ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=19968 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 08 ม.ค. 2009, 21:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด " .........ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเสด็จดำเนินทางไกล พราหมณ์ผู้หนึ่งได้เดินทางไกลทางเดียวกับพระองค์ มองเห็นรูปจักรที่รอยพระบาทแล้วก็มีความอัศจรรย์ใจ ครั้นพระองค์เสด็จลงไปประทับนั่งพักที่ โคนไม้ข้างทาง พราหมณ์จึงเข้าไปเฝ้าแล้วทูลถามว่า " ท่านผู้เจริญ คงจักเป็นเทพเจ้า ? " " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า " แน่ะ ! พราหมณ์ เทพเจ้าเราก็จักไม่เป็น " พราหมณ์จึงเดาต่อว่า " ท่านผู้เจริญคงจักเป็นคนธรรพ์ ? " " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า "คนธรรพ์เราก็จักไม่เป็น " พราหมณ์ถามแบบสงสัยต่อว่า เป็นยักษ์? เป็นมนุษย์? พระพุทธองค์ก็ตรัสตอบเหมือนเดิมว่า " เราก็จักไม่เป็น " พราหมณ์ย้อนทุกคำถามอีกครั้ง แล้วถามย้ำว่า " เมื่อเป็นเช่นนั้น ท่านผู้เจริญจะเป็นใครกันเล่า...? " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า " นี่แน่ะพราหมณ์ อาสวะเหล่าใดที่เมื่อยังละไม่ได้ จะเป็นเหตุให้เราเป็นเทพเจ้า เป็นคนธรรพ์ เป็นยักษ์ เป็นมนุษย์ อาสวะเหล่านั้น เราละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว...หมดสิ้น...ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกต่อไป เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุญฑริก เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด...ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น " นี่แนะ ! พราหมณ์ จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด อนึ่ง อาสวะเป็นแหล่งกำเนิด ภพ แหล่งกำเนิดภพมาจากอวิชชา จึงเรียกอวิชชาว่า อาสวะ |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 08 ม.ค. 2009, 21:20 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
คำอธิบายอย่างละเอียด จิตแบ่งเป็น 1. จิตบริสุทธิ์ไม่ติดอวิชชา หรือนิพพานจิต หรือ จิตพุทธะ จิตตัวนี้เป็นตัวสร้างอสังขตธาตุ หรือ อายตนนิพพาน (ธรรมกาย) 2. จิตไม่บริสุทธิ์ เป็นจิตติดอวิชชา ซึ่งก็คือ จิตในปฏิจจสมุปบาท จิตตัวนี้เป็นตัวสร้างสังขตธาตุ ความสังสัยของบางท่าน คุณฌาณและคุณnatdanaiถกกันเรื่องจิต คุณฌาณบอกว่า: จิต มโน วิญญาณ เหมือนกันโดยปรมัตถ์ คือสภาวะรู้ หรือ จิต มโน วิญญาณ ก็เช่นกัน คือสภาวะรู้เช่นกัน.... ผมตอบว่า จิตที่พวกคุณกำลังพูดถึงคือ จิตพุทธะ ครับ ส่วนจิตที่อยู่ในพระไตรปิฎกของเถรวาท เป็นจิต ที่เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ และรับอารมณ์ด้วย ด้วยเหตุนี้ จิตที่อยู่ในพระไตรปิฎกของเถรวาท หรือจิตในปฏิจจสมุปบาท จึงมีสภาพที่เกิดดับ เกิดดับๆๆ...เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเวลา ตามสภาพอารมณ์ที่มันปรุงแต่งขึ้นมา จิตในพระไตรปิฎกของเถรวาท ที่พยายามค้นหาตัวเอง ทำได้โดยการการทำสติปัฏฐาน 4 โดยเอาจิตพุทธะไปดูจิตปฏิจจสมุปบาท (เห็นจิตในจิต) เมื่อจิตพุทธะเห็นจิตในปฏิจจสมุปบาท ที่เกิดๆ ดับๆ ตลอดเวลา อย่างแจ่มแจ้ง. ผลอันเกิดจากการเห็นจิตเห็นจิต, เป็นนิโรธ เมื่อจิตเข้าใจกลไกการทำงานของจิตอย่างละเอียดสมบูรณ์แบบ เรียกว่า อรหันต์ พระอรหันต์คือผู้ที่เราเรียกว่าพุทธะ จิตเป็นพุทธะ หมายถึง จิตพระอรหันต์ จิตของท่านจะรู้ตลอดเวลา และจะไม่คิดปรุงแต่งเลย ด้วยเหตุนี้ จิตของพระอรหันต์จึงเที่ยงตลอด ไม่มีคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเหลืออยู่อีก เมื่อเทพเทวาและพรหมถามพระพุทธเจ้าว่า ท่านเป็นใคร พระพุทธองค์จะตอบเสมอว่า เราเป็นพุทธะ |
เจ้าของ: | สมพล [ 08 ม.ค. 2009, 22:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
ท่านครับ กิเลสกับอาสวะ ต่างกันอย่างไรครับ ขอบคุณ |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 09 ม.ค. 2009, 11:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
สมพล เขียน: ท่านครับ กิเลสกับอาสวะ ต่างกันอย่างไรครับ ขอบคุณ แล้วอวิชชากับกิเลสต่างกันอย่างไรล่ะ ผมว่า กิเลสกับอาสวะและอวิชชา เป็นสิ่งเดียวกัน แต่มีหลายชื่อเท่านั้น |
เจ้าของ: | natdanai [ 10 ม.ค. 2009, 12:15 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
อ้างคำพูด: เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุญฑริก เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด...ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น ชอบตรงนี้มากครับ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 10 ม.ค. 2009, 20:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
natdanai เขียน: อ้างคำพูด: เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุญฑริก เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด...ฉันใด เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตขึ้นในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น ชอบตรงนี้มากครับ ![]() ![]() ท่อนนี้มีความหมายนะครับ ขันธ์ 5 เกิดจากจิตปฏิจจสมุปบาทที่ติดอวิชชา แต่ทว่าขจัดคราบอวิชชาออกไปหมด จึงกลายเป็นจิตบริสุทธิ์ที่ไม่มีอวิชชา พระอรหันต์สอุปาทิเสส ท่านมีขันธ์ 5 อยู่ แต่จิตของท่านบริสุทธิ์ เพราะดับอวิชชาหมดแล้ว |
เจ้าของ: | อัญญาสิ [ 10 ม.ค. 2009, 20:46 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
![]() อ้างถึง..http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อาสวะ อาสวะ กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ มี ๓ อย่าง คือ ๑. กามาสวะ อาสวะคือกาม ๒. ภวาสวะ อาสวะคือภพ ๓. อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา; อีกหมวดหนึ่งมี ๔ คือ ๑. กามาสวะ ๒. ภวาสวะ ๓. ทิฏฐาสวะ อาสวะคือทิฏฐิ ๔. อวิชชาสวะ; ในทางพระวินัยและความหมายสามัญ หมายถึง เมรัย เช่น ปุปฺผาสโว น้ำดองดอกไม้, ผลาสโว น้ำดองผลไม้ ![]() |
เจ้าของ: | พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ [ 12 ม.ค. 2009, 13:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: พระพุทธเจ้าตรัสว่า "จงถือว่าเราเป็น " พุทธะ " เถิด" |
อัญญาสิ เขียน: :b8: อ้างถึง..http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=อาสวะ อาสวะ กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ไหลซึมซ่านไปย้อมจิตเมื่อประสบอารมณ์ต่างๆ มี ๓ อย่าง คือ ๑. กามาสวะ อาสวะคือกาม ๒. ภวาสวะ อาสวะคือภพ ๓. อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา; อีกหมวดหนึ่งมี ๔ คือ ๑. กามาสวะ ๒. ภวาสวะ ๓. ทิฏฐาสวะ อาสวะคือทิฏฐิ ๔. อวิชชาสวะ; ในทางพระวินัยและความหมายสามัญ หมายถึง เมรัย เช่น ปุปฺผาสโว น้ำดองดอกไม้, ผลาสโว น้ำดองผลไม้ ![]() ขอบพระคุณสำหรับคำอธิบาย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |