วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 19:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2009, 23:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


คือว่าวันก่อนดูรายการหนึ่ง เขามีการสัมภาษณ์ระหว่างฝ่ายดารา+ผู้กำกับ กับท่านผู้หญิงที่ดังๆ ที่คอยช่วยตักเตือนดาราที่ทำนมหก ทำตัวไม่ดี แต่งตัวไม่ดี เป็นตัวอย่างไม่ดีกับเยาวชน สังคม และหนังไม่ดีต่างๆ ซึ่งก็คือ คุณระเบียบรัตน์

ดูๆ แล้วเหมือนจะเถียงไม่ทันเขาซึ่งก็อาจเป็นเพราะก็อยู่ในรายการ TV ซึ่งก็คนละข้างกับคุณหญิงอยู่ด้วย เช่นทางผู้กำกับบอกว่าหนังไม่มีผลต่อเด็ก แล้วยกตัวอย่าง spiderman หรือ Matrix ไม่เห็นมีเด็กออกมาทำอะไรอย่างนั้นเลย แล้วมีสรุปตอนก่อนจะจบรายการโดยผู้บรรยายของรายการว่า หนังมีผลน้อยมากควรจะไปจัดการกับอย่างอื่นที่มีอิทธิพลมากกว่า ไม่ต้องมายุ่งกับเขา (อะไรประมาณนั้น)

เอ้า! ผมก็สงสัยว่ามันก็มีรายงานการวิจัยออกมาแล้วนี่ ว่าหนังมันมีอิทธิพลกับเด็กไม่ใช่เหรอ (ผู้ใหญ่บางคนหรือหลายคนก็คงด้วย) เราก็รู้สึกได้ เห็นๆ อยู่เวลาเราดูหนัง มันเกิดอะไรขึ้นในจิต ในใจเรา รวมทั้งว่า เป็นสาเหตุนิดหน่อย มีผลนิดหน่อย ไปยุ่งกับเรื่องอื่นดีกว่า

ผมก็ว่าไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ต้องช่วยกันหมดเพื่อให้สังคมดีขึ้น ก็อย่างปัญหาต่างๆ ระดับโลกมันก็มาจาก 1 รวมๆ กันเป็นร้อย เป็นพัน เป็นแสน เป็นล้าน ถึงต้องมีการรณณรงค์ช่วยกัน ประหยัดน้ำมัน ไฟฟ้า เลิกใช้ถุงพลาสติก ฯลฯ กันทั่วบ้าน ทั่วเมือง เราจะอ้างว่าเราเติมน้ำมันแค่ไม่ถึงพัน จะไปประหยัดน้ำมันนำเข้าที่เป็น ร้อยๆ พันๆ ล้านบาทได้อย่างไร ซึ่งก็ไม่ถูก พวกดารานักแสดง+ผู้กำกับ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แฉลแฉไฉ อ้างโน่น อ้างนี่ เพื่อผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น

และก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับพวกดาราที่เหมือนว่าสนใจธรรม ปฏิบัติธรรม แต่แต่งตัวโป้ๆ ซึ่งผมก็นึกถึงคำของพระพุทธเจ้าตรัสในพระไตรปิฏก ในพระสูตรหนึ่ง "นุ่งชั่ว ห่มชั่ว" แต่อย่างว่าพระไตรปิฏกไม่มีรูปประกอบ แต่ผมก็เข้าใจว่าก็คงประเภทแต่งโป๋ๆ ยั่ว * ให้ผู้ชายเกิดกำหนัด เห็นเนิน เห็นร่อง เห็นไปถึงไหนๆ

สู้ต่อไปนะครับท่านคุณระเบียบรัตน์ และท้ายนี้ขออนุญาตแบ่งปันเรื่องหนึ่งในพระไตรปิฏก ให้พวกดารา ผู้กำกับ เผื่ออ่านแล้วจะทำมี หิริโอตัปปะมากขึ้น (ความเกรงกลัวต่อบาป ความละอายใจต่อบาป) ใน Post ถัดไป

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2009, 23:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐
สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค

ตาลปุตตสูตร

[๕๘๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆกล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้างในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไปย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไรพระผู้มีพระภาคตรัสว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย ฯ
[๕๙๐] แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่ ๓ พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตรก็ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร ฯ
[๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน ดูกรนายคามณี
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะอันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น
นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะ

อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริงด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่างคือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ
[๕๙๒] เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้แล้ว พ่อบ้านนักเต้นรำนามว่าตาลบุตรร้องไห้สะอื้น น้ำตาไหล พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราได้ห้ามท่านแล้วมิใช่หรือว่า อย่าเลย นายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด อย่าถามข้อนี้กะเราเลย ฯ คามณี. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ไม่ได้ร้องไห้ถึงข้อที่พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างนี้กะข้าพระองค์หรอก แต่ว่าข้าพระองค์ถูกนักเต้นรำผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ ล่อลวงให้หลงสิ้นกาลนานว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะรื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาชื่อปหาสะข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระธรรมเทศนาของพระองค์แจ่มแจ้งยิ่งนัก พระผู้มีพระภาคทรงประกาศธรรมโดยอเนกปริยาย ดุจหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่คนหลงทางหรือตามประทีปในที่มืดด้วยหวังว่า คนมีจักษุจักเห็นรูป ฉะนั้น ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์นี้ขอถึงพระผู้มีพระภาคกับทั้งพระธรรมและภิกษุสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ข้าพระองค์พึงได้บรรพชาอุปสมบท ในสำนักของพระผู้มีพระภาคนายนฏคามณีนามว่าตาลบุตรได้บรรพชา ได้อุปสมบทในสำนักพระผู้มีพระภาคแล้วท่านพระตาลบุตรอุปสมบทไม่นาน หลีกออกจากหมู่อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร มีใจแน่วแน่ ฯลฯ ก็แลท่านพระตาลบุตรเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง ในจำนวนพระอรหันต์ทั้งหลาย ฯ
จบสูตรที่ ๒
===============================
แต่สำหรับดาราผู้ประพฤติ ปฏิบัติดีอยู่ ทำความดีให้สังคม รวมทั้งสิ่งที่ไม่ดี ก็ไม่ทำให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน ไม่ว่าตัวเขาเองจะทำเป็นสนใจธรรมน้อยหรือมากก็ตาม ก็ขอให้เจริญยิ่งๆขึ้นครับ

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 08:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


ร่วมด้วยช่วยกันครับ


นางงามนางแบบ...! : /หลวงปู่คำคะนิง ท่องนรก/

หลวงปู่คำคะนิงเดินเที่ยวชมเมืองนรกต่อไป เห็นสถานที่แห่งหนึ่ง สว่างไสวรุ่งเรืองดุจแสงฟ้าแลบอยู่แปลบปลาบ เป็นยกพื้นเวทีกว้างคล้ายสะพานทอดยาวโค้งลงไปในสระน้ำอันกว้างใหญ่ สระน้ำนั้นลุกไหม้เป็นเปลวไฟแดงฉานโชติช่วง น่าสะพรึงกลัว ก็รู้ว่าเป็นขุมนรก

บนสะพานนั้นมีหญิงสาวรูปร่างอรชรสวยงามจำนวนมาก พากันเดินออกจากเวทีมีม่านผืนใหญ่มหึมา หญิงสาวเหล่านั้นแต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์สวยงาม เดินนวยนาดลงจากเวที ทอดแขนทอดขามาตามสะพาน

จ่ายมบาลอธิบายว่า มนุษย์ผู้หญิงเหล่านี้เป็นพวกนางงามนางแบบ กำลังเดินโชว์ร่างกายและเสื้อผ้า หลวงปู่คำคะนิงยืนงุนงงประหลาดใจยิ่ง

นางงาม นางแบบ เสื้อผ้าอาภรณ์อันสวยงามฉูดฉาดสะดุดตาเหล่านั้น เดินเรียงรายตามกันออกไปยืนอยู่กลางสะพาน แล้วเยื้องกรายเปลื้องเสื้อผ้าออกก่อน เหลือแต่ร่างเปลือยล่อนจ้อนอุจาดนัยน์ตา แต่ละนางร่างสวยงามด้วยส่วนสัดปานนางฟ้า

รูปภาพ

จากนั้นก็มีนกอินทรีตัวใหญ่บินมาจากไหนไม่รู้ นัยน์ตานกอินทรีแดงฉานพวยพุ่งออกมาเป็นเปลวไฟ มันบินมาตรงหน้าหญิงสาวแต่ละนางที่ยืนเปลือยกายอยู่

แล้วใช้จะงอยปากอันคมกริบจิกเข้าที่หน้าผากหญิงสาว กระชากทีเดียว หนังศีรษะและเส้นผมก็ลอกออกมาตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า กลายเป็นหนังทั้งแผ่น หญิงสาวนางนั้นส่งเสียงหวีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด


เมื่อนกอินทรีจิกลอกเอาหนังออกไป ก็เหลือแต่ร่างที่แดงฉานไปด้วยเลือด น่าขยะแขยงชวนขนพองสยองเกล้า จะมองหาความงามเมื่อตะกี้นี้ไม่พบเลย นกอินทรีได้จิกกินนัยน์ตาทั้งสองข้างก่อน แล้วจึงจิกเอาเนื้อแดง ๆ ออกมาเผยให้เห็นอวัยวะภายใน คือ ตับไตไส้พุง น่าขยะแขยง ไม่สวย ไม่งาม

จากนั้นนกอินทรีจิกกินตับไตไส้พุงจนหมดสิ้น เหลือแต่ร่างโครงกระดูกจะหาความสวยงามไม่ได้เลย กลายเป็นร่างโครงกระดูกยืนสั่นสะท้านอยู่


ฝ่ายหญิงสาวคนอื่น ๆ เห็นเช่นนั้น ก็มีความหวาดกลัวอย่างสุดขีด พากันกระโดดหนีลงไปในสระนรกที่เป็นเปลวไฟลุกโชติช่วงแดงฉานนั้น ก็ถูกเปลวไฟนรกลุกเผาไหม้
ส่งเสียงร้องกรีดแหลมระเบ็งเซ็งแซร่ด้วยความเจ็บปวด

:b2: :b2:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2009, 19:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ผลกระทบของหนัง-ละครไทย ที่มีต่อเด็กไทยในสังคมปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมเลียนแบบดาราหรอกครับ การที่เด็กบอกว่าทำตามดารา หรือทำเลียนแบบในละคร ในหนังนั้นมิใช่ผล แต่เป็นข้ออ้างเพื่อให้ตัวเองรู้สึกผิดน้อยลงก็เท่านั้น ผลที่แท้จริงคือเด็กกระทำไปโดยไม่มี ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป ส่วนเหตุนั้นก็เพราะผู้ใหญ่เอาแต่สนใจ หนัง-ละคร ไม่สนใจที่จะอบรมสั่งสอนเด็กให้รู้จักสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งที่เหมาะสม ฯลฯ.... แต่เหตุที่ทำให้ผู้ใหญ่เป็นแบบนั้นก็สาวกันต่อเอาเองนะครับ...เรื่องมันยาว..... :b13: :b13:

หลายๆครั้งที่เห็นเจ๊เบียบออกมาตอว่าดารา ผู้กำกับ ฯลฯ ในวงการบันเทิง...ก็นึกสงสัยอยู่เหมือนกันว่าเจ๊แกกินข้าวรึป่าว...ทำไมเหตุผลง่ายๆใกล้ๆตัวถึงไม่เอามาพิจารณาบ้าง อย่างเจ๊แกคิดแบบนั้นได้ก็เพราะพื้นฐานครอบครับ สิ่งแวดล้อม การได้รับการขัดเกลา การศึกษา สังคม ฯลฯ แต่คนที่มีคุณภาพชีวิตที่ต่ำกว่าเจ๊แกก็จะต้องคิดไปอีกแบบนึง แค่เรื่องอาหารการกินก็แตกต่างกันแล้ว ไม่รู้จะไปว่าเขาทำไม ไปห้ามเขาทำแบบนั้น...คนผู้ใหญ่ที่ชอบดูเรื่องแบบนั้นก็ไม่ชอบใจ...ความนิยมก็ลดลง...งานก็น้อยลง...แต่กิน ใช้ จ่ายหนี้ เท่าเดิม...สุดท้ายก็หากินลำบากแล้วเพราะของที่เคยเป็นจุดขายเวลาผ่านไปมันก็หย่อน เหี่ยว ไปตามกาลเวลา...แล้วบั้นปลายชีวิตจะเป็นอย่างไร... :b10: :b10:

เห็นด้วยครับเรื่องการช่วยกัน...แต่ไม่ใช่ช่วยกันไปทำให้คนอื่นหากินลำบากนะครับ แต่ช่วยกันดูแล อบรมสั่งสอนเด็กในบ้านของตัวเองซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ให้ความสำคัญกับการนี้ให้มากขึ้น ทำได้อย่างนี้แล้วสังคมจะดีขึ้นแน่นอนครับ... :b1: :b1:

แต่ที่สำคัญที่สุดคือเราเองก็ต้องมีความคิด ความเห็น ที่ถูกต้องก่อนนะครับ... :b8: :b8:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2009, 00:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


natdanai เขียน:
ผลกระทบของหนัง-ละครไทย ที่มีต่อเด็กไทยในสังคมปัจจุบัน ไม่ได้ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมเลียนแบบดาราหรอกครับ

อ้าว! แต่ผมเข้าใจว่ามีส่วนนะครับ คุณบอกอย่างนี้ผมก็เลยงงๆ คือนึกว่าเป็นอะไรที่เห็นได้ชัด ว่าหลายๆคนไม่ว่าเด็กหรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่ ก็แต่งตัวตามดารากันเยอะแยะไม่ใช่หรือ หาซื้อเสื้อผ้าตามดาราคนโน้นคนนี้ ผมว่ามันก็เห็นชัดๆ ก็เลยงง ว่าทำไมคุณบอกว่าไม่ได้ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เด็กเห็นอะไรก็อยากลองทำ ได้ยินอะไรก็ลองเลียนแบบพูดตาม มันเป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้วที่เราก็เห็นๆกันอยู่ไม่ใช่หรือ ตามประสาเด็กๆโดนไม่ทันได้คิดถึงผลที่ตามมาในบางเรื่องเพราะว่ายังเด็กอยู่
ผลการวิจัยเขาก็มีออกมาไม่ใช่หรือ เท่าๆที่ได้ยิน
จริงๆมันเป็นปัญหาหนึ่งระดับโลกที่เผชิญกันอยู่ พยายามต่อสู้กับพวกนายทุน เมืองนอกเขาก็มีเรื่องแบบนี้ เช่นอเมริกา ที่บางช่วงมีข่าวเด็กยิงกราดนักเรียนในโรงเรียน มีแบบใกล้ๆกัน พ่อแม่ก็ออกมาต่อว่าพวกเกม พวกหนังที่มีความรุนแรง เป็นเรื่องที่รัฐบาลเขาเหมือนกันต้องเข้ามามีบทบาท หนังฝรั่งก็ยังมีการจัดเรทเลย
ใครที่คิดว่าไม่มีผล งั้นก็เอาหนังXมาฉายทางโทรทัศน์ให้เด็กๆได้ดูกันไหมหล่ะ แล้วดูว่าเวลาผ่านไป จะเกิดอะไรขึ้นกับสังคมเรา กับเด็ก เยาวชนของเรา แต่ผมขอลูกผม ไม่เอาเข้าไปเกี่ยวนะ
natdanai เขียน:
เห็นด้วยครับเรื่องการช่วยกัน...แต่ไม่ใช่ช่วยกันไปทำให้คนอื่นหากินลำบากนะครับ...

คงไม่ใช่เพราะว่าเป็นอาชีพของบางคนแล้วจะเป็นข้อยกเว้นให้เราทำอะไรเขาไม่ได้เพราะเกรงว่าเดี๋ยวเขาจะหากินลำบาก คือถ้าจะยกตัวแบบชัดๆ เช่น อาชีพค้ายาบ้า ก็คงไม่มีใครควรจะไปเกรงใจพวกนักค้าพวกนั้นใช่ไหม แต่อาชีพดาราไม่ใช่เลวแบบนั้น ดารา หรือ หนังดีๆ ที่สร้างสรรค์ ก็มี ซึ่งทุกคนย่อมส่งเสริมอยู่แล้ว แต่ประเภทเลวๆ แย่ๆ ที่ผมกำลังพูดถึงที่นี่ หรือที่คุณหญิงระเบียบรัตน์ต่อสู้อยู่ ก็ต้องมีการตักเตือน ท้วงติง ห้าม จัดเรทหนัง ฯลฯ เพื่อสังคมของเรา เพื่อลูกหลานของเรา ซิครับ

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2009, 23:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอบท่านwakeup
กระผมได้บอกไปแล้ว...ผลสำรวจนั้นเป็นเพียงข้ออ้างของเด็ก เพราะธรรมชาติของมนุษย์การแสดงออกทางพฤติกรรมนั้นล้วนผ่านกระบวนการความคิด อันความคิดนั้นก็ประมวลออกมาจากความจำ(สัญญา) ในสังคมไทยนั้นเป็นสังคมของพุทธศาสนา คนที่เกิดมาในสังคมไทยล้วนได้รับการอบรมสั่งสอนถึงหลักศีลธรรมมาแล้วทั้งนั้น ดังนี้การที่เด็กทำเลียนแบบดารานั้นมิใช่ว่าเด็กทำไปด้วยความไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่ขัดศีลธรรม แต่ที่กล้าทำเพราะไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนให้มีความละอาย และเกรงกลัวต่อการกระทำอันไม่เหมาะสมนั้นๆ

ส่วนเรื่องหนัง x หากเอามาฉายกันทางฟรีทีวีจริงๆแล้วล่ะก็...เรตติ้งคงพุ่งกระฉูด และท่านเองก็ห้ามลูกท่านไม่ได้ด้วย เพราะยิ่งห้ามก็ยิ่งอยากรู้

สิ่งที่ท่านมองว่ามันเป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข...แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่สาเหตุ มันเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น การแก้ปัญหาต้องแก้ที่เหตุจึงจะเป็นการแก้ปัญหาที่แท้จริง

ไม่อยากเปียกฝนก็ต้องกางร่ม มิใช่ว่าไปต่อว่าท้องฟ้าแล้วฝนจะหยุดตก ฝนจะหยุดตกเองเมื่อสิ้นปัจจัยที่ทำให้ฝนตก

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 เม.ย. 2009, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ก.พ. 2009, 22:06
โพสต์: 194

อายุ: 38
ที่อยู่: นันทบุรีศรีนครน่าน

 ข้อมูลส่วนตัว


ศีลธรรมจางหายไปจากสังคมไทยพร้อมกับการมาของระบโลกไร้พรมแดน เกิดการไหลเวียนวัฒนธรรม คือวัฒนธรรมตะวันออกที่วิถีชีวิตที่เรียบง่ายมีธรรมะอยู่ในใจได้ไหลออกไปสู่วิถีชีวิตของชาวตะวันตกที่วัฒนธรรมเดิมของเขาคือการบูชาวัตถุ ค่าของคนอยู่ที่การมีฐานะดีโดยไม่คำนึงถึงที่มา เมื่อโลกไร้พรมแดนโดยการปฏิวัติการคมนาคมสื่อสารที่ใครทำอะไร ที่ไหน อย่างไร ในโลกนี้ก็สามารถรับรู้ได้ทั่วทุกมุมโลกได้เพียงไม่กี่วินาที คิดแล้ก็จับอารมณได้ว่า เศร้าปนตลก เพราะเจ้าของวัฒนธรรมนี้ ส่วนมากเขาได้ละทิ้งลักธิวัตถุนิยม หันกลับมาสนใจศึกษา และปฏิบัติธรรมะ จากชาวตะวันออกมากขึ้น เพราะเขาสดับรับทราบแล้วว่า สุขที่แท้จริงนั้นคือสุขที่อยู่ในใจ มิใช่สุขที่ปรุงแต่งจากวัตถุ และแล้วชาวตะวันออกเองส่วนมากก็เกิดอาการเขื่อนแตกทางอารมณ์ (โลภ ความอยากความใคร่ ความทะยานอยาก) ผลักดันให้ต้องดิ้นรนไขว่ขว้าหาความสุขทางวัตถุ ที่มันหาได้ง่ายกว่า ที่เจ้าของเดิมนั้น เค้ารู้และทราบดีว่า มันเป็นสุขที่ไม่เที่ยง ไม่จีรัง และเค้าได้ทิ้งขยะกองนี้ไปแล้ว...สังเกตุดูได้จากละครไทย เปรียบเทียบกับละครต่างชาติได้ครับ ละครไทย นอกจากตบและจูบแล้ว การแต่งตัวนั้นก็อย่างที่เจ้าของกระทู้ว่าและครับ การสอนนั้นสอนอยู่อย่างเดียวคือการอดทนเท่านั้นคือสอนแต่การรับ รอโชครอวาสนา หันมาดูละครเกาหลี หรือญี่ปุ่น ดูการแต่งตัวเค้าส่วนมากเค้าแต่งตัวดีและมิดชิดกว่าเราเยอะ และสอนให้รู้จักสู้ ไม่รอโชค วาสนา ผมยังจำบางตอนของละครเกาหลีที่ผมจำชื่อไม่ได้ แล้ว ที่เพื่อนนางเอก สอนนางเอกไม่ให้ทะเยอทะยานเกินตัว คอยจับแต่ผู้ชายรวยๆว่า " มันไม่เคยมีปรากฏการณ์ที่ฟ้าผ่าต้นพุทธากลายเป็นต้นสักไปได้หรอก" นางเอกก็งงก็เลยถามและได้คำตอบว่า "ต้นพุทธานั้นไม่สามารถนำไม้มาสร้างบ้านได้ ดี นอกจากไม้สักที่เป็นไม้ที่ดีที่สุดและสวยงามที่สุดในโลกในการก่อสร้างบ้าน ก็เปรียบเสมือนว่า มันไม่มีปาฏิหารย์หรอกที่เธอจะเป็นเหมือนซินเดอเรร่า ละครไทยดีๆอย่างแนวละครเรื่อง "ผู้หญิงคนนั้นชื่อบุญรอด"สมควรนำมาเสนอแก่ประชาชนให้มาก สร้างศักดิ์ศรี สร้างมานะ และคุณค่าให้แก่ผู้ชมมานัก และที่สำคัญอีกอย่างมันอยู่ที่ความรับผิดชอบของผู้จัดละครด้วยครับ :b12:
เจริญในธรรมครับ :b18:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2009, 00:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ข้ออ้างของพวกทำหนัง พวกแสดงหนังดารา ผู้กำกับหนัง ... ประเภททำนมหก ทำตัวไม่ดี แต่งตัวยั่วกำหนัด เนื้อหาหนังทั้งด้านยั่วยุกามารมณ์หรือความรุนแรง แล้วก็อ้างว่าหนังไม่มีผลต่อเด็ก เยาวชน ไม่ได้ทำให้เกิดการเลียนแบบดารา เป็นข้ออ้างที่รับไม่ได้ ข้ออ้างข้างๆคูๆ ตามเหตุผลที่ผมยกตัวอย่างมาข้างบนเป็นต้น

พวกนี้เป็นพวกที่เห็นแก่เงินเป็นใหญ่ ความรู้จักผิดชอบชั่วดีมีน้อย ผลเสียที่มีต่อเด็ก เยาวชน ต่อสังคม พวกนี้ไม่สน ไม่ยอมฟัง ก็คงเป็นกำลังใจและสนับสนุนคุณหญิงระเบียบรัตน์และผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีอำนาจ หาทางกำจัดหรือควบคุม (ที่กำลังพยายามทำกันอยู่ ณ ขณะนี้) ทำอย่างจริงจังเด็ดขาด

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2009, 23:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ประมาณ 3-4 วันก่อน เห็นวงเกอร์ลี่เบอรี่ ที่มี4นักร้องหญิงแต่งตัวโชว์วับๆแวมๆ และเคยโดยคุณหญิงตำหนิเป็นข่าวเรื่องการแต่งตัวแบบนี้
เห็นในข่าวไปทำกิจกรรมอะไรสักอย่างแต่แต่งตัวธรรมดาไม่โชว์อะไร(ให้ผู้ชายใจสะท้าน) ก็เป็นสิ่งที่ดีมากเลยครับ ก็อยากเป็นกำลังใจในการทำสิ่งที่ดี และก็ต้องละสิ่งชั่วด้วย เพราะก็ไม่รู้อีกกี่วันจะได้เห็นเธอแต่งตัวแบบเดิมอีกหรือเปล่า???
ก็ค่อยๆเริ่ม ก็ยังดี เคยแต่งตัวเห็นถึงไหนๆ ก็ลองเพิ่มเนื้อผ้าให้ยาวขึ้นสักหน่อยเช่น1นิ้วเพื่อปกปิดเพิ่มขึ้น ผมว่าก็ช่วยลดกรรมไม่ดีได้ จะหักดิบเลยอาจจะทำไม่ได้สำหรับพวกเธอ(แต่ถ้าทำได้ก็คงดีมาก) ค่อยๆแต่งตัวให้เรียบร้อยมิดชิดขึ้น หรือเปลี่ยนstyle เป็นแบบไหนก็ได้ ที่ทำให้ดูเด่นโดนไม่ต้องโชว์เนื้อหนังมังสา ก็คงดีไม่น้อย

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2009, 11:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


ศาลสั่งปิด 59 เว็บเพจ แพร่การ์ตูนลามก นารูโตะ
ข่าวเมื่อวันที่ 27/4/09


พวกสื่อก็มีบทบาทมากจริงๆในการเผยแพร่สิ่งที่ไม่ดี ก็ดีครับที่มีการปิดไป
ถึงแม้ความจริงก็คือว่ายังมีwebsite มากมายเหลือคณา ยังคงเผยแพร่สิ่งไม่ดีเช่นนี้อยู่

นึกถึงพวกองค์กรธุรกิจที่มีส่วนเกี่ยงข้องกับสื่อต่างๆ ควรจะมีความรับผิดชอบมากกว่านี้ ทั้งผู้บริการInternet เจ้าของหนังสือพิมพ์ ฯลฯ พวกนี้รอดไปหมด ยากที่ทางการจะดึงเข้ามาเกี่ยว น่าจะมีบทบาทในการรับผิดชอบมากกว่านี้ ในการเผยแพร่สิ่งไม่ดี ไม่ดี

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 เม.ย. 2009, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 เม.ย. 2009, 13:23
โพสต์: 607


 ข้อมูลส่วนตัว


wakeup เขียน:
คือว่าวันก่อนดูรายการหนึ่ง เขามีการสัมภาษณ์ระหว่างฝ่ายดารา+ผู้กำกับ กับท่านผู้หญิงที่ดังๆ ที่คอยช่วยตักเตือนดาราที่ทำนมหก ทำตัวไม่ดี แต่งตัวไม่ดี เป็นตัวอย่างไม่ดีกับเยาวชน สังคม และหนังไม่ดีต่างๆ ซึ่งก็คือ คุณระเบียบรัตน์

ดูๆ แล้วเหมือนจะเถียงไม่ทันเขาซึ่งก็อาจเป็นเพราะก็อยู่ในรายการ TV ซึ่งก็คนละข้างกับคุณหญิงอยู่ด้วย เช่นทางผู้กำกับบอกว่าหนังไม่มีผลต่อเด็ก แล้วยกตัวอย่าง spiderman หรือ Matrix ไม่เห็นมีเด็กออกมาทำอะไรอย่างนั้นเลย แล้วมีสรุปตอนก่อนจะจบรายการโดยผู้บรรยายของรายการว่า หนังมีผลน้อยมากควรจะไปจัดการกับอย่างอื่นที่มีอิทธิพลมากกว่า ไม่ต้องมายุ่งกับเขา (อะไรประมาณนั้น)

เอ้า! ผมก็สงสัยว่ามันก็มีรายงานการวิจัยออกมาแล้วนี่ ว่าหนังมันมีอิทธิพลกับเด็กไม่ใช่เหรอ (ผู้ใหญ่บางคนหรือหลายคนก็คงด้วย) เราก็รู้สึกได้ เห็นๆ อยู่เวลาเราดูหนัง มันเกิดอะไรขึ้นในจิต ในใจเรา รวมทั้งว่า เป็นสาเหตุนิดหน่อย มีผลนิดหน่อย ไปยุ่งกับเรื่องอื่นดีกว่า

ผมก็ว่าไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็ต้องช่วยกันหมดเพื่อให้สังคมดีขึ้น ก็อย่างปัญหาต่างๆ ระดับโลกมันก็มาจาก 1 รวมๆ กันเป็นร้อย เป็นพัน เป็นแสน เป็นล้าน ถึงต้องมีการรณณรงค์ช่วยกัน ประหยัดน้ำมัน ไฟฟ้า เลิกใช้ถุงพลาสติก ฯลฯ กันทั่วบ้าน ทั่วเมือง เราจะอ้างว่าเราเติมน้ำมันแค่ไม่ถึงพัน จะไปประหยัดน้ำมันนำเข้าที่เป็น ร้อยๆ พันๆ ล้านบาทได้อย่างไร ซึ่งก็ไม่ถูก พวกดารานักแสดง+ผู้กำกับ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แฉลแฉไฉ อ้างโน่น อ้างนี่ เพื่อผลประโยชน์ตัวเองเท่านั้น

และก็รู้สึกไม่ค่อยดีกับพวกดาราที่เหมือนว่าสนใจธรรม ปฏิบัติธรรม แต่แต่งตัวโป้ๆ ซึ่งผมก็นึกถึงคำของพระพุทธเจ้าตรัสในพระไตรปิฏก ในพระสูตรหนึ่ง "นุ่งชั่ว ห่มชั่ว" แต่อย่างว่าพระไตรปิฏกไม่มีรูปประกอบ แต่ผมก็เข้าใจว่าก็คงประเภทแต่งโป๋ๆ ยั่ว * ให้ผู้ชายเกิดกำหนัด เห็นเนิน เห็นร่อง เห็นไปถึงไหนๆ

สู้ต่อไปนะครับท่านคุณระเบียบรัตน์ และท้ายนี้ขออนุญาตแบ่งปันเรื่องหนึ่งในพระไตรปิฏก ให้พวกดารา ผู้กำกับ เผื่ออ่านแล้วจะทำมี หิริโอตัปปะมากขึ้น (ความเกรงกลัวต่อบาป ความละอายใจต่อบาป) ใน Post ถัดไป

เย้ สู้ๆ :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2009, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 05 ก.ย. 2006, 09:43
โพสต์: 180

ที่อยู่: กทม

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณผู้ดูแลสัตว์วิเศษ ก็เป็นกำลังใจให้คุณหญิงระเบียบรัตน์ เหมือนกันหรือครับ

อีกเรื่องวันก่อนไปดูหนังในโรงหนังของSF เวลาหนังจะเริ่มฉาย คือหลังโฆษนาทั้งหลายแหล่จบ ก่อนหนังจะฉายจริงๆก็ขึ้นมาว่า ไม่เหมาะกับเด็กต่ำกว่า18ปี... (อะไรประมาณเนี๊ย)
ผมก็คิดขึ้นว่า ดูเขาทำเข้าซิพวกนี้ คือทำไมไม่เตือนล่วงหน้าตั้งแต่หน้าโรง ก่อนคนจะตัดสินใจซื้อตั๋วดูหนัง
พวกนายทุนพวกนี้เอาแต่ได้จริงๆ ไม่ละอายใจบ้างเลยน้า
แล้วก็อีกประเด็น(หนังเรื่องเดิมนี่แหละ) มีแจ้งใว้หน้าโรงว่าเวลาฉาย 110 นาที แต่จริงๆ ปรากฏว่าแค่ 80 นาที คือโดยปรกติผมจะPlan ก่อน จะได้รู้ว่าหนังมันจะเลิกประมาณกี่โมง ซึ่งที่ผ่านมาที่เคยดูๆ ก็ไม่มีปัญหา แต่เรื่องนี้หายไป 30 นาที โอ้โห! มันเยอะเชียวนะ
สงสัยปัญหาเศรษกิจ คนดูเลยน้อยลง ก็เลยใช้วิธีโกงง่ายๆแบบเนี๊ย

.....................................................
โคตมะพุทธ ผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ผู้รู้แจ้งโลก อัจฉริยมนุษย์ ยอดครูของครูทั้งหลาย
ศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ผู้ก่อตั้ง ผู้ค้นพบ คำสอนถูกบรรจุอยู่ในพระไตรปิฏก


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 20 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร