อ้างคำพูด:
1. อย่างไรเรียกว่า..เป็นผู้กล่าวตู่พระพุทธ พระธรรม?
หมายความว่า อ้างผิดๆ ถูกๆ,
กล่าวสิ่งที่ ตรัส ว่า มิได้ตรัส
กล่าวสิ่งที่ มิได้ตรัส ว่า ได้ตรัสไว้,
พูดให้เคลื่อนคลาดหรือไขว้เขวไปจากพุทธดำรัส,
พูดใส่โทษ, กล่าวข่มขี่, พูดกด เช่น คัดค้านให้เห็นว่า ไม่จริงหรือไม่สำคัญ
อ้างคำพูด:
2. เพราะเหตุอันใด ...จึงทำให้มีผู้กล่าวตู่พระพุทธ พระธรรม?
เพราะ คิดประทุษร้าย มีโทสะภายใน ๑
เพราะ ศรัทธา กล่าวตู่ ด้วยถือเอาความหมายผิด ๑
(ศรัทธาแบบไม่มีปัญญา)
อ้างคำพูด:
3. ลักษณะเช่น ใดจึงจะชี้ชัดเจนไป ว่านี้ แหละ กล่าวตู่พระพุทธ นี้แหละกล่าวตู่ พระธรรม?
กล่าวตู่พุทธพจน์ พุทธดำรัสที่ตรัสไว้.....ได้ชื่อว่ากล่าวตู่พระพุทธ
กล่าวตู่พระธรรมวินัยที่ได้บัญญัติไว้ดีแล้ว.......นี่แหละคือผู้กล่าวตู่พระธรรม
อ้างคำพูด:
4. ผู้กล่าวตู่ พระพุทธ พระธรรม มีโทษหรือ อย่างไร?
คือกล่าวตู่ใส่ร้าย พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ๑๐ ประการดังนี้ คือ
๑. จะมีทุกขเวทนาเกิดขื้น ทันตาเห็น
๒. จะมีทุกขเวทนาอันรุนแรง เช่นเจ็บศีรษะ เจ็บลิ้น เจ็บฟันเกิดโรคสาหัส
๓. ทรัพย์สมบัติที่หามาได้ โดยวิธีใด ๆ จะเสื่อมสูญหมดสิ้นไป
๔. จะมีทุกขเวทนา ถูกตัดมือ ตัดจมูก ตัดหูเป็นต้น
๕. จะเกิดโรคพยาธิอันหนัก จะง่อยเปลี้ยตัวตายเป็นโรคเรือนรักษาไม่หาย
๖. จะเป็นบ้าใบ้ วิกลจริต เสียสติ ไม่สมปฤดี
๗. จะเกิดความฉิบหาย แก่ราชทันฑ์อาชญา ถูกริบทรัพย์อยู่ดี ๆ มีคน
กล่าวหาว่าเป็นโจร มีคนใส่โทษให้ถูกโจรปล้นถูกคนวิจารย์ส่อเสียด
๘. บุตรภรรยา และวงศาคนาญาติที่รักใคร่จะล้มหายตายจากพลัดพรากฉิบหาย
๙. ทรัพย์สมบัติจะกลายเป็นกระดูก เป็นกระเบื้อง เป็นถ่านเพลิง
๑๐. จะเกิดไฟฟ้า ไฟป่าไหม้บ้านเรือน หรือไฟเกิดขี้นมาเองตามธรรมชาติ
ลูกหลานท่านใดได้อ่านข้อความในการกล่าวตูใส่ร้ายพระรัตนตรัยมีโทษ
๑๐ ประการนี้แล้วโปรดได้สำรวมระวัง ด้วยความเป็นห่วงและปรารถนาดี
อ้างคำพูด:
5. เราผู้เป็นอุบาสกอุบาสิกา ที่มีความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ในพระพุทธพระธรรมพระสงฆ์
ควรจะปฎิบัติอย่างไร เมื่อพบปะกับ ผู้กล่าวตู่พระพุทธเจ้า พระธรรม
ควรจะปฎิบัติอย่างไร เมื่อพบปะกับ ผู้กล่าวตู่พระพุทธเจ้า พระธรรม
1.พึงชี้แจงแสดงเหตุผลว่าที่ถูกต้องเป็นอย่างไร
2.พึงแสดงโทษของการกล่าวตู่พระรัตนตรัย
3.พึงนิ่งเฉยเสีย เมื่อไม่ถึงกาล วาระอันเหมาะสม
อ้างคำพูด:
เวลาไปใส่บาตร..จะสังเกตุอย่างไรว่านี้..คือผู้ปลอมเป็นพระ?
ถ้าเรายังไม่มีญาณหยั่งรู้ที่บริสุทธิ์ อันแท้จริงแล้ว ยังเป็นปุถุชนอยู่ ไม่ควรพึงสังเกตุ
ทายโกปิ อนิปฺผโล ความว่า ทานที่ถวายนั้นมุ่งหมายสัตว์ใด จะสำเร็จหรือไม่ก็ตามที
ส่วนทายกก็ไม่อาจจะไร้ผล ทายกย่อมได้ผลแห่งทานนั้นโดยแท้.
"ตำรวจพระ" แนะวิธีสังเกตพระปลอม 7 ข้อ
ตั้งข้อสังเกตเบื้องต้นเกี่ยวกับพระที่ไม่น่าเลื่อมใสไว้ 7 ประการ คือ
1.ย่ามใหญ่ ซึ่งภายในย่ามอาจมีผ้าขนหนู เสื้อผ้า สบู่ ยาสีฟัน อย่างครบคันรวมอยู่ในย่าม
2.จีวรไม่สะอาด เพราะต้องนอนตามสถานีรถไฟ
3.มีบาตรและกลดพระติดตัวในย่านชุมชนเมือง
ซึ่งกิจของพระธุดงค์ต้องเดินห่างจากชุมชนเมือง 25 กม. เป็นการเดินในป่าไม่ใช่ในเมือง
4.นอนมั่วทุกแห่ง
5.แหล่งที่พักไม่แน่นอน
6.สัญจรอยู่ตลอดเวลา
7.อธิฐานพรรษาไม่ถูก ไม่มีใบสุทธิ
อ้างคำพูด:
เมื่อพบผู้ปลอมเป็นพระ อุบาสกอุบาสิกาควรจะปฎิบัติอย่างไร?
ติดต่อ-แจ้งภัย
ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย
วัดราชาธิวาสวิหาร (คณะใต้)
ถนนสามเสน 9 แขวงวชิรพยาบาล
เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทร. ๐๒-๖๖๘-๗๙๘๘ โทรสาร ๐๒-๖๖๘-๘๑๕๓
อ้างคำพูด:
ในเวลานี้ ท่านพบเห็น ผู้ปลอมเป็น พระ มากมายเท่าใด
เห็นพระปลอมทั้งที่นุ่งห่มจีวร และไม่ห่มจีวรมากขึ้นเพราะยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง
พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) ผู้อำนวยการสถาบันวิมุตตยาลัย ระบุว่า... “เพราะภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง คนทำมาหากินลำบาก จึงหาทางเอาตัวรอด บางคนเมื่อเห็นช่องทางในพระพุทธศาสนาจึงแฝงตัวเข้ามา และการกลั่นกรองรับคนเข้ามาบวชก็หละหลวม”
โดยดึงเอาความศรัทธามาแปรเป็นทุน มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ โดยแฝงตัวเข้าเป็นลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระ แอบทำการพุทธพาณิชย์ เช่น สร้างเครื่องรางของขลังต่าง ๆ
อ้างคำพูด:
ระหว่างผู้ปลอมเป็นพระ กับผู้กล่าวตู่พระพุทธ พระธรรม(ในเรื่องหลักๆ) ไหนมีโทษหนัก กว่ากัน?
โทษมากเหมือนกันเพราะผู้ปลอมเป็นพระนั้นไม่ได้หมายถึงต้องนุ่งห่มจีวร โกนหัวอย่างเดียว
แต่พวกที่ไม่ห่มจีวรแต่ทำตัวคล้ายพระนั้นน่ากล่วกว่า
(มือถือสาก ปากถือศีล)
“ลักษณะคนปลอมเป็นพระ คือสอนแปลก ๆ ไม่ตรงหลักพระธรรมวินัย ไม่ตรงพระไตรปิฎก เอาความคิดตัวเองมาปลอมปนในหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่สำรวม พูดจาไม่สุภาพ วางตัวไม่เรียบร้อย แสวงหาผลประโยชน์จากพระพุทธศาสนาโดยไม่รู้สึกละอายใจ”
เหนื่อยแฮะ 
สู้สู้ 