :b40:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2008, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 28 ก.ค. 2006, 20:52
โพสต์: 1210

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การแผ่เมตตา แผ่ไปได้ทั้ง 3 โลก
การอุทิศบุญกุศลผู้ที่อยู่ในบ้างภพบางภูมิเท่านั้นที่สามารถรับได้
ถวายทานแม้เพียงข้าวจาน น้ำแก้ว ทานนั้นก็ยิ่งใหญ่ได้ด้วยศรัธาและความบริสุทธิ์ของผู้ให้ทานและผู้รับทานนั้น
อย่าดูหมิ่นในทานของผู้อื่น

.....................................................
สัพเพ สังขารา อนิจจา
สัพเพ ธรรมา อนัตตา...


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2008, 22:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


k.อินทรีย์5 ตอบแบบนี้ค่อยโล่งใจค่ะ ที่สวดแยะเพราะเริ่มจาก มีพี่คนหนึ่งนำ
:b41: หนังสือสวดมนต์มาให้ แล้วบอกว่าควรสวดบทตามที่เราบอกน่ะ
เราก็สวดเป็นนกแก้ว+นกขุนทองมานาน ไม่รู้จะถามใคร บางวันรีบมีธุระ :b3: ก็
ไม่กล้าตัดบทไหนกลัวได้บุญน้อยค่ะ :b3: แต่พอมาเริ่มเข้าโพสต์อ่าน
เลยทำให้รู้อะไรมากๆๆเลย แรกๆก็อ่าน ไม่กล้าถามค่ะ เพราะแต่ละคนปรมจารย์
ทั้งนั้นเลยค่ะ แต่คิดดูเราอยากทำให้ถูกวิธี และมีผู้มีเมตตาจิตตอบแยะมาก :b44:
แรกๆทำคอมฯ ไม่เป็นเลยนะคะ แต่ให้ลูกสอน :b9: เดี๋ยวนี้เก่งขึ้นมานิดหนึ่ง
ขอบคุณ K.อินทรีย์5,K.Puy,Kกรัชกาย และท่านอื่นๆนะคะที่สละเวลา
อ่านและตอบโพสต์ของเรา แต่คุณๆได้บุญมากนะคะ เพราะเราไม่ได้อ่านคนเดียว
ค่ะ ยังมีลูกสาว+หลานสาวมาช่วยกันอ่านค่ะ สาธุจากใจจริงค่ะ
:b10: อีกนิดนะคะ ที่เราพิมพ์มานี้ผิดกติกา นอกเรื่องธรรมะหรือเปล่าคะ
ถ้าไม่สมควรช่วยเตือนด้วยนะคะ เพราะเราเริ่มเป็นครั้งแรกน่ะค่ะ :b3: :b3:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2008, 04:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ผิดกติกงกติกาแต่อย่างใดครับ :b1: เพราะ คำว่า “ธรรม” คำเดียวโดดๆมีความหมายกว้างคลุมทุก
สิ่ง :b42:

ดีใจอย่างยิ่งเมื่อคุณบอกว่ามีลูกสาว-หลานสาว :b36: ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่วัยทีนร่วมด้วยช่วยกันอ่าน
เมื่อเป็นดังนั้นฝากลิงค์ให้เค้าอ่านด้วย อ่านแล้วจะเข้าใจพุทธธรรม :b42: โดยภาพกว้าง

viewtopic.php?f=2&t=19015

ตามด้วยลิงค์นี้ยาวหน่อยครับ ค่อยๆอ่านไม่รีบร้อนทำความเข้าใจไปเรื่อยๆ

http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=15732

ท่านอธิบายเกี่ยวกับความดี-ความชั่ว (บุญ-บาป กุศล-อกุศล)ไว้

(สลับลิงค์ใหม่)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 28 พ.ย. 2008, 10:14, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2008, 05:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b41: :b8: :b41: :b8: :b41: จากใจจริงค่ะ
:b36: :b36: :b36: :b36: :b36: :b36: :b36:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 25 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 49 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร