ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
..สัตบุรุษ... http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20200 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | นัน555 [ 22 ม.ค. 2009, 17:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | ..สัตบุรุษ... |
สัตบุรุษ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี ............................ สัตบุรุษ (อ่านว่า สัดบุหรุด) แปลว่า คนดี คนสงบ คนที่พร้อมมูลด้วยธรรม สัตบุรุษ หมายถึงคนที่มีคุณธรรม คนที่เป็นสัมมาทิฐิ คนที่ประพฤติธรรมเป็นปกติ สัตบุรุษ ในทางปฏิบัติคือคนที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม ๗ ประการ คือ เป็นผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการคือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ วิริยะ สติ ปัญญา ไม่ปรึกษาอะไรที่เบียดเบียนตนและผู้อื่น ไม่คิดอะไรเพื่อเบียดเบียนตนและผู้อื่น ไม่พูดอะไรเพือเบียดเบียนตนและผู้อื่น ไม่ทำอะไรเพือเบียดเบียนตนและผู้อื่น มีความเห็นชอบ เป็นสัมมาทิฐิ ให้ทานโดยความเคารพ ไม่ให้แบบทิ้งขว้าง อ้างอิง : พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ป.ธ. ๙ ราชบัณฑิต พจนานุกรมเพื่อการศึกษาพุทธศาสน์ ชุด คำวัด, วัดราชโอรสาราม กรุงเทพฯ พ.ศ. 2548 ................ ![]() |
เจ้าของ: | นัน555 [ 22 ม.ค. 2009, 17:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | ธรรม 4 ประการของ ..สัตบุรุษ... |
ว่าด้วยธรรม ๔ ประการของอสัตบุรุษและสัตบุรุษ ................. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการคืออะไร คือ อสัตบุรุษในโลกนี้ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของผู้อื่น แม้ไม่มีใครถาม ก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงถูกถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่าเรื่องอันเป็นข้อ เสียหายของผู้อื่นเสียอย่างพิสดารเต็มที่ ไม่ให้บกพร่อง ไม่หน่วงเหนี่ยวทีเดียว นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของผู้อื่น แม้ ถูกถาม ก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามจังหน้าเช้า (ไม่มีทางหลีก) ก็เล่าเกียรติคุณของผู้อื่นอย่างอ้อมแอ้มไม่เต็มปาก อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของตน แม้ถูกถาม ก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามจังหน้าเข้า ก็เล่าข้อ เสียหายของตน อย่างอ้อมแอ้มไม่เต็มปาก อ้อมค้อม หน่วงเหนี่ยว นี่พึงทราบ เถิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง อสัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของตน แม้ไม่มี ใครถามก็เผยเรื่องนั้นขึ้นเอง จะกล่าวอะไรถึงมีคนถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่า เรื่องที่เป็นเกียรติคุณของตนอย่างพิสดารเต็มที่ไม่ให้บกพร่อง ไม่หน่วงเหนี่ยว ทีเดียว นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นอสัตบุรุษ บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นอสัตบุรุษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการ พึง ทราบว่าเป็นสัตบุรุษ ธรรม ๔ ประการ คือ สัตบุรุษในโลกนี้ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของผู้อื่น แม้ถูกถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงไม่ถูกถาม ถูกซักถามจังหน้าเข้าก็เล่าเรื่องอัน เป็นข้อเสียหายของผู้อื่นอย่างลัดไม่เต็มที่ นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของผู้อื่น แม้ไม่มี ใครถามก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงมีใครถาม มีใครซักถามเข้าก็เล่าเรื่อง เกียรติคุณของผู้อื่นอย่างถี่ถ้วนเต็มที่ไม่มีหน่วงเหนี่ยว นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้ เป็นสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นข้อเสียหายของตน แม้ไม่มี ใครถามก็เผยเรื่องนั้น จะกล่าวอะไรถึงมีใครถาม มีใครซักถามเข้าย่อมเล่า เรื่องเสียหายของตนอย่างถี่ถ้วนเต็มที่ไม่มีหน่วงเหนี่ยว นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้ เป็นสัตบุรุษ อีกประการหนึ่ง. สัตบุรุษ เรื่องใดเป็นเกียรติคุณของตน แม้มีใคร ถามก็ไม่เผยเรื่องนั้น แต่เมื่อถูกซักถามจังหน้าเข้าก็เล่าเรื่องเกียรติคุณของตน อย่างลัดไม่เต็มปาก นี่พึงทราบเถิดว่า ผู้นี้เป็นสัตบุรุษ.. |
เจ้าของ: | นัน555 [ 22 ม.ค. 2009, 17:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ไกล |
สัตบุรุษย่อมปรากฏในที่ไกล ... ...................... ในขณะนั้น แม้อนาถบิณฑิกเศรษฐีสดับธรรมกถาแล้ว นิมนต์พระศาสดา เพื่อเสวยในวันพรุ่งนี้. พระศาสดาตรัสว่า "คฤหบดี ตถาคตรับภัตเพื่อฉันในวันพรุ่งนี้แล้ว" เมื่ออนาถบิณฑิกเศรษฐีกราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ คนอื่นมาก่อนกว่าข้าพระองค์ไม่มี พระองค์ทรงรับภัตของใครหนอแล?" ตรัสว่า "คฤหบดี นางจูฬสุภัททานิมนต์ไว้แล้ว." เมื่อท่านเศรษฐีกล่าวว่า "นางสุภัททาอยู่ในที่ไกลที่สุดประมาณ ๑๒๐ โยชน์แต่ที่นี้มิใช่หรือ? พระเจ้าข้า" ตรัสว่า "ใช่ คฤหบดี. ก็สัตบุรุษทั้งหลาย แม้อยู่ในที่ไกล ย่อมปรากฏเหมือนยืนอยู่เฉพาะหน้า" ดังนี้แล้ว จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- ๘. ทูเร สนฺโต ปกาเสนฺติ หิมวนฺโตว ปพฺพโต อสนฺเตตฺถ น ทิสฺสนฺติ รตฺติขิตฺตา ยถา สรา. สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ไกล เหมือน ภูเขาหิมพานต์, (ส่วน) อสัตบุรุษย่อมไม่ปรากฏในที่นี้ เหมือนลูกศรอันเขาซัด (ยิง)ไปในราตรีฉะนั้น. |
เจ้าของ: | นัน555 [ 22 ม.ค. 2009, 17:58 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ..สัตบุรุษ... |
สัตบุรุษทั้งหลาย ย่อมปรากฏในที่ไกล ... บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สนฺโต เป็นต้น ความว่า ปราชญ์ทั้งหลายมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น ชื่อว่าสัตบุรุษ เพราะความที่กิเลสทั้งหลายมีราคะเป็นต้น สงบแล้ว, แต่ในที่นี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประสงค์สัตว์ผู้มีอธิการ (บุญ) อันทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้าในปางก่อน มีกุศลมูลสั่งสมไว้แล้ว (และ) อบรมภาวนาแล้วว่า "สัตบุรุษ." บทว่า ปกาเสนฺติ ความว่า แม้ยืนอยู่ที่ไกล เมื่อมาสู่คลองพระญาณแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ชื่อว่าย่อมปรากฏได้. บทว่า หิมวนฺโตว ความว่า เหมือนอย่างว่า ภูเขาหิมพานต์กว้าง ๓,๐๐๐ โยชน์ สูง ๕๐๐ โยชน์ ประดับด้วยยอด ๘๔,๐๐๐ ย่อมปรากฏ แม้แก่ชนทั้งหลายผู้ยืนอยู่ในที่ไกล เหมือนตั้งอยู่เฉพาะหน้าฉันใด สัตบุรุษทั้งหลายย่อมปรากฏฉันนั้น. บทว่า อสนฺเตตฺถ ความว่า บุคคลพาล หนักในทิฏฐธรรม มีปรโลกอันผ่านไปแล้ว เห็นแก่อามิส บวชเพื่อประโยชน์แก่ชีวิต ชื่อว่า อสัตบุรุษ, อสัตบุรุษเหล่านั้น แม้นั่งในที่นี้ คือในที่ใกล้มณฑลแห่งพระชานุเบื้องขวาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ย่อมไม่ปรากฏ คือย่อมไม่ทราบ. สองบทว่า รตฺตึ ขิตฺตา คือเหมือนลูกศรที่ยิงไปในราตรี คือในที่มืดประกอบด้วยองค์ ๔.#- อธิบายว่า อสัตบุรุษเหล่านั้น ย่อมไม่ปรากฏเพราะความไม่มีแห่งบุรพเหตุ ซึ่งเป็นอุปนิสัยเห็นปานนั้น. ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=31&p=8 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |