วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 16:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 22:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 ธ.ค. 2008, 07:16
โพสต์: 1


 ข้อมูลส่วนตัว


...สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ วันนี้ตัดสินใจตั้งกระทู้ถามในเรื่องที่
สงสัยมานาน เกี่ยวกับเรื่องการทำงานน่ะครับ...
กลัวเหมือนกันว่าจะเป็นคำถามที่ไร้สาระไปหรือเปล่า
แต่ก็สงสัยมานานมากจริงๆ ยังไงก็ขอรบกวนท่านผู้รู้ด้วยนะครับ
...............ทั้งหมดสองคำถามครับ...........

1. ถ้าพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ได้รับเงินเดือน เดือนละ 10,000 บาท
โดยที่ความจริงแล้ว เขาควรจะได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ซึ่งตรงนี้นายจ้างก็รู้ดี
แต่ที่ไม่ยอมขึ้นให้ เพราะนายจ้างรู้ดีว่า พนักงานคนนั้นไม่มีที่ไป
และพนักงานคนดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าบริษัทได้รับผลกำไรเท่าใด เลยไม่เรียกร้องอะไร
.....................แบบนี้จะถือว่า นายจ้าง บาปไหมครับ ?.......................

2. ถ้าพนักงานคนดังกล่าว เริ่มรู้สึกว่า ตนเองได้รับเงินเดือน น้อยกว่าที่ควรจะได้
จนเป็นเหตุให้การทำงานถดถอย ไม่เต็มเวลาเท่าที่ควร
ตามมาด้วยการอู้งาน จากวันหนึ่งเคยทำ 8ชม. เหลือวันละ 4ชม.
แต่ก็ยังถือว่าสร้างผลกำไร ไม่ทำให้บริษัทขาดทุน
.................แบบนี้ จะถือว่า พนักงาน บาปไหมครับ ?..............................

สองคำถาม ไม่รู้มากเกินไปหรือเปล่า รบกวนช่วยทีครับ ขอบคุณมากๆครับ ... :b51:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2009, 23:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ลาย เขียน:
...สวัสดีครับ ผมเป็นสมาชิกใหม่ วันนี้ตัดสินใจตั้งกระทู้ถามในเรื่องที่
สงสัยมานาน เกี่ยวกับเรื่องการทำงานน่ะครับ...
กลัวเหมือนกันว่าจะเป็นคำถามที่ไร้สาระไปหรือเปล่า
แต่ก็สงสัยมานานมากจริงๆ ยังไงก็ขอรบกวนท่านผู้รู้ด้วยนะครับ
...............ทั้งหมดสองคำถามครับ...........

1. ถ้าพนักงานบริษัทคนหนึ่ง ได้รับเงินเดือน เดือนละ 10,000 บาท
โดยที่ความจริงแล้ว เขาควรจะได้รับเงินเดือน 20,000 บาท ซึ่งตรงนี้นายจ้างก็รู้ดี
แต่ที่ไม่ยอมขึ้นให้ เพราะนายจ้างรู้ดีว่า พนักงานคนนั้นไม่มีที่ไป
และพนักงานคนดังกล่าวก็ไม่รู้ว่าบริษัทได้รับผลกำไรเท่าใด เลยไม่เรียกร้องอะไร
.....................แบบนี้จะถือว่า นายจ้าง บาปไหมครับ ?.......................


ด้วยเหตุใดพนักงานคนนี้จึงควรได้เงินเดือน 20,000 หรือครับ????

ในฐานะที่ทำมาหาเลี้ยงครอบครับแบบไม่ได้รับเงินเดือนนะครับ...
การที่เดือนหนึ่งกระผมจะหาเงินได้ถึง 20,000 นั้น กระผมอาจจะต้องทำงานมากกว่าวันละ 8 ชั่วโมง แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ว่าทุกวันจะมีงานให้กระผมทำนะครับ

วิเคราะห์ในมุมความคิดของนายจ้างจากที่ท่านเล่ามาบ้าง
พนักงานคนนี้ทำงานวันละ 8 ชั่วโมงเท่ากับคนอื่น ฐานเงินเดือนก็เป็นมาตรฐานเดียวกันกับพนักงานคนอื่น หากผลงานก็ไม่ได้ต่างจากพนักงานคนอื่นก็ไม่แปลกที่จะได้เงินเดือนตามนั้น อีกอย่างหนึ่ง ตอนที่มาของานทำก็ตกลงกันแล้วถึงค่าตอบแทน ยอมรับมาตรฐานค่าจ้างตามนั้น และที่รู้ดีว่าพนักงานคนนี้ไม่มีที่ไปเพราะรู้ว่าสักยภาพของพนักงานคนนี้จะไม่เป็นที่ต้องการของใคร ส่วนเรื่องผลกำไรของบริษัทนั้นไม่ใช่สิ่งที่พนักงานควรอยากรู้ (เคยเป็นลูกจ้างมาเหมือนกัน สิ่งที่นายจ้างจะบอกคือบริษัทกำลังประสบปัญหา ขอให้พนักงานทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อบริษัทอย่างเต็มที่ เพื่อความอยู่รอดขององค์กรอันหมายรวมถึงพนักงานทุกคน)เพราะว่าค่าตอบแทนได้ตกลงกันไว้แล้ว
ถ้าวิเคราะห์แบบนี้ท่านคิดว่าเป็นไงครับ บาปรึป่าว????

อ้างคำพูด:
2. ถ้าพนักงานคนดังกล่าว เริ่มรู้สึกว่า ตนเองได้รับเงินเดือน น้อยกว่าที่ควรจะได้
จนเป็นเหตุให้การทำงานถดถอย ไม่เต็มเวลาเท่าที่ควร
ตามมาด้วยการอู้งาน จากวันหนึ่งเคยทำ 8ชม. เหลือวันละ 4ชม.
แต่ก็ยังถือว่าสร้างผลกำไร ไม่ทำให้บริษัทขาดทุน
.................แบบนี้ จะถือว่า พนักงาน บาปไหมครับ ?..............................

ถ้าไม่พอใจในค่าตอบแทนก็ลาออกซิครับ จะทนอยู่ไปทำไม เราทำงานดีแต่ถูกเอาเปรียบค่าตอบแทนแบบนี้ก็ไม่ควาอยู่ต่อไป เพราะเจ้านายที่เอาเปรียบลูกจ้างอนาคตกิจการก็ต้องไปไม่รอด หรือดีที่สุดก็แค่อยู่ได้เพราะต้องทำทุกอย่างเอง เอาเปรียบแบบนี้ใครยังทำงานให้ก็โง่เต็มที

แต่สิ่งที่พนักงานคนนั้นทำเป็นการทำภายใต้อารมณ์โกรธ เจตนาเป็นอกุศล ขาด หิริ โอตตัปปะ
ถ้าวิเคราะห์แบบนี้ท่านคิดว่าเป็นไงครับ บาปรึป่าว????

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2009, 19:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


จิตที่เป็นบุญ เวลาคิดอะไรมันจะเบาๆ สบายๆ โปล่ง โล่ง ไม่เฉื่อยชา
เมื่อมีจิตเป็นบุญอยู่ในขณะนั้น การจะคิด/พูด/ทำ ย่อมจะเป็นบุญ
มีผลคือความสบายใจ โปร่ง โล่ง ผ่องใส สว่าง

จิตที่เป้นบาป มันจะรู้สึกว่าคับแค้น ตึง เครียด หนัก ไม่สบาย
เมื่อมีจิตเป้นบาปอยู่ในขณะนั้น จะคิด/ พูด/ ทำ อะไรมันก็บาปทั้งนั้น
ผลของจิตที่เป็นบาปคือความมัวหมอง เศร้า เครียด ดันๆ แน่นๆ หนัก พลุกพล่าน ไม่เป้นสุข

อย่างที่เล่ามาให้ฟัง น่าจะบาปนะครับ



แต่ทีนี้พูดแบบการมองโลกดีกว่า
คนเป้นเจ้าของกิจการ กับคนเป้นลูกจ้าง มักจะมีความคิดต่างกันอยู่แล้ว
เช่น พูดถึงเงินเดือนที่ต้องจ่ายลูกจ้าง
สำหรับนายจ้าง เงินดือนคือรายจ่ายที่แน่นอนทุกๆเดือน
ส่วนลูกน้อง เงินเดือนคือรายรับที่แน่นอนทุกๆเดือน

ฝ่านนายจ้างเลยค่อนข้างเครียด เฮี๊ยบ และต้องใช้ทุกอย่างให้คุ้มค่า
ส่วนลูกจ้าง เมื่อได้เงินเดือนแน่ๆ เหนาะๆ ก็ขี้เกียจ ชะล่าใจ ย่อหย่อน


ตัวอย่างมุมมองพวกนี้ ทำงานไปมากๆ สั่งสมไปมากๆก็จะเข้าใจเองครับ
พนักงานระดับปฏิบัติการที่ไม่ต้องมีลูกน้อง ไม่ต้องบริหารอะไรมากมาย จะมีมุมมองแบบหนึ่ง

แต่ถ้าลองได้เริ่มคุมคน บริหารคน บริหารโครงการ เริ่มมีการวัดผล
มีกำไรขาดทุน มุมมองจะเปลียนไป

แล้วถ้าเป็นเจ้าของกิจการเอง จะมีมุมมองอีกแบบหนึ่งไปเลย



คุณลองคิดเล่นๆว่า ถ้าเราแน่จริง
ให้เราลาออกมาทำอะไรบนลำแข้งตัวเองเอาความสามารถตัวเองที่มีนั่นแหละ
ลองคิดดูว่าทำยังไงให้มันได้เดือนละหมื่นแน่ๆนอนๆ จ่ายตรงวัน ไม่ขาด

วันไหนไม่พอใจ คิดว่าตัวเองทำงานหนักเกินเงินหมื่น ก็ถามตัวเองดูว่าเราแอบขี้เกียจได้ไหม พักได้หรือ
ลองต่อรองตัวเองว่าที่ทำหนักๆนี้นะ จะขอสองหมื่น แล้วมันจะได้แน่ๆอย่างที่อยากได้ไหม

เราเห็นเขารวยๆ สบายๆ แล้วเรารู้สึกว่าทำไมพวกนี้งก สบายก็สบาย ทำไมงก ใจแคบ
ต้องถามตัวเองว่า เราไปล้มลุกคลุกคลานปลุกปล้ำมากับเขาหรือเปล่า
เวลาเขาลำบาก เราเป้นหัวเรียวหัวแรงหรือ

เวลาคนเป็นนายใจดีกับลูกน้อง มันก็จะเหลิง ไม่ทำงาน ถือวิสาสะ ทำให้เสียการปกครอง
แถมขี้เกียจ สะเพรา่ อุ้งาน เพราะถือว่าตนมีความสนิมสนมกับนาย นายเกรงใจ ไม่กล้าด่า
ธรรดามนุษย์มันเป็นกันอย่างนั้น เหมือนภาษิตว่า "พูดกับหมา-หมาเลียปาก"
ดีด้วยมากเขาก็เอาเปรียบเรา ร้ายด้วยมากเขาก็ไม่ทำงานให้เราแกล้งเราให้เสียๆหายๆ


เป้นลูกน้องเขา สบายจะตายไปครับ เงินก็ได้สม่ำเสมอ น้อยมากก้ยังได้สม่ำเสมอ
ไม่ต้องไปคอบรบราเขี่ยวเข็นคนให้ทำงาน
เวลาลูกน้องคิดผิดทำผิดบริษัทเสียหาย มันก็ได้เงินเดือนเท่าเดิม
แต่เงินเจ้านายหาย เสียโอกาส เสียหายสารพัด

เป้นเจ้าของกิจการเหมือนคนอยู่บนหลังเสือ ลงไม่ได้ ล้มไม่ได้
ต้องคอยคิดหาวิธีให้เจริญก้าวหน้า
เวลาขาขึ้นก้ต้องเก้บเงินไว้ กันไว้สำรอง พราะตอนขาลงจะได้มีจ่ายลูกน้อง

เรื่องพวกนี้ ลูกน้องไม่ได้เก้บมานอนฝันนอนกลุ้มด้วยเลย เดือนหน้าบริษัทจะเ)้นยังไง งานจะเข้าไหม ลูกค้าจะมีไหม หกเดือนจะเป็นยังไง 1 ปีข้างหน้าจะเป้นยังไง สถานะการณ์ตลาดจะเป้นยังไง ฯลฯ
ลูกน้องระดับปฏิบัติการ เงินเดือนน้อยๆนี้ ไม่ต้องมารับรู้ด้วยเลย
กินอิ่มนอนหลับไม่มีอะไรต้องกังวล บริษัทนี้เจ๊ง ก็เปลี่ยนงาน
แต่ถ้าเป็นเจ้าของ คุณทิ้งไม่ได้ เปลี่ยนไม่ได้ ต้องตายตกตามกัน
ลองไม่มีเงินจ่ายเงินเดือนดูสิครับ คนทั้งบริษัทเขาจะหันมาควักตับคุณ

แล้วถ้าลองได้มีลูกน้องเอง จะรู้ว่ายากที่สุดของการทำกิจการอะไรๆ คือเรื่องคน
ใช้คนทำงานคืองานให้ได้ดีด้วย คุ้มค่าด้วย รักเราด้วย ยากที่สุด

คนเรานี่ อยากได้มากกว่าอยากให้ มันเป้นธรรมชาติ
ไม่มีใครหรอกที่จะมาบอกว่า ผมเอาเงินเดือนน้อยๆ แต่ผมอยากทำมากๆ


อันนี้แชร์ประสบการณ์อีกฟากนึงให้ฟังนะครับ
ทำงานไปมากๆ จะเข้าใจเอง


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 3 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 127 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร