วันเวลาปัจจุบัน 18 ก.ค. 2025, 18:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2009, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


เนื่องจากคุณmesและอีกหลายท่านในเว็บนี้ยังไม่เข้าใจเรื่องกรรม ทั้งๆที่ผมได้อธิบายและตั้งกระทู้มามากแล้ว หลายท่านยังเอากายเป็นใหญ่ เป็นตัวตัดสินว่า สิ่งนั้นเป็นบาปหรือไม่ ทั้งๆที่ ตัวที่ตัดสินว่าเป็นบาปหรือบุญ อยู่ที่จิตเจตนาในใจว่าเป็นอกุศล หรือเป็นกุศลตอนทำกรรมนั้นลงไป ทางกายหรือทางวาจา ผมจึงขอนำข้อความที่ผมตอบคุณmesไปมาลง เผื่อว่าบางทีจะทำให้มีคนเข้าใจเรื่องบุญบาปมากขึ้น


mes เขียน:
อ้างคำพูด:
กรรมใหม่ ที่ให้ผลแก้กรรมเก่า และส่งผลให้ปัจจุบัน และอนาคตดีขึ้น


กรรมหมายถึงการกระทำ

กรรมเก่าคือกระกระทำที่ได้กระทำลุล่วงไปก่อนแล้ว

เช่นตบยุงตาย เป็นผลคือยุงได้ตายไปแล้ว

กรรมใหม่คือกรรมที่กระทำในลำดับต่อมา

เมื่อกรรมเก่ามีผลให้ยุงตายไปแล้ว

เราจะทำกรรมใหม่ให้ยุงฟื้นได้อย่างไร



คุณmesจะทำตัวเป็นพระพุทธเจ้าหรือครับ ถึงกล้าบังอาจบิดเบือนพุทธพจน์

พระพุทธองค์ตรัสว่า เจตนาหํ ภิกฺขเว กมฺมํ วทามิ แปลว่า เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม

คุณmesไม่เข้าใจภาษาไทยและบาลีหรือครับ ว่า "เรากล่าวเจตนาว่าเป็นกรรม" เจตนามีทั้งทั้งกาย วาจา และใจ แต่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ใจเป็นใหญ่ ใจเป็นประธาน ทุกอย่างสำเร็จที่ใจ ไม่ใช่สำเร็จที่วาจาและกาย ดังนั้น บาป-บุญ จึงเกิดจากใจเป้นอกุศล หรือกุศล ตอนที่ตั้งใจเจตนาทำกรรมนั้นลงไป


มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปทุฏฺเฐน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ ทุกฺขมเนฺวติ
จกฺกํ ว วหโต ปทํ . . . ฯ ๑ ฯ

ใจเป็นผู้นำทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเป็นใหญ่
ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าคนเรามีใจชั่วเสียแล้ว
การพูด การกระทำก็พลอยชั่วไปด้วย
เพราะการพูดชั่วทำชั่วนั้นทุกข์ย่อมตามสนองเขา
เหมือนล้อหมุนตามรอยเท้าโค


Mind foreruns all mental conditions,
Mind is chief, mind-made are they;
If one speaks or acts with a wiked mind,
Then suffering will follows him
Even as the wheel, the hoof of the ox.

มโนปุพฺพงฺคมา ธมฺมา
มโนเสฏฺฐา มโนมยา
มนสา เจ ปสนฺเนน
ภาสติ วา กโรติ วา
ตโต นํ สุขมเนฺวติ
ฉายา ว อนปายินี . . . ฯ ๒ ฯ

ใจเป็นผู้นำทุกสิ่งทุกอย่าง ใจเป็นใหญ่
ทุกอย่างสำเร็จได้ด้วยใจ ถ้าคนเรามีใจบริสุทธิ์
การพูด การกระทำก็พลอยบริสุทธิ์ไปด้วย
เพราะการพูดและกระทำอันบริสุทธิ์นั้น
ความสุขย่อมตามสนองเขา เหมือนเงาติดตามตน


Mind foreruns all mental conditions,
Mind is chief, mind-made are they;
If one speaks or acts with a pure mind,
Then happiness follows him
Even as the shadow that never leaves.


แก้ไขล่าสุดโดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ 02 ม.ค. 2009, 18:44, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2009, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ธ.ค. 2008, 23:00
โพสต์: 48

ที่อยู่: บางแค

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมคิดว่า ทุกคนที่ตอบคำถามก็เชื่อนะครับว่า เจตใจเป็นใหญ่กว่ากาย วาจาและทุกกรณีโดยอย่างลืมเรื่องปัญญา

ไม่เช่นนั้นจะ เรียกว่า กายกรรม3 วจีกรรม4 มโนกรรม3 ทำไมครับ
ส่วนตัวผมที่เคยได้ฟัง ได้อ่านมา
กรรมที่เกิดจากวจี มีผลอยู่ 2 (ผมทราบว่าใช่ 2 เท่าไหม)
กรรมที่เกิดจากกาย มีผลอยู่ 10
กรรมที่เกิดจากมโนมีผลนับไม่ได้

แต่ถ้าจะพูดถึงเจตนาที่เคยกล่าวไว้ ถ้าทำอะไรทุกอย่างโดยขาดสติปัญญา สิ่งนั้นก็น่าจะมีโทษเช่น
มีคนๆหนึ่ง โดยไฟลวก เขาตระโกนร้อนๆ มีคนใจดี วิ่งไปหาน้ำ มาสาดเข้าให้ เจตนาดีครับ แต่ขาดปัญญา ไม่ต้องสืบความว่าคนที่โดนกระทำนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร--เจตนาดีแต่ขาดปัญญา ถ้าคนที่โดนกระทำนั้นใจเย็นมีสัมมาทิฎฐิระดับสูงๆหน่อยคงไม่ถือโทษ

เช่นเดียวกับเรื่องยุงกัด ทุกอย่างเป็นผลกรรมที่เราได้ทำมาแต่ยุงเป็นผู้ส่งกรรม ถ้าเราสร้างกรรมใหม่โดยเจตนาฆ่ายุงตัวนั้น เพื่อที่ ให้คนที่เรารัก หรือเรานั้น จะได้ไม่เป็นโรคหรือเจ็บตัว ถ้าทำเช่นนั้นก็จะเข้าสุภาษิตจีน "ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก" แสดงถึงความเสียสละยอมลงนรกแทนบุคคลอื่น ผลบุญมีมาก แต่ผมบาปก็ใช่ว่าไม่มี

เรื่องศีลเช่นกันครับส่วนตัวผมนั้นศีล 5 8 10 นั้นมีอยู่แล้วถ้าผิดอย่างไรก็อธิบายด้วยนะครับ
แต่ศีลข้อพระสงฆ์นั้น พระพุทธเจ้าท่านตั้งเอง (เช่นกันครับผิดก็ชี้แนะด้วย)

เพราะพระพุทธเจ้าอื่นๆนั้น ก็คงจะไม่มีพระวินัยเหมือนกัน เยอะน้อย ผิดแปลกกันอย่างไรก็แล้วแต่สมัยนั้นเหมือนดั่งที่ตอนที่พระสารีบุตรทูลถามเรื่อง ทำอย่างไรให้ศาสนาดำรงอยู่นาน

ศีล5 ถึงพระพุทธเจ้าไม่อุบัติขึ้น ยังไงก็เป็นอยู่อย่างนั้น กฎข้อมันเป็นอย่างนั้นต่างกับของพระสงฆ์ ที่เคยมีกรณีว่า พระพุทธเจ้าบอกให้รับเท่าที่รับ ผมว่าพระรูปนั้นคงไม่ถึงขั้นตัดศีล 5 ออกจากศีลข้อที่ท่านทำไม่ได้หรอกครับ

สำหรับผมเรื่องศีลของพระสงฆ์น่าจะกระจ่างแล้วนะครับ

ส่วนเรื่องที่กล่าวถึงว่า มีพระอรหันต์ ปลงสังขารตนเอง ผมคิดว่าหลายๆคนคงเคยผ่านสายตาหรือได้ฟังมาบ้างเรื่องที่มีบุคคลถามเรื่องความกตัญญูกับพระพุทธเจ้า ถ้าผิดอย่างไรชี้แนะด้วยจำได้เท่านี้และสำนวลที่ไม่ตรงเสียทีเดียวอาจจะทำให้มีการบิดเบือนได้

บุคคลที่กตัญญูกับไม่กตัญญูมีผลต่างกันอย่างไร คนไหนดีกว่ากัน พระพุทธเจ้าท่านตอบว่า บุคคลที่มีความกตัญญู ดีกว่า คนที่ไม่กตัญญู ยกเ ว้น พระอรหันต์นั้น เพราะว่า ได้ทำกิจของตนเองสำเร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นใดทีสมควรแล้ว

ผมวิเคราะห์ว่า
กตัญญู ทุกคนคงเข้าใจนะครับว่า ถ้าคนไหนอกตัญญู ซึ่งสำหรับผมนั้นเรียกได้ว่าเป็นข้อแรกๆในการทำดี โดยเฉพาะ พ่อ-แม่ ตั้งแต่เด็กๆไม่เคยสนใจว่า รักษาศีลแล้วดี รู้แต่ว่า กตัญญู นั้นเป็นเครื่องหมายของคนดี ที่จะกล่าวคือขนาด กตัญญู พระพุทธเจ้า ท่านยังไม่นำไปเทียบเลยว่าบุคคลไหนเหนือกว่ากัน ท่านยกไว้ เพราะเป็นพระอรหันต์แล้ว ไม่มีกิเลสแล้ว จะทำอะไรก็สุดแท้แต่

อีกอย่างไม่เช่นนั้นที่บอกว่าไม่มีพระอรหันต์รูปไหนถือศีลเคร่งครัด แล้วพระอนุรุทธเถระบำเพ็ญเพียรโดยถือเอาการไม่นอนเป็นวัตร นั้นไม่ใช่ศีลที่พระพุทธเจ้าประกาศ การที่ท่านทำไปเพื่อเหตุอันใดละครับ

และการที่พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรอนุรุทธ ไฉนเธอจึงได้สำเร็จการนอนร่วมกับมาตุคามเล่า การกระทำของเธอนั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว

นั้นคือเหตุที่ต้องมีศีลของพระ ทั้งๆที่พระอนุรุทธเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านไม่น่าจะกล่าวติดเตียนและได้นำข้อผิดพลาดนั้นมาตั้งเป็นศีล


เหมือนที่คุณคามินธรรมได้กล่าวไว้แล้วว่า พระอรหันต์ ท่านมีสติปัญญา เหนือปุถุชนที่ยังไม่เป็นพระอรหันต์ เราจะนำท่านมาเปรียบเทียบเป็นข้อๆโดยเฉพาะข้อที่ทำให้ปุถุชนนำมาเป็นแบบอย่างแล้ว ไม่มีผลเป็นไปไม่ได้ เพราะหนึ่งขณะจิตความเร็วประมาณช้างสบัดหู หรืออะไรก็ตาม ท่านรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างทั้งทาง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ท่านสามารถแยกแนะได้ว่าอันไหนมีคุณมีโทษ ซึ่งปุถุชนยากที่จะเข้าใจได้โดยละเอียดเท่าท่าน

แต่หากคุณจะนำมาเทียบกับพระจี้กงผมขอละไว้นะครับ เพราะไม่เคยศึกษาทางมหายาน รู้แค่ตามประสาคนทั่วไปเท่านั้น

ส่วนตัวผมนั้นทางมหายาน จะสอนให้คนทำความดี ไม่เน้นไปทางพระอรหันต์ ไปทางพระโพธิสัตว์มากกว่า คงไม่ต้องเทียบนะครับว่าพระอรหันต์กับพระโพธิสัตว์ เท่าที่ผมทราบนะครับ เคยอ่านเรื่องของพระมาลัย พระโพธิสัตว์พระศรีอาร์ยยังต้องทำความเคารพพระมาลัย
ผมวิเคราะห์ว่าเพราะ สภาวะจิต ณ ตอนนั้นพระมาลัยสูงกว่าพระศรีอาร์ยจึงทำให้ผมศึกษาทางหินยานมากกว่า


หากในเวลาประมาณที่ได้อ่านบทความผมนี้มีบุคคลใดกำหนดรู้ตามปัจจุบันได้หมด เช่นได้ยินเสียงอะไรบ้าง และรู้ตัวว่านั่งอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวว่าอ่านอยู่ตลอดเวลา รู้ตัวร่างกายสัมผัสอะไรก็ตามตลอดเวลา ฯลฯ ได้อย่างพระอรหันต์นั้น ผมไม่กล้าที่จะกล่าวแนะนำหรือเสนอแนะบุคคลนั้น ได้แต่นั่งฟัง นั่งดู โดย

ด้วยเหตุนี้ผมจึงไม่อยากนำพระอรหันต์มาเปรียบเทียบในเรื่องๆ

และเรื่องการฆ่าที่มีหลายๆคนยกมาว่าฆ่าอย่างไรถึงจะผิด ยกมา เป็นลำดับ 4 ข้อ ถ้ามีครบนี้คนนั้นเรียกได้ว่าผิดศีล ผมเชื่อว่าในหลายๆครั้งสำหรับตัวผมและหลายๆคน ก็ไม่สามารถรู้รายละเอียดจิตของตนเองได้ตลอดทุกครั้ง

แล้วเรื่องพระที่ปลงสังขารตนเอง ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ ศีลข้อ1 ห้ามเบียดเบียนผู้อื่น ถ้าจะมาเล่นคำว่า กายนี้ไม่ใช่ของเราก็ถือว่าเป็นผู้อื่นอีก คนๆนั้นก็ต้องไปลำดับความคิดเรื่องของทางโลก และทางธรรมต่างกันเช่นไร

ส่วนที่คุณพลศักดิ์เคยกล่าวไว้ว่า คนอื่นเอาอะไรมาวัดว่าตัวเขานั้นมีสัมมาทิฎฐิ แล้วว่าคุณพลศัีกดิ์เป็นมิจฉาทิฏฐิ พอดีกระทู้ที่คุณกล่าวนั้นโดนลบไปแล้ว ผมจึงไม่มีหลักฐานครับ แต่หวังว่าคุณคงจำได้
คำกล่าวนั้นได้ย้อนใส่ตัวแล้วนะครับว่า คุณก็เคยกล่าวคำนี้เช่นเดียวกันและผมก็ไม่ได้หวังว่าจะยกมาทุกโพสที่คุณได้โพส

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
คุณ"payu" ครับ



น่าสงสารคุณจริงๆ โดนมารครอบงำ จนมีแต่มิจฉาทิฏฐิ พอฟังข้อความที่มีสัมมาทิฏฐิ ตัวเองหักห้างไปได้ ก็ไปใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา ติเตียน ดูถูกดูหมิ่น ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ

แล้วนี่อวตารมาจากมารตัวไหนล่ะ สมัครเว็บนี้ครั้งที่เท่าไรแล้ว ชื่อเดิมคืออะไร


มาร....มาร....มาร


อย่าลืมนะครับว่าเราเรียกว่า มรรคมีองค์อยู่ 8 ข้อ มิใช่แค่สัมมาทิฏฐิ
ถ้าขาด สัมมาวายามะ คือความพากเพียรถูกต้อง
สัมมาสติ คือการระลึกถูกต้อง
สัมมาสมาธิ คือการตั้งใจมั่นถูกต้อง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญญาแล้ว คำว่า ปัญญาก็ไร้ค่าไปเสียทีเดียว เพราะเจตตาดีเท่านั้น

เท่าที่ผมได้ทราบว่าไม่เคยมีคำกล่าวที่ว่า เจตนา เหนือ ปัญญา

เท่าที่ผมเห็นในหลายๆกระทู้ ในหลายๆเว็บบอร์ด โดยหลายๆที่คุณได้โพสไป ในด้านการสนธนาธรรม คุณมักจะยกตนว่าตนเองนั้นดีกว่าบุคคลอื่น ซึ่งที่ผมอ่านๆมานั้นบุคคลอื่นๆรวมทั้งผม หลายๆคน ก็มีครับ แต่ไม่โดดเด่น หรือ บ่อยครั้งเท่าคุณ ผมไม่กล่าวถึงกรณีที่คนถามเรื่องพระปริยัติ(เท่านั้น) นะครับ เพราะส่วนนั้นผมก็เห็นด้วยในกระทู้นั้น แต่ถ้ามีเรื่องวิเคราะห์มาก็เป็นดั่งที่กล่าวไปข้างต้น

ข้อความอันใดที่ผิดพลาด ไปรบกวนบุคคลที่ทราบที่รู้ ชี้แนะ หรือ เพิ่มเติมด้วยครับ

.....................................................
คำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวอ้างมาทั้งหมดนี้ ส่วนมากเป็นของครูบาอาจารย์ ผู้เขียนหนังสือต่างๆ พ่อแม่ ญาติ ผู้มีคุณและเพื่อนๆของข้าพเจ้า สิ่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปนั้น ถ้าผิดพลาดอย่างไรก็ขอความกรุณาชี้แนะด้วย และบุญกุศลที่ข้าพเจ้าได้แจกจ่ายธรรมทานนั้นขอให้ผลบุญนั้นส่งถึง บุคคลที่ได้กล่าวมา ขอให้ท่านทั้งหลายมีความสุข ข้าพเจ้าขอถวายเป็นพุทธบูชา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ม.ค. 2009, 19:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"deboykung"ครับ



1. แต่ถ้าจะพูดถึงเจตนาที่เคยกล่าวไว้ ถ้าทำอะไรทุกอย่างโดยขาดสติปัญญา สิ่งนั้นก็น่าจะมีโทษ เช่นมีคนๆหนึ่ง โดนไฟลวก เขาตระโกนร้อนๆ มีคนใจดี วิ่งไปหาน้ำ มาสาดเข้าให้ เจตนาดีครับ แต่ขาดปัญญา ไม่ต้องสืบความว่าคนที่โดนกระทำนั้นมีสภาพเป็นอย่างไร--เจตนาดีแต่ขาดปัญญา ถ้าคนที่โดนกระทำนั้นใจเย็นมีสัมมาทิฎฐิระดับสูงๆหน่อยคงไม่ถือโทษ

......ก็เหมือนกับพระพุทธเจ้า ท่านไม่ให้ควายกันน้ำ เพราะน้ำสกปรก พระพุทธองค์ไม่ได้ก่อกรรมก็จริง แต่ท่านก่อเวร เป็นผลให้ชาติที่ท่านเป็นพระพุทธเจ้าต้องอดน้ำ ก่อกรรมกับก่อเวรไม่เหมือนกันนะครับ

ในกรณีที่เราเจตนาดี แต่ขาดปัญญา เราก็ก่อเวร แต่ไม่ได้ก่อกรรม ก่อเวรนั้น ผลที่ได้รับน่าจะเป็นอุบัติเหตุ เช่น หลวงพ่อจรัญขว้างไม้ไปโดนหัวหมาโดยไม่ตั้งใจ วันนึ่งก็มีลม พัดไม้มาโดนหัวหลวงพ่อแตก ในกร๊พระพุทธเจ้า ก็ไม่มีใครไปจับท่านขังไว้ ไม่ให้กินน้ำ

อย่างไรก็ตาม ถ้าผู้ที่เราก่อเวรไม่ใช่ก่อกรรมกับเขาให้อภัย และอโหสิกรรมให้เรา เวรนั้นก็จะหมดไป หลวงพ่อจรัญบอกว่า ถ้าหมาตัวนั้น ท่านรู้จัก และมันรู้จักท่าน เคยให้ข้าวมันกิน มันก็คงไม่จองเวร ควายตัวนั้น มันก็ไม่รู่ใจพระพุทธเจ้าว่า ท่านหวังดี น้ำมันโสโครก กินไม่ได้ ถ้ามันรู้ว่าพระพุทธเจ้าช่วยมัน มันก็คงอโหสิกรรม



2. เช่นเดียวกับเรื่องยุงกัด ทุกอย่างเป็นผลกรรมที่เราได้ทำมาแต่ยุงเป็นผู้ส่งกรรม ถ้าเราสร้างกรรมใหม่โดยเจตนาฆ่ายุงตัวนั้น เพื่อที่ ให้คนที่เรารัก หรือเรานั้น จะได้ไม่เป็นโรคหรือเจ็บตัว ถ้าทำเช่นนั้นก็จะเข้าสุภาษิตจีน "ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลงนรก" แสดงถึงความเสียสละยอมลงนรกแทนบุคคลอื่น ผลบุญมีมาก แต่ผมบาปก็ใช่ว่าไม่มี

.....ผลกรรมมีน้อยมากครับ สำหรับคนธรรมดา เพราะยุงนั้นเกิดมาเพื่อรับวิบากกรรมจากการถูกฆ่าอยู่แล้ว ผลกรรมมีมากเฉพาะผู้ที่ติดยึดในศีลแบบเคร่งครัดเท่านั้น


3. ส่วนที่คุณพลศักดิ์เคยกล่าวไว้ว่า คนอื่นเอาอะไรมาวัดว่าตัวเขานั้นมีสัมมาทิฎฐิ แล้วว่าคุณพลศัีกดิ์เป็นมิจฉาทิฏฐิ พอดีกระทู้ที่คุณกล่าวนั้นโดนลบไปแล้ว ผมจึงไม่มีหลักฐานครับ แต่หวังว่าคุณคงจำได้
คำกล่าวนั้นได้ย้อนใส่ตัวแล้วนะครับว่า คุณก็เคยกล่าวคำนี้เช่นเดียวกันและผมก็ไม่ได้หวังว่าจะยกมาทุกโพสที่คุณได้โพส

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เขียน:
คุณ"payu" ครับ



น่าสงสารคุณจริงๆ โดนมารครอบงำ จนมีแต่มิจฉาทิฏฐิ พอฟังข้อความที่มีสัมมาทิฏฐิ ตัวเองหักห้างไปได้ ก็ไปใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา ติเตียน ดูถูกดูหมิ่น ผู้ที่มีสัมมาทิฏฐิ

แล้วนี่อวตารมาจากมารตัวไหนล่ะ สมัครเว็บนี้ครั้งที่เท่าไรแล้ว ชื่อเดิมคืออะไร


มาร....มาร....มาร



......คนที่มีสัมมาทิฏฐิใจของเขาจะไม่หวั่นไหวต่อคำใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา ติเตียน ดูถูกดูหมิ่น และยกพุทธพจน์มาถกกัน คนที่มีมิจฉาทิฏฐิ เขาจะหวั่นไหวต่อเรื่องเหล่านี้ และจะใส่ร้ายป้ายสี กล่าวหา ติเตียน ดูถูก ดูหมิ่น ผู้ทำมีความเห็นขัดแย้งกับความเชื่อของเขา

เมื่อมีคนกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสีผม ผมก็ให้เขารับกรรมโดยการกล่าวหา ใส่ร้ายป้ายสีเขา มันก็แค่นั้นครับ เขาเรียกว่าหนามหยอกเอาหนามบ่ง หรือให้เขารับวิบากกรรมของเขาไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร