ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19827 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 26 ธ.ค. 2008, 11:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
มีหลายท่านคิดว่าผมเป็นมารศาสนา เป็นอลัชชี ฯลฯ เนื่องจากชอบคิดอะไรเพี้ยนๆ ไม่เหมือนชาวเว็บศาสนาทั่วไป สุดท้ายเขาก็สรุปว่า "ผมมั่ว" ทั้งๆที่กระทู้ทุกกระทู้ของผม มีหลักฐานอ้างอิงจากพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้าทั้งสิ้น ในขณะที่ผู้ที่ค้านผมไม่มีหลักฐานอ้างอิงเลย แล้วก็พูดเบี่ยงประเด็นไปทางอื่น ผมจะบอกว่า ผมไม่มีการมั่วในเรื่องศาสนาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมเป็นคนที่เข้าถึงแก่นแท้แห่งศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะศาสนาพุทธ คนที่เข้าไม่ถึงแก่น ย่อมตีความศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะศาสนาพุทธผิดพลาดไป และเป็นเครื่องมือของมารในการบิดเบือนศาสนา ทำสัทธรรมปฏิรูป(ของปลอม)พุทธศาสนา ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งจิตปฏิบัติ และเป็นศาสนาแห่งจิตเป็นผู้กำหนดทุกสิ่ง พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงธรรมไว้บทหนึ่งว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนมยา มโนเศรษฐา แปลว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ และว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม เจตนานี้คือเจตนาในจิต กระทำซึ่งมีเจตนานั้น ไม่ว่าด้วยกาย ด้วยวาจา หรือด้วยใจก็ตาม ใจจะต้องมีเจตนากระทำ ไม่เช่นนั้นบาปกรรมหาเกิดขึ้นไม่ ถ้ายึดในหลักนี้หลักเดียว เราจะตอบปัญหาทางด้านศีลธรรมได้ทั้งหมด ในครั้งพุทธกาล เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับศีลธรรม และการผิดวินัยต่างๆ มาสอบถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์จะทรงตรัสถามตัวเจ้าของกรณีว่า "เธอมีเจตนาอย่างไร" ในการกระทำนั้นๆ องค์สมเด็จพระบรมศาสดาทรงถามเช่นนี้ ก็เพราะว่า เจตนาในจิตนี้เองคือตัวกรรม กล่าวคือ ถ้าเจตนาในจิตบริสุทธิ์ ก็ไม่นำไปสู่วิบากกรรมไม่ดี หรือบาป แต่ถ้าหากเจตนาไม่บริสุทธิ์ ก็ย่อมนำไปสู่วิบากกรรมไม่ดี เป็นอกุศล หรือบาป พระองค์จะตั้งคำถามว่า "เธอมีเจตนาอย่างใด" |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 26 ธ.ค. 2008, 12:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
มั่วๆ เอามาอ้างอิง เช่นศาสนาพราหมณ์ คริสต์มั่ง อะไรมั่ง ลองปรับปรุงวิธีอ้างอิงแบบที่เรียกตัวเองว่ารู้ลึกอ่ะค่ะ จะได้น่าอ่านหน่อย ติงมาด้วยกุศลจิตจ้ะ |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 26 ธ.ค. 2008, 12:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
คราวนี้ลองมาตอบคำถามเรื่อง 1.การตบยุงเป็นบาปหรือไม่บาปกัน และ 2.การฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาปหรือไม่บาปกันแน่ 1. การตบยุงเป็นบาปหรือไม่บาป ..... กายได้ทำการตบยุงตายจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาตบเพื่อให้ยุงตายไหม ตอบได้ว่า กายมันคัน จึงกระตุ้นสัญชาติญานของมนุษย์ ให้ต้องเกา ตบ เพื่อให้หายคัน แสดงว่า ใจไม่ได้มีเจตนาเป็นอกุศลเลย การตบยุงตายครั้งนี้จึงไม่บาป 2. การฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาปหรือไม่บาปกันแน่ ..... กายได้ทำการฉีดยาฆ่ายุงจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ยุงตายหรือ หรือในส่วนลึกของใจต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้เป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน จะเห็นว่าส่วนลึกในใจของเขา ใจของเขาเสียสละ ต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้ใครเป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน ดังนั้นการฉีดยาฆ่ายุงตาย นอกจากไม่เป็นบาปแล้ว ยังเป็นบุญด้วย เพราะบุญเป็นชื่อหนึ่งของการเสียสละ |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 26 ธ.ค. 2008, 13:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
แมวขาวมณี เขียน: มั่วๆ เอามาอ้างอิง เช่นศาสนาพราหมณ์ คริสต์มั่ง อะไรมั่ง ลองปรับปรุงวิธีอ้างอิงแบบที่เรียกตัวเองว่ารู้ลึกอ่ะค่ะ จะได้น่าอ่านหน่อย ติงมาด้วยกุศลจิตจ้ะ ผมบอกคุณไปแล้วว่า กรุณานำข้อความเต็มๆที่คุณอ้างว่า ผมมั่วมาลง ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพราหมณ์ หรือคริสต์ การกล่าวหาลอยๆ ไม่ใช่วิสัยของบัณฑิต มนุษย์เป็นผู้แบ่งแยกศาสนากันเอง แต่ฟ้าหาได้แบ่งแยกไม่ |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 26 ธ.ค. 2008, 13:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
ฟ้าที่ว่า มีผีฟ้าด้วยหรือปล่าวคะ ขอให้ฟ้าเมตตา |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 26 ธ.ค. 2008, 13:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
เปิดเว็บไซด์ ตัวเองได้เมื่อไหร่คะ อยกเห็นรูปแบบเว็บของพลศักดิ์จังจ้ะ |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 27 ธ.ค. 2008, 01:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน: คราวนี้ลองมาตอบคำถามเรื่อง 1.การตบยุงเป็นบาปหรือไม่บาปกัน และ 2.การฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาปหรือไม่บาปกันแน่ 1. การตบยุงเป็นบาปหรือไม่บาป ..... กายได้ทำการตบยุงตายจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาตบเพื่อให้ยุงตายไหม ตอบได้ว่า กายมันคัน จึงกระตุ้นสัญชาติญานของมนุษย์ ให้ต้องเกา ตบ เพื่อให้หายคัน แสดงว่า ใจไม่ได้มีเจตนาเป็นอกุศลเลย การตบยุงตายครั้งนี้จึงไม่บาป 2. การฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาปหรือไม่บาปกันแน่ ..... กายได้ทำการฉีดยาฆ่ายุงจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ยุงตายหรือ หรือในส่วนลึกของใจต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้เป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน จะเห็นว่าส่วนลึกในใจของเขา ใจของเขาเสียสละ ต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้ใครเป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน ดังนั้นการฉีดยาฆ่ายุงตาย นอกจากไม่เป็นบาปแล้ว ยังเป็นบุญด้วย เพราะบุญเป็นชื่อหนึ่งของการเสียสละ 1.การตบยุงเป็นบาปหรือไม่ กายมันคัน จึงกระตุ้นสัญชาติญานของมนุษย์ ให้ต้องเกา ตบ เพื่อให้หายคัน แสดงว่า ใจไม่ได้มีเจตนาเป็นอกุศลเลย การตบยุงตายครั้งนี้จึงไม่บาป อันนี้ก็น่าจะไม่บาปแบบที่คุณว่า หากเจตนา "ฆ่า" หรือ "ให้ตกล่วง" ไม่มี คุณไม่ได้พูดถึงกรณีที่ รู้ว่ายุงกำลังกัดแล้วตบมันตายละ ทั้งที่รู้ว่านั่นคือยุง 2. การฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบาปหรือไม่บาปกันแน่ กายได้ทำการฉีดยาฆ่ายุงจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาทำไปเพื่ออะไร เพื่อให้ยุงตายหรือ หรือในส่วนลึกของใจต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้เป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน จะเห็นว่าส่วนลึกในใจของเขา ใจของเขาเสียสละ ต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้ใครเป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน ดังนั้นการฉีดยาฆ่ายุงตาย นอกจากไม่เป็นบาปแล้ว ยังเป็นบุญด้วย เพราะบุญเป็นชื่อหนึ่งของการเสียสละ ผมไม่ทราบว่าคุณเข้าใจเจตนาของศีลข้อนี้อย่างไร ความเข้าใจผม เจตนาในศีลหมายถึงเจตนาในการทำผิด ศีลข้อนั้นๆ เช่น ข้อห้ามฆ่าสัตว์ ก็หมายถึงมีเจตนาฆ่า ข้อลักทรัพย์ ก็มีเจตนาลักทรัพย์ ฯ แต่ข้อที่ว่า จะเห็นว่าส่วนลึกในใจของเขา ใจของเขาเสียสละ ต้องการช่วยพ่อแม่ญาติพี่น้องและตนเอง ไม่ให้ถูกยุงกัด ไม่ต้องการให้ใครเป็นไข้เลือดออก ต้องการให้ทุกคนในครอบครัวนอนหลับอย่างสบาย ไม่โดนรบกวน นั้น ไม่ไช่เจตนาที่จะมากล่าวอ้างในศีลข้อนี้ได้เลย แต่กลับเป็นว่า เป็นเหตุ จูงใจให้ทำผิดศีลมากกว่า ข้อนี้การฉีดยาโดยรู้อยุ่ว่ายุงโดนยาเข้าไปต้องตาย เจตนาฆ่ามีแล้วครับ ผมมีความรู้น้อย ก็ติงมาตามความเข้าใจครับ ไม่ได้ลึกซึ้งถึงกับจะไปกล่าวอ้างกับใคร หรือปรามาสใคร ที่สำคัญผมสำนึกเสมอว่า ตราบใดผมยังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ตราบนั้นธรรมที่ผมคิดผมเข้าใจ ก็ยังคงเป็นสัทธรรม ปฏิรูปเสมอ เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา. |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 27 ธ.ค. 2008, 11:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
คุณกามโภคีครับ 1. กรณีที่ รู้ว่ายุงกำลังกัดแล้วตบมันตายละ ทั้งที่รู้ว่านั่นคือยุง ......แม้ว่าเป็นกรณีนี้ก็ไม่บาปครับ มันเป็นสัญชาตญาณ เมื่อมีสิ่งใดจะเข้ามาทำร้าย เราก็ต้องป้องกันตัว แต่คนที่ไม่ป้องกันตัว ยอมให้ยุงกัด ผมถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้มีเมตตา 2. ไม่ไช่เจตนาที่จะมากล่าวอ้างในศีลข้อนี้ได้เลย แต่กลับเป็นว่า เป็นเหตุ จูงใจให้ทำผิดศีลมากกว่า ข้อนี้การฉีดยาโดยรู้อยุ่ว่ายุงโดนยาเข้าไปต้องตาย เจตนาฆ่ามีแล้วครับ ......ทุกอย่างมันต้องมีมูลเหตุทั้งนั้นแหละครับ ถ้ายุงมันไม่ได้กัดคนในครอบครัวเรา มันอยู่ของมัน เราอยู่ของเรา เราจะเอายาไปฉีดทำไมครับ ฟ้าส่งให้เรามาเกิด เพื่อรักเมตตากรุณา เสียสละให้เพื่อนมนุษย์ คนที่ไม่ฉีดยาฆ่ายุง ไม่เห็นแก่ครอบครัว เป็นคนเห็นแก่ตัว กลัวผิดศีล 5 ยอมให้ครอบครัวลำบากเจ็บป่วยอะไรก็ได้ อย่างนี้อย่าเกิดมาเลยครับ |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 27 ธ.ค. 2008, 13:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
![]() อ้างคำพูด: กายได้ทำการตบยุงตายจริง แต่ใจล่ะมีเจตนาตบเพื่อให้ยุงตายไหม ตอบได้ว่า กายมันคัน จึงกระตุ้นสัญชาติญานของมนุษย์ ให้ต้องเกา ตบ เพื่อให้หายคัน แสดงว่า ใจไม่ได้มีเจตนาเป็นอกุศลเลย การตบยุงตายครั้งนี้จึงไม่บาป สัญชาติญาณ หรือ id เป็นการกระทำโดยขาดสติ ขาดจิตสำนึก มักจะออกมาจากจิตไร้สำนึก พบมากในสัตว์โลกเป็นส่วนใหญ่รวมทั้งคนเราด้วยเช่น หิว โกรธเป็นต้น เมื่อมนุษย์ที่ได้รับการฝึกจิตอย่างดี จะลดการกระทำที่ตามสัญชาติญาณลง แต่จะทำอะไรโดยสติ หรือมาจากจิตสำนึกมากขึ้น (พระอรหันต์จะมีการกระทำที่มีสติตลอด) ถามว่าการกระทำโดยสัญชาติญาณหรือโดยขาดสติ กับมีสติอย่างไหนบาปกว่ากัน เรื่องนี้มีคำตอบในมิลินทปัญหา ที่ยกมาแสดงดังนี้ ปัญหาที่ ๑๐ ถามถึงการทำบาปแห่งผู้รู้กับผู้ไม่รู้ “ ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนี้อย่างไร...คือสมมุติว่ามีคน ๒ คน จับก้อนเหล็กแดงเหมือนกัน คนหนึ่งรู้ว่าเป็นก้อนเหล็กแดง อีกคนหนึ่งไม่รู้ คนไหนจะจับแรงกว่ากัน ? ” “ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คนไม่รู้จับแรงกว่า ” “ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือผู้ไม่รู้บาปได้บาปมากกว่า” น่าจะกล่าวได้ว่าการตบยุงโดยสัญชาติญาณเป็นการกระทำของสัตว์ที่ยังไม่ได้รับการพัฒนาจิต หรือฝึกจิต จึงบาปแน่นอนและบาปมากกว่าเสียด้วย... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ฌาณ [ 27 ธ.ค. 2008, 14:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
อ้างคำพูด: ฟ้าส่งให้เรามาเกิด เพื่อรักเมตตากรุณา เสียสละให้เพื่อนมนุษย์ คน ที่ไม่ฉีดยาฆ่ายุง ไม่เห็นแก่ครอบครัว เป็นคนเห็นแก่ตัว กลัวผิดศีล 5 ยอมให้ครอบครัวลำบากเจ็บป่วยอะไรก็ได้ อย่างนี้อย่าเกิดมาเลยครับ อาจารย์ครับเราสามารถแสดงความรักแก่ครอบครัวได้หลายวิธี แต่วิธีที่ต้องเบียดเบียนชีวิตอื่น ครอบครัวสัตว์อื่น เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวตนเองนั้น เป็นวิธีที่ไม่น่ากระทำเลย เป็นการกระทำที่เห็นที่เห็นแก่ตัวยิ่งนัก.... เราสามารถอยู่ร่วมกันกับสัตว์อื่นบนโลกใบนี้ได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนซึ่งกันและกัน ยุงก็จิตวิญญาณหนึ่ง เพียงแต่กรรมนั้น....ทำให้ต้องเป็นเดรัจฉาน มนุษย์ก็จิตวิญญาณหนึ่ง เพียงแต่ศีล 5 บริสุทธิ์....จึงได้เกิดเป็นมนุษย์ ในสังสารวัฏนี้...สัตว์ทั้งหลายต่างมีชีวิตเวียนว่ายตายเกิดมานับไม่ถ้วน บางทีเป็นสัตว์ บางทีเป็นคน บางทีเป็นญาติ หาได้น้อยนักที่จะไม่เคยเกี่ยวพันกันมาไม่ โอ้หนอชีวิต ทำไมต้องเบียดเบียนกัน.... |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 27 ธ.ค. 2008, 15:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
555 คุณฌานมีอะไรเกี่ยวกับการ์ตูนหรือเปล่าครับ รู้สึกจะมีการ์ตูนเหมาะกับเรื่องทุกครั้งไป ถ้ายังไงวาดรูปมุ่ง หรือ กลด คงจะดีนะครับ มีวิธีตั้งมากมายที่ไม่ต้องฆ่ายุง |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 27 ธ.ค. 2008, 17:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน: คุณกามโภคีครับ 1. กรณีที่ รู้ว่ายุงกำลังกัดแล้วตบมันตายละ ทั้งที่รู้ว่านั่นคือยุง ......แม้ว่าเป็นกรณีนี้ก็ไม่บาปครับ มันเป็นสัญชาตญาณ เมื่อมีสิ่งใดจะเข้ามาทำร้าย เราก็ต้องป้องกันตัว แต่คนที่ไม่ป้องกันตัว ยอมให้ยุงกัด ผมถือว่าเป็นพระโพธิสัตว์ผู้มีเมตตา 2. ไม่ไช่เจตนาที่จะมากล่าวอ้างในศีลข้อนี้ได้เลย แต่กลับเป็นว่า เป็นเหตุ จูงใจให้ทำผิดศีลมากกว่า ข้อนี้การฉีดยาโดยรู้อยุ่ว่ายุงโดนยาเข้าไปต้องตาย เจตนาฆ่ามีแล้วครับ ......ทุกอย่างมันต้องมีมูลเหตุทั้งนั้นแหละครับ ถ้ายุงมันไม่ได้กัดคนในครอบครัวเรา มันอยู่ของมัน เราอยู่ของเรา เราจะเอายาไปฉีดทำไมครับ ฟ้าส่งให้เรามาเกิด เพื่อรักเมตตากรุณา เสียสละให้เพื่อนมนุษย์ คนที่ไม่ฉีดยาฆ่ายุง ไม่เห็นแก่ครอบครัว เป็นคนเห็นแก่ตัว กลัวผิดศีล 5 ยอมให้ครอบครัวลำบากเจ็บป่วยอะไรก็ได้ อย่างนี้อย่าเกิดมาเลยครับ ถ้ากระนั้นก็ชวนให้ผมสงสัยอีก ในกรณีทีมีเหตุอันเป็นอันตรายที่น่าจะเกิดขึ้นแก่พระเช่นข่าวทางภาคไต้ที่เราทราบ กันดี แบบนี้พระก็ชอบที่จะพกพาอาวุธไว้ป้องกันตัวหรือยิงสู้ได้ไช่หรือไม่ครับ ผมก็ไม่เคยอ่านเจอว่าท่านองคุลิมาลท่านตอบโต้ญาติโยมที่ทำร้ายท่าน ในกรณีของยุง ผมเองเมื่อรู้สึกเจ็บหรือคันก็มักจะมองก่อนว่าอะไร เป็นยุงผมก็เป่าไป เรื่องฉีดยุง ผมก็ไม่ได้ฉีด กลับหาทางอื่น เช่นติดมุ้งลวด เปิดพัดลมไล่ซะ ผมว่าทางออกปัญหาที่น่าจะนำมาใช้โดยไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ก็ยังมีอยู่ ในทางพระพุทธศาสนา ทั้งเถระผู้ทรงอริยะภูมิธรรม หรือองค์ศาสดาเอง ต่างก็สอนไปในทางแนวเดียวกัน โดยให้ แก้ปัญหา หรือ หาทางออกของทุกอย่างโดยไม่เบียดเบียนตนและผู้อื่น จะเห็นได้ว่าไม่มีซักตอนใดเลยในพระ ไตรปิฎกที่พระพุทธเจ้าท่านให้แก้ปัญหาโดยการกระทำการลักษณะที่ให้ผู้อื่นสัตว์อื่นเดือดร้อน องค์ประกอบของปาณาติปาต ปาณ มีลมปราณ หรือมีลมหายใจ หรือมีชีวิตอยู่ อติปาต อติ ล่วง,ปาต ให้ถึง แปลความว่า ให้ถึงการตกลวง หรือให้ตาย 1.สัตว์นั้นมีปราณ(มีชีวิต) 2.รู้ว่าสัตว์นั้นมีปราณ 3.มีจิตฆ่า(มีเจตนา) 4.ทำการฆ่าหรือพยายาม 5.สัตว์นั้นตายด้วยการฆ่า หรือพยายามนั้น กรณีที่ 1 ไม่รู้ว่าอะไรกัด ตบตามสัญชาตญาณ ก็ไม่น่าจะผิด ไม่มีเจตนา ส่วนวิบากกรรม คงต้องมีบ้าง กรณีที่ 2 ยุงที่จะกัดลูกเมียหรือใครก็ตาม มันบินอยู่ แสดงว่ามันมีปราณ(องค์ประกอบที่ 1) รู้ว่ามันบิน เห็นอยู่ และเจตนาว่าจะฉีดยา แสดงว่ารู้ว่ามันยังไม่ตาย (องค์ประกอบที่ 2) ตั้งใจแล้ว หยิบยามาเพื่อฉีด หรือเตรียมจะฉีดยา (องค์ประกอบที่ 3) ฉีดยา (องค์ประกอบที่ 4) ยุงตาย ศีลจะมีองค์ประกอบใหญ่ 2 อย่าง คือองค์ประกอบภายนอกและองค์ประกอบภายใน ภายนอกได้แก่ ข้อที่ 1 2 4 5 ภายในได้แก่ เจตนาในข้อที่ 3 หลักการนี้แม้ในทางกฎหมายทั่วมุมโลกก็อนุโลมนำมาใช้ ในข้อที่ตบตามสัญชาตญาณผมยังแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ในเรื่องฉีดยุงผมยังมองไม่ออกว่าไม่ผิด ไม่บาปตรงไหนเลย เย จิตฺตํ สญฺญเมสฺสนฺติ โมกฺขนฺติ มารพนฺธนา. |
เจ้าของ: | walaiporn [ 27 ธ.ค. 2008, 18:22 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
พอจะมีหลักฐานอ้างอิง เรื่องที่พระพทธเจ้าทรงตรัสถึงเกี่ยวกับ บุญและบาปไหมคะ เพราะเท่าที่อ่านๆมา เห็นแต่มีการนำมาพูดแบบนี้ " ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งจิตปฏิบัติ และเป็นศาสนาแห่งจิตเป็นผู้กำหนดทุกสิ่ง พระบรมศาสดาได้ทรงแสดงธรรมไว้บทหนึ่งว่า มโนปุพพังคมา ธัมมา มโนมยา มโนเศรษฐา แปลว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกสิ่งทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ และว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม " -- เห็นแต่ความหมายที่พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เจตนา เป็น กรรม เท่านั้นเอง ไม่เห็นมีเรื่องบุญหรือบาปเลย -- ถ้าพูดถึงบาปหรือบุญมันไม่จบ หาบทสรุปไม่ได้ เพราะต่างคนต่างก็มองเห็นคนละอย่าง ถ้าพูดถึงเรื่องกรรมนี่ จบเลย ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น ไม่ว่าจะอกุศลหรือกุศล แต่จะรับผลแห่งการกระทำมากหรือน้อยนั้น ขึ้นอยู่กับเจตนา -- ยกตัวอย่างให้ดูสัก 1 ตัวอย่าง ในกรณีที่มีคนทำเงินตกไว้ แล้วมีคนเก็บเงินนั้นไป คุณว่าบาปไหม บางคนอาจจะบอกว่า บาป เพราะของเขามีเจ้าของแต่เขาทำตกโดยไม่ได้เจตนา แต่บางคนอาจจะบอกว่า ไม่บาป เพราะเขาเห็นมันล่วงอยู่เขาก็เก็บ เขาไม่ได้ขโมย แต่ถ้ามาดูศิลข้อ 2 ที่กล่าวว่า ผู้ใดเพ่งเล็งอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น ถือว่า ผู้นั้นศิลไม่บริสุทธิ์เสียแล้ว แต่อาจจะมีคนพูดว่า เขาไม่ได้อยากได้นี่ แต่มันร่วงอยู่เขาก็เก็บ นี่คือการคิดเข้าข้างตัวเอง แต่ถ้าคุณไม่มีความอยากได้ทรัพย์ที่ร่วงอยู่นั้นจริงๆ คุณจะมองหาร้านค้าที่ใกล้ที่สุดหรือสถานที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด แล้วนำเงินนั้นไปฝากเขาไว้ พร้อมกับบอกเขาว่า ถ้ามีคนมาถามหาเงินที่ตกอยู่ ให้นำให้เขาด้วย ตัวผู้กระทำเช่นนั้นย่อมได้ความอิ่มเอมใจว่า วันนี้ฉันได้ทำความดีแล้ว ส่วนผู้ที่เก็บเอาเงินนั้นมาเป็นทรัพย์ของตัวเอง คุณอาจจะพูดได้ว่า คุณไม่ได้ไปขโมยของใคร คุณย่อมไม่บาป ใช่ ... จริงอยู่ คุณอาจคิดอย่างนั้นได้ แต่เหตุที่คุณได้สร้างวันนี้ คือเก็บเงินของผู้อื่น มันส่งผลไปรอที่อนาคตแล้วว่า คุณจะต้องสูญเสียทรัพย์จำนวนอาจจะเท่ากับจำนวนที่เก็บได้ในวันนี้หรือมากกว่าเงินที่คุณเก็บได้ในวันนี้ -- เหตุที่ทำไว้ในอดีต ส่งผลมาที่ปัจจุบัน เหตุที่ทำปัจจุบัน ย่อมส่งผลไปที่อนาคต ก็เลือกเอาว่าจะทำแบบไหน ใครทำก็รับผลนั้นไป เท่านี้มันก็จบ ถ้าพูดว่า อันนั้นบุญ อันนี้บาป ไม่มีทางจบง่ายๆหรอก |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 28 ธ.ค. 2008, 17:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
คุณกามโภคีครับ คุณกำลังนำพระอรหันต์(องคุลิมาล)มาเปรียบเทียบกับพระธรรมดา มันเทียบไม่ได้ครับ พระในภาคใต้พกปืนนั่นถูกแล้ว การพกปืนทำให้คนคิดร้ายต่อท่านมีต้นทุนสูงขึ้น ถ้าท่านไม่พกปืนคนคิดร้ายต่อท่านก็ต้องทำบาป ยิงท่านทิ้งแน่ เพราะมีแต่ได้อย่างเดียว แต่ตอนนี้ท่านมีปืน คนร้ายก็อาจจะเสียก็ได้ องค์ประกอบแห่งศีล ไม่ใช่ตัววัดว่าบาปหรือไม่บาป เจตนาในจิตที่เป็นอกุศล แล้วทำกรรมลงไปครบองค์ประกอบคือ 1.สัตว์นั้นมีปราณ(มีชีวิต) 2.รู้ว่าสัตว์นั้นมีปราณ 3.มีจิตฆ่า(มีเจตนา) 4.ทำการฆ่าหรือพยายาม 5.สัตว์นั้นตายด้วยการฆ่า หรือพยายามนั้น นั่นจึงเป็นบาป เจตนาในจิตเป็นกุศล หรือเป็นหน้าที่ หรือไม่คิดปุงแต่งเป็นอกุศล ก็ไม่เป็นบาปครับ |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 28 ธ.ค. 2008, 17:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: หลักในการตัดสินว่า การทำผิดศีล 5 นั้นเป็นบุญหรือบาป |
คุณwalaiporn ครับ ถ้าเขาไม่เชื่อในมโนธรรมในใจตนเอง ไปยึดคำสอนศีล 5 แบบนกแก้วนกขุนทอง การฆ่าของเขาทุกกรณีก็เป็นบาปท้งนั้น |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |