วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 09:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 15:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 11:02
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ทุกวันนี้ดิฉัน สวนมนต์ ก่อนนอน เป็นประจำ แต่ไม่เคยนั้งสมาธิ คือกลัวว่าจะทำไม่ถูกต้องแล้วดวงจิตจะลอยไปที่อื่น เลยอย่ากทราบว่า การนั้งสมาธิ ถ้านั้งสมาธิต่อหน้าพระพุทรูปได้เลยหรือเปล่า หรือว่าการนั้งสมาธิครั้งแรกควรจะให้พระสงฆ์เป็นผู้สอนและให้ความรู้เราก่อนในขั้นแรก และจึงค่อยไปฝึกเองในภายหลัง ขอรยกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วย ขอบคุณค่ะ :b8: :b8:

.....................................................
ทำดีไม่จำเป็นต้องได้ดี...ที่ทำดี...เพราะว่ามันดี ...... พุทโธ พุทโธ พุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


เริ่มที่คำสอนหลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช
http://www.wimutti.net
ืทั้งอ่านหนังสือ ทั้งฟังเทปนะ ฟังมากๆ

คำสอนของหลวงพ่อพุทธ ฐานิโย
http://www.thaniyo.net/ เข้าไปที่ "ฐานิโยธรรม"


คำสอนของหลงปุ่ดุลย์ อตุโล - สอนเรื่องการนั่งสมาธิ
http://www.watdao.com/vipussana/way_dhul.html



ขอเสนอเบื้องต้นสามท่านก่อนเท่านี้ก่อนนะครับ กลัวจะท้อซะก่อน

ทีนี้ขอแนะวิธีเบื้องต้นดังนี้
1. ศึกษาแนวทางให้เข้าใจก่อน จากครูอาจารย์ที่ให้ไป
2. ลงมือปฏิบัติ
3. ถ้าสงสัยก็กลับไปศึกษาให้เข้าใจ


อาหารเสริมที่ต้องทำควบคู่กันไปคือ
1. ทาน - ทั้งหลายให้ทำ มากน้อย ก็ต้องทำ ไม่ให้เดือดร้อนตนเองหรือผู้อื่น
2. ศีล - ตัวนี้สำคัญมาก ถ้าศีลไม่มั่นคงพอ จะนั่งสมาธิให้สงบได้ยาก
3. สมาธิ - ให้เพียรทำตั้งแต่ลืมตา จนหลับตานอน
สมาธิในรูปแบบก้ทำ เจริญสติในชีวิตประจำวันก้ทำ
ทำมากทำน้อย ชั่วแว๋บก้ทำ เก็บเล็กผสมน้อย ไม่ดูแคลนการปฏิบัติเล็กน้อยๆ

ขออนุโมทนาด้วยนะครับที่หันมาสนใจปฏิบัติธรรม
:b8:

การที่คนเราคนนึง
จะเห็นความสำคัญของการปฏิบัติธรรมหรือหันมาให้ความสนใจธรรมะ
มันไม่ง่ายเลยนะ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นยากมาก


คนรู้จักหลายคนมีปัญญามาก การงานดี มีพร้อม
แต่พูดถึงถือศีล ปฏิบัติธรรม ส่ายหน้าส่ายหัวไม่เอาเลยนะ

ผมเชื่อว่าคุณมีบุญวาสนามาแต่เก่าก่อนนะครับ
มีศรัทธาดีแบบนี้ ถ้าได้อาจารย์ดี ไปไกลไปไวนะครับ

.....................................................
อาทิ สีลํ ปติฏฺฐา จ กลฺยาณานญฺจ มาตุกํ
ปมุขํ สพฺพธมฺมานํ ตสฺมา สีลํ วิโสธเย
ศีลเป็นที่พึ่งเบื้องต้น เป็นมารดาของกัลยาณธรรมทั้งหลาย
เป็นประมุขของธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นควรชำระศีลให้บริสุทธิ์
....................................

"หากเป็นคนฉลาดก็มีแต่จะทำให้คนอื่นรักตนเท่านั้น-วาทะคุณกุหลาบสีชา"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


,
rujirabum เขียน:
ทุกวันนี้ดิฉัน สวนมนต์ ก่อนนอน เป็นประจำ แต่ไม่เคยนั้งสมาธิ คือกลัวว่าจะทำไม่ถูกต้องแล้วดวงจิตจะลอยไปที่อื่น เลยอย่ากทราบว่า การนั้งสมาธิ ถ้านั้งสมาธิต่อหน้าพระพุทรูปได้เลยหรือเปล่า หรือว่าการนั้งสมาธิครั้งแรกควรจะให้พระสงฆ์เป็นผู้สอนและให้ความรู้เราก่อนในขั้นแรก และจึงค่อยไปฝึกเองในภายหลัง ขอรยกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วย ขอบคุณค่ะ :b8: :b8:


คุณขอรับ คุณไปรู้ที่ไหนมาว่า นั่งสมาธิ แล้วดวงจิตจะลอยไปที่อื่น ไม่มีดอกขอรับ มันเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งนั้น
คุณจะนั่งต่อหน้าใครก็ได้ทั้งนั้น ถ้าการนั่งนั้น ไม่ใช่เป็นการไม่รู้จักกาละเทศะ
คุณไม่ใช่คนไทย ไม่ได้นับถือศาสนาพุทธดอกหรือขอรับ ถึง ไม่ได้รู้ว่า นั่งสมาธิ เขานั่งกันอย่างไร เขาประชาสัมพันธ์ เผยแพร่กัน ทุกรูปแบบ แม้แต่เด็กประถม ก็ยังรู้เลยขอรับว่า ปฏิบัติสมาธิทำอย่างไร เพราะปัจจุบัน เขาสอนกันในโรงเรียน
สำนักปฏิบัติ ธรรม มีเยอะแยะขอรับ ตามสะดวก ขอรับ ข้าพเจ้าไม่ตอบคำถามของคุณตามตรง เพราะอ่านดูแล้ว รู้สึกไม่ค่อยสนิทใจขอรับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 20:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เค้าเป็นสมาชิกใหม่ ว่าเค้าแรงเกินไปไหม เค้าก็บอกอยู่แล้วว่าไม่รู้ ๆ จึงเข้ามาถาม
เรื่องจิตใจไม่ใช่เรื่องที่เข้าใจง่ายๆ
หากเข้าใจง่ายดังพูด ป่านนี้มนุษย์คงหลุดพ้นจากทุกข์กันหมดแล้ว :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 20:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2008, 17:19
โพสต์: 139

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คือกลัวว่าจะทำไม่ถูกต้องแล้วดวงจิตจะลอยไปที่อื่น


จากประสบการณ์ตัวเองนะคะ
ไม่ทราบว่าเป็นการล่องลอยไปที่อื่นหรือปล่าว
แต่ที่แน่ๆก็คือหลงไปกับความนึกคิด ปรุงแต่ง แล้วก็ยึดถือเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา
ซึ่งผลลัพธ์ก็คือเพี้ยนนั่นเอง

ก็อย่างที่คุณคามินฯแนะนำค่ะ ลองดู
ได้ผลอย่างไร อย่าเก็บไว้กับตัวเอง หรือคิดเอาเอง นำมาปรึกษาในบอร์ดนี้ก็ได้ค่ะ
หรือตั้งกระทู้คุยกับคุณกรัชกายโดยตรง ก็จะได้ความเข้าใจที่ดีๆยิ่งขึ้นไปค่ะ :b4:

.....................................................
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มี.ค. 2009, 21:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 พ.ค. 2008, 17:19
โพสต์: 139

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


นำมาฝากจากลิงค์นี้ค่ะ โดยคุณกุหลาบสีชา

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?p=93707&thanks=93707&to_id=4505#p93707

นั ก ป ฏิ บั ติ ลั ง เ ล ใ จ
พระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)
วัดบูรพาราม อ.เมือง จ.สุรินทร์

ปัจจุบันนี้ศาสนิกชนผู้สนใจในการปฏิบัติฝ่ายวิปัสสนา
มีความงวยงง สงสัยอย่างยิ่งในแนวทางปฏิบัติ
โดยเฉพาะผู้เริ่มต้นสนใจ
เนื่องจากคณจารย์ฝ่ายวิปัสสนาแนะแนวปฏิบัติไม่ตรงกัน

ยิ่งกว่านั้น แทนที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจโดยความเป็นธรรม
ก็กลับทำเหมือนไม่อยากจะยอมรับคณาจารย์สำนักอื่น
ว่าเป็นการถูกต้อง หรือถึงขั้นดูหมิ่นสำนักอื่นไปแล้วก็เคยมีไม่น้อยฯ

ดังนั้น เมื่อมีผู้สงสัยทำนองนี้มาก
และเรียนถามหลวงปู่อยู่บ่อยๆ
จึงได้ยินหลวงปู่อธิบายให้ฟังอยู่เสมอว่า

“การเริ่มต้นวิปัสสนาภาวนานั้น
จะเริ่มโดยวิธีไหนก็ได้
เพราะผลมันเป็นอันเดียวกันอยู่แล้ว

ที่ท่านสอนแนวปฏิบัติไว้หลายแนวนั้น
เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน
จึงต้องมีวัตถุ สี แสง และคำสำหรับบริกรรม
เช่น พุทโธ สัมมาอรหัง เป็นต้น

เพื่อหาจุดใดจุดหนึ่งให้จิตรวมอยู่ก่อน
เมื่อจิตรวม สงบแล้ว คำบริกรรมนั้นก็หลุดหายไปเอง
แล้วก็ถึงรอยเดียวกัน รสเดียวกัน
คือ มี วิมุติ เป็นแก่น มีปัญญา เป็นยิ่ง”

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา
สิ่งนั้นย่อมมีความดับไปเป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 10:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 11:02
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอขอบคุณทุกท่านสำหรับคำตอบและคำแนะนำ....จากที่ได้ศึกษาในเบื้องต้นที่ดิฉันอ่านมานั้น ปรกฏว่าในหนังสือที่อ่านก็บอกไม่เหมือนกันเลยสักเล่ม...จึงทำให้เกิดการสับสนไปบ้างค่ะ....
และหังจากที่ได้อ่านคำตอบจากทุกๆท่าน..ดิฉันจะนำไปใช้และปฏิบัติโดยไม่ย่อท้อและจะทำให้ถึงที่สุดเลยคะ...ขอบคุณสำหลับกำลังใจดีๆนะค่ะ

.....................................................
ทำดีไม่จำเป็นต้องได้ดี...ที่ทำดี...เพราะว่ามันดี ...... พุทโธ พุทโธ พุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 10:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทุกวันนี้ดิฉัน สวนมนต์ ก่อนนอน เป็นประจำ แต่ไม่เคยนั้งสมาธิ คือกลัวว่าจะทำไม่ถูกต้องแล้ว
ดวงจิตจะลอยไปที่อื่น



ไม่หลุดลอยไปไหนอย่างที่เข้าใจหรอกครับ แต่คิดฟุ้งซ่านพล่านไปได้ คิดถึงสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็ได้
คิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึงก็ได้ คิดถึงเรื่องใดคนใด ก็จะเห็นคนนั้นสิ่งนั้นปรากฏภาพในใจเหมือนจริงตามที่คิด
แม้ไม่นั่งสมาธิก็คิดนะครับ เพราะธรรมชาติมันเป็นอย่างนั้น
ดังนั้น ผู้ปฏิบัติกรรมฐานพึงคุมสติให้อยู่กับปัจจุบันอารมณ์ แต่ก็ต้องค่อยๆฝึกครับ
เรื่องนี้มีรายละเอียดมาก รู้คร่าวๆเท่านี้ก่อน


อ้างคำพูด:
เลยอยากทราบว่า การนั่งสมาธิ ถ้านั่งสมาธิต่อหน้าพระพุทธรูปได้เลยหรือเปล่า หรือว่าการนั่งสมาธิครั้งแรกควรจะให้พระสงฆ์เป็นผู้สอนและให้ความรู้เราก่อนในขั้นแรก และจึงค่อยไปฝึกเองในภายหลัง


นั่งตรงไหนก็ได้ครับ ไม่มีข้อห้าม นั่งในห้องก็ได้ นอกห้องก็ได้ ฯลฯ แต่ควรมีผู้รู้แนะนำ คอยให้คำปรึกษาเมื่อมีข้อสงสัย

...

คุณ rujirabum ศึกษาเกี่ยวกับความเป็นมาของพระพุทธศาสนารวมๆ ลิงค์นี้ก่อนก็จะดีครับ

viewtopic.php?f=2&t=19015

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ดิฉันจะนำไปใช้และปฏิบัติโดยไม่ย่อท้อและจะทำให้ถึงที่สุดเลยคะ


ถามหน่อย คุณ rujirabum จะทำกรรมฐานหรือฝึกสมาธิทำไมครับ ไม่ใช่สิ่งง่ายๆเลย
เริ่มจากสวดมนต์เบาๆ ไปก่อนก็ดีแล้ว หรือไงครับ
บอกความรู้สึกหน่อยว่า ทำไมจึงคิดอยากทำกรรมฐานขึ้นมา :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มี.ค. 2009, 11:02
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ดิฉันจะนำไปใช้และปฏิบัติโดยไม่ย่อท้อและจะทำให้ถึงที่สุดเลยคะ


ถามหน่อย คุณ rujirabum จะทำกรรมฐานหรือฝึกสมาธิทำไมครับ ไม่ใช่สิ่งง่ายๆเลย
เริ่มจากสวดมนต์เบาๆ ไปก่อนก็ดีแล้ว หรือไงครับ
บอกความรู้สึกหน่อยว่า ทำไมจึงคิดอยากทำกรรมฐานขึ้นมา :b1:



ขอตอบคุณกรัชกาย เนื่องว่าดิฉันเริมสวดมนต์มาเป็นปีแล้วและทุกๆครั้งที่เปิดหนังสือสวดมนต์ ก่อนที่จะแผ่เมตตา จะมีบทสวดถวายตัวสำหรับกรรมฐาน จึงคิดว่าเราควรที่จะสวดมนต์แล้วก็กรรมฐานก่อนที่จะแผ่เมตตางัย...ถูกต้องไหม ....น่าจะเป็นของคู่กัน เมื่อคิดดังนั้นจึงทำให้นึกว่ากราที่สวดมนต์เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นการปฏิบัติไม่ครบถ้วน จึงอยากจะทำให้ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด. ค่ะ :b1:

.....................................................
ทำดีไม่จำเป็นต้องได้ดี...ที่ทำดี...เพราะว่ามันดี ...... พุทโธ พุทโธ พุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 17:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ขอตอบคุณกรัชกาย เนื่องว่าดิฉันเริมสวดมนต์มาเป็นปีแล้วและทุกๆครั้งที่เปิดหนังสือสวดมนต์ ก่อนที่จะแผ่เมตตา จะมีบทสวดถวายตัวสำหรับกรรมฐาน จึงคิดว่าเราควรที่จะสวดมนต์แล้วก็กรรมฐานก่อนที่จะแผ่เมตตางัย...ถูกต้องไหม ....น่าจะเป็นของคู่กัน เมื่อคิดดังนั้นจึงทำให้นึกว่ากราที่สวดมนต์เพียงอย่างเดียวนั้นเป็นการปฏิบัติไม่ครบถ้วน จึงอยากจะทำให้ครบถ้วนและถูกต้องที่สุด. ค่ะ :b1:


หนังสือสวดมนต์ ผู้รวบรวมบทเรื่อง ก็เก็บรวบรวมบทต่างๆ ที่ชาวพุทธสนใจไว้ให้
ในนั้นเราได้สวดมนต์พอแก่ความต้องการแล้ว แล้วจะอุทิศกุศลจิตที่เกิดจากการสวดนั้นให้สรรพสัตว์เท่านั้นก็ย่อมได้

ส่วนผู้ปฏิบัติกรรมฐาน จะปฏิบัติแต่กรรมฐานอย่างเดียวโดยไม่สวดมนต์ เป็นต้น ก็ได้ การกระทำแต่ละอย่าง
ครบถ้วนกระบวนความอยู่ในตัวของการกระทำแต่ละอย่างๆเองแล้ว

หากพูดให้ตรงเรื่องตรงจุดจริงๆ การสวดบทสวดต่างๆตามหนังสือนั่น ก็เป็นกรรมฐานครับ
เพราะความหมายคำว่า "กรรมฐาน" คือที่ที่ให้จิตทำงาน เมื่อเราสวดมนต์ จิตใจคลอเคลียเกาะเกี่ยวอยู่กับบทสวดนั้นๆเรื่อยไป ก็เป็นการปฏิบัติกรรมฐาน ตามความหมายนี้แล้วครับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 17:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ rujirabum พิจารณา คำว่า กรรมฐานเต็มๆความหมายของศัพท์อีกครั้ง


กรรมฐาน แปลว่า ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิต หรือ ที่ให้จิตทำงาน มีความหมายเป็นทางการว่า สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนา หรือ อุปกรณ์ในการฝึกอบรมจิต หรือ อุบาย หรือ กลวิธี
เหนี่ยวนำสมาธิ
พูดง่ายๆว่า สิ่งที่เอามาให้จิตกำหนด จิตจะได้มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว สงบอยู่ที่ได้
ไม่เที่ยววิ่งเล่นเตลิด หรือ เลื่อนลอยฟุ้งซ่านไปอย่างไร้จุดหมาย
พูดให้สั้นที่สุดว่า สิ่งที่ใช้ฝึกจิต



หรือ อะไรก็ได้ที่พอจิตกำหนดจับแล้ว ชักนำให้จิตอยู่กับสิ่งนั้นๆในขณะนั้นๆ สิ่งนั้นก็เป็น กรรมฐาน ตัวอย่างเช่น กำลังกวาดบ้าน ถูพื้น ล้างจาน ซักผ้า ฯลฯ แล้วจิตอยู่กับงานที่กำลังทำแต่ละขณะๆ
งานนั้นก็เรียกว่า กรรมฐาน
ฯลฯ
กำลังเดิน ไปไหนมาไหน แล้วจิตอยู่กับการเดินไปนั้น การเดินนั้นๆก็เรียกว่า กรรมฐาน

คงพอมองเห็นภาพ กรรมฐาน โดยมุมกว้างแล้ว ต่อไปก็ทำกรรมฐานได้ทุกที่ทุกเวลา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 19 มี.ค. 2009, 20:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 20:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูหลักคำสอนสองส่วนนี้ก่อนนะครับ แล้วค่อยทำความเข้าใจกันต่อไป

ลักษณะทั่วไปของพุทธธรรมนั้น สรุปได้ 2 อย่าง คือ

1. แสดงหลักความจริงสายกลาง ที่เรียกว่า "มัชเฌนธรรม” หรือ เรียกเต็มว่า “มัชเฌนธรรมเทศนา”
ว่าด้วยความจริงตามแนวของเหตุผลบริสุทธิ์ตามกระบวนการของธรรมชาติ นำมาแสดงเพื่อประโยชน์
ในทางปฏิบัติในชีวิตจริงเท่านั้น ไม่ส่งเสริมความพยายามที่จะเข้าถึงสัจธรรม ด้วยวิธีถกเถียงสร้างทฤษฎีต่างๆ ขึ้น แล้วยึดมั่นปกป้องทฤษฎีนั้น ๆ ด้วยการเก็งความจริงทางปรัชญา

2. แสดงข้อปฏิบัติสายกลาง ที่เรียกว่า “มัชฌิมาปฏิปทา” อันเป็นหลักการครองชีวิตของผู้ฝึกอบรมตน
ผู้รู้เท่าทันชีวิต ไม่หลงงมงาย มุ่งผลสำเร็จ คือ ความสุข สะอาด สว่าง สงบ เป็นอิสระ ที่สามารถมองเห็นได้ในชีวิตนี้
ในทางปฏิบัติ ความเป็นสายกลางนี้ เป็นไปโดยสัมพันธ์กับองค์ประกอบอื่นๆ เช่น สภาพชีวิต
ของบรรพชิต หรือ คฤหัสถ์ เป็นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2007, 09:55
โพสต์: 1632


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณผู้ใช่ชื่อว่า "กรัชกาย" อย่างคุณนะหรือจะรู้ลักษณะของพุทธธรรม ที่แท้จริง
แค่ความคิดของคุณ ก็ต่ำอยู่แล้วนะคุณ ไปพิจารณาตัวเองให้มากๆ
แล้วที่ว่า หลักความจริง ทางสายกลาง กับ ข้อปฏิบัติทางสายกลาง นั้นมันมีอะไรบ้างละขอรับ คุณรู้หรือไม่ รู้แล้วทำได้หรือไม่ หรือว่า อวดอุตริฯ แสดงภูมิความรู้เท่านั้น

แค่คุณอ่านข้อแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าคุณยังมีความคิดที่ต่ำ อันแสดงถึงสมองสติปัญญาที่เลวทรามอีกด้วยขอรับ (ขออภัยขอเขียนตรงๆ แม้ไม่สุภาพ ก็ขออภัยไว้ขอรับ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2009, 21:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Buddha เขียน:
คุณผู้ใช่ชื่อว่า "กรัชกาย" อย่างคุณนะหรือจะรู้ลักษณะของพุทธธรรม ที่แท้จริง
แค่ความคิดของคุณ ก็ต่ำอยู่แล้วนะคุณ ไปพิจารณาตัวเองให้มากๆ
แล้วที่ว่า หลักความจริง ทางสายกลาง กับ ข้อปฏิบัติทางสายกลาง นั้นมันมีอะไรบ้างละขอรับ คุณรู้หรือไม่ รู้แล้วทำได้หรือไม่ หรือว่า อวดอุตริฯ แสดงภูมิความรู้เท่านั้น

แค่คุณอ่านข้อแสดงความคิดเห็นของข้าพเจ้าคุณยังมีความคิดที่ต่ำ อันแสดงถึงสมองสติปัญญาที่เลวทรามอีกด้วยขอรับ (ขออภัยขอเขียนตรงๆ แม้ไม่สุภาพ ก็ขออภัยไว้ขอรับ)



กรัชกาย เอามาถามท่านลุงใหญ่ หรือท่านเทวดา หรือท่านเทวฤทธิ์ หรือชื่อสุดท้ายท่าน บุด ฯ นะขอรับ
เพราะเห็นว่าท่านอยู่ด้วย อีกทั้งเป็นผู้รู้ จึงนำมาถามท่านนะขอรับ :b1:
ขอถามตามนั้นเลย ท่านรู้ตอบมานะขอรับ
(ขอถามตรงๆ นะขอรับ ท่านด่ากรัชกายทำไมขอรับ ด่าแล้วขออภัย ด่าแล้วแล้วกันสิขอรับ ไม่ต้องขออภัย :b1: :b38: )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 144 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร