วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 12:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 16:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b7: รบกวนถามนะค่ะ คุณๆที่ปฏิบัติธรรมน่ะค่ะ :b7:
ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างมันเข้ามาในชีวิตเรา ในแต่ละวันน่ะค่ะ ถ้าวันไหนดี ทุกอย่างราบรื่นเราก็มีสมาธิ
มีความสุข การสวดมนต์ การทำสมาธิ อะไรมันก็ราบรื่น :b19: :b19: :b19:
:b2: แต่ถ้าวันไหนที่มีปัญหามากๆ จิตใจมันท้อ เหนื่อย ขาดสมาธิในการทำงาน อารมณ์เศร้า :b2:
ทุกอย่างดูหมดหวัง อยากหลบไปจากความวุ่นวายที่ๆไม่ต้องเจออะไรเลย แต่ด้วยภาระหน้าที่หลายๆ
อย่างที่ทำไม่ได้ ก็ต้องทนอยู่ ช่วยแนะนำวิธีเติมพลังให้ตัวเอง เพราะเราก็มีปัญหามาให้คุณช่วยเสมอๆ
:b26: :b26: แต่ช่วงนี้เราเป็นแบบนี้น่ะค่ะ พยายามฝืนให้มีความสุข สวดมนต์ ภาวนาไปเรื่อย แต่
ลึกๆจริงๆแล้วเราคงต้องเริ่มฝึกตัวเองใหม่หรือเปล่าค่ะ รบกวนแนะนำด้วยนะคะ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คุณ o.wan บรรยายความรู้สึกถูกหมดวันไหนอารมณ์ดีทำอะไรก็ดูดีไปหมด เช่นที่ว่า

อ้างคำพูด:
ถ้าวันไหนดี ทุกอย่างราบรื่น เราก็มีสมาธิมีความสุข การสวดมนต์ การทำสมาธิ อะไรมันก็ราบรื่น


แต่ขณะใดหรือวันไหน มีปัญหา รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จะมองจะทำอะไรดูขวางหูขวางตา
ติดขัดไปหมด...เช่นที่ว่า
อ้างคำพูด:
แต่ถ้าวันไหนที่มีปัญหามากๆ จิตใจมันท้อ เหนื่อย ขาดสมาธิในการทำงาน อารมณ์เศร้า
ทุกอย่างดูหมดหวัง อยากหลบไปจากความวุ่นวายที่ๆไม่ต้องเจออะไรเลย


ธรรมารมณ์ลึกๆอย่างนี้ ผู้ที่รู้เทียบเท่าพระพุทธเจ้าย่อมไม่มี ดังนั้นในทางศาสนาจึงสอนให้ฝึกจิต
ทำกรรมฐาน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูประโยชน์ของสมาธิในด้านต่างๆ ดังนี้ ครับ


ประโยชน์ที่เป็นความมุ่งหมายแท้จริงของสมาธิตามหลักพระพุทธศาสนา คือ เป็นส่วนสำคัญ
อย่างหนึ่งแห่งการปฏิบัติเพื่อบรรลุจุดหมายสูงสุด อันได้แก่ความหลุดพ้นจากกิเลสและทุกข์
ทั้งปวง

-ประโยชน์ที่ตรงแท้ของข้อนี้ คือ การเตรียมจิตให้พร้อมที่จะใช้ปัญญาพิจารณาให้รู้แจ้งสภาวธรรมตามความเป็นจริง เรียกตามศัพท์ว่า เป็นบาทแห่งวิปัสสนา หรือ ทำให้เกิดยถาภูตญาณทัศนะ ซึ่งจะนำไปสู่วิชชาและ
วิมุตติในที่สุด

ค. ประโยชน์ในด้านสุขภาพจิตและการพัฒนาบุคลิกภาพ เช่น ทำให้เป็นผู้มีจิตใจและมีบุคลิกลักษณะเข้มแข็ง หนักแน่น มั่นคง สงบ เยือกเย็น สุภาพ นิ่มนวล สดชื่น ผ่องใสกระฉับกระเฉง กระปรี้กระเปร่า เบิกบาน งามสง่า
มีเมตตากรุณา มองดูรู้จักตนเองและผู้อื่นตามความเป็นจริง
(ตรงข้ามกับลักษณะของคนมีนิวรณ์ เช่น อ่อนไหว ติดใจหลงใหลง่าย หรือ หยาบกระด้าง ฉุนเฉียว
เกรี้ยวกราด หงุดหงิด วู่วาม วุ่นวาย จุ้นจ้าน สอดแส่ ลุกลี้ลุกลน หรือหงอยเหงา เศร้าซึม
หรือขี้หวาด ขี้ระแวง ลังเล)

เตรียมจิตให้อยู่ในสภาพพร้อมและง่ายแก่การปลูกฝังคุณธรรมต่างๆ และเสริมสร้างนิสัยที่ดี รู้จักทำใจให้สงบ
และสะกดยั้งผ่อนเบาความทุกข์ที่เกิดขึ้นในใจได้ เรียกอย่างสมัยใหม่ว่า มีความมั่นคงทางอารมณ์ และมีภูมิ
คุ้มกันโรคทางจิต
ประโยชน์ข้อนี้ จะเพิ่มพูนยิ่งขึ้นในเมื่อใช้จิตที่มีสมาธินั้นเป็นฐานปฏิบัติตามหลักสติปัฏฐาน คือ ดำเนินชีวิต
อย่างมีสติ ตามดูรู้ทันพฤติกรรมทางกายวาจา ความรู้สึกนึกคิดและภาวะจิตของตนที่เป็นไปต่างๆ
มองอย่างเอามาเป็นความรู้สำหรับใช้ประโยชน์อย่างเดียว ไม่ยอมเปิดช่องให้ประสบการณ์และความเป็นไป
เหล่านั้น ก่อพิษเป็นอันตรายแก่ชีวิตจิตใจของตนได้เลย
ประโยชน์ข้อนี้ย่อมเป็นไปในชีวิตประจำวันด้วย


ง. ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น

๑) ใช้ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลาย หายเครียด เกิดความสงบ หายกระวนกระวาย ยั้งหยุดจากความ
กลัดกลุ้มวิตกกังวล เป็นเครื่องพักผ่อนกาย ให้ใจสบายและมีความสุข เช่น บางท่านทำอานาปานสติ ในเวลา
ที่จำเป็นต้องรอคอยและไม่มีอะไรที่จะทำ เหมือนดังเวลานั่งติดในรถประจำทาง หรือปฏิบัติสลับแทรก
ในเวลาทำงานใช้สมองหนัก เป็นต้น หรือ อย่างสมบูรณ์แบบ ได้แก่ฌานสมาบัติที่พระพุทธเจ้า และ
พระอรหันต์ทั้งหลาย ใช้เป็นที่พักผ่อนกายใจ เป็นอยู่อย่างสุขสบายในโอกาสว่างจากการบำเพ็ญกิจ
ซึ่งมีคำเรียกเฉพาะว่า เพื่อเป็นทิฏฐธรรมสุขวิหาร

๒) เป็นเครื่องเสริมประสิทธิภาพในการทำงาน การเล่าเรียน และการทำกิจทุกอย่าง เพราะจิตที่เป็นสมาธิ
แน่วแน่อยู่กับสิ่งที่กำลังกระทำ ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่วอกแวก ไม่เลื่อนลอยเสีย ย่อมช่วยให้เรียนให้คิด ให้ทำงาน
ได้ผลดี การงานก็เป็นไปโดยรอบคอบ ไม่ผิดพลาด และป้องกันอุบัติเหตุได้ดี เพราะเมื่อมีสมาธิก็ย่อมมี
สติกำกับอยู่ด้วย ดังที่ท่านเรียกว่า จิตเป็นกัมมนียะ แปลว่า ควรแก่งาน หรือเหมาะแก่การใช้งาน ยิ่งได้
ประโยชน์ในข้อที่ ๑ มาช่วยเสริม ก็ยิ่งได้ผลดีมากยิ่งขึ้นไปอีก

๓) ช่วยเสริมสุขภาพกายและให้แก้ไขโรคได้ ร่างกายกับจิตใจอาศัยกันและมีอิทธิพลต่อกัน ปุถุชนทั่วไป
เมื่อกายไม่สบาย จิตใจก็พลอยอ่อนแอเศร้าหมองขุ่นมัว ครั้นเสียใจไม่มีกำลังใจ ก็ยิ่งซ้ำให้โรคทางกายนั้น
ทรุดหนักลงไปอีก แม้ในเวลาที่ร่างกายเป็นปกติ พอประสบเรื่องราวให้เศร้าเสียใจรุนแรง ก็ล้มป่วยเจ็บไข้ไปได้

ส่วนผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งสมบูรณ์ เมื่อเจ็บป่วยกายก็ไม่สบายอยู่แค่กายเท่านั้น จิตใจไม่พลอยป่วยไปด้วย
ยิ่งกว่านั้นกลับใช้ใจที่สบายมีกำลังจิตเข็มแข็งนั้นหันกลับมา ส่งอิทธิพลบรรเทาหรือผ่อนเบาโรคทางกาย
ได้อีกด้วย อาจทำให้โรคหายง่ายและไวขึ้น หรือแม้แต่ใช้กำลังสมาธิระงับทุกขเวทนาทางกายไว้ก็ได้

ในด้านดี ผู้มีจิตใจผ่องใสเบิกบาน ย่อมช่วยให้กายเอิบอิ่มผิวพรรณผ่องใสสุขภาพกายดี เป็นภูมิต้านทานโรค
ไปในตัว ความสัมพันธ์นี้มีผลต่ออัตราส่วนของความต้องการ และการเผาผลาญ ใช้พลังงานของร่างกายด้วย
เช่น จิตใจที่สบายผ่องใสสดชื่นเบิกบานนั้น ต้องการอาหารน้อยลง
ในการที่จะทำให้ร่างกายสมบูรณ์ผ่องใส เช่น คนธรรมดามีเรื่องดีใจ ปลาบปลื้มอิ่มใจ ไม่หิวข้าว หรือ
พระที่บรรลุธรรมแล้วมีปีติเป็นภักษา ฉันอาหารวันละมื้อเดียว แต่ผิวผ่องใส เพราะไม่หวนละห้อยความหลัง
ไม่เพ้อหวังอนาคต
ไม่เฉพาะจิตใจดี ช่วยเสริมให้สุขภาพกายดีเท่านั้น โรคกายหลายอย่างเป็นเรื่องของกายจิตสัมพันธ์ *
เกิดจากความแปรปรวนทางจิตใจ เช่น ความมักโกรธบ้าง ความกลุ้มกังวลบ้าง ทำให้เกิดโรคปวดศีรษะ
บางอย่าง หรือโรคแผลในกระเพาะอาหารอาจเกิดได้ เป็นต้น
เมื่อทำจิตใจให้ดีด้วยวิธีอย่างใดอย่างหนึ่ง ก็ช่วยแก้ไขโรคเหล่านั้นได้
ประโยชน์ข้อนี้ จะสมบูรณ์ต่อเมื่อมีปัญญาที่รู้เท่าทันสภาวธรรมประกอบอยู่ด้วย


* สภาพกายจิตสัมพันธ์ อาจแบ่งได้เป็น ๓ ระดับ ตามขั้นของพัฒนาการทางจิต

ขั้นต่ำสุด ผลต่อกาย กระทบจิตด้วย คือ เมื่อไม่สบายกาย จิตพลอยไม่สบายด้วย ซ้ำเติมตนเอง
ให้หนักขึ้น

ขั้นกลาง จำกัดขอบเขตของผลกระทบได้ คือ ความทุกข์ความไม่สบายมีอยู่แค่ไหน ก็รับรู้ตามที่เป็น
แค่นั้น วางใจได้ ไม่ให้ทุกข์ทับถมลุกลาม

ขั้นสูง จิตช่วยกาย คือ เมื่อร่างกายทุกข์ ไม่สบาย นอกจากไม่เก็บไปก่อทุกข์แก่ใจแล้ว
ยังสามารถ ใช้สมรรถภาพที่เข้มแข็งและคุณภาพที่ดีงามของจิต ส่งผลดีกลับมาช่วยกายได้อีกด้วย

viewtopic.php?f=2&t=20511

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 20:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: คุณกรัชกายตอบได้ดีมากเลยครับ บางครั้งคนเราก็เจอปัญหาแบบเดียวกันกับคุณ o-wan ทั้งนั้นแหละครับ บางวันอารมณ์ดี เราก็จะเพลิดเพลินกับการทำงาน บางวันอารมณ์ไม่ดี เราก็จะไม่สนุกกับการทำงาน ทั้งนี้และทั้งนั้นผมว่าเราใช้ใจเราเป็นตัวกำหนดเองมากกว่า พระท่านจึงส่อนให้เราใช้สติควบคุมการทำงานไงครับ ทำชั่วก็รู้ตัว ทำดีก็รู้ตัว งานทุกอย่างของเราจะได้ไม่พลาดยังไงละครับ :b35: :b35: :b29: :b29:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหามีของมันอยู่แล้ว และทางแก้ก็มีอยู่แล้ว ที่ตอนนี้ยังแก้ไม่ได้(คิดไม่ออก)ก็เพราะยังไม่ถึงเวลา ก็อย่าไปคิดมากกับมัน เพราะความจริงแล้วเรามีความสุขอยู่ที่ปัจจัย 4 บริบูรณ์ก็แค่นั้น ส่วนที่มากไปกว่านั้นเป็นความทุกข์ทั้งสิ้น... :b6:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2009, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b7: รบกวนถามนะค่ะ คุณๆที่ปฏิบัติธรรมน่ะค่ะ :b7:
ในสถานการณ์ที่ทุกอย่างมันเข้ามาในชีวิตเรา ในแต่ละวันน่ะค่ะ ถ้าวันไหนดี ทุกอย่างราบรื่นเราก็มีสมาธิ
มีความสุข การสวดมนต์ การทำสมาธิ อะไรมันก็ราบรื่น :b19: :b19: :b19:
:b2: แต่ถ้าวันไหนที่มีปัญหามากๆ จิตใจมันท้อ เหนื่อย ขาดสมาธิในการทำงาน อารมณ์เศร้า :b2:
ทุกอย่างดูหมดหวัง อยากหลบไปจากความวุ่นวายที่ๆไม่ต้องเจออะไรเลย แต่ด้วยภาระหน้าที่หลายๆ
อย่างที่ทำไม่ได้ ก็ต้องทนอยู่ ช่วยแนะนำวิธีเติมพลังให้ตัวเอง เพราะเราก็มีปัญหามาให้คุณช่วยเสมอๆ
:b26: :b26: แต่ช่วงนี้เราเป็นแบบนี้น่ะค่ะ พยายามฝืนให้มีความสุข สวดมนต์ ภาวนาไปเรื่อย แต่
ลึกๆจริงๆแล้วเราคงต้องเริ่มฝึกตัวเองใหม่หรือเปล่าค่ะ รบกวนแนะนำด้วยนะคะ :b8: :b8: :b8:


คุณ O.Wan ครับ มีของดีให้ดูแล้วไม่รู้ตัว
จิตใจเรามันแสดงธรรมะให้ดูแล้วน่ะครับว่า จิตใจเป้นสิ่งที่บังคับบัญชาไม่ได้
เดี่ยวดี เดี่ยวร้าย เดี๋วซึม เดี๋ยวร่าเริง มันไม่คงทนถาวรอยู่ได้
มันไม่ดีตลอดเวลา มันไม่เลวตลอดเวลา มันไม่ทนอยู่ในสภาพใดๆตลอดเวลา
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

มันแสดงให้ดูว่าเราบังคับมันไม่ได้ เวลามีความสุข อยากจะรักษายึดเหนี่ยวสภาวะเอาไว้ เราก้ทำไม่ได้
เวลามันเลว ซึมๆ เราอยากจะให้มันร่าเริงฉับพลันอย่างใจ มันก็ไม่ยอมเป้นไปอย่างที่เราต้องการ

วิธีแก้คือ เราไม่ต้องไปจมกับมัน ไม่ต้องไปอินกับมัน
ปล่อยมันไปเลย มันอยากจะรู้สึกอะไรก็ปล่อยมัน
คอยตามรู้ ตามดู ไปเรื่อยๆ ...."ตาม"นะครับ

จิตใจมันดี เราก็คอยตามรู้ตามดุ ร้ายก็คอยตามรู้ตามดู
อยากสงบก็รู้ว่าตะกี๊อยากจะสงบ อยากมีพลังก็รู้ว่าตะกี๊อยากมีพลัง
ไม่ต้องไปบงการบังคับบัญชาจิตใจ ปล่อยมันไป แต่ต้องถือศีลนะครับ
ปล่อยให้มันเป้นไปตามจรงในกรอบของศีล
แล้วคอยตามรู้ตามดูมันไป

คุณ o.wan ต้องฟัง cd ที่ผมแนะนำไปให้มากๆ
เข้าใจว่าคงยังไม่ได้ฟังแน่ๆเลย ถึงได้ถามอย่างนี้
ได้ผลจริงๆนะครับ ไม่รักกันจริง ไม่แนะนำ
ผมก็อาศัยฟังหลวงพ่อนี่แหละครับ ถึงเข้าใจธรรมะกว้างขวางขึ้นกว่าเดิมได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2009, 10:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


รูปภาพ

คุณโอเว่น ดูซิครับความล้มเหลวมันสะท้อนเงาแห่งความสำเร็จนั่นเองครับ

ดังนั้นผู้ที่จะประสบความสำเร็จได้ โดยไม่ล้มมาก่อนนั้น ไม่มีครับ

ดูอย่างเช่นพระพุทธเจ้าของเราซิครับ.....กว่าท่านจะตรัสรู้ธรรมอันประเสริฐ....ล้มแล้วลุก

ลุกแล้วล้ม....เกือบเอาชีวิตไม่รอด....ตั้งกี่ปีครับ


หากพบกับความล้มเหลว

ไม่ได้หมายความว่าชีวิตคุณล้มเหลวเพียงแค่คุณยังทำมันไม่สำเร็จ เท่านั้น

เมื่อบางอย่างล้มเหลว อย่างน้อย เราก็ได้เรียนรู้บางอย่างจากสิ่งที่เราทำ



เมื่อเราล้มเหลว

ไม่ได้หมายความว่าเราโง่ แต่เรามั่นใจและเต็มใจที่จะลองต่างหาก

ความล้มเหลว

ไม่ได้บอกว่าเลิกซะเถอะ คุณไม่มีหวังหรอก มันแค่บอกคุณลองหาทางใหม่ๆ


ความล้มเหลว

ไม่ใช่เครื่องบ่งชี้ว่าคุณต้องต่ำ มันแค่บอกว่าคุณไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ (ซึ่งก็เหมือนใครๆ)

ความล้มเหลว

ไม่ได้ทำให้คุณเสียเวลาไปหรือเปล่าๆ แต่เป็นเหตุผลที่ดีในการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ


ความล้มเหลว

ไม่ได้บอกว่าคุณไม่มีทางทำได้ มันเพียงแต่บอกว่าต้องใช้เวลาหน่อย

ทุกเช้าเมื่ออาทิตย์เริ่มจับขอบฟ้าในป่าอัฟริกา

สิงโตรู้ว่ามันต้องวิ่งล่ากวางตัวที่วิ่งช้าที่สุด
ขณะเดียวกัน กวางเองก็รู้ว่ามันต้องวิ่งให้เร็วที่สุด หรือไม่ก็ตาย


จุดสำคัญไม่ได้อยู่ตรงที่ว่า คุณเป็นสิงโตหรือเป็นกวาง

เพียงแต่วิ่งให้สุดกำลังของตน เมื่อถึงคราวก็พอ

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 17:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2008, 09:18
โพสต์: 635

อายุ: 0
ที่อยู่: กองทุกข์

 ข้อมูลส่วนตัว www


เวลาที่ใจคุณเหนื่อยต้องการความพักผ่อน ลองไปนั่งสามธิทำความสงบดูสิครับ ผมมั่นใจว่ามัน
จะทำให้จิตคุณมีกำลังมากขึ้นครับ :b12:

.....................................................
"ผู้ที่ฝึกจิต ย่อมนำความสุขมาให้"
คิดเท่าไหรก็ไม่รู้ หยุดคิดจึงจะรู้

http://www.luangta.com
รูปภาพ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 20:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ก.พ. 2009, 22:21
โพสต์: 1975


 ข้อมูลส่วนตัว


ุคุณO.wanค่ะ คือเราเคยฟังMP.3 ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำนะค่ะ ท่านบอกว่าคนที่นั่งสมาธิทุกๆคน จะเจอปัญหาแบบเดียว กับคุณนี่แหละค่ะ ท่านสอนว่า เจ้ากรรมนายเวรจะ ไม่ให้เราสามารถ ทำสมาธิได้ เพราะถ้าเราทำสมาธิ หรือทำความดีได้ เจ้ากรรมนายเวรของเราเค้าก้อไม่สามารถ ทำอะไรเราได้ เพราะฉนั้นคุณต้องสู้ กับปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วคุณจะชนะปัญหานั้นๆค่ะ ไม่ทราบมีใครเคยฟัง เหมือนกับที่เราฟังมา หรือเปล่าค่ะ รู้สึกว่าจะเป็นชุด
บุพกรรมนะถ้าจำไม่ผิด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 17:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8: นะคะทุกท่านที่แนะนำ สิ่งดีๆ เราจะพยายาม :b4: :b4: ให้ผ่านพ้นไปให้ได้นะคะ
เราก็จะนั่งสมาธิทุกวันค่ะ แล้วแต่เวลาในแต่ละวัน และบริกรรม พุทโธ แต่ใจก็ยังไม่ค่อยยอมสงบค่ะ
K.คามินธรรม เราฝึกดูจิต ของพระอาจารย์ปราโมทย์ เริ่มตั้งแต่เรื่อง แด่เธอผู้มาใหม่เลยค่ะ ชุดนี้4แผ่น
ก็พยายามทำความเข้าใจอยู่ค่ะ แต่ก็ฟังแผ่นอื่นๆ เกือบหมดแล้วค่ะ และก็ฟังซ้ำด้วยนะคะ เราเข้าไป
การดูจิตของอ.สุวัฒน์ ฟังง่ายๆค่ะ แต่ปฏิบัติยากมากจริงๆนะ :b10: :b23: :b10: :b23:
อาจเป็นเพราะเรายังใหม่ พอใครแนะนำมา เราก็สนใจมากๆ จนบางครั้งหงุดหงิดเลยค่ะ :b2:
เพราะใจร้อน และมากด้วยอายุ :b3: :b3: ความจำเลยช้าๆ ไม่ได้ดั่งใจเลย :b31: :b31:
ถาม K.กรัชกราย ใช้ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลาย หายเครียด เกิดความสงบ หายกระวนกระวาย ยั้งหยุดจากความ
กลัดกลุ้มวิตกกังวล เป็นเครื่องพักผ่อนกาย ให้ใจสบายและมีความสุข เช่น บางท่านทำอานาปานสติ ในเวลา
ที่จำเป็นต้องรอคอยและไม่มีอะไรที่จะทำ เหมือนดังเวลานั่งติดในรถประจำทาง หรือปฏิบัติสลับแทรก
ในเวลาทำงานใช้สมองหนัก
วิธีทำแบบนี้หรือใช่เปล่าคะ คือมีอยู่วันเรานั่งรถใต้ดิน แล้วก็ด้วยที่ว่าเบื่อความวุ่นวาย เลยนั่งหลับตา ใจก็คิดคำว่า สงบ ตลอดทางสัก 10 นาที ไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่เสียงประกาศ รู้สึกตอนแรกเราหนักๆหัว
พอสักพัก รู้สึกว่าเบาสบายๆ แต่ไม่ได้หลับนะคะ
รู้สึกว่ามันมีอาการเบาๆตัว และรู้สึกว่ามันมีแสงสว่างๆน่ะคะ ตอนนั้นรู้สึกสงบจริงๆนะคะ
ใจไม่หลงไปไหนเลย พอลืมตามารู้สึกเอ้อ!สดชื่น อารมณ์สุข บอกไม่ถูก
:b10: :b10: พอมาถึงบ้านมานั่งคิดว่า เราหลับหรือเราฝัน :b23: K.กรัชกราย พอวิเคราะห์ได้ไม๊คะ
พอดีมาอ่านที่คุณอธิบาย ในกรณีนี้เหมือนกันไม๊คะ
:b19: มีเรื่องรบกวนอีกเรื่องค่ะ พอดีเพลง ข้อความ ที่คุณให้มาถูกลบไปแล้วนะคะ ขออีกรอบจะลำบากไม๊คะ :b3: :b3: :b3: :b3:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
อาจเป็นเพราะเรายังใหม่ พอใครแนะนำมา
เราก็สนใจมากๆ จนบางครั้งหงุดหงิดเลยค่ะ :b2:
เพราะใจร้อน และมากด้วยอายุ :b3: :b3: ความจำเลยช้าๆ ไม่ได้ดั่งใจเลย :b31: :b31:


ตรงหงุดหงิด กับใจร้อนนั่นแหละครับ ที่เราต้องจับความรู้สึกให้ทัน
การจับไม่ทันก็เช่น สามวันที่แล้วหงุดหงิด เพิ่งมานึกได้วันนี้ อะไรทำนองนี้ นี่รู้สึกตัวช้าไป

เอาสดๆร้อนๆนะครับ เอาที่เพิ่งหงุดหงิดไปตะกี้ เอาที่เพิ่งใจร้อนไปตะกี้
หรือที่กำลังหงุดหงิดอยู่เดี่ยวนี้

ลองดูนะครับ ที่นี่ http://enggy.com/awake/awake01.html

หรือลองอ่านเพิ่ม
http://www.wimutti.net/surawat/
อ่าน 3 เล่มนี้ดูนะครับ
- รู้-ตื่น-เบิกบาน ระหว่างวัน
- แค่ดูก็รู้แจ้ง
- บันทึกดูจิต ตอน หัดรู้... หัดดู
:b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 17:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b35: :b35: คุณฌาณ อ่านแล้วต้องร้องพลง :b2: :b2:
ขออย่ายอมแพ้......อย่าอ่อนแอ....แม้จะร้องไห้
จงลุกขึ้น :b4: ไปจุดหมายไม่ไกลเกิน...จริง :b4: :b4:
จากตอนโพสต์ กำลังใจ 0 อ่านแล้ว เกิน 100 เลยค่ะ ขอบคุณจริงๆค่ะ
ขอให้ได้ 10 ดวงเร็วๆนะคะ :b35: :b35: :b35:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 18:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



ก่อนตอบคำถามคุณ o.wan
ชวนคุณอ่านข้อความสั้นๆ แต่ก็บ่งว่าจิตสงบคลอเคลียอยู่กับอารมณ์กรรมฐาน =>



เวลาที่เรานั่งสมาธิ แล้วเรารู้สึกว่าดี ไม่เหมือนตอนที่ เราไม่ได้นั่งสมาธิ
เวลาที่เรานั่ง เราจะใช้คำว่า พุทธ-โธแล้วก้อจะกำหนดจิต ให้อยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก
แล้วจิตของเราก้อจะเงียบ แล้วตัวก้อเบามากเหมือนตัวเราลอย ไม่ได้ติดอยู่ที่พื้น

ตัดมาจากลิงค์นี้
viewtopic.php?f=1&t=20549

แล้วจิตของเราก้อจะเงียบ แล้วตัวก้อเบามากเหมือนตัวเราลอย ไม่ได้ติดอยู่ที่พื้น

ข้อความนี้แม้ไม่เขียนเล่าว่า ตนเองมีความปีติสุขด้วย แต่...ก็รู้ว่าขณะนั้นเค้ามีความสุข
ทั้งทางกายทางใจ เนื้อตัวจะโล่งโปร่งเบาสมองปลอดโปร่ง ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



เอาอีกสักรายก็ได้ (ตัดมาส่วนหนึ่ง) จ้าวนี้บอกละเอียดเลย สังเกตข้อความที่ขีดเส้นใต้ :b1:



ในการนั่งสมาธิครั้งนี้ ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน

แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นแบบอัปมัญญา แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลาย
ไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา
พอครบทุกทิศแล้ว ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น
จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปีติ มีแต่ความสุขไปหมด จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า
"มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วย หรือ ความสุขนี้ดีกว่า ความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ
ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆ เพื่อหา
เงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความ
สุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คน(ส่วนใหญ่) ในโลกกลับไม่รู้"


จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจก็รู้สึกว่า ลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบ ลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่า คือ ลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก
:)
ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือ ปิติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้น แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือ มีความรู้พร้อมอยู่
จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว คิดไปเรื่อยว่า "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเรา
หรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง
(คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.พ. 2009, 18:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีเรื่องรบกวนอีกเรื่องค่ะ พอดีเพลง ข้อความ ที่คุณให้มาถูกลบไปแล้วนะคะ ขออีกรอบจะลำบากไม๊คะ


ไม่ ไม่ลำบากอะไรหรอกครับ แค่กระดิกนิ้วเอง :b1: :b38:
นี่ครับ “ข้อความ”


ข้อความ - พอส

จะอยู่ไกลห่างสักเท่าไหร่
สิ่งหนึ่งที่ยึดใจเราอยู่ ไว้ไม่ให้เราห่างกัน
คือความห่วงใยที่เธอให้ฉัน
คำพูดเหล่านั้น ที่เธอคอยส่งมา

ให้ฉันได้รับรู้ ให้ฉันนั้นได้มั่นใจ
ไม่มีสิ่งไหนที่จะลึกซึ้งถึงคุณค่า
ผ่านมาจากถ้อยคำนั้น ผ่านมาจากสายตาฉัน
และสิ่งๆนั้นบอกฉันให้รู้ตลอดมา

ฉันและเธอจะเดินไปด้วยกัน
ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าจะสุขสันต์ ฉันจะมีเธอข้างกาย
วันเวลาจะนานสักเพียงไหน
เพื่อนฉันคนนี้นั้นไม่มีวันห่าง และไม่มีวันจากไปไหน

ในวันที่ฉันไม่มีใคร
เปิดอ่านข้อความเก่าๆ ช่างมีความหมายจากวันนั้น
คือความห่วงใยที่เธอให้ฉัน
ข้อความเหล่านั้น ที่เธอคอยส่งมา

ให้ฉันได้รับรู้ ให้ฉันนั้นได้มั่นใจ
ไม่มีสิ่งไหนที่จะลึกซึ้งถึงคุณค่า
ผ่านมาจากถ้อยคำนั้น ผ่านมาจากสายตาฉัน
และสิ่งๆนั้นบอกฉันให้รู้ตลอดมา

ฉันและเธอจะเดินไปด้วยกัน
ไม่ว่าจะทุกข์หรือว่าจะสุขสันต์ ฉันจะมีเธอข้างกาย
วันเวลาจะนานสักเพียงไหน เพื่อนฉันคนนี้นั้นไม่มีวันห่าง
และไม่มีวันจากไปไหน.


มีวีดีโอ พอสให้ดูด้วย :b1:
http://video.mthai.com/player.php?id=14M1203416712M0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 16 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร