วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 12:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 17:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 16:47
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องมีอยู่ว่า....

มีเพื่อนคนนึงโทรมาขอยืมเงินหลักแสน โดยเอาแม่ตัวเองมาอ้างว่าป่วยหนักถ้าไม่ผ่าตัดอาจตายได้ต้องใช้เงินจำนวนมากรักษา ผมก็เห็นใจทั้งที่รู้จักกันไม่ถึงปี ก็ให้ยืมไป โดยที่ดอกเบี้ยก็ไม่คิดซักบาท ของก็ไม่ต้องเอามามัดจำ ทั้งที่เค้าก็ไปยืมเงินคนอื่นมาอีกเหมือนกันแต่ต้องจ่ายดอกเบี้ย

จนถึงกำหนดว่าจะคืนก็บอกผลัดไปเรื่อย จนวันนึงผมไปหาเค้าที่บ้าน บังเอิญเจอแม่เค้าพอดี เรื่องทุกอย่างจึงกระจ่างขึ้น สรุปว่าเงินที่ยืมไปเอาไปจ่ายหนี้บอล

เลยคุยกับที่บ้านเค้าว่าจะคืนยังไง สุดท้ายก็ตกลงว่าจะผ่อนคืน

แต่แล้วพอถึงกำหนดผ่อนก็เบี้ยวไม่จ่ายอีก

คำถาม......ถ้าผมจ้างคนมาทวงหนี้ให้ แล้วเค้าเกิดบาดเจ็บจากการทวงหนี้ ผมจะบาปมั้ย ???
ผมใจดีเกินไปรึป่าว ???
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ???

ปล. เงินจำนวนหลักแสนที่ยืมไปนี้ ผมต้องทำงานเหนื่อยมากนะคับกว่าจะหามาได้ (ถ้าใครจะบอกให้ปล่อยวาง โปรดคิดซักนิด)

ปล2. ผมมีใบสัญญากู้ยืม แต่กว่าจะให้กฏหมายดำเนินการ ผมก็ต้องจ่ายค่าทำเนียม ค่านู่นนี่นั่นเพิ่มอีก แถมต้องใช้เวลาตัดสินคดีอีกร่วมปี(ผมถามทนายมาคับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


vstar เขียน:
เรื่องมีอยู่ว่า....

มีเพื่อนคนนึงโทรมาขอยืมเงินหลักแสน โดยเอาแม่ตัวเองมาอ้างว่าป่วยหนักถ้าไม่ผ่าตัดอาจตายได้ต้องใช้เงินจำนวนมากรักษา ผมก็เห็นใจทั้งที่รู้จักกันไม่ถึงปี ก็ให้ยืมไป โดยที่ดอกเบี้ยก็ไม่คิดซักบาท ของก็ไม่ต้องเอามามัดจำ ทั้งที่เค้าก็ไปยืมเงินคนอื่นมาอีกเหมือนกันแต่ต้องจ่ายดอกเบี้ย

จนถึงกำหนดว่าจะคืนก็บอกผลัดไปเรื่อย จนวันนึงผมไปหาเค้าที่บ้าน บังเอิญเจอแม่เค้าพอดี เรื่องทุกอย่างจึงกระจ่างขึ้น สรุปว่าเงินที่ยืมไปเอาไปจ่ายหนี้บอล

เลยคุยกับที่บ้านเค้าว่าจะคืนยังไง สุดท้ายก็ตกลงว่าจะผ่อนคืน

แต่แล้วพอถึงกำหนดผ่อนก็เบี้ยวไม่จ่ายอีก

คำถาม......ถ้าผมจ้างคนมาทวงหนี้ให้ แล้วเค้าเกิดบาดเจ็บจากการทวงหนี้ ผมจะบาปมั้ย ???
ผมใจดีเกินไปรึป่าว ???
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ???


ปล. เงินจำนวนหลักแสนที่ยืมไปนี้ ผมต้องทำงานเหนื่อยมากนะคับกว่าจะหามาได้ (ถ้าใครจะบอกให้ปล่อยวาง โปรดคิดซักนิด)

ปล2. ผมมีใบสัญญากู้ยืม แต่กว่าจะให้กฏหมายดำเนินการ ผมก็ต้องจ่ายค่าทำเนียม ค่านู่นนี่นั่นเพิ่มอีก แถมต้องใช้เวลาตัดสินคดีอีกร่วมปี(ผมถามทนายมาคับ)



จ้างทวงหนี้ เกิดพลาดพลั้งทำร้ายเขาบาดเจ็บหรือถึงตาย เงินก็ไม่ได้สักบาทเดียว

ถ้าฟ้องศาลก็เสียเวลาเปล่า ไม่คุ้มเลยค่ะ คุณโดนค่าใช้จ่ายก็อานละ ไหนจะค่าทนาย ค่าวิ่งเต้น ไม่คุ้มเลยค่ะ แถมเกิดคุณชนะคดี แต่เขาขอผ่อนเดือนละ 200 แล้วคุณจะทำยังไงคะ มันมีกรณีแบบนี้จริงๆค่ะ

คือเสียเวลาเปล่าทั้ง 2 ทาง ลองคุยกันใหม่ดีกว่าไม๊คะ ว่าเขาพอจะใช้เราได้เท่าไหร่ ก็เอาเท่าที่ได้ไปก่อน ได้มั่ง ไม่ได้มั่ง ดีกว่าไม่ได้เลย

เขาคงยังไม่มีน่ะค่ะ หรือไม่ก็มี แต่เอาไปใช้อย่างอื่นหมด ก็เสียดายค่ะ ... เข้าใจค่ะ กว่าเราจะทำงานหาเงินได้

ถ้าจะเอาทางโลก ก็อย่างที่บอกน่ะค่ะ คุยกับเขาใหม่ ใจเย็นๆค่ะ ถามเขาว่า เขาพอจะให้เราได้เท่าไหร่

ส่วนทางธรรม คุณก็ต้องทำแบบหลวงพ่อจรัญ ท่านให้หมั่นสวดมนต์ภาวนา แล้วแผ่เมตตา ขอให้คนที่เอาเงินเราไปนั้น จงมีความสุข ก็เคยมีคนที่ใช้วิธีนี้แล้วได้ผล จากที่คิดจะฆ่า เงินหลายร้านค่ะ เพื่อนสนิทกันด้วย ดีที่ว่ากุศลยังมี ยังไม่ทันจะไปฆ่าเขา ทั้งเถ้าแก่และเมีย ทำตามที่หลวงพ่อจรัญบอก แรกๆก็ยังทำไม่ได้หรอกค่ะ ฝืนใจไปก่อน เพราะการที่เราจะอวยพรให้คนที่โกงเรานั้นให้เขามีความสุข มันจะทำได้ยากค่ะ แต่ต่อมาเขาก็ทำได้ ตอนหลังเพื่อนเขาก็ตั้งตัวใหม่ได้ ร่ำรวยขึ้น แล้วใช้หนี้ทั้งหมดที่ติดกันอยู่ แถมดอกเบี้ยให้อีก แต่เถ้าแก่ไม่เอา สุดท้าย คือ สองครอบครัวนี้ เขากลับมาช่วยดูแลกัน

ดิฉันสนับสนุนให้ลองทำทั้ง 2 วิธีค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 18:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 16:47
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอถามคุณ walaiporn นอกเรื่องนิดนึงนะคับ

ถ้าคุณรู้ว่ามีแม่ของเพื่อนคุณกำลังจะตาย แต่เงินของคุณสามารถช่วยชิวิตแม่เค้าได้ คุณจะให้เค้ายืมมั้ย ซึ่งเงินจำนวนนี้คุณก็จำเป็นต้องใช้ พูดง่ายๆก็คือไม่ใช่เงินเย็น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 18:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


vstar เขียน:
ขอถามคุณ walaiporn นอกเรื่องนิดนึงนะคับ

http://www.xn--42cg3dm7ac6h8d.com/video ... bp0Np39Zso



โห ... คำถามค่อนข้างบอกไม่ถูกเลย อันนี้ สมมุตตินะคะ เพราะดิฉันเองก็ไม่ใช่คนที่เจอเหตุการณ์ เราอาจจะทำไม่เหมือนกัน

ถ้าแม่ของเพื่อนกำลังจะตาย เอ่อ ... ขอโทษนะคะ บอกตามตรงว่า ดิฉันไม่ค่อยจะให้ใครยืมเงินง่ายๆ ยิ่งถ้าเพื่อนโทรฯมาแบบนี้ด้วย ต่อให้เพื่อนสนิทด้วย ต้องไปดูก่อนค่ะ ว่าอยู่ร.พ.จริงหรือไม่ ป่วยด้วยโรคอะไร แล้วแพทย์วินิจฉัยว่ายังไง เข้าคั้นโคม่าแล้วหรือว่า ยังพอช่วยชีวิตได้

คือ คุณค่อนข้างเป็นคนไว้ใจเพื่อนน่ะค่ะ ส่วนดิฉันทำงานอยู่กับคนหมู่เยอะ คือ หลากหลายอาชีพที่เห็น แล้วเห็นพฤติกรรมของแต่ละคน เลยไม่ค่อยจะให้ใครยืมเงินง่ายๆหรอกค่ะ ขนาดขอทานมาขอตังค์ ยังไม่ให้เลย แต่จะถามเขาว่า กินข้าวแล้วหรือยัง ถ้ายัง ก็พาเขาไปกิน จะกินเท่าไหร่ก็ไม่ว่า ให้เขากินจนอิ่ม เพราะถ้าเราให้ตังค์เขา เท่ากับเราไปสนับสนุนให้เขาประกอบอาชีพขอทานค่ะ เคยไหมละคะ เลี้ยงข้าวขอทานมื้อเดียวเกือบ 300 บาทน่ะค่ะ

ขนาดคนมาขอยืมเงินค่าเทอมลูก ดิฉันยังไม่ให้เลยค่ะ แต่ไปที่โรงเรียนของลูกเขาเลย ไปจ่ายให้ที่โรงเรียน ไม่เคยให้เงินไปจ่ายเอง


ถ้าคุณรู้ว่ามีแม่ของเพื่อนคุณกำลังจะตาย แต่เงินของคุณสามารถช่วยชิวิตแม่เค้าได้ คุณจะให้เค้ายืมมั้ย ซึ่งเงินจำนวนนี้คุณก็จำเป็นต้องใช้ พูดง่ายๆก็คือไม่ใช่เงินเย็น

ก็เงินนี้มันจำเป็นนี่ค่ะ ไม่ว่าจะเงินร้อนหรือไม่ร้อน อย่างที่บอกน่ะแหละค่ะ ต้องไปดูให้เห็นกับตาจริงๆ ถ้าอยู่ร.พ.จริง แล้วแพทย์ยืนยันว่า สามาถช่วยชีวิตได้ ให้ยืมค่ะ ถึงแม้ว่าจะเป็นเงินร้อนก็ตาม แบบว่า ถึงแม้ว่าเราจะจำเป็นมากก็ตาม แต่ชีวิตของคน ถ้าช่วยได้ ต้องช่วยไว้ก่อน ส่วนเงิน เดี๋ยวค่อยกลับมาจัดการที่หลังว่าควรจะทำอย่างไรน่ะค่ะ

อันนี้เป็นวิธีที่ดิฉันใช้อยู่น่ะค่ะ แต่คำตอบไม่ทราบว่าจะถูกใจคุณหรือเปล่า

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 20:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b39: ดูแล้วผมว่าคงไม่น่าจะได้ขึ้น ได้คืนยาก เพราะกรณีที่เกิดขึ้นก้เคยเกิดกับตัวผม ทำตามที่ K.walaiporn แนะนำจะดีกว่าครับ คิดว่ายกเงินแสนให้เขาไป แล้วไม่หวังจะได้เงินที่เขามาหลอกเอาจากเราไปเล่นบอล สวดมนต์ให้เปนประจำทุกวันแล้วขอให้เขามีความสุขเสียและให้เขาเลิกเล่นบอลเร็วๆ ขอให้มีความสุขความรุ่งเรืองในชีวิต (ซึ่งทำได้ยากมากๆๆ ในกรณีของลุกศิษย์หลวงพ่อจรัญที่k.walaiporn ยกตัวอย่างมานั้น เขาใช้วิธีปลงให้ตกเรื่องเงินเสียก่อนจนไม่โกรธและไม่พยาบาทคนที่มายืมเงินเรา ให้คิดเสียว่าเราเคยยืมเงินเขามาในอดีต มาชาตินี้เค้ามายืมของเราคืน ถ้าเป็นของเขาเราจะไม่ได้คืน แต่ถ้าไม่ใช่ของเขาเราก็มีโอกาสจะได้คืนอยู่บ้าง) :b41:

แล้วใช้การสวดมนต์ทำบุญเรื่อยๆจนจิตบริสุทธิ์เป็นกุศลมากๆ แล้วแผ่เมตตาให้คนที่ยืมเรื่อยๆไป คุณเจ้าของกระทู้คุณคิดว่าจะพอทำได้ไหม ต้องตัดความเกลียวความโกรธอาฆาตออกจากใจเสียให้หมดเสียก่อน แล้วทำจิตให้สงบเปนสมาธิไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าหากไม่เงินแสนคืน ก็จะสามารถหาเงินเก็บเงินได้เรื่อยๆจนใกล้เคียงเงินแสนที่เค้ายืมไป หรืออาจจะหาได้มากกว่าก็เป็นได้ ให้มีสติแล้วพักโทสะไว้ก่อน
ความโกรธช่วยอะไรไม่ได้เลยสักนิด หากจ้างคนไปทำร้ายเขาคุณกะเขาจะต้องเป็นลูกหนี้นายหนี้ไปทุกภพทุกชาติไม่สิ้นสุด ให้หยุดแค่ชาตินี้จะดีกว่านะครับ
:b39: :b40: :b39:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 21:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


vstar เขียน:
คำถาม......ถ้าผมจ้างคนมาทวงหนี้ให้ แล้วเค้าเกิดบาดเจ็บจากการทวงหนี้ ผมจะบาปมั้ย ???
ผมใจดีเกินไปรึป่าว ???
ถ้าเป็นคุณ คุณจะทำยังไง ???

ปล. เงินจำนวนหลักแสนที่ยืมไปนี้ ผมต้องทำงานเหนื่อยมากนะคับกว่าจะหามาได้ (ถ้าใครจะบอกให้ปล่อยวาง โปรดคิดซักนิด)

ปล2. ผมมีใบสัญญากู้ยืม แต่กว่าจะให้กฏหมายดำเนินการ ผมก็ต้องจ่ายค่าทำเนียม ค่านู่นนี่นั่นเพิ่มอีก แถมต้องใช้เวลาตัดสินคดีอีกร่วมปี(ผมถามทนายมาคับ)


ตอบ1 ถ้าจ้างคนทวงแล้วทำเขาบาทเจ็บบาปรึป่าวอยู่ที่ใจของท่าน แต่ผิดกฏหมายครับ
2 ท่านเป็นคนมีจิตใจดีมากครับ
3 ในเรื่องไหนล่ะครับ....ถ้าเรื่องทวงหนี้ กระผมคงจะใช้วิธีการช่วยเขาหาทางออก หรือแนะนำอาชีพที่สุจริตให้เขา และคอยช่วยเหลือสนับสนุนให้เขาสามารถกลับมาหากินได้อย่างมีศักดิ์ศรี(ที่คิดเช่นนี้เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนกันครับ).......ถ้าเป็นเรื่องให้ยืมเงิน ถ้าหากกระผมมีเหลือและไม่ได้เดือดร้อน(ไม่มีจะกินหรือทำให้ครอบครับประสบปัญหา)ก็ให้ยืมแน่นอนเลยครับ(เพราะเป็นเพื่อนกันอีกนั่นแหละ)

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 22:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ม.ค. 2009, 05:48
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาตแนะนำ เท่าที่ได้ฟังเรื่องมาแสดงว่าคนคนนี้ตั้งใจจะหลอกเอาเงิน คนที่มีจิตใจไม่ดีต้องถูกลงโทษ แต่ต้องตั้งสติให้ดี คนทุกคนต้องมีจุดอ่อน การที่คุณให้เขายืมเงินจำนวนมาก แสดงว่าต้องเชื่อใจเขา ลองคิดหาจุดอ่อนของเขาให้ได้ แล้วค่อยจัดการ ขอให้โชคดี ความผิดบางเรื่อง ขอโทษให้ อภัยได้ ความผิดบางเรื่องสามารถชดใช้ความเสียหายได้ แต่ความผิดบางเรื่องยากที่จะให้อภัยต้องจัดการขั้นเด็ดขาด เขาคนนั้นจะได้ไม่ไปสร้างเวรให้คนอื่นอีก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 23:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ม.ค. 2009, 23:27
โพสต์: 23

ที่อยู่: อุดรธานี

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าเห็นใจจัง :b7: ก็ไม่ค่อยรู้เรื่องพวกนี้หรอกนะคะแต่ว่าอยากช่วยคิดค่ะ
เรื่องนี้ถ้าเป็นคดีนี่สามารถยอมความกันได้มั้ยคะ หมายถึงว่าไปตกลงกันที่โรงพักว่าจะเอายังไง ฝ่ายนั้นเค้าจะยอมชดใช้คืนให้เราแบบไหน แล้วถ้าเค้าเบี้ยวจะเอายังไง แบบนี้เค้าคงไม่กล้าเบี้ยว เพราะถ้าเค้าเบี้ยวเค้าก็แพ้คดี แล้วถ้าเค้าแพ้คดีเราจะเรียกร้องให้เค้าจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ได้เหรอคะ แล้วอีกอย่างถึงมันจะใช้เวลานาน แต่ก็ดีกว่าไม่ได้คืนเลยนะ :b6:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 03:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีสิทธิทางกฏหมายอะไรก้ทำๆไปก่อน
ถ้าทำอะไรไม่ได้แล้ว ก็คงต้องยกให้มันไปเถอะครับ

ถ้าคุณทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ดี ที่คิดๆอยู่
ผมบอกได้เลยว่ามันจะยุ่งเหยิงไปกว่านี้อีกมาก คราวนี้มันไม่ใช่แค่เสียเงินแสนนะ

มันจะเสียมากกว่าเดิม ใจก็เสีย เผลอๆอิสระภาพก็เสีย งานก็เสีย อนาคตก็เสีย
ถ้าไปตีรันฟันแทงเขา แล้วมันผูกใจเจ็บ ก้ตีรันฟันแทงกันไม่จบ เจ็บตัวอีก
คิดๆดูแล้วมันมากกว่าเงินแสนอีก

ลองนึกถึงตอนก่อนหน้านั้น ตอนก่อนจะให้เงินเขา และตอนให้เงินเขา
จิตดังนั้นแหละมหากุศล ปราถนาให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์
มีความรู้สึกเมตตา เมตตาแล้วก็กรุณาให้เงินเขาไป
แต่เมื่อให้ไปแล้ว แล้วพบภายหลังว่าถูกหลอก
จากสิง่ที่เรียกว่าเมตตา กรุณา ก็พลิกกลับกลายเป้นโทสะ โมหะ โลภะ
เพราะคุณขาดสิ่งที่เรียกว่าอุเบกขา
เมตตา กรุณา มุทิตา แล้วต้องอุเบกขา ไม่งั้นจะเดือดร้อน

การที่เราไม่สามารถมองเห้นใจตัวเองว่าเป้นอย่างไรอยู่ เมตตากลายเป็นโทสะก็ยังไม่รู้ตัว
ก็เรียกว่าขาดสติ ต้องหัดเจริญสติให้เห็นว่าเรามีใจอย่างไร และจะต้องบริหารจัดการอย่างไร


ทิ้งเงินแสนตอนนี้ ทิ้งแล้วก็จบง่าย ไม่เปลืองอะไรเพิ่มอีก
ถ้าทำๆอย่างที่คิดๆ มันจะไม่จบง่าย ตีเขาแล้วก็แค่สะใจ
คนมันไม่มีเงิน กรีดเนื้อควักหัวใจมันออกมามันก็ไม่เป็นเงินขึ้นมาได้หรอกครับคุณ

ตอนนี้ก็ได้บทเรียนแล้วก็หัดคบมิตร เลือกมิตร จะได้ไม่เดือดร้อน


ถามกับเว็บธรรมะ คนใฝ่ธรรมะ ก็ได้คำตอบแบบนี้ล่ะครับ
เวลาโกรธจัดก็หัดสังเกตุดูจิตใจตัวเอง
ลองฟังหลวงพ่อที่ผมนับถือสักแผ่นดูนะครับ แผ่นไหนก็ได้ ไม่รู้เรื่องก็ฟังเล่นๆไป
แล้วจะค่อยรู้เรื่องเองในภายหลัง

http://www.wimutti.net/pramote/mp.php


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ก.พ. 2009, 00:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องความกรุณานั้น ต้องประกอบการพิจารณาทุกครั้งไป ต้องใช้ปัญญามาก หาไม่แล้ว จะเป็นการทำบุญแล้วได้บาปเสมอ...
ทำบุญแล้วได้บาป เป็นไฉน?
ก็บางคนในโลกนี้ มีจิตคิดกรุณา ช่วยเหลือผู้อื่น หากแต่เพราะขาดการใส่ใจ ไม่ได้พิจารณาถึงบุคคลว่าควรที่จะกรุณาไหม?... หรือโอกาสอย่างนั้นสมควรไหม ?...หรือเวลาอย่างนั้น เรื่องอย่างนั้นสมควรไหม ?...หลายๆองค์ประกอบ...ดังนั้น หลังจากกรุณาไปแล้ว จิตก็ตกไปในโทสะเป็นอันมาก เช่นเดียวกับกรณีของท่านผู้ถาม ดังนั้น กลายเป็นว่า ทำบุญแต่ได้บาป เพราะไม่ได้ใช้ปัญญาพิจารณาให้ดีเสียก่อนชื่อว่า ขาดทุน

กรรมเก่าส่งผลได้ แต่เพราะอาศัย การขาดการพิจารณาให้ดี เป็นปัจจัยอย่างมากแก่กรรมไม่ดีที่จะมาส่งผล ที่จะได้พบได้เจอคนไร้สัจจะ หรือคนจอมเบี้ยว
ดังนั้น ท่านผู้ถามต้องเร่งอุเบกขาต่อเรื่องนี้โดยเร็วว่า เราคงจะเคยกระทำกรรมไม่ดีอย่างนี้มาก่อนนั่นแหละ หากเขาไม่คืนก็ถือว่าเราใช้หนี้กรรมไปแล้ว.... คนเบี้ยวหนี้ ก็พึงต้องไปรับผลไม่ดีต่อไป เขาได้สร้างหนี้ใหม่ขึ้นอีกแล้ว
ต่อไปนี้ การที่จะกรุณาใครๆ เราจะพึงกระทำความสำคัญในใจว่า ควรเป็นความกรุณาที่ประกอบปัญญา มิฉะนั้น ใจเราจะตกไปกับความไม่สบายใจ เสียใจได้อย่างนี้ เราจะระมัดระวังให้ยิ่ง เอาผิดเป็นครู...
เราเสียทรัพย์นั้นยังไม่พอ แต่เรากลับต้องเสียจิตใจที่ดีงามไปอีกด้วย ...ช่างไม่ควรเลย.... ตรงนี้เป็นการสร้างหนี้ใหม่ของเรา ที่เรายังจะต้องรับผลต่อไปข้างหน้าอีกไม่รู้จบ .... เราจะพึงเว้น ณ บัดนี้
หากท่านพิจารณาแล้ววางใจอย่างนี้ ชื่อว่า บุญประกอบปัญญาเกิดขึ้นแทนอกุศลโทสะแล้ว คราวนี้ อกุศล เป็นปัจจัยแก่กุศลแล้ว ....ตรงนี้ ชื่อว่า ได้กำไร

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 14:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 16:47
โพสต์: 3


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณทุกคนๆที่เข้ามาแนะนำนะครับ

ส่วนตัวผมชอบคำสอนนี้ของคุณคามินธรรมมากเลย
"ลองนึกถึงตอนก่อนหน้านั้น ตอนก่อนจะให้เงินเขา และตอนให้เงินเขา
จิตดังนั้นแหละมหากุศล ปราถนาให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์
มีความรู้สึกเมตตา เมตตาแล้วก็กรุณาให้เงินเขาไป
แต่เมื่อให้ไปแล้ว แล้วพบภายหลังว่าถูกหลอก
จากสิง่ที่เรียกว่าเมตตา กรุณา ก็พลิกกลับกลายเป้นโทสะ โมหะ โลภะ"


แต่ก็มีอะไรจะพูดเพิ่มเติมนิดนึงครับ
คือว่า ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเค้าเลยซักนิด แต่ผมอยากได้เงินผมคืน เท่านั้นเอง ไม่รู้ทุกท่านจะเข้าใจอารมณ์นี้รึป่าว "ไม่ได้โกรธ ไม่มีโทสะ ไม่ได้อยากทำร้าย แต่ต้องการหาวิธีนำเงินของเราคืนมา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.พ. 2009, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


vstar เขียน:
ขอบคุณทุกคนๆที่เข้ามาแนะนำนะครับ

ส่วนตัวผมชอบคำสอนนี้ของคุณคามินธรรมมากเลย
"ลองนึกถึงตอนก่อนหน้านั้น ตอนก่อนจะให้เงินเขา และตอนให้เงินเขา
จิตดังนั้นแหละมหากุศล ปราถนาให้ผู้อื่นพ้นจากทุกข์
มีความรู้สึกเมตตา เมตตาแล้วก็กรุณาให้เงินเขาไป
แต่เมื่อให้ไปแล้ว แล้วพบภายหลังว่าถูกหลอก
จากสิง่ที่เรียกว่าเมตตา กรุณา ก็พลิกกลับกลายเป้นโทสะ โมหะ โลภะ"


แต่ก็มีอะไรจะพูดเพิ่มเติมนิดนึงครับ
คือว่า ผมไม่ได้รู้สึกโกรธเค้าเลยซักนิด แต่ผมอยากได้เงินผมคืน เท่านั้นเอง ไม่รู้ทุกท่านจะเข้าใจอารมณ์นี้รึป่าว "ไม่ได้โกรธ ไม่มีโทสะ ไม่ได้อยากทำร้าย แต่ต้องการหาวิธีนำเงินของเราคืนมา"



สวัสดีค่ะคุณ vstar

คือ ... เข้าใจในความรู้สึกของคุณค่ะ ไม่ใช่ไม่เข้าใจ เข้าใจในสิ่งที่คุณบอกมาทั้งหมด คือ มันพลาดไปแล้ว ไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ...

ก็มีอยู่แค่ 2 ทางที่บอกคุณไป มีให้เลือก 2 ทาง คือ ทางโลกกับทางธรรม

ทางโลกก็บอกไปแล้วว่า ลองคุยกับเขาดูใหม่ ใจเย็นๆ อย่าไปใส่อารมณ์กับเขา ค่อยๆพูดกับเขา บอกกับเขาว่า เราก็เข้าใจในความรู้สึกของเขา ถ้าเขาไม่เดือดร้อนจริงๆ เขาคงไม่ทำแบบนี้ แต่ตอนนี้คุณเองก็กำลังเดือดร้อน เขาพอจะช่วยคุณได้ไหม ช่วยทะยอยเอาเงินที่เอาไปนั้นมาใช้คืนคุณ คือ คุณต้องเป็นฝ่ายขอร้องเขาน่ะค่ะ อย่าไปข่มขู่หรือพูดจาส่งเสียงดังใส่เขา

ส่วนทางธรรมก็บอกไปแล้วว่าควรทำอย่างไร

แล้วแต่คุณจะตัดสินใจค่ะ

เพราะถ้าจะบอกกับคุณว่า คุณอาจจะเคยโกงใครมาก่อน คุณก็เลยโดนโกงกลับ คุณอาจจะบอกว่า คุณไม่เคยโกงใคร มันก็เรื่องยาวอีก หรือ คุณอาจจะบอกว่า ก็คุณไม่ใช่ผมนี่ คุณจะพูดยังไงก็ได้ ...

ขอเอาใจช่วยค่ะ เข้าใจความรู้สึกของคุณค่ะ ไม่ใช่พูดเพื่อเอาใจนะคะ คุณกับดิฉันเองก็ไม่เคยรู้จักกัน คิดเสียว่า เรามาปรับทุกข์ผูกมิตรกันดีกว่าไหมคะ บางทีการได้ระบายความรู้สึกออกมา อย่างน้อย ทำให้คุณอาจจะลืมเรื่องที่คุณกำลังขบคิดไปชั่วขณะหนึ่ง

เมื่อได้ระบายออกมา ใจก็สบายขึ้นในระดับหนึ่ง เมื่อใจสบายขึ้นในระดับ คุณก็เริ่มจะมีสติมากขึ้น เมื่อมีสติรู้ตัวมากขึ้น อะไรๆที่มันคิดอาจจะคิดไม่ค่อยออก อาจจะคิดออกก็ได้ค่ะ แล้วต่อไปมันก็จะดีขึ้นค่ะ

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 57 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร