ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=21252 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | rujirabum [ 25 มี.ค. 2009, 09:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ ในวันพระดิฉันจะไปทำบุญที่วัดสม่ำเสมอ การไปทำบุญในแต่ละครั้งนั้นมีความรู้สึกว่าแตกต่างกัน ในบางครั้งดิฉันรู้สึกเป็นสุขและอิ่มเอมใจยิ่งนัก และในบางครั้งก็รู้สึกหงุดหงิดก่อนการเดินทางไปที่วัด จึงทำให้รู้สึกว่าการทำบุญในครั้งนั้นไม่ได้บุญแต่ได้บาป ทั้งๆ ที่ก่อนถึงวันพระ 2-3 เราตั้งใจที่จะไปใส่ที่วัด แต่พอตื่นขึ้นมาเราก็รู้สึกหงุดหงิดทันทีเลย เคยมีคนบอกว่าการที่เราจะทำดีนั้นมักจะมีมารมาขวางเสมอ อันนี้จริงใหมค่ะ และพอจะมีทางแก้ได้ไหมค่ะ หรือว่าดิฉันคิดมากไปเองเพราะจริงๆ เป็นที่จิตของดินฉันไม่ดีเองค่ะ ![]() ![]() |
เจ้าของ: | หล่อ ลูกแม่อ้วน [ 25 มี.ค. 2009, 12:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
ผมเคยได้ยินว่า มารไม่มี บารมีบ่เกิดครับ แต่กรณีนี้ผมคิดว่าคุณอุปทานไปเองอะครับ เช่นผมตอนเด็กๆชอบอุปทานครับว่า ก่อนวันพระ ผีจะออกมาทุกทีให้เห็น อิอิ....อย่างนี้มั้ง.. |
เจ้าของ: | อินทรีย์5 [ 25 มี.ค. 2009, 12:49 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | ทะเลใจ [ 25 มี.ค. 2009, 13:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่ใจเรามากกว่า คนเรามีอารมณ์เปลี่ยนแปลงได้เสมอ บางครั้งช่วงอารมณ์นั้นเราอยากทำอะไร คิดอะไร เสียใจ ดีใจ แต่พอเลยช่วงเวลานั้นบางทีความคิดมันก็จะเปลี่ยนแปลงไปเอง ไอ้ที่เคยคิดว่าอยากจะทำ ก็ไม่ทำขึ้นมา เหมือนกับเราโกรธใคร แล้วเขามาดีกับเรา เราก็หายโกรธขึ้นมา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เราเครียดแค้นมาก คนเราทุกวันนี้จิตใจไม่ค่อยแน่วแน่ ต้องมีสติให้มาก ![]() ![]() |
เจ้าของ: | rujirabum [ 25 มี.ค. 2009, 13:53 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
อินทรีย์5 เขียน: :b49: ![]() ![]() ![]() ![]() อ๋อ.......ออ......ต้องทำอย่างนี้นี่เอง.. ต้องตั้งจิตอธิฐานตอนสวดมนต์....ขอบคุณคุณ อินทรีย์5 ค่ะ ที่บอกวิธีทำให้ไม่หงุดหงิด.. ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | -dd- [ 25 มี.ค. 2009, 16:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
อ้างคำพูด: มีความรู้สึกว่าแตกต่างกัน ในบางครั้งดิฉันรู้สึกเป็นสุขและอิ่มเอมใจยิ่งนัก และในบางครั้งก็รู้สึกหงุดหงิดก่อนการเดินทางไปที่วัด สาธุในการทำบุญครับ ![]() ![]() ท่าน จขกท.ควรใช้โอกาสที่รู้สึกหงุดหงิดนั้นมาเป็นปัจจัยแห่งกุศลก็ได้ครับ คือเมื่อจิตเขาเกิดอารมณ์ดังว่าขึ้น ก็พึงใตร่ตรองหาสาเหตุดูว่า เกิดจากอะไร พึงทราบว่าแม้การที่เราจะมีอารมณ์ใดๆเกิดขึ้นนั้น ต้องมีสาเหตุเสมอครับ ..บางทีอาจพบว่าตนหงุดหงิดเพราะกิเลสของตนเช่นอาจอยากอยู่บ้านสบายๆ หรือเพราะบริวารทำเรื่อง ให้ไม่ชอบใจ หรือเพราะตนเองป่วยอยู่ หรือเพราะคิดถึงสภาพจราจรติดขัด หรือแม้แต่คิดสงสัยในการทำบุญของตนว่า มันมีผลจริงหรือ...ฯลฯเป็นต้น เมื่อทราบเหตุแล้วเราจะสามารถแก้ไขอารมณ์ไม่ให้ต่อเนื่องได้ด้วยโยนิโสมนัสสิการตามควรแก่กรณี ในการใตร่ตรองนี้ จิตย่อมเป็นไปกับกุศลเพราะเกิดสติสอดส่องธรรมวิจัยหาเหตุอยู่ การทำดังกล่าวจัดเข้าได้ในข้อการภาวนาอย่างหนึ่งมีอานิสงค์ให้เกิดปัญญารู้ตามเป็นจริงว่า..ธรรมทั้งหลายล้วนไหลมาแต่เหตุ..สมดังคำตรัสสอนของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง...นี่เรียกว่าเป็นการปฏิบัติบูชาเพื่อประจักษ์ผลด้วยตนเองอย่างแท้จริง .... ได้บุญมากกว่าการให้ทานเสียอีก.. อีกอย่างหนึ่งคือ ควรใช้โอกาสที่รู้สึกหงุดหงิดนั้นมาเป็นปัจจัยแห่งกุศล..โดยกำหนดรู้ที่อารมณ์โดยตรง ..ดูว่าเขาเกิดแล้วอยู่อย่างนั้นไปตลอดหรือว่าหายไปในระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง..ก็ขณะที่พิจารณาเขาด้วยสตินั้น แวบแรกจะพบว่าเขาหายไปก่อน พอเผลอสติเขาก็เข้ามาครองจิตใจเรา ให้หงุดหงิดอยู่ อาจแช่นานจนถึงตอนที่เราถวายอาหารพระหรือขณะฟังพระสวดให้พร เป็นต้น นี่คือการเจริญภาวนาอีกอย่างหนึ่งที่จะนำปัญญาให้เห็นไตรลักษณ์คือความไม่เที่ยงของอารมณ์ มันต้องเปลี่ยนไปนี่เรียกว่าทุกข์...คือคงสภาพเดิมไม่ได้ มันเป็นอนัตตาคือบังคับให้เกิดไม่ได้ บังคับให้หมดไปก็ไม่ได้ เขามาเองไปเอง ด้วยเหตุและปัจจัยที่เกื้อกูล.. การเจริญภาวนาที่กล่าวมานี้มีอานิสงค์ถึงขั้นตัดสังสารวัฏได้นั่นเทียวจึงมีผลมากกว่าการให้ทาน ท่าน จขกท. มีโอกาสทำบุญได้รอบตัวเช่นนี้เสมอ จึงพึงตั้งมนัสสิการเพื่อเจริญกุศลแม้ในยามที่ใจหงุดหงิด... ขอความเจริญในธรรมทั้งหลายบังเกิดแก่ท่าน จขกทในที่ทุกสถานในกาลทุกเมื่อเทอญ |
เจ้าของ: | patidta [ 25 มี.ค. 2009, 17:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
![]() การที่คนทั่วไปทำบุญแล้ว ไม่เห็นผล ไม่เจริญก้าวหน้า ไม่ได้ในสิ่งที่ตนปราถนา เหตุก็เพราะว่า คนทั่วไปนั้นทำบุญไม่เป็น ไม่รู้จักวิธีทำบุญที่ถูกต้อง จึงทำเท่าไหร่ ก็ไม่เป็นผลสักที ถึงแม้จะทำบุญมาก็จะได้ผลน้อย ถ้าทำบุญน้อย ก็จะยิ่งได้น้อยขึ้นไปอีก แม้จะทำด้วยใจก็ตามที เปรียบเสมือนคน 2 คนถือข้าวเปลือกคนละ 1 กำมือ คนแรกโรยข้าวเปลือกไปบนแผ่นคอนกรีต คนที่ 2 โรยไปบนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์และมีน้ำชุ่ม ลองคิดดูเถิดว่าข้าวเปลือกของใครจะเจริญงอกงามกว่ากัน สำหรับคนแรกที่โรยไปบนแผ่นคอนกรีตนั้น แม้ว่าโรยข้าวเปลือกลงไปมากเท่าใด ก็ย่อมได้ผลน้อย แต่คนที่ 2 นั้น ถึงจะโรยข้าวเปลือก แต่น้อยลงบนผืนดินที่เหมาะสม ข้าวก็จะเจริญงอกงามอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับการทำบุญ ถ้ารู้จักการทำบุญที่ถูกต้อง ก็ย่อมจะได้ผลบุญมากเกินความคาดหมายนั่นเอง ซึ่งท่านผู้อ่านทั้งหลายก็กำลังจะได้ทราบวิธีทำบุญที่ถูกต้องจากการอ่านหมวดความรู้ต่างๆ ในเว็บไซต์นี้ ![]() |
เจ้าของ: | patidta [ 25 มี.ค. 2009, 17:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
![]() ในสมัยพุทธกาล มีอุบาสกคนหนึ่งอยากจะทำบุญกับพระอรหันต์ แต่ไม่สามารถรู้ว่าพระองค์ไหนเป็นพระอรหันต์ จึงเกิดความสงสัย อุบาสกคนนั้นจึงเข้าไปทูลถามพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ตรัสแก่อุบาสกคนนั้นว่า “การที่เราจะรู้ว่าพระองค์ไหนเป็นพระอรหันต์นั้น เราจะต้องอยู่ใกล้ชิดท่าน และฟังธรรมะจากท่านบ่อยๆ เราก็จะสามารถรู้ได้ แต่ถ้าเราไม่มีเวลาใกล้ชิดและไม่มีเวลาฟังธรรม แต่อยากทำบุญแล้วให้ได้ผลบุญมากเทียบเท่ากับพระอรหันต์ ถ้าอย่างนั้นต้องไปทำสังฆทาน” ![]() |
เจ้าของ: | patidta [ 25 มี.ค. 2009, 17:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
![]() การทำสังฆทานที่ไม่ถูกต้องในปัจจุบัน ชาวพุทธในปัจจุบัน เข้าใจผิดว่าการถวายสังฆทาน คือ การนำของใส่ถังไปถวายพระหนึ่งรูปบ้าง สองรูปบ้าง แท้จริงแล้วการทำบุญแบบนั้นเป็นสังฆทานที่ผิดได้บุญต่ำ บางสิ่งอาจได้ทำบาปอีกด้วย ถ้ามีการถวายเงินแล้วพระรับกับมือหรือครอบครองเงินนั้นไว้กับตัว การถวายสังฆทานที่ถูกต้อง วิธีการปฎิบัติที่ถูกต้อง 1. <!--[endif]-->ต้องเป็นอาหารที่พระฉันได้ในเวลานั้น และต้องถวายก่อนเที่ยงเหมือนกับการถวายภัตราหารเพลพระนั่นเอง 2. ต้องกล่าวคำถวายสังฆทาน ดังนี้ “อิมานิ มะยัง ภันเต ภัตตานิ สะปะริวารานิ ภิกขุสังฆัสสะ โอโณชะยามะ สาธุ โน ภันเต ภิกขุสังโฆ อิมานิ ภัตตานิ สะปะริวารานิ ปะฏิคคันหาตุ อัมหากัง ทีฆะรัตตัง หิตายะ สุขายะฯ” (ในหัตถบาสใช้อิมานิ นอกหัตถบาสใช้เอตานิ) 3. พระตั้งแต่ 4 รูปขึ้นไป (ครบองค์สงฆ์) พระน้อยกว่า 4 รูป ไม่สามารถรับสังฆทานได้ เป็นบาป เพราะเป็นเพียงบุคคลเท่านั้น เมื่อพระครบ 4 รูป จึงจะถือว่าเป็นสงฆ์ จะถวายพระ 1 รูป ได้ก็ต่อเมื่อ พระรูปนั้นเป็นพระอรหันต์ เพราะท่านเองเป็นสงฆ์นั่นเอง 4. <!--[endif]-->จะต้องทำการอุปโลกข์สังฆทาน หลังจากที่พระรับสังฆทานแล้ว พระรูปที่ 2 จะต้องทำการอุปโลกข์สังฆทาน (คือ ประชุมสงฆ์ เพื่อทำการแบ่งปันอาหารมาตามลำดับจนถึงให้ญาติโยม) หากไม่ได้ทำการอุปโลกข์ อาหารทุกชิ้นที่เป็นของสงฆ์ ใครจะนำไปกินไม่ได้เด็ดขาด พระบางรูปจะบอกยกให้ก็กินไม่ได้ แม้แต่พระผู้รับสังฆทาน ก็จะฉันไม่ได้ ถ้าผู้ใดกินเข้าไป เมื่อตายไปแล้วต้องไปเกิดเป็นเปรตประมาณ 92 กัลป์ (1 กัลป์ คือ 6,420 ล้านปี) ดังนั้นจึงถือเป็นเรื่องที่อันตรายอย่างมากของชาวพุทธที่ไม่รู้ธรรมะ คำอุปโลกข์สังฆทานก็คือ ยัคเฆ ภัณเต สังโฆ ชานาตุ อะยัง ปะฐะมะ ภาโค มะหาเถรัสสะ ปาปุณาติ อะวะเสสา ภาคา อัมหากัง ปาปุณาติ ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 25 มี.ค. 2009, 18:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
rujirabum เขียน: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ ในวันพระดิฉันจะไปทำบุญที่วัดสม่ำเสมอ การไปทำบุญในแต่ละครั้งนั้นมีความรู้สึกว่าแตกต่างกัน ในบางครั้งดิฉันรู้สึกเป็นสุขและอิ่มเอมใจยิ่งนัก และในบางครั้งก็รู้สึกหงุดหงิดก่อนการเดินทางไปที่วัด จึงทำให้รู้สึกว่าการทำบุญในครั้งนั้นไม่ได้บุญแต่ได้บาป ทั้งๆ ที่ก่อนถึงวันพระ 2-3 เราตั้งใจที่จะไปใส่ที่วัด แต่พอตื่นขึ้นมาเราก็รู้สึกหงุดหงิดทันทีเลย เคยมีคนบอกว่าการที่เราจะทำดีนั้นมักจะมีมารมาขวางเสมอ อันนี้จริงใหมค่ะ และพอจะมีทางแก้ได้ไหมค่ะ หรือว่าดิฉันคิดมากไปเองเพราะจริงๆ เป็นที่จิตของดินฉันไม่ดีเองค่ะ ![]() ![]() มาร คือ อวิชา เสนามาร คือ สังขาร |
เจ้าของ: | natdanai [ 25 มี.ค. 2009, 19:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
patidta เขียน: พระน้อยกว่า 4 รูป ไม่สามารถรับสังฆทานได้ เป็นบาป เพราะเป็นเพียงบุคคลเท่านั้น เมื่อพระครบ 4 รูป จึงจะถือว่าเป็นสงฆ์ พระน้อยกว่า 4 รูปก็รับได้ครับ เพียงแต่อานิสงค์ของทานนั้นไม่เท่าสังฆทาน แต่ไม่ได้เป็นบาป ทำเหตุกุศล ผลย่อมเป็นบุญ ทำเหตุอกุศล ผลย่อมเป็นบาป |
เจ้าของ: | natdanai [ 25 มี.ค. 2009, 19:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: ดิฉันมีข้อสงสัยค่ะ |
การทำทานที่จะได้อานิสงค์เท่ากับทำกับพระอรหันต์ คือทำทานกับ พ่อ แม่ ครับ.... ![]() ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |