วันเวลาปัจจุบัน 17 เม.ย. 2024, 03:43  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 พ.ค. 2009, 21:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอแปลโศลกของ เว่ยหล่าง ตามความเห็นส่วนตัว ผิดถูกอย่างไร ขออภัยล่วงหน้า ดังนี้

มีอารมณ์เข้ามาหว่านเชื้อเมล็ดพืชพันธ์........................... มีตัณหา ทุกข์จึงเกิด
เพราะอาศัยพื้นดินอยู่ ผลก็ยังเกิด.................................. เพราะมีอวิชชาอยู่ ชาติจึงเกิด
ไม่มีอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีเชื้อเมล็ดพืชพันธ์......................... ไม่มีตัณหาแล้ว ทุกข์จึงดับ
ไม่มีนิสัยแล้ว ก็ไม่เกิด............................................... ไม่มีอวิชชาแล้ว ชาติจึงดับ

ขอให้เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 06:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.พ. 2009, 04:12
โพสต์: 1067


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอแลกเปลี่ยนความรู้ด้วยปัญญาเล็กน้อยค่ะ

กรรมคือเจตนา เป็นนา
วิญญาน เป็นเมล็ดพืช
ตัณหา เป็นยางเหนียว


:b48: เมื่อเหตุปัจจัยพร้อมก่อกรรม วิบากย่อมได้เสมอ :b48:

.....................................................
...นฺตถิตัณหา สมานที...
ห้วงน้ำใหญ่โต เสมอด้วยตัณหาไม่มี


แก้ไขล่าสุดโดย คนไร้สาระ เมื่อ 12 พ.ค. 2009, 14:31, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 09:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
มีอารมณ์เข้ามาหว่านเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

เพราะอาศัยพื้นดินอยู่ ผลก็ยังเกิด

ไม่มีอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

ไม่มีนิสัยแล้ว ก็ไม่เกิด
..............................................


สั้นๆแค่นี้ครับ ไม่รู้ว่ายากไปรึเปล่า ขอบคุณครับ

ยากครับ :b13:
อ้างคำพูด:
มีอารมณ์เข้ามาหว่านเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

จิตที่ยังมีตัณหา อุปปาทาน
อ้างคำพูด:
เพราะอาศัยพื้นดินอยู่ ผลก็ยังเกิด

เพราะอุปปาทานขันธ์ 5 จึงเวียนว่ายตายเกิด
อ้างคำพูด:
ไม่มีอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

จิตที่ขาดจากตัณหา อุปปาทาน
อ้างคำพูด:
ไม่มีนิสัยแล้ว ก็ไม่เกิด

ขาดจากอุปปาทานขันธ์ 5 ก็สิ้นการเวียนว่ายตายเกิด

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 10:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


สืบเนื่องจากวันวิสาขบูชาที่ผ่านมานั้น ผมขอร่วมตอบด้วยนะครับ

สมัยที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ
ธัมมปทัฏฐกถา ชราวรรควรรณนา๘. เรื่องปฐมโพธิกาล


ข้อความเบื้องต้น
พระศาสดาประทับนั่ง ณ ควงไม้โพธิพฤกษ์ ทรงเปล่งอุทานด้วย
สามารถเบิกบานพระหฤทัย
พระธรรมเทศนานี้ว่า
" อเนกชาติสํสารํ "

รูปภาพ

อเนกชาติสํสารํ สนฺธาวิสฺสํ อนิพฺพิสํ
คหการกํ คเวสนฺโต ทุกฺขา ชาติ ปุนปฺปุนํ
คหการก ทิฏฺโฐสิ ปุน เคหํ น กาหสิ
สพฺพา เต ผาสุกา ภคฺคา คหกูฏํ วิสงฺขตํ
วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ ตณฺหานํ ขยมชฺฌคา.


" เราแสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่ประสบ
จึงได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสาร มีชาติเป็นอเนก ความเกิด
บ่อยๆ เป็นทุกข์,(ความเกิดเป็นทุกข์ร่ำไป.)

แน่ะนายช่างผู้ทำเรือน เราพบท่าน
แล้ว, ท่านจะทำเรือนอีกไม่ได้, ซี่โครงทุกซี่(อีกนัยหนึ่ง ผาสุกกา
เป็นคำเปรียบกับเครื่องเรือน แปลว่า จันทันเรือนของท่านเราหักเสียหมดแล้ว)ของท่าน
เราหักเสียแล้ว

ยอดเรือนเราก็รื้อเสียแล้ว, จิตของ
เราถึงธรรมปราศจากเครื่องปรุงแต่งแล้ว, เพราะเรา
บรรลุธรรมที่สิ้นตัณหาแล้ว. "


ถ้านำมาเปรียบเทียบกับคำถามที่ตั้งมา.......

อ้างคำพูด:
มีอารมณ์เข้ามาหว่านเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

เพราะอาศัยพื้นดินอยู่ ผลก็ยังเกิด

ไม่มีอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีเชื้อเมล็ดพืชพันธ์

ไม่มีนิสัยแล้ว ก็ไม่เกิด


อารมณ์คือตัณหา.... ผู้สร้างเรือน ......ผู้หว่านเชื้อเมล็ดพันธ์....ผู้สร้างภพ(เชื้อคือภพ)เพราะอาศัยพื้นดินอยู่.....พื้นดินคือ...เรือน

เรือน คือ อัตภาพที่เกิดในภพนั้นๆ บ่อยๆ ....
หรือขันธ์ห้า ร่างกายนี้ นั่นเอง....


เพราะอุปทานขันธ์ห้านี้....พื้นดินนี้....เชื้อยังมี...ภพยังมี...ผลก็ยังเกิด....
ชาติก็ยังมีอยู่(ชาติคือการหยั่งลง).......



เราแสวงหานายช่างคือตัณหาผู้สร้าง
เรือน เมื่อไม่พบ ได้ท่องเที่ยวไปสู่สงสารสิ้นชาติมิใช่
น้อย การเกิดบ่อย ๆ เป็นทุกข์ร่ำไป


ไม่มีอารมณ์แล้ว ก็ไม่มีเชื้อเมล็ดพืชพันธ์
ไม่มีตัณหาแล้ว....ผู้สร้างภพไม่มี....เชื้อเมล็ดพืชพันธืไม่มี....


ดูก่อนนายช่างผู้
สร้างเรือน บัดนี้ เราพบท่านแล้ว ท่านจักไม่ต้องสร้าง
เรือนให้เราอีก


ไม่มีนิสัยแล้ว ก็ไม่เกิด
นิสัยคือกิเลส ขันธสันดาน อวิชชา อาสวะทั้งหลาย

ซี่โครงคือกิเลสของท่าน เราหักเสียหมด
แล้ว และช่อฟ้าคืออวิชชาแห่งเรือนท่าน เราทำลายเสีย
แล้ว


ก็ไม่เกิด.........

คือจิตของเราไม่เกิดต่อไปเป็นธรรมดาแล้ว จักดับอยู่
ในภพนี้เอง ดังนี้.


จบอรรถกถาสีวกเถรคาถา

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 19 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 26 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร