วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 14:24  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 21:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


(กินส้มตำอีกสักครกหนึ่ง เจ้านี้ใส่ปลาร้า :b32: )

ถามท่านลุงใหญ่ ตอนนี้ร่างกายยังโปร่งแสงประเทืองเรืองรองประดุจแสงหิ้งห้อยน้อยใหญ่ตามป่าชายเลนอยู่อีกไหมขอรับ :b32:

ฟังเพลงนี้นะขอรับ เนื้อเพลงประโยคแรก :b12:

http://www.charyen.com/jukebox/play.php?id=11405

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 20 มี.ค. 2009, 07:06, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 มิ.ย. 2008, 22:48
โพสต์: 1173


 ข้อมูลส่วนตัว


ทำสมาธิต้องค่อยๆหัดไป จะนั่งทำ นอนทำ ยืนทำ เดินทำ ก็ได้ทั้งนั้น


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 07:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณลุงใหญ่เห็นด้วยกับคุณพลศักดิ์ไหมขอรับ หรือ ว่ามีอะไรมากไปกว่านั้นขอรับ :b16:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 08:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้เริ่มฝึกหัดปฏิบัติกรรมฐาน ควรศึกษาหลักการปฏิบัติเบื้องต้นให้เข้าใจ แล้วการปฏิบัติจะสำเร็จประโยชน์
สมปรารถนา



กระบวนการปฏิบัติ


๑. สิ่งที่ประกอบ หรือ สิ่งที่ร่วมอยู่ในกระบวนการปฏิบัติ มี ๒ ฝ่าย คือ
ฝ่ายที่ทำ (= ตัวการที่คอยกำหนด หรือ คอยสังเกตเพ่งพิจารณา)
กับ
ฝ่ายที่ถูกทำ (= สิ่งที่ถูกกำหนด หรือ ถูกสังเกตเพ่งพิจารณา)

๒. องค์ประกอบฝ่ายที่ถูกทำหรือถูกกำหนดเพ่งพิจารณา ก็คือสิ่งธรรมดาสามัญที่มีอยู่กับตัวของทุกคน
นั่นเอง เช่น ร่างกาย การเคลื่อนไหวของร่างกาย ความรู้สึกนึกคิดต่างๆ เฉพาะที่เป็นปัจจุบัน คือ
ที่กำลังเกิดขึ้น เป็นไปอยู๋ในขณะนั้นๆเท่านั้น

๓. องค์ประกอบฝ่ายที่ทำ คือ คอยกำหนดคอยเพ่งพิจารณา เป็นตัวการหลักของสติปัฏฐาน ได้แก่ สติ
กับ
สัมปชัญญะ

สติเป็นตัวเกาะจับสิ่งที่จะพิจารณาเอาไว้
สัมปชัญญะ เป็นตัวปัญญา ตระหนักรู้สิ่ง หรือ อาการที่ถูกพิจารณานั้น คือ เข้าใจสิ่งนั้น หรือ
การกระทำนั้นตามความเป็นจริง โดยไม่เอาความรู้สึกของตนเข้าเคลือบ


มีข้อที่ควรระวังเกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่อาจเป็นเหตุให้ปฏิบัติผิดพลาดเสียผลได้ กล่าวคือ

บางคนเข้าใจความหมายของคำแปล สติ ที่ว่าระลึกได้
และ
สัมปชัญญะ ที่แปลว่า รู้ตัว ผิดพลาดไป
โดยเอาสติ มากำหนดนึกถึงตนเอง และ รู้สึกตัวว่า ฉันกำลังทำนั่นทำนี่ กลายเป็นการสร้างภาพตัวตนขึ้นมา
แล้วจิตก็ไปจดจ่ออยู่กับภาพตัวตนอันนั้น เกิดความเกร็งตัวขึ้นมา หรือ อย่างน้อยจิตก็ไม่ได้อยู่ที่งาน (= หรือ
กรรมฐาน ) ทำให้งานที่กำลังทำนั้น แทนที่จะได้ผลดี ก็กลับกลายเป็นเสียไป

สำหรับคนที่เข้าใจผิดเช่นว่านั้น พึงมองความหมายของ สติ ในแง่ว่า การนึกไว้
การคุมจิตไว้กับอารมณ์
การคุมจิตไว้กับกิจที่กำลังกระทำ หรือ คุมจิตไว้ในกระแสของการทำกิจ
และ
มองความหมายของสัมปชัญญะในแง่ว่า การรู้ชัดสิ่งที่นึกไว้ หรือ รู้ชัดสิ่งที่กำลังกระทำ
กล่าวคือ มิใช่เอาสติมากำหนดตัวตน (= ว่าฉันทำนั่นทำนี่)
ให้นึกถึงงาน (= สิ่งที่กำลังทำ) มิใช่นึกถึงตัวผู้ทำ

ให้สติติดตามกำหนดอยู่กับสิ่งที่กำลังกระทำ หรือ กำลังเป็นไป จนไม่มีโอกาสนึกถึงตัวเอง หรือ ตัวผู้ทำเลย
คือ
ใจอยู่กับสิ่งที่ทำนั้น จนกระทั่งความรู้สึกว่า ตัวฉัน หรือ ความรู้สึกต่อตัวผู้ทำไม่มีโอกาสเกิดขึ้นเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 09:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว




.gif
.gif [ 77.83 KiB | เปิดดู 4200 ครั้ง ]
***** ค้นมาให้ เจ้าของกระทู้นี้อ่านครับ เพื่อประโยชน์ในการทำสมาธิภาวนา *****

กรรมฐานมี ๒ ประเภท คือ :b39: :b39: :b42:
สมถกรรมฐาน สมถกรรมฐาน กรรมฐานชนิดนี้เป็นอุบายให้ใจสงบคือ ใจที่อบรมในทางสมถแล้ว จะเกิดนิ่งและเกาะอยู่กับอารมณ์หนึ่งเพียงอย่างเดียว อารมณ์ของสมถกรรมฐานนั้น แบ่งออกเป็น ๔๐ กอง คือ กสิณ ๑๐ อสุภ ๑๐ อนุสติ ๑๐ พรหมวิหาร ๔ อาหาเรปฏิกูลสัญญา ๑ จตุธาตวัฏฐาน ๑ อรูปธรรม ๔

วิปัสสนากรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน เป็นอุบายให้เรืองปัญญา คือ เกิดปัญญาเห็นแจ้ง หมายความว่า เห็นปัจจุบัน เห็นรูปนาม เห็นพระไตรลักษณ์และเห็น มรรค ผล นิพพาน



การนั่งสมาธิ :b40: :b39:

วิธีนั่ง ให้นั่งขัดสมาธิ คือ ขาขวาทับขาซ้าย นั่งตัวตรง หลับตา เอาสติมาจับอยู่ที่สะดือที่ท้องพองยุบ เวลาหายใจเข้าท้องพอง กำหนดว่า “พอง หนอ” ใจนึกกับท้องที่พองต้องให้ทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน หายใจออกท้องยุบ กำหนดว่า “ยุบ หนอ” ใจนึกกับท้องที่ยุบต้องทันกัน อย่าให้ก่อนหรือหลังกัน

ข้อสำคัญให้สติจับอยู่ที่พอง ยุบ เท่านั้น อย่าดูลมที่จมูก อย่าตะเบ็งท้องให้มีความรู้สึกตามความ เป็นจริงว่าท้องพองไปข้างหน้า ท้องยุบมาทางหลัง อย่าให้เห็นเป็นไปว่า ท้องพองขึ้นข้างบน ท้องยุบลงข้างล่าง ให้กำหนดเช่นนี้ตลอดไป จนกว่าจะถึงเวลาที่กำหนด

เมื่อมีเวทนา เวทนาเป็นเรื่องสำคัญที่สุด จะต้องบังเกิดขึ้นกับผู้ปฏิบัติแน่นอน จะต้องมีความอดทน เป็นการสร้างขันติบารมีไปด้วย ถ้าผู้ปฏิบัติขาดความอดทนเสียแล้ว การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้นก็ล้มเหลว ในขณะที่นั่งหรือเดินจงกรมอยู่นั้น ถ้ามีเวทนาความเจ็บ ปวด เมื่อย คัน ๆ เกิดขึ้น ให้หยุดเดิน หรือหยุดกำหนดพองยุบ ให้เอาสติไปตั้งไว้ที่เวทนาเกิด และกำหนดไปตามความเป็นจริงว่า “ปวดหนอ ๆ ๆ” “เจ็บหนอ ๆ ๆ” “คันหนอ ๆ ๆ” เป็นต้น ให้กำหนดไปเรื่อย ๆ จนกว่าเวทนาจะหายไป เมื่อเวทนาหายไปแล้ว ก็ให้กำหนดนั่งหรือเดินต่อไป

จิต เวลานั่งอยู่หรือเดินอยู่ ถ้าจิตคิดถึงบ้าน คิดถึงทรัพย์สินหรือคิดฟุ้งซ่านต่าง ๆ นานา ก็ให้เอาสติปักลงที่ลิ้นปี่พร้อมกับกำหนดว่า “คิดหนอ ๆ ๆ ๆ” ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจิตจะหยุดคิด แม้ดีใจ เสียใจ หรือโกรธ ก็กำหนด เช่นเดียวกันว่า “ดีใจหนอ ๆ ๆ ๆ” “เสียใจหนอ ๆ ๆ ๆ” “โกรธ หนอ ๆ ๆ ๆ” เป็นต้น


(วิธีปฏิบัติแบบยุบหนอ พองหนอ อาจจะยากสำหรับผู้ที่เริ่มปฏิบัติใหม่ แต่ปฏิบัติไปนานๆ จะคล่องแล้วชินเอง วิธีนี้มีคนปฏิบัติเยอะพอๆกับทำสมาธิแบบพุทโธ(กำหนดลมที่ปลายจมูก) ) :b41:
แหล่งที่มา: http://www.jarun.org/v6/th/dhamma-meditation.html

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 10:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 ก.พ. 2009, 02:06
โพสต์: 811

อายุ: 0
ที่อยู่: มหานคร

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอให้คุณ rujirabum เก็บคำแนะนำดีๆของเพื่อนสมาชิก
เพื่อเป็นแนวทางต่อไป
และขออนุโมทนาต่อทุกความเห็น ในแบบที่สร้างสรรค์ด้วยครับ


:b8: :b12: :b16: :b4: :b8:

.....................................................
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลก มันถูกต้องอยู่แล้ว มีแต่ความเห็นของเราเท่านั้นที่ผิด (หลวงพ่อชา สุภัทโท)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 10:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 11:02
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบคุณท่านกรัชกาย และทุกท่านค่ะ ที่สะละเวลาตอบกระทู้ ของดิฉันค่ะ ซึ่งอ่านแล้วพอที่จะทำความเข้าใจได้ในระดับหนึ่งค่ะ :b12: :b12:

.....................................................
ทำดีไม่จำเป็นต้องได้ดี...ที่ทำดี...เพราะว่ามันดี ...... พุทโธ พุทโธ พุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 13:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุณยังมีความคิดที่ต่ำ อันแสดงถึงสมองสติปัญญาที่เลวทรามอีกด้วยขอรับ


คุณลุงใหญ่กล่าวพาดพิง คำว่า ปัญญาไว้ แต่ไม่ได้ขยายความว่า แค่ไหนเพียงใด ปัญญา
พูดคำศัพท์ สติปัญญา เป็นต้น แต่ไม่รู้สาระของศัพท์เหล่านั้น พูดปล่อยๆ ให้ผู้เริ่มศึกษาคาดเดากันเอง

ปัญญามีหลายขั้นหลายระดับ จะนำขั้นที่ท่านจัดเป็นชุดไว้มาให้ทำความเข้าใจ ได้แก่ปัญญาที่เป็นคุณสมบัติ
ของพระอริยบุคคล (ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา)
ส่วนปัญญานอกจากนี้ พึงเทียบเคียงดู

ปัญญา แปลว่า ความรู้ทั่ว หรือ รู้ชัด ได้แก่ ความเข้าใจ ความหยั่งรู้เหตุผล หรือ ความรู้ประเภทแยกคัดจัดสรร และ วินิจฉัย คือ แยกแยะวินิจฉัยได้ว่า จริง เท็จ ดี ชั่ว ถูก ผิด ควร
ไม่ควร ประโยชน์ มิใช่ประโยชน์
รู้ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล หรือ ปัจจัยต่างๆ รู้ภาวะตามเป็นจริงของสิ่งต่างๆ รู้ว่าจะนำไปใช้
หรือ ปฏิบัติอย่างไร จึงจะแก้ปัญหาได้ หรือ ให้สำเร็จผลที่มุ่งหมาย
เป็นความรู้ระดับใช้งานหรือแก้ปัญหา แต่ในที่นี้ท่านหมายถึงเฉพาะความรู้ ที่จะใช้แก้ปัญหาชีวิตของมนุษย์คือ ดับทุกข์
หรือ พูดอีกอย่างหนึ่ง ความรู้ที่จะทำให้รู้จักดำเนินชีวิตให้ถูกต้องดีงาม ไม่ให้เกิดปัญหา ไม่ให้เป็นที่มา
ของทุกข์ ซึ่งมีวิธีพูดได้หลายแง่หลายด้าน เช่นว่า ความเข้าใจโลกและชีวิตตามความเป็นจริง หรือ รู้อริยสัจ หรือ มองเห็นปฏิจจสมุปบาท หรือ ความคิดเหตุผลที่ไม่ถูกนิวรณ์ ๕ ครอบงำ หรือ ที่ท่านแสดงไว้เป็นความหมายของปัญญาสัมปทา ในฐานะคุณสมบัติของอริยสาวกว่า ปัญญาที่หยั่งถึงความเกิดขึ้นและความเสื่อมสิ้นไป - (หรือ รู้เท่าทันคติธรรมดาของโลกและชีวิต เช่น เกิดแก่เจ็บตาย ความเจริญและความเสื่อม) อันเป็นอริยะ ทะลวงกิเลสได้ (หรือ เจาะสัจธรรมได้) มีชื่อเฉพาะว่า
นิพเพธิกปัญญา อันจะให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ
แต่ไม่ว่า จะบรรยายโดยสำนวนความอย่างใด ก็มีสาระสำคัญอย่างเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 13:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จขกท. ค่อยๆติดตามอ่านนะครับ อย่าเพิ่งหนีไปสะก่อน กรัชกายกับคุณลุงใหญ่ จะสนทนาธรรมกัน แล้ว
คุณจับสาระเรื่องที่สนทนากันให้ดี

แล้วก็ฝากไปถึงคุณลุงใหญ่ด้วย อย่าเพิ่งท้อไปสะก่อนนะครับ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 13:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 11:02
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านดูแล้วก้ได้สาระดี ดี เยอะดีนะค่ะ แต่ดูเหมือนพวกคุณ คุณ กำลังทะเลาะกันเลย.....แต่ถึงขนาดนี้ก็ยังมีสาระ :b32: :b32:

.....................................................
ทำดีไม่จำเป็นต้องได้ดี...ที่ทำดี...เพราะว่ามันดี ...... พุทโธ พุทโธ พุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 14:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกายกับคุณลุงใหญ่ รู้จักกัน เคยสนทนากันมาบ้างแล้วครับ กรัชกายไม่ทะเลาะกับผู้ใหญ่หรอกครับ
สบายใจได้
คุณ ariyachon เป็นสมาชิกใหม่ เป็นน้องใหม่ ไม่เคยเห็น อาจมองในแง่นั้นได้ อีกหน่อยก็ชินไปเอง
ครับ :b32:
แหม !! ไม่น่าบอกความในใจเลย เดี๋ยวลุงใหญ่รู้ทัน ล้วงความลับไม่ได้ :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 18:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดียามเย็นค่ะคุณกรัชกาย :b1:

แค่คืนเดียวเอง เหรียญถูกไวรัสรับประทานหมดแล้วหรือคะ แถมติดลบอีกต่างหาก :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 18:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


มีลาภ - เสื่อมลาภ
มีเหรียญ - เสื่อมเหรียญ

ปล.
ไม่มีปุ่มให้กดเสื่อมเหรียญ - เหรียญก็ไม่เสื่อม
อุๆๆ ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ :b32:

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 18:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คามินธรรม เขียน:
มีลาภ - เสื่อมลาภ
มีเหรียญ - เสื่อมเหรียญ

ปล.
ไม่มีปุ่มให้กดเสื่อมเหรียญ - เหรียญก็ไม่เสื่อม
อุๆๆ ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ :b32:



โดนเลยค่ะ :b2:

ว่าจะให้สักเหรียญ ... ดูแล้วไม่มี เลยให้ไม่ได้ค่ะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2009, 19:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5975

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
คามินธรรม เขียน:
มีลาภ - เสื่อมลาภ
มีเหรียญ - เสื่อมเหรียญ

ปล.
ไม่มีปุ่มให้กดเสื่อมเหรียญ - เหรียญก็ไม่เสื่อม
อุๆๆ ไม่สงวนลิขสิทธิ์นะ :b32:



โดนเลยค่ะ :b2:

ว่าจะให้สักเหรียญ ... ดูแล้วไม่มี เลยให้ไม่ได้ค่ะ :b32:



มัวแต่หัวเราะขำชาวบ้าน :b2:

ตัวเองโดนตั้งแต่เมื่อไหร่แฮะ :b32:

แหมมม ... อธิคมจ๋าๆๆๆๆๆ ติดลบแค่ 5 ทำไมล่ะคร๊า ........

สงสัยตรงไหนน่าจะถามนะคะ เรื่องอารมณ์บัญญัติหาย สภาวะปรมัตถ์เกิดตอนไหน ... ให้ติดลบไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ ของเล่นเด็กๆ เด็กๆอย่างน้องอธิคมเลยชอบเล่น เข้าใจค่ะ :b32:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร