วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 04:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 09:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 26 ก.ย. 2007, 18:09
โพสต์: 24

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


บังเอิญได้ไปกับเพื่อน เขาชวนไปดูดวง การทำนายทายทักก็เกิดขึ้น เขาจะทายไปสรรพัด ผมก็เลยถามหมอดูว่า เรื่องที่ทายจะเกิดมั๊ยครับ เขาบอกว่า เกิดแน่นอน ถ้าไม่เกิดมาเผาตำราเขาได้เลย เขาทายว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กับเพื่อนผม เล่นทายทายแบบนี้ มันไม่กล้าขับรถเลย เนื่องจากรถไม่มีประกันชั้น 1 ก็เดือดร้อนเราสิ เพราะต้องไปรับไปส่งมันตลอด เราก็บอกว่า เอางี้สิ เอ็งไปทำบุญสิ เผื่อหนักจะได้กลายเป็นเบาได้ มันก็ไปทำ แต่ก็ไม่กล้าขับรถอยู่ดี จนกว่า ช่วงเคราะห์จะหมด ก็ราวเดือนหนึ่ง แหม่หมอดูเล่นทายแบบนี้ก็เดือดร้อนเราสิ คราวนี้ผมก็เกิดสงสัยว่า ถ้าเกิดสมมุติว่าสิ่งที่เขาหมอดูทายมาไม่เกิดละ แบบนี้หมอดูคนนี้จะเข้าข่ายมุสามั๊ย แต่ผลกระทบชัวร์ๆละ คือเดือดร้อนเรา จะต้องคอยไปรับส่งเพื่อน :b33: แล้วแบบนี้ จะผิดศีลข้อไหนอีกหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่สังเกตุ ผมเห็นคนไปเสียเงินสะเดาะห์กับหมอดูก็มีครับ

ไหนๆก็ถามแล้วขอถามนอกเรื่องอีกหน่อย ถ้ามีหมอดูไปทายคนนั้นคนนี้ ว่าท้องก่อนแต่ง แบบนี้เข้าข่ายผิดศีลข้อให้ครับ และผลของการผิดแบบนี้จะทำให้คนเหล่านี้เป็นเช่นไร (ในแง่ศีลธรรมครับ)

.....................................................
คนเรา...อิ่มเดียว หลับเดียวก็เพียงพอแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


มุสาวาท หมายความว่าอย่างไร

ตอบ

หมายความว่า พูดเท็จ พูดไม่จริง คือ พูดเพื่อให้ผู้อื่น หลงผิดจากความจริง พูดเพื่อหลอกลวง ด้วยเจตนาที่ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด ซึ่งประกอบด้วยโลภะ โทสะ โมหะเกิดในกายทวารหรือวจีทวาร

องค์ของมุสาวาท มีเท่าไร อะไรบ้าง

ตอบ

มี ๔ ประการ คือ

1. เรื่องไม่จริง


2. มีจิตคิดกล่าวเท็จ


3. พยายามกล่าวคำเท็จ


4. ผู้ฟังเชื่อตามความที่มุสานั้น

มุสาวาทนี้ แบ่งออกเป็นกี่ประการ อะไรบ้าง

ตอบ
๑. สำเร็จเป็นมุสาวาท แต่ไม่ล่วงกรรมบถ คือ ไม่นำไปสู่อบาย เช่น มุสาวาทที่ครบองค์ ๕ แต่ไม่ทำความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่ผู้หลงเชื่อแต่อย่างใด

๒. สำเร็จเป็นมุสาวาทด้วย ล่วงกรรมบถด้วย คือ สามารถนำไปสู่อบายได้ เช่น มุสาวาทที่ครบองค์ ๔ และทำความเสียหายให้แก่ผู้หลงเชื่อ

ถ้าบุคคลรักษาศีลข้อมุสาวาทนี้ได้ดี จะมีอานิสงส์ เป็นประการใดบ้าง

ตอบ

มีอานิสงส์อย่างนี้ คือ


๑. มีอินทรีย์ผ่องใส


๒. กล่าวถ้อยคำสละสลวยอ่อนหวานนิ่มนวล


๓. มีฟันเรียบเสมอดี


๔. ไม่อ้วนเกินไป


๕. ไม่ผอมเกินไป


๖. ไม่เตี้ยเกินไป


๗. ไม่สูงเกินไป


๘. มีสัมผัสเป็นสุข


๙. มีกลิ่นปากหอมดุจกลิ่นดอกอุบล


๑๐. ไม่มีคนริษยาลูกสะใภ้


๑๑. พูดแต่คำที่ควรพูด


๑๒. มีลิ้นอ่อนเช่นกับกลีบกมล อุบล และมีลิ้นมีโลหิต ซึมซาบเป็นอย่างดี


๑๓. ไม่ฟุ้งซ่าน


๑๔. มีคนรักใคร่พอใจ


อ่านแล้วลองวิเคราะห์ดูนะครับอาจจะตอบปัญหาข้างต้นได้บ้าง
:b4:

ฝากธรรมะข้อนี้ไว้คิดใคร่ครวญนะครับ

"เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุง ตะถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ"....

ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น .....

:b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 11:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบเจ้าของกระทู้ดังนี้ครับ

จากที่คุณถามมาเรื่องดูดวง และพฤติกรรมของหมอดูว่าเข้าค่ายผิดศีลข้อมุสาวาท(โกหก)หรือไม่ ตรงนี้ คำว่า "ผิด" จะหมายถึงศีลข้อนี้ขาด ในทางพระพุทธศาสนาจะมีหลักในการตรวจสอบว่าหากองค์ประกอบต่างๆ ทั้ง ๔ ข้อต่อไปนี้ครบหมดจัดว่าผิดศีล หรือว่าศีลขาดจัดว่าทำกรรมอันเป็นบาปขึ้นครับ

(๑) เรื่องที่พูดไม่จริง
(๒ )จิตคิดจะพูดเท็จ
(๓) มีความเพียรในการกล่าวเท็จ
(๔) ผู้ฟังเชื่อตามที่กล่าวนั้น


ดังนั้นถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้ครบถ้วนเขาก็ถือว่าผิดศีลครับ แต่หากว่าไม่ครบจัดว่ายังไม่บาป แต่ว่าศีลด่างพร้อยไปแล้วครับ แต่อาจจะไปจัดเข้าการผิดศีลข้อสัมผัปปลาปแทน ได้แก่ พูดเพ้อเจ้อ ก็ได้ครับ เพราะจัดเป็นสิ่งที่ไร้สาระ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ฟัง หรือทำให้ผู้ฟังเสียผลประโยชน์เดือดร้อนขึ้นได้

แต่ทั้งนี้ขอให้เราพยายามมองโลกในแง่ดี มีเมตตาต่อกันนะครับ ไม่ต้องไปโกรธเขา เขาอาจจะทำไปตามตำราที่เรียนมาในอาชีพ เพราะหากเราโกรธเขา เราเองก็เดือดร้อนได้ หากโกรธไปแล้วก็ให้พยายามมีสติ ระงับความโกรธปล่อยวาง เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดปรุงแต่งไปอยากให้เขาต้องเดือดร้อนคืนอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้นมาได้ ซึ่งนั่นเองที่จะเป็นบาปแก่เราแทน

เรื่องดวงนี้ โดยปกติจะมีที่มาจากความไม่รู้ ความกลัว หาทางออกไม่ได้ และการขาดขวัญกำลังใจ เพื่อต้องการรู้ เพื่อจะได้ไม่กล้ว หาทางออกได้ มีกำลังใจขึ้น จึงได้ไปดูดวงกัน นี่ว่าโดยทั่วไปนะครับ แต่บางทีอาจลืมนึกไปว่าศาตร์ต่างๆ เหล่านี้ย่อมมีผิดพลาดได้เสมอ ไม่แน่นอนนะครับ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาได้จริง ดังนั้นหากจะให้ดี เราควรจะพึ่งกฏแห่งกรรม พึ่งพระรัตนตรัย ทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น ทำทาน, รักษาศีล, ฝึกสมาธิ หรือเจริญวิปัสสนา, ศึกษามงคลชีวิต เป็นต้น ซึ่งจะทำให้เราเกิดความรู้ ฉลาดขึ้น มีความแกล้วกล้า หาทางออกได้ มีขวัญกำลังใจ ชีวิตเจริญก้าวหน้าขึ้นครับ หรือถึงตอนที่เกิดความทุกข์ใดๆ ขึ้นกับชีวิตเราก็จะแก้ไขปัญหา หรือหากแก้ไขไม่ได้ก็ทำใจได้ไม่ทุกข์มากครับ

ลองไปพิจารณาดูนะครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 12:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


หมอดูแม่นๆ...มาแล้วจ้า...
เป็นปัญหาใหญ่เหลือเกิน... เพราะผู้คนทั้งหลายหวังจะไปแก้ทุกข์ แต่ กลับไปหอบความทุกข์มานอนกอดทุกวันทุกคืน เพราะไปได้ยินเรื่องบาดใจมาจากหมอดูกันเป็นอันมาก ตกลงว่า อุตส่าห์เดินทางไปเสียสตางค์ให้หมอดูโดยไปซื้อความทุกข์กลับมาบ้าน นี่มันอะไรกันเล่า?

ถามว่า ท่านจะเชื่อหมอดู หรือจะเชื่อเรื่องกรรมกันดี?
หากท่านเชื่อหมอดู ท่านย่อมเป็นทุกข์ใจไปอย่างนี้ ....ดีไม่ดี ปล่อยจิตใจเศร้าหมองหลงไปกับบาปมากมาย พาใจให้เคร่งเครียดฟุ้งซ่านมาก ....ทำเสียใจเอ๋อไปเลย ....กลายเป็นเครียดเหม่อลอยจนต้องประสบเคราะห์ร้ายเอาเข้าจริงๆจนได้....[u] เรียกว่า ไม่มีทุกข์ หาทุกข์ใส่ตัว

[/u]
หากท่านหันกลับมาเชื่อเรื่องกรรม ท่านจะปลอดโปร่งโล่งใจ ถ้าเพียรทำแต่ความดี...
เพราะอาศัยศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า บุคคลย่อมรู้ว่า ตนนั้นย่อมสมควรที่จะเพียรเจริญกุศล โดยเฉพาะศีลกุศล
เพราะคนที่ไม่มีศีลย่อมเบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ย่อมทำชีวิตของผู้อื่นให้ตกล่วงลงไป ย่อมยักยอกทรัพย์ของคนอื่น ทำความทุกข์เดืดร้อนแก่คนอื่น พรากลูกพรากเมียคนอื่น ทำความแตกร้าวแก่ครอบครัวคนอื่นเขา ย่อมโป้ปดมดเท็จ ย่อมเป็นผู้มัวเมา
กรรมอย่างนี้ เวลาเผล็ดผล ก็ย่อมตรงกับเหตุที่ตนได้กระทำนั่นแหละ ดังนั้น ท่านทั้งสองจงมีศีลเป็นผู้คุ้มครองอย่างเคร่งครัดทุกๆข้อเลย... เอาแค่ศีลห้านี่แหละ


มาดแม้ว่า บาปในกาลก่อนตนอาจจะเคยหลงเบียดเบียนคนอื่นมา กระทำกรรมชั่วเพราะหลงไปตามใจกิเลส ...แต่บุญอย่างใหม่ที่เคร่งครัดและเข้มแข็ง ย่อมยังอุปการะตนเองได้ ย่อมเกียดกันผองภัยไม่ให้กล้ำกรายได้
เรื่องนี้ มิใช่จะอ้อนวอนร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ท่านจะต้องกระทำเหตุขึ้นมา ให้ตรงกับผลที่ตนต้องการ
ดังนั้น ศีลนั้นจงเป็นหัวใจหลักแห่งการดำเนินชีวิตอย่างเคร่งครัดของท่านทั้งหลาย
อย่าดูหมิ่นว่าบาปนั้นเล็กน้อย
วัวตัวหนึ่งแบกน้ำหนักเต็มแปร้มาแล้ว เพียงชาวนานำกระสอบฝ้ายเบาๆวางไว้อีกเพียงเล็กน้อย วัวนั้นก็ถึงคราวหลังหักลงมาได้


เราไม่รู้หรอกว่า เราเคยกระทำบาปไว้ในอดีตหนาแน่นแค่ไหน?.... อาศัยรอปัจจัยแห่งบาปอย่างใหม่อีกเพียงเล็กน้อย เราก็อาจจะถึงคราวย่อยยับได้ เหมือนวัวผู้แบกของหนักหลังหักอย่างนั้น
เรื่องนี้ จึงสมควร ไม่ประมาทอย่างยิ่ง ....จงดำรงตนมั่นในศีลเป็นเอกทีเดียว และหมั่นเจริญบุญอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง คราวนี้ หมอดูที่ไหนๆในโลกนี้ ก็ไม่แม่นเพราะเหตุนั้นเปลี่ยนไปเสียแล้ว..
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสเตือนว่า...หากเธออยากจะรู้อนาคตของเธอ ว่าจะดีร้ายประการใด เธอก็จงดูที่กาย วาจา และใจของเธอในบัดนี้ว่า เป็นไปกับกุศลหรืออกุศล เธอย่อมรู้อนาคตของเธอได้ด้วยตัวของเธอเอง ...ดูเสียตั้งแต่บัดนี้ ก่อนที่จะสายเกินไป....


ทีนี้.....
เราท่านก็มาลองพิจารณาสภาวธรรมของผู้เป็นหมอดูกันดูว่า เป็นไปกับอะไรได้บ้าง


ในโลกนี้ มีหลายท่านที่สนใจในความรู้ในเชิงสถิติอย่างนี้ เขาย่อมสามารถแนะนำผู้คนให้เจริญบุญเพื่ออุปการะตนเองด้วยความเมตตา..แม้แต่ ในสมัยพุทธกาล ก็มีพระเถระบางองค์ที่ท่านสามารถหยั่งรู้อนาคตได้ ท่านก็ได้แต่แนะนำ ห้ามปรามปัจจัยที่จะเป็นผลเสียแก่บุคคลเหล่านั้น..ท่านทำเพราะความเมตตาและ กรุณาเป็นพื้นฐานทีเดียว อย่างนี้ ก็เป็นกุศลได้ เพราะทำด้วยจิตที่คิดกรุณา

ในโลกนี้ ก็มีหลายคนที่เคยสั่งสมความชำนาญในเรื่องวิชาเหล่านี้มา เขาถึงคราวอับจน ก็ได้อาศัยวิชานี้ ทำมาหากินโดยชอบ เขาย่อมสำรวมในการพูด ในการบอก แม้จะเป็นอาชีพ เขาก็พึงหวังแต่เพียงค่าจ้างตามสมควร แต่เวลาบอกกล่าวเขาก็ทำด้วยจิตที่คิดกรุณาเอื้อเฟื้อ อย่างนี้ก็ยังเห็นว่า เป็นไปเพื่อความผาสุกของผู้คนได้ เขาย่อมแนะนำให้ผู้คนประพฤติปฏิบัติตั้งตนให้ชอบอยู่ในธรรม ไม่กล่าวจู่โจมอนาคต ไม่ข่ม ไม่ขู่ เพราะรู้ว่า วิบากนั้นมีกรรมเป็นตัวแปร เขาจึงเพียรแนะนำให้ผู้คนทำแต่ความดี มีการรักษาศีล เป็นต้น

ในโลกนี้ มีหมอดูจำนวนมาก เพ่งเล็งในลาภที่ตนพึงได้ กระทำการข่มขู่บ้าง ผูกมัดคนดูหมอในอาการต่างๆบ้าง เรียกค่าดูมากมายบ้าง แนะนำวิธีการผิดๆไปเพื่อล่อใจให้ผู้คนหลงไปในลาภบ้าง ตนเองได้อาศัยความต้องการคือความโลภแห่งตนซ่อนอยู่ แนะนำผิด เพราะตนเองก็มีความเห็นผิด แก้ไข สะเดาะห์ไปตามเรื่องตามราวมากมาย วุ่นวายน่าดูน่าชม

มีหมอดูบางคน ทำนายคนๆหนึ่งไว้ว่า เขาจะประสบโชคดีมหาศาลหากมีลูกอีกหนึ่งคน ปรากฏว่า คนๆนั้นตั้งใจที่จะมีลูกเพราะปรารถนาในลาภ พอได้ลูกอีกคนหนึ่งมา ก็ปรากฏว่าได้ลูกพิการมาเชยชม
จริงอยู่ วิบากแห่งคนๆนั้นย่อมเป็นผลกรรมของเขานั่นแหละ ไม่ใช่เพราะหมอดูมาทำให้ลูกพิการ แต่การชักชวนคือ ปโยคะของหมอดูนั้น เป็นปัจจัย ทำให้บุคคลนั้นเกิดความโลภ..เพราะหมอดูนั้น ไม่ได้ล่วงรู้ถึงกรรม ผลของกรรม ดังนั้น โดยมากก็จะเป็นบาปของหมอดูเสียเป็นอันมากทีเดียว


.........พึงเชิญเพื่อนของท่านเข้ามาอ่านสาระอันกัลยาณมิตรในที่นี่แนะนำไว้ดีแล้วเถิด เพราะทั้งท่านแลเพื่อนกำลังถูกอกุศลวิบากเล่นงานอยู่ด้วยวิตกอันเกิดจากคำพูดของใครก็ไม่รู้ ซึ่งก็ไม่มีใครทราบว่าเป็นผู้มีศีลหรือประพฤติธรรมอันใดอยู่ แล้วยุติความกลัวตายอันรังแต่จะฉุดลากตนเองนั่นแหละไปสู่หายนะเพราะขาดสติอันเป็นเครื่องคุ้มครองตัวนั่นแหละ

พึงเน้นเตือนตนเองเสมอว่าหากจะหากัลยาณมิตร อย่าไปหาหมอดูเพราะไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม แต่พึงเข้าหาพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์อันเป็นยอดแห่งที่พึ่งที่แท้จริงในโลกนี้ เพราะเมื่อได้ที่พึ่งเช่นนี้แม้ความตายก็ไม่ิาจทำท่านให้หวั่นไหวได้เลย

ขอให้พ้นทุกข์และพบสรณะที่แท้จริงครับ

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


"ดูหมอ" แล้วอย่าลืม"ดูใจตัวเอง" ด้วยเน้อ


เราชอบให้คนอื่นมาดูเรา (ให้หมอดุมาดูเรา)
แล้วเราก็ไปดูเขาเน้อ (แล้วเราก้ไปดูหมอว่ามุสา)
ดูกันไปดูกันมา .. :b34:

แต่อย่าลืมหันมาดูใจตัวเองเน้อ
สังเกตุว่าที่อยากดูหมอ เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันเน้อ
อยากรู้อนาคต จริงไม่จริงไม่รู้แต่อยากดู ไม่อยากอยู่กับปัจจุบัน

เพียรรู้อยู่กับปัจจุบันนะเน้อ
:b8:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 21:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อก่อนก็ชอบนะ ชอบตามเพื่อน เพื่อนชอบพาไปให้หมอดู เชื่อในเรื่องดวง เรื่องโชคชะตา

แต่ถ้าเรามีสติเป็นพิเภก เราไม่ต้องไปหาหมอดูที่ไหน เพราะเราสามารถอ่านตัวออก บอกตัวได้ ใช้ตัวเป็น เห็นตัวตาย คลายทิฎฐิ เราจะมีแต่การสร้างเหตุที่เป็นแต่กุศล ส่วนหมอดูทั่วๆไปที่ว่าแม่นแสนแม่น เขาไม่สามารถทำนายทายทักอะไรเราไม่ได้เลย นิดเดียวก็ไม่มี คือ เคยลองมาแล้ว เขาดูได้แต่อดีต ส่วนปัจจุบันกับอนาคตนี่เขาดูเราไม่ได้เลย .. ทำนายทายทักมาผิดหมด ..

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คนสองศอ เขียน:
บังเอิญได้ไปกับเพื่อน เขาชวนไปดูดวง การทำนายทายทักก็เกิดขึ้น เขาจะทายไปสรรพัด ผมก็เลยถามหมอดูว่า เรื่องที่ทายจะเกิดมั๊ยครับ เขาบอกว่า เกิดแน่นอน ถ้าไม่เกิดมาเผาตำราเขาได้เลย เขาทายว่าจะเกิดอุบัติเหตุ กับเพื่อนผม เล่นทายทายแบบนี้ มันไม่กล้าขับรถเลย เนื่องจากรถไม่มีประกันชั้น 1 ก็เดือดร้อนเราสิ เพราะต้องไปรับไปส่งมันตลอด เราก็บอกว่า เอางี้สิ เอ็งไปทำบุญสิ เผื่อหนักจะได้กลายเป็นเบาได้ มันก็ไปทำ แต่ก็ไม่กล้าขับรถอยู่ดี จนกว่า ช่วงเคราะห์จะหมด ก็ราวเดือนหนึ่ง แหม่หมอดูเล่นทายแบบนี้ก็เดือดร้อนเราสิ คราวนี้ผมก็เกิดสงสัยว่า ถ้าเกิดสมมุติว่าสิ่งที่เขาหมอดูทายมาไม่เกิดละ แบบนี้หมอดูคนนี้จะเข้าข่ายมุสามั๊ย แต่ผลกระทบชัวร์ๆละ คือเดือดร้อนเรา จะต้องคอยไปรับส่งเพื่อน :b33: แล้วแบบนี้ จะผิดศีลข้อไหนอีกหรือเปล่าครับ เพราะเท่าที่สังเกตุ ผมเห็นคนไปเสียเงินสะเดาะห์กับหมอดูก็มีครับ

ไหนๆก็ถามแล้วขอถามนอกเรื่องอีกหน่อย ถ้ามีหมอดูไปทายคนนั้นคนนี้ ว่าท้องก่อนแต่ง แบบนี้เข้าข่ายผิดศีลข้อให้ครับ และผลของการผิดแบบนี้จะทำให้คนเหล่านี้เป็นเช่นไร (ในแง่ศีลธรรมครับ)


สวัสดีค่ะคุณคนสองศอ :b8:

ที่ให้การอนุโมทนาและให้เหรียญกับการทำความดีกับคุณเพราะว่าคุณมีเมตตาต่อเพื่อนค่ะ ถึงแม้ว่าจะภาวะจำยอมก็ตามเถอะ :b1:

เดือนเดียวเองค่ะ อนุเคราะห์เพื่อนน่ะดีแล้วค่ะ คุณได้สร้างกุศลโดยไม่ได้เจตนาเลยนะคะเนี่ย เผื่อวันหน้า คุณอาจจะตกรถตกเรือ หรือรถอาจจะเสีย คุณก็จะเจอผูมาอนุเคราะห์คุณเหมือนที่คุณช่วยเพื่อนแหละค่ะ เจอกับตัวเองมาแล้วค่ะ กุศลส่งผลจริงๆนะคะ .. ส่วนจะจริงหรือไม่จริง ชั่งหัวเถอะค่ะ :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2009, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 มี.ค. 2009, 17:17
โพสต์: 38


 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
"ดูหมอ" แล้วอย่าลืม"ดูใจตัวเอง" ด้วยเน้อ


เราชอบให้คนอื่นมาดูเรา (ให้หมอดุมาดูเรา)
แล้วเราก็ไปดูเขาเน้อ (แล้วเราก้ไปดูหมอว่ามุสา)
ดูกันไปดูกันมา .. :b34:

แต่อย่าลืมหันมาดูใจตัวเองเน้อ
สังเกตุว่าที่อยากดูหมอ เพราะใจไม่อยู่กับปัจจุบันเน้อ
อยากรู้อนาคต จริงไม่จริงไม่รู้แต่อยากดู ไม่อยากอยู่กับปัจจุบัน

เพียรรู้อยู่กับปัจจุบันนะเน้อ
:b8:


:b4: -ขอแจม หน่อยเน้อ "ท่านคามินธรรม"


:b26: เหมือนข้าพเจ้าเลย เพื่อนชวนไปดูหมอ
เราก็ถามว่า จะไป "ดูหมอ" หรือ ไปให้ "หมอดู"
เพื่อนตอบว่า ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง แล้วยังอุตส่าห์ขยายความนะว่า
ไปให้ คน " มีอาชีพดูดวง " เขาตรวจดูดวงชะตาให้ ไง
สรุป ก็หมอดู นั่นแหละ
แถม พอไปถึงคุณหมอดู ยังบอกเราว่า มาดูหมอทำไม ตัวเองก็เป็นหมอดู อยู่แล้ว
เฮ้อ! ตั้งแต่นั้นมา ข้าพเจ้า ก็เลิกทั้งดูหมอ และ ไปให้หมอดู มาจนทุกวันนี้..
ตู่เล้ง..ตู่เล้ง..ตู่เล้ง

.....................................................
ชีวิตที่เหลือเพื่อธรรมะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 8 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 52 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร