วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 00:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 12:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ใครตอบได้บ้าง? จุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธคืออะไร?


ผมขอตอบก่อนเลยแล้วกัน

ผมคิดว่า ศาสนาของพระพุทธเจ้าเป็นศาสนา ที่เพียรพยายามสอนหพวกเราเข้าถึงจิตพุทธะ ละจิตสังขารที่ติดกิเลสอวิชชาออกให้ได้ จิตพุทธะนี้เป็นสัจธรรม จิตพุทธะนี้เป็นวิสุทธิธรรม จิตพุทธะนี้เป็นความจริงสูงสุด สัจธรรมคือความจริงนั้นย่อมไม่สังกัดในลัทธิหรือศาสนาใด มนุษย์เราเป็นผู้แบ่งแยกศาสนากันไปเอง

ความจริง จิตเดิมแท้ของพวกเราทุกคนเป็นพุทธะอยู่แล้ว เพียงแต่กิเลสอวิชชามันมาลวงไม่ให้เราเห็นธาตุแท้แห่งความจริงที่มีอยู่ภายในจิตใจอันบริสุทธิ์ของเรา เมื่อเราเข้าถึงความเป็นพุทธะ เราจะรู้ตัว ตื่นขึ้นจากความฝันเฟื่องต่างๆใจของเราก็จะบริสุทธิ์ และเป็นใจพุทธะอย่างใจของพระพุทธเจ้า

แต่ถ้าใจของเรายังคงหลงอยู่กับกิเลสอวิชชา ถือว่าเรายังรักษาโรคกิเลสนี้ไม่หาย ยังติดอยู่กับอวิชชา ยังเอาตัวรอดไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ เราก็จะเป็นทุกข์เดือดร้อนอยู่อย่างนี้ต่อไปในโลกนี้และในโลกหน้าอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

จิตพุทธะของเราที่อยู่ในโลกนี้ มันซ่อนอยู่ในจิตเก๊ ซึ่งจิตเก๊นี้เป็นสภาวะธรรมชาติอีกแบบหนึ่ง ที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา จิตเก๊ ตัวนี้เป็นจิตที่ขาดเครื่องปกป้อง คือยังไม่มีสติสัมปชัญญะคุ้มครองนั่นเอง

พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีสติอยู่ตลอด เรียกว่า สติปัฏฐาน 4 หรือทำวิปัสสนา ถ้าเมื่อใดเรามีสติอยู่กับใจตลอดเวลา เราก็จะเป็นอยู่ด้วยความไม่ประมาท เราจะไม่หลงกับสิ่งหรือเหตุการณ์ภายนอก เมื่อเราไม่เผลอสติหลงไปกับสิ่งหรือเหตุการณ์ภายนอกที่เข้ามากระทบ ชีวิตของเราก็จะเป็นไปด้วยความไม่ประมาท ด้วยเหตุนี้ อวิชชาความหลงที่เป็นเหมือนเมฆหมอก ก็จะแผ่เข้ามาปกคลุมใจของเราไม่ได้ เมื่อใจของเราไม่ถูกอวิชชาครอบคลุมแล้ว เราก็จะไม่ยึดผิดเห็นผิดว่า สรรพสิ่งทุกอย่างในโลก ซึ่งเป็นแค่จินตนาการ และความฝันเฟื่องของพวกเราเป็นความจริง เป็นของจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 21:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


นำสัตว์ออกจากกองทุกข์ครับ

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2009, 23:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 5
สมาชิก ระดับ 5
ลงทะเบียนเมื่อ: 22 ก.พ. 2009, 01:02
โพสต์: 337


 ข้อมูลส่วนตัว




buddha_lotus.jpg
buddha_lotus.jpg [ 22.94 KiB | เปิดดู 5423 ครั้ง ]
:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

พระพุทธองค์ ทรงสอน เป็นพรล้ำ
ละเลิกทำ บาปชั่ว ทั่วทั้งผอง
กุศลสร้าง สมไว้ ให้เนืองนอง
ดวงจิตต้อง ชำระ อย่าละวาง
สามข้อใหญ่ ใจความ ตามพุทธศาสน์
ผู้ใดปรารถ- นาจริง ไม่ทิ้งขว้าง
เครื่องร้อยรัด อัตตา หลุดละร้าง
ด้วยเดินทาง ที่พระองค์ ทรงผ่านมา

เจริญในธรรมครับ

:b41: :b41: :b41: :b42: :b42: :b42: :b41: :b41: :b41:

.....................................................
ราตรีของผู้ตื่นอยู่นาน...โยชน์ของผู้ล้าแล้วไกล
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ธ.ค. 2005, 22:48
โพสต์: 39


 ข้อมูลส่วนตัว


ธรรมะเป็นสิ่งที่มีจริง พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ธรรม คือ ตรัสรู้ความ

จริงของสิ่งที่มีจริง ๆ สิ่งที่มีจริง ๆ ก่อนการตรัสรู้ ไม่มีใครพบว่าเป็นธรรมะ

เพราะเห็นว่าเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเรา เป็นเขา เป็นวัตถุสิ่งต่างๆ แต่เมื่อทรง

ตรัสรู้แล้ว ตรัสรู้ธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา หมายความว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง

ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ไม่ใช่วัตถุสิ่งหนึ่งสิ่งใด ที่เที่ยง แต่ลักษณะ

ของธรรมนั้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ซึ่งจะต้องค่อย ๆ ไตร่ตรอง

ตามลำดับ เช่น ขณะนี้อะไรจริง กำลังเห็นมีจริง ๆ สิ่งที่ปรากฏทางตามีจริงๆ

เสียงมีจริง ๆ จิตที่ได้ยิน รู้เสียงนั้นมีจริง ๆ ความสุขมีจริง ความทุกข์มี

จริง ลักษณะของแข็งมีจริง สภาพที่กำลังรู้แข็งมีจริง ทั้งหมดนี้เป็นธรรม

เพราะฉะนั้น ก็จะต้องศึกษาให้ทราบว่า ที่เคยยึดถือว่าเป็นเรา แต่

ถ้าไม่มีตัวธรรมะที่เกิดขึ้นปรากฏ เราก็ไม่มี แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยที่จะทำให้

สภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใดเกิดขึ้น เพราะความไม่รู้ก็เลยถือว่าสิ่งที่เกิด

นั้นเป็นเรา หรือว่าเป็นของเรา เช่น รูปตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า มีเหตุปัจจัย

ปรุงแต่งเกิดขึ้น แต่เพราะความไม่รู้ก็ยึดถือรูปนั้นว่าเป็นเรา แม้แต่สภาพ

ของจิตใจ หรือความรู้สึกเป็นสุข เป็นทุกข์ ก็เกิดขึ้นเพราะเหตุปัจจัย แต่

เมื่อไม่รู้ก็ยึดถือสภาพธรรมนั้น ๆ ว่าเป็นเรา

เพราะฉะนั้น จากการที่เคยเป็นเราทั้งหมด ความรู้โดยการศึกษา

จะทำให้เข้าใจว่า เป็นสภาพธรรมแต่ละชนิด ซึ่งมีจริง ๆ ที่มีจริง ๆ เพราะ

ว่าเกิดขึ้นปรากฏ ถ้าไม่เกิดปรากฏ ก็ไม่มีใครสามารถจะไปรู้ ไปเห็น ไปเข้า

ใจได้ แต่เพราะว่าในขณะนี้เอง สิ่งที่ปรากฏเป็นสิ่งที่มีจริง และเกิดขึ้นแล้ว

จึงปรากฏ และเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ตรงกับไตรลักษณะที่ว่า อนิจจัง ทุก

ขัง อนัตตา คือ สภาพธรรมใดที่มีปัจจัยเกิดขึ้น สภาพธรรมนั้นเกิดแล้วดับ

ไป ไม่เที่ยง เป็นอนัตตา


http://dhammahome.com/front/webboard/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2009, 09:06
โพสต์: 45


 ข้อมูลส่วนตัว


หลักคำสอนของศาสนาพุทธสอนให้คนพ้นทุกข์ และมุ่งสู่นิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


สอนให้คนทุกคนที่เกิดมา=====>เป็นคนดี

เหมือนดั่งพระพุทธองค์

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มี.ค. 2009, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


--- ขอตอบให้ชัดๆกว่าเดิม.......

จุดมุ่งหมายสูงสุดของศาสนาพุทธคืออะไร ?

บางคนยังไม่รู้บางคนอาจตอบว่านิพพาน

แต่ตามความจริงแล้วจุดมุ่งหมายสูงสุดคือปัญญา

การให้ทานกุศลในทานนั้นมีวันหมด

สมาธิก็มีวันเสื่อม

แต่ปัญญา(วิปัสนา)ไม่มีวันเสื่อมหรือหมด

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2009, 08:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 ต.ค. 2008, 18:05
โพสต์: 136


 ข้อมูลส่วนตัว


ถ้าโลกนี้ไม่มีความทุกข์
พุทธศาสนา ไม่จำเป็นต้องมีอยู่เลยก็ได้ ครับ

เพราะโลกนี้มีทุกข์
พุทธศาสนาจึงเกิดมีขึ้นมา ครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มอบสิ่งอันประเสริฐ เพื่อเหล่าสัตว์ทั้งหลาย

ชี้โทษภัยที่แฝงเร้น และชี้ขุมทรัพย์ที่แท้จริง

ชวนเหล่าชนทั้งหลายให้รู้จักศิลปะการใช้ชีวิต

และแนะระบบการพัฒนาชีวิต ไปตามลำดับชั้นจนถึงที่สุดแห่งการพัฒนา

และทั้งหมดทั้งสิ้น ก็เพื่อให้คนทั้งหลายได้พบกับสิ่งที่ดีที่สุด
แท้จริงที่สุด ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาสนา มีจุดมุ่งหมายเองได้ด้วยหรือ...
ศาสนา...ผลิตดอก ออกจุดมุ่งหมายออกมาจากส่วนไหนหน๋อ...
สิ่งที่กำหนดจุดมุ่งหมายให้กับสิ่งต่าง ๆ ไม่ใช่ศาสนา...
ศาสนาไม่ได้สร้าง แต่เป็นสิ่งที่ถูกสร้าง

ผู้ศึกษาธรรมอันโชกโชนจากภาษา เมื่อถึงเวลา ก้าวให้ล่วง ก็ต้องก้าว


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร