วันเวลาปัจจุบัน 19 ก.ค. 2025, 03:44  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 เม.ย. 2009, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5361


 ข้อมูลส่วนตัว


แม้ว่าเหตุการณ์นั้น ยังไม่มาเผชิญหน้า

เราก็สะสมกำลังไว้ เพื่อต้านทานสิ่งที่จะเกิด

ถ้าเราสะสมไม่พอ

เวลาที่สิ่งนั้นเกิด เราก็ต้านทานไม่ได้

ก็เป็นเรื่องธรรมดา.



เพราะฉะนั้น

จึงยังเป็นไปกับโลภะ โทสะ โมหะ

จนกระทั่งเป็นพระอริยบุคคล ตามลำดับ

อย่างเช่น พระอนาคามี

ท่านไม่มีโลภะกับโทสะ ในรูป รส กลิ่น เสียง โผฏฐัพพะ

แต่ เรายังมี.......ก็มี.!



ถ้าไม่ใช่สติสัมปชัญญะ ที่ระลึก ตรง ลักษณะ ขณะนั้น

จิตเกิดแล้ว ดับแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะรู้เลย.



ถ้าระลึก ตรง ลักษณะ จะไม่มีชื่อ แต่มีลักษณะให้รู้

เมื่อลักษณะดับไปแล้ว ก็ไม่มีทางรู้ ในสิ่งที่ดับไปแล้ว.



เพราะฉะนั้น จึงกล่าวว่า

กุศล อกุศล โลภะ โทสะ โมหะ

เกิดดับ สลับกัน อย่างรวดเร็ว จนเราไม่รู้

และถ้าสติสัมปชัญญะไม่เกิด

ก็ไม่มีทางที่จะรู้ได้.



จึงมีแต่ สติสัมปชัญญะ เท่านั้น

ที่จะระลึก ตรง ลักษณะ

แล้วรู้ ลักษณะของสภาพธรรม ที่เกิดดับ.


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

่กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 1 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร