ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=20711 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 21 ก.พ. 2009, 18:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
อ้างคำพูด: เราพอจะรู้แล้วนะว่าเราน่าจะปฏิบัติผิดตรงที่:b48: ตรงที่เรามีเวลาน้อยในตอนเช้าค่ะ ไม่ผิดหรอกครับ ![]() ตัวอย่างเช่น หายใจเข้าพุท หายใจออก โธ เห็นไหมครับ เวลานิดเดียว ไม่เห็นผิดเลย หรือเป็น พองหนอ ยุบหนอ นี่ก็ลมเข้าลมออกเหมือนกัน เวลานิดเดียว ไม่เห็นผิดตรงไหนเลย คุณ O.wan ไม่พึงนำเวลามาเป็นเครื่องบีบคั้นจิตใจตนเองครับ เป็นทุกข์เปล่าๆ เป็นปลิโพธเปล่าๆ ยินดีพอใจเท่าที่ทำได้ อยู่เป็นสุขทุกลมหายใจครับ อ้างคำพูด: คือเราจะเริ่มด้วยสวดมนต์ หลายบทมากๆเลยจะใช้ เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมง แล้วก็จะนั่งสมาธิ อีก 20 นาที จะเดินจงกรมอีก 15นาที เสร็จแล้วแผ่เมตตาอีก คือเราคิดว่าต้องทำให้ครบชุดแบบนี้น่ะค่ะ บางวันเวลาน้อยก็จะกังวล เดี๋ยวไม่ทัน เลยพาลให้ใจกระสับกระส่ายไม่สงบ รีบด้วย..... พอช่วงเย็น เราก็จะทำเหมือนตอนเช้า แต่ลดบทสวดมนต์ มาสวดอิติปิโสเท่าอายุ+1 แทน บางวันรู้สึกเหนื่อยมาก แต่ก็ฝืนทำให้ได้ กลัวทำไม่ถูกแล้วไม่ได้บุญน่ะค่ะ คุณเหมือนคนกระหายธรรม ![]() ใครว่าบทไหนดีรับมาทำหมด คล้ายคนเป็นโรคบางอย่าง ใครบอกยาอะไรดี กินหมด ใครบอกหมอไหนดีไปหาทุกหนทุกแห่ง แล้วหมอแต่ละคนๆ ก็มียาคนละขนานๆ เราจึงกินยาทุกขนาน ของทุกๆหมอ ครั้นจะเว้นไม่กินบ้างก็ไม่สบายใจ สุดท้ายกลายเป็นโรคที่เกิดจากยา อาการของคุณนี้เหมือนโรคที่เกิดจากธรรม (ดี) (เลยพาลให้ใจกระสับกระส่ายไม่สงบ รีบด้วย) กำลังกระหายจึงรับมากินเอาๆซดเอาๆ ผลสุดท้ายอย่างที่บอก ![]() ธรรมโอสถ กินบ่อยๆ วันละเล็กละน้อย ค่อยๆกิน รู้จักคิดคิดดีคิดเป็นคิดถูกวิธีคิดเร้ากุศลวันละเล็กละน้อย ใจได้กินยาทางศาสนาแล้ว คุณจะได้บทสวดมาจากวัดไหนอาจารย์ใดมามากมายก่ายกองก็ตาม ให้หมุนเวียนสวดเท่าที่เวลาเรามี จึงจะเกิดประโยชน์ เกิดความอิ่มใจ สวดมากแต่เร่งรีบให้จบๆ กลัวไปทำงานสาย ฯลฯ สู้ตั้ง นะโม ๓ จบก็ไม่ได้ ขณะใดกุศลจิตเกิดนั่นแหละบุญแล้ว ตั้งนะโม ๓ จบ สบายๆ แล้วไปทำงาน ได้บุญแล้ว เทียบกับนั่งสวดมนต์เพื่อจะให้ครบสูตรที่ได้มา เร่งสวดจนควันออกหู เวลาก็ไล่เข้ามา โอย...เหนื่อยจบพอดี รีบกระวีกระวาดไปทำงาน รีบจนลืมนั่นลืมนี่อีก อย่านี้ไม่ได้บุญ อ้างคำพูด: เราก็สงสัยนะคะ ตอนเราไปปฏิบัติธรรม 7 วัน พอพักเที่ยงเข้ามา พระอาจารย์ก็จะให้เดินจงกรม 10 นาที แล้วต่อด้วยนั่งสมาธิ 20 นาที แต่ไม่เห็นมีสวดมนต์เลย จะมีก็แค่สวดมนต์เช้า-เย็น แบบนี้ถ้าเราแบ่งเวลาเป็นสวดมนต์ 10-นั่ง10-เดิน10 ก็คงน่าจะใช้ได้มังคะ ใช้ได้ครับ มีเวลาแค่ไหนก็แค่นั้น อ้างคำพูด: รู้สึก อายท่านผู้อ่านเจอโพสต์นี้จังค่ะ แบบว่าเรานี่ช่างไม่รู้อะไรเลย มาถามเรื่องนี้ มันอาจดูน่า...แต่สำหรับคนไม่รู้ มันก็ไม่รู้จริงๆนะคะ คุณจะอายใครครับ ก็เราไม่รู้จึงถาม แล้วใครๆที่ว่า เค้าไม่เห็นหน้าเราสะหน่อย ถึงเห็นหน้าก็ถามได้ บางคนกรวดน้ำยังถามเลยว่าเขาว่ายังไง ![]() อ้างคำพูด: ขอถามนะคะ คือ การสวดมนต์นี่ เราสลับสวดในแต่ละวัน แต่ละบทก็ได้ใช่ไหมคะ ได้ครับ ตอบไว้ข้างบนชัดแล้ว อ้างคำพูด: คือเราอ่านหนังสือบทสวดต่างๆ ก็จะเหมือนกับบุญที่จะได้รับจะมีความหมายไม่เหมือนกัน เช่น บทพาหุง ...ก็จะสติสัมปชัญญะดี เจริญรุ่งเรือง..... บทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก....ก็จะเป็นมหากุศลยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน อนาคต ถึงลูกหลาน บุญมีความหมายในทางธรรม “ความสุขใจ” “เครื่องชำระขันธสันดานให้บริสุทธิ์” ฯลฯ คุณค่อยๆ ทำความเข้าใจที่ลิงค์นี้ครับ http://www.dhammajak.net/board/viewtopi ... c&start=20 หนังสือเล่มนั้นใครเขียนบอกไว้ครับ ว่าสวดพาหุง แล้วสติปัญญาดี เจริญรุ่งเรือง สวดบทยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก....ก็จะเป็นมหากุศลยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน อนาคต ถึงลูกหลาน ประเด็นนี้ หากพูดในแง่ให้เกิดกำลังใจเกิดขยันหมั่นเพียรพยายามสวดเพื่อให้จิตเกาะเกี่ยวอยู่กับบทสวดนั้นๆ แล้วจิตจะสงบเกิดสมาธิ ไม่ฟุ้งซ่าน เมื่อเกิดสมาธิแล้วปัญญาก็เกิดตามสมควร อย่างนี้เป็นไปได้ เป็นเหตุเป็นผลกัน แต่ผลบางอย่างพูดล้ำเกินพุทธศาสตร์ไปครับ ไม่ประกอบด้วยเหตุผล ขาดเหตุปัจจัยสัมพันธ์ อ้างคำพูด: แล้วแบบนี้เราควรสวดบทอะไรล่ะคะ จะได้บุญแบบหมดเลยน่ะค่ะ สวดบทไหนก็ได้ ที่สวดแล้วจิตไม่ฟุ้งซ่าน เกิดสมาธิจิต กุศลจิตเกิดแล้ว กุศลเกิดก็ได้บุญแล้ว ก็บทนั้นแหละครับ ![]() อ้างคำพูด: แล้วเวลาที่จะเดินจงกรม+นั่งสมาธิ แบบแค่ตั้งนะโม 3 ครั้งได้ไม๊คะ ไม่ต้องสวดมนต์ ได้ครับ วิธีฝึกจิตแบบนี้ ทำได้ทุกที่ทุกเวลา เว้นเวลานอนหลับครับ ![]() อ้างคำพูด: แล้วหลังนั่งสมาธิเสร็จ ต้องกรวดน้ำ+แผ่เมตตาทุกครั้งไม๊คะ ในตำราไม่มีเขียนบทบังคับไว้ครับ จึงเป็นอิสระของเราเอง อ้างคำพูด: เพราะเราสวดมนต์ในตอนเช้า+กรวดน้ำ+แผ่เตตาแล้ว พอตอนเย็นก็แค่เดินจงกรม+นั่งสมาธิแค่นี้ได้ไม๊คะ ได้ครับ สาธุ ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 21 ก.พ. 2009, 18:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
![]() ![]() สมองก็เลยจำ ![]() ฝึกปฏิบัติ แล้วจะส่งผลงานให้ทราบนะคะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | แทนขวัญ [ 21 ก.พ. 2009, 22:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
อ้างคำพูด: รู้สึก อายท่านผู้อ่านเจอโพสต์นี้จังค่ะ แบบว่าเรานี่ช่างไม่รู้อะไรเลย มาถามเรื่องนี้ มันอาจดูน่า...แต่สำหรับคนไม่รู้ มันก็ไม่รู้จริงๆนะคะ ไม่ต้องอายหรอกค่ะ ที่คุณO.wan ถามๆมา แทนขวัญก็ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่อายเลยสงสัยจะด้าน คิคิ ![]() แต่บ้างครั้งก็มีเหนียมๆบ้างค่ะแบบไม่รู้จริงๆ จะถามก็ยังเรียบเรียงไม่ถูก ![]() คุณO.wan ถามมาแทนขวัญก็ได้ความรู้ไปด้วยค่ะ ![]() ![]() ยิ่งอ่านเรื่องสวดมนต์ที่คุณกรัชกายตอบมาแล้ว แทนขวัญก็โล่งใจเช่นกันค่ะ แทนขวัญเป็นตรงข้ามกับคุณO.wanค่ะ เพราะสวดมนต์ได้น้อยมาก ที่สวดน้อยไม่ใช่เพราะไม่มีเวลาแต่สวดไม่เป็นค่ะ ![]() เมื่อก่อนตอนเป็นเด็กสวดได้แต่นะโม3จบตามที่พ่อแม่สอนให้ท่อง เข้าโรงเรียนก็เรียนโรงเรียนคริสมีสวดมนต์เหมือนกันค่ะแต่สวดแบบคริส โตมาอีกหน่อยก็ย้ายมาอยู่โรงเรียนพุทธ ที่นี่ทุกวันศุกร์จะมีสวดมนต์หมู่ทำนองสรภัณญะด้วยช่วงบ่ายๆก่อนกลับบ้าน สวดในโรงอาหารทั้งโรงเรียน มาใหม่ๆก็นั่งเป็นใบ้ค่ะ แต่เห็นเพื่อนสวดกันก็อยากทำได้บ้าง คุณแม่เลยซื้อหนังสือสวดมนต์สำหรับนักเรียนเล่มเล็กๆให้เล่มนึง เวลาเค้าสวดกันก็จะพกไปอ่านตาม หลังๆก็พอได้ขึ้นมาบ้างไม่ต้องเปิดหนังสือ แต่พอโตๆมาอีกไม่ได้สวดมันก็ลืมๆไป ตอนนี้กลับมาสวดใหม่ที่จำได้ตอนนี้ก็สวด นะโม3จบ สวดอรหังสัมมา ,อิติปิโส ,พุทธังสะระนังคัจฉามิ.... แล้วก็บทแผ่เมตตา ได้เท่านี้เองค่ะ แหะๆ ถ้าจะสวดบทอื่นก็จะต้องเปิดหนังสือสวด แต่มักจะขี้เกียจค่ะ ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 22 ก.พ. 2009, 00:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
สมาธิเกิดเร็ว แปลว่า บุญหนัก และเคยภาวนามาแต่เก่าก่อน มาชาตินี้เลยทำได้ไว ความสามารถในการภาวนานี้มันสั่งสมมาแต่ชาติที่แล้วๆมา พวกคนที่เกิดมาอัจฉริยะตั้งแต่เด็กๆ เช่นเล่นเปียโนได้ตั้งแต่สองขวบ โดยไม่มีใครสอน และไม่มีญาติสอน กลับเล่นเพลงยากๆได้ นี่ก้คือความทรงจำที่จิตมันเก้บเอาไว้มาแต่เ่ก่า หรือเช่นอุปนิสัยที่เด็ดเดี่ยวของพระพุทธเจ้าในการตัดสินใจต่างๆ ก็ได้มาจากการบำเพ็ญในชาติพระเวสสันดร เช่นความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวในการออกบวช ทิ้งทุกอย่างได้ หรือตอนที่มีกล้าเด็ดเดี่ยวมในการบำเพ็ญทุกรกริยาจนแทบเอาชีวิตไม่รอด หรือความเด็ดเดี่ยวที่ที่ทรงบอกตัวเองว่า เราจะนั่งลงค้นหาสัจธรรมให้พบ แม้ว่ากระดูกเราจะป่นเป้นผง เราก้จะไม่ลุกขั้น ฯลฯ ก็เพราะท่านมีบารมี มีกำลังบารมีจากชาติที่เป้นพระเวสสันดร เป้นต้น ความเด็ดเดี่ยวใจเด็ดอันนี้มันก็อยู่ในจิตของท่าน เป้นกำลังบารมีของท่านที่สะสมข้ามภพข้ามชาติ หรือการเข้าถึงนิพพานนั้น ไม่ใช่ว่าทำชาติเดียวก็ได้แล้ว แต่ว่าต้องทำกันหลายชาติ พระพุทธเจ้าใช้ถึง 500 ชาติในการบำเพ็ญเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ละชาตินั้น ถ้าพูดกันตามจริงมันไม่ใช่การเริ่มใหม่ แต่มันมีทุนของดิมอยู่ เมื่อได้พบสภาวะเดิมที่เคยเจอมาแล้ว มันจะระลึกได้ เหมือนพวกระลึกชาติ ก็เป็นบทพิสูจน์ว่าความทรงจำมันไม่ได้มีอยู่ในสมองอย่างเดียว มันสั่งสมในจิตข้ามพบข้ามชาติมาได้ สิง่ที่เราทำในปัจจุบันนี้ มันจะเป้นบารมีสืบไปในอนาคต เป็นกำลังของใจ เป้นพลังใจที่จะสะสมต่อไปชาติหน้าๆ การที่ปฏิบัติธรรมได้รวดเร้วนั้น เพราะทำมาก่อน บำเพ็ญมาก่อน ไม่ใช่ความโชคดีแต่อย่างใด แม้ว่าพวกเขาจะดูน่าอิจฉาแต่ความจริงเขาทำมาของเขาแต่เก่าก่อนแล้ว เขาเริ่มมานานกว่าเรา เพราะฉะนั้นพวกเราต้องเพียรกันต่อไป สู้ต่อไป ทาเคชิ ! ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 22 ก.พ. 2009, 08:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
![]() ![]() ด้วยนะคะ ตอนนี้เรากำลังอ่านของอ.สุรวัฒน์ แต่ช่วงนี้เวลาน้อยเลยได้แต่สะสมคำถาม เรียบเรียงน่ะค่ะ แต่ไม่กล้าถามตรงนั้น เพราะไม่รู้จะตั้งคำถามแบบไหน เพราะมันไม่เข้าใจไปหมด ![]() ![]() ถ้าเราถามคุณบนลานธรรมจักรนี้จะได้ไม๊คะ เราว่ามันก็เป็นธรรมะที่ดีมากๆเลยนะคะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 22 ก.พ. 2009, 12:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
O.wan เขียน: :b8:คามินธรรม ขอบคุณนะคะที่เข้ามาแนะนำ และคุณก็จะเป็นรายต่อไป ![]() ด้วยนะคะ ตอนนี้เรากำลังอ่านของอ.สุรวัฒน์ แต่ช่วงนี้เวลาน้อยเลยได้แต่สะสมคำถาม เรียบเรียงน่ะค่ะ แต่ไม่กล้าถามตรงนั้น เพราะไม่รู้จะตั้งคำถามแบบไหน เพราะมันไม่เข้าใจไปหมด ![]() ![]() ถ้าเราถามคุณบนลานธรรมจักรนี้จะได้ไม๊คะ เราว่ามันก็เป็นธรรมะที่ดีมากๆเลยนะคะ ![]() ![]() ผมโดนจองกฐินหรือนี่ "งานเข้า" ผมไม่อยากเอาเรื่องดุจิตมาพูดคุยเลยครับ เพราะดูจากกระทู้ดูจิตที่ตั้งเมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนไปวิพากย์วิจารณ์ว่าขัดพระไตรปิฏกอย่างนั้นอย่างนี้ กลายเป็นว่าวิพากย์วิจารณ์พระอริยสงฆ์ ก่อบาปสร้างกรรมไม่รู้ตัว บาปกรรมที่วิพากย์วิจารณ์พระอริยสงฆ์นี้หนักมาก ตัดทางมรรคผลนิพพาน ธรรมะอะไรๆ แม้ง่ายๆก็จะไม่เข้าใจ ผมยังยืนยันว่าให้เรียนจากคนที่รู้แจ้งเห็นจริงในเรื่องการดุจิตดีกว่านะครับ คือถามหลวงพ่อ ไม่งั้นก็ถามคนที่หลวงพ่อวางใจให้สอนเช่นอาจารย์สุรวัฒน์ หาครูอาจารย์ที่ช่วยเราได้ให้เจอ ผมจะแนะนำคุณโอว่านอย่างนี้ว่า กรรมฐานนี้ ให้ทำเฉพาะอันที่เหมาะสมกับตัว ที่ทำแล้วได้ผล ถ้าเปลี่ยนกรรมฐานบ่อยๆ หรือทำหลายอย่างพร้อมกัน จิตมันงง แยกแยะสภาวะธรรมได้ไม่เด็ดขาด มันจะเกิดความสับสนตัดกำลังภาวนา ถ้าทำกรรมฐานไม่ถูกจริตของตัว ทำยังไงมันก็ไม่ก้าวหน้า วิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ทราบว่าเราควรเจริญกรรมฐานอย่างไรดี มีสองอย่าง 1. ต้องเป้นคนช่างสังเกตุสภาวะธรรมต่างๆ สังเหตุว่าทำอะไรแล้วเจริญรุดหน้า ทำอะไรแล้วไม่คืบ เรียกว่าต้องมีปัญญามาก วิเคราะห์ วิจัยได้เอง แต่ไม่หลง เป็นคนมีบุญบารมีมาแต่เก่าก่อน ภาวนาได้ดีมาแต่เก่าก่อน ซึ่งเป็นของยาก ไม่ค่อยจะมีใครมีความสามารถอย่างนี้ จึงเป็นที่มาของข้อ 2. 2. ต้องพึ่งครูอาจารย์ที่มีญานวิเศษณ์ช่วยหยั่งทราบให้เรา ว่าเรามีกรรมฐานอย่างไร ครูอาจารย์ท่านจะทราบว่าจิตเขาเรามีจริตอย่างไร มีนิสัยแบบไหน ไม่ใช่แค่นิสัยในชาตินี้ แต่เป้นนิสัยที่สะสมมาในชาติก่อนๆ รวมถึงว่าถ้าเราเคยทำกรรมฐานอะไรมาแล้วได้ผล ท่านก้จะทราบ แล้วชี้ทางให้เราได้ถูกต้อง ซึ่งผมแนะนำให้คุณไปกราบนมัสการขอการบ้านหลวงพ่อโดยตรงสักครั้ง แล้วให้ลองเชื่อท่านดู ท่านสอนอะไรก็ให้มีศรัทธาวางใจฝากชีวิตทางธรรมเอาไว้กับท่าน ทำแต่เฉพาะที่ท่านบอก อันอื่นวางพักเอาไว้ให้หมดก่อน แล้วถ้าไม่ได้ผลแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำทีหลัง ถ้าไม่ใช่สองข้อแรก ก้จะเป้นพวกที่ทำไปตามยถากรรม คือทำอะไรได้ก็ทำๆไป ทำผิดทำถูกก็ไม่สามารถจะทราบได้ด้วยตัวเอง ได้แต่ทำๆไปอาศัยว่าศรัทธา บางพวกมีทิฐิมากว่าตัวฉลาด มีบารมีมาก เข้าใจคำสอนของพระพุทธเจ้าดวยตัวเอง ก็ไม่ยอมพึ่งใครทั้งสิ้น กะจะบรรลุด้วยตัวเอง ใครพูดอะไรก็ไม่ฟังทั้งนั้น บางพวก ไม่ได้ถือตัวอะไร แต่ปัญญาน้อยเอง ใครพาทำอะไรก้ทำทั้งนั้น มีศรัทธามาก เลยโดนเขมรลากไป ไทยลากมา ลากไปลากมาทั้งชีวิตก็หาเส้นทางหลัก ทางสายเอก ไม่เจอสักที คนนั้นพูดก็หวั่นไหว คนนี้พูดก็พยักหน้า เพราะพึ่งตัวเองไม่ได้ ----------------------- ทีนี้เรื่องที่ว่าสงสัยมาก ทำยังไง ไม่รู้ว่าจะถามยังไง ถามไม่เป็น ก็ให้ทิ้งมันทั้งหมดนั่นแหละครับ แล้วไปหาหลวงพ่อ ไปขอเอาแค่ที่เราเอาไปใช้ได้กับตัวคนเดียวเราก็พอ ไม่ต้องไปอยากเข้าใจเลยว่าการดุจิตคืออะไรยังไง เอาตัวรอดคนเดียวพอ รอดเมื่อไหร่ค่อยคิดถึงคนอื่น ไม่งั้นมันจะเป็นเตี้ยอุ้มค่อม ลงเหวด้วยกันหมด หรือถ้าจะดูจิต ก็ดูมันลงไปที่ความสงสัยนี่แหละครับ เช่นเรากำลังสงสัยว่าทำถูกหรือผิด สงสัยว่าใช่หรือเปล่า ก็เอาความสงสัยนี่แหละเป็นเครื่องรู้ ว่าความสงสัยมันรู้สึกอย่างนี้นะ และนี่เรากำลังสงสัย นี่ตะกี้เราเพิ่งสงสัย เราเพิ่งเผลอไปสงสัย สังเกตุให้รู้ว่าความสงสัยมันรู้สึกแบบนี้ จิตที่สงสัยมันรู้สึกแบบนี้ เป็นนี้ แค่นี้ก็ทำถูกเรียบร้อยแล้วครับ แล้วเมื่อ"สงสัยว่าทำถูกแล้วไงต่อ" ก็ให้รู้ทับลงไปอีกชั้นตรงความ"สงสสัยว่าทำไงต่อ"นี่แหละ ก็เท่ากับเป็นการ "ทำต่อ" โดยอัตโนมัติเรียบร้อยแล้ว แล้ววันหนึ่งก็จะ "ฉลาดในพฤติแห่งจิตเองโดยไม่ต้องปรึกษาหารือใคร" ถ้าไงลองอ่านทุกสิง่ทุกอย่างเกี่ยวกับหลวงปู่ดูลย์ดู แล้วจะเข้าใจอะไรมากขึ้น หลวงปู่ดุลย์เป็นอาจารย์ของหลวงพ่อปราโมทย์อีกที เป็นผู้ให้กรรมฐานหลวงพ่อจนประสบผลสำเร้จในทางธรรมอย่างใหญ่หลวง http://www.wimutti.net/pudule/ |
เจ้าของ: | แมวขาวมณี [ 22 ก.พ. 2009, 13:34 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 22 ก.พ. 2009, 14:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
![]() ครูอาจารย์ท่านจะทราบว่าจิตเขาเรามีจริตอย่างไร มีนิสัยแบบไหน ไม่ใช่แค่นิสัยในชาตินี้ แต่เป้นนิสัยที่สะสมมาในชาติก่อนๆ รวมถึงว่าถ้าเราเคยทำกรรมฐานอะไรมาแล้วได้ผล ท่านก้จะทราบ แล้วชี้ทางให้เราได้ถูกต้อง ซึ่งผมแนะนำให้คุณไปกราบนมัสการขอการบ้านหลวงพ่อโดยตรงสักครั้ง แล้วให้ลองเชื่อท่านดู ท่านสอนอะไรก็ให้มีศรัทธาวางใจฝากชีวิตทางธรรมเอาไว้กับท่าน ทำแต่เฉพาะที่ท่านบอก อันอื่นวางพักเอาไว้ให้หมดก่อน แล้วถ้าไม่ได้ผลแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำทีหลัง ![]() หรือเปล่าคะ แค่คราวก่อนไปศาลาลุงชิน ยัง ![]() ![]() ![]() ![]() วีถีแห่งการรู้แจ้ง จบไป1รอบ กลับมาเก็บรายละเอียดรอบ2อีกครั้งค่ะ จะทำตามที่แนะนำนะคะ จะถามอ.สุรวัฒน์ ก็ดีนะคะ ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 22 ก.พ. 2009, 19:23 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
อ้างคำพูด: 2. ต้องพึ่งครูอาจารย์ที่มีญานวิเศษณ์ช่วยหยั่งทราบให้เรา ว่าเรามีกรรมฐานอย่างไร ครูอาจารย์ท่านจะทราบว่าจิตเขาเรามีจริตอย่างไร มีนิสัยแบบไหน ไม่ใช่แค่นิสัยในชาตินี้ แต่เป้นนิสัยที่สะสมมาในชาติก่อนๆ รวมถึงว่าถ้าเราเคยทำกรรมฐานอะไรมาแล้วได้ผล ท่านก้จะทราบ แล้วชี้ทางให้เราได้ถูกต้อง แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าอาจารย์มีญาณวิเศษ... ![]() ![]() |
เจ้าของ: | แทนขวัญ [ 22 ก.พ. 2009, 22:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
![]() ![]() ![]() ตกลงคือเราไม่สามารถฝึกได้ด้วยตนเองหรอคะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 22 ก.พ. 2009, 22:57 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
คุณพี่ natdanai ลองไปกราบท่านสิครับ ไปขอกรรมฐานกับท่าน คุณพี่จะปัตจัตตังด้วยตนเอง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 23 ก.พ. 2009, 07:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
แทนขวัญ เขียน: ตกลงคือเราไม่สามารถฝึกได้ด้วยตนเองหรอคะ คุณแทนขวัญครับ ![]() พุทธธรรมทั้งหมดทั้งทางโลกและทางธรรม (โลกียะ และ โลกุตระ) ตนเองต้องทำเองทั้งหมดครับ ต่อให้เป็นแฟนก็ทำแทนกันไม่ได้ ![]() ![]() ทำแทนกันไม่ได้ครับ ต่อให้พระพุทธเจ้าก็ทำแทนเราไม่ได้ ตัวเองจะต้องฝึกตนเอง พุทธธรรมมิใช่เกิดจากการสวดอ้อนวอน หรือใช้เวทย์มนต์บันดาลให้กิเลสในใจตนหมดสิ้นได้ ฝึกครับฝึกโดยวิธีที่ถูกต้อง (สัมมาปฏิปทา) พระพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด ตนแลเป็นที่พึงแห่งตน ยิ่งทางธรรมด้วยแล้วต้องฝึกเองเลย ศึกษาดีดีครับ เกี่ยวกับบุคคลกรัชกายไม่อยากพูดมากนัก เพราะไม่ใช่ตัวของผู้นั้นเอง ถ้าเป็นตัวของผู้นั้นเองหรอครับ ![]() ![]() เพียงแต่ว่า ในขณะที่เราฝึกอบรมจิตอยู่ ต้องอาศัยท่านผู้รู้แนะนำ เพราะท่านเคยผ่านเส้นทางนั้นมาก่อน ย่อมรู้เห็นว่า มีอะไรอยู่ตรงไหน สิ่งนั้นคืออะไร ![]() ดู อิติปิโส แปล ทำวัตรเข้า-เย็นแปลลิงค์นี้สิครับ มีคำศัพท์ทางศาสนาที่เราทำมาพูดๆกันมากมาย ดูสิว่าจริงๆแล้ว หมายถึงอะไร viewtopic.php?f=28&t=19423 |
เจ้าของ: | natdanai [ 23 ก.พ. 2009, 22:27 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
คามินธรรม เขียน: คุณพี่ natdanai ลองไปกราบท่านสิครับ ไปขอกรรมฐานกับท่าน คุณพี่จะปัตจัตตังด้วยตนเอง ก็อย่างท่านกรัชกายว่านั่นล่ะครับ หากเราไม่ปฏิบัติด้วยตนเองแล้ว เราก็ไม่มีวันจะรู้ได้เลยว่าอาจารย์ที่เราไปกราบน่ะ มีญาณวิเศษจริงรึป่าว ว่ามั้ยครับ ท่านคามิน ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 24 ก.พ. 2009, 08:28 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
natdanai เขียน: คามินธรรม เขียน: คุณพี่ natdanai ลองไปกราบท่านสิครับ ไปขอกรรมฐานกับท่าน คุณพี่จะปัตจัตตังด้วยตนเอง ก็อย่างท่านกรัชกายว่านั่นล่ะครับ หากเราไม่ปฏิบัติด้วยตนเองแล้ว เราก็ไม่มีวันจะรู้ได้เลยว่าอาจารย์ที่เราไปกราบน่ะ มีญาณวิเศษจริงรึป่าว ว่ามั้ยครับ ท่านคามิน ![]() ![]() แหมคุณพี่ ผมไม่อยากจะพูดให้ละเอียดเลยนะคับนี่ พูดละเอียดไปคนบางพวกเขาจะวิพากย์วิจารณ์อริยะสงฆ์ไปในทางไม่ดี จะก่อบาปสร้างกรรมหนักกับเขาเองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ้ามีคนอ่านใจเราได้ รู้ว่าเราคิดอะไร ผมคิดว่านี่คือความวิเศษณ์ แต่ท่านวิเศษณ์กว่านั้นอีก คือรู้วาระจิตของเราว่า ขณะนี้มีสติหรือเปล่า มีโลภะไหม มีโทสะไหม มีโมหะไหม แล้วสามารถหาวิธีแก้ให้เราได้ และเพียงพบกันครั้งแรกท่านก้สามารถรู้อุปนิสัยได้ว่าเรามีนิสัยอย่างไร เหมาะกับกรรมฐานแบบไหน ก็เป็นเรื่องที่คนที่ไปกราบขอกรรมฐานจะทราบปัตจัตตังแก่ตัวเองดีว่านี่เป็นความวิเศษณ์หรือไม่ ลองไปขอดูสิครับคุณพี่ ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 24 ก.พ. 2009, 22:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: สนทนาธรรมทั่วๆไปกับคุณ O.wan |
มีโอกาสต้องไปแน่อยู่แล้วครับ ปกติทำงานก็มีโอกาสได้ไปทั่วประเทศอยู่แล้ว แล้วแต่วาสนา.... ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 2 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |