สวัสดีครับ เมื่อนานมาแล้ว ผมเคยถูกถามว่า

หากบุคคลจำพวก สาวประเภทสอง มีการศึกษาและปฏิบัติตามอริยมรรค
อย่างสมบูรณ์ ถูกต้องและครบถ้วนแล้ว พวกเขามีโอกาสทีจะหลุดพ้น
ถึงที่สุดทุกข์ เช่นเดียวกับ ชายจริง หญิงแท้หรือไม่

ตอนนั้นผมฟังคำถามแล้วก็ไม่แน่ใจ จึงไม่กล้าฟันธงลงไปว่าเป็นอย่างไร
แต่ในใจกลับนึกถึง พระวักกลิขึ้นมาเสียได้ ไม่รู้มันขึ้นมาได้ยังไง

ประวัติท่านวักกลิท่านชอบแอบมองพระพุทธเจ้า ชอบอยู่ใกล้ๆ พระองค์
พระองค์จะเทศสอนอะไรธรรมะก็ไม่เข้า จนพระองค์ต้องไล่ไปไกลๆ
และด้วยความรักมากของท่านวักกลิที่มีต่อพระองค์ ท่านจึงมีความเสียใจอย่างแรง
ถึงขนาดคิดฆ่าตัวตาย แต่ก็รอดมาได้เพราะพระพุทธองค์ตามไปปลอบ
แล้วสามารถสิ้นอาสวะได้ในที่สุด

ไม่รู้ว่าผมจะต้องมีบาปเล่นงานรึเปล่าที่ไปรู้สึกว่า ท่านอาจเคยเป็น
พวกมีจิตพิศวาสเพศชายมาก่อน

วานท่านผู้รู้ ช่วยอนุเคราะห์ตอบหน่อยว่า สาวประเภทสอง
เป็นอรหันต์ได้ไหมถ้าปฏิบัติตามมรรคทุกอย่าง

และท่านคิดว่า ผมบาปรึเปล่า ที่ไปแอบรู้สึกว่า ท่านวักกลิท่านเคยเป็นตุ๊ด

ขอบคุณครับ

ขอเชิญพิจารณาจากที่นี่ครับ...

http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/008191.htm

http://dungtrin.com/prepare/archieve/prepare083.htm

สาธุครับ
ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม
ผมว่า ถ้าปฏิบัติอย่างถูกต้องแล้ว
น่าจะบรรลุ มรรค ผลได้นะครับ
ไม่น่าจะมีเรื่องเพศเข้ามาเกี่ยวข้อง

เจอคำตอบแรกของคุณ dd เข้าไปแทบอยากจะปิดกระทู้เลยครับ
ที่แท้คำถามนี้ก็เป็นคำถามโหลๆที่เคยมีคนถามตอบกันมาแล้ว....มากมาย



เปิดอ่านดู ก็สรุปได้ว่ามีสามคำตอบ คือ ได้ ไม่ได้ และอาจจะได้และไม่ได้


โดยส่วนตัวผมสำหรับเรื่องนี้ผมก็ยังไม่อยากจะแน่ใจ ว่าได้หรือไม่ได้
แต่ในใจก็อยากจะให้เป็นไปได้ เพื่อที่บุคคลที่เขาเิกิดมาแล้วมีความ
เป็นเพศที่สาม สี่ ห้า จะได้มีโอกาสได้รับสิ่งประเสริฐสูงสุดในพุทธศาสนา
เช่นเดียวกับ ทุกๆคนที่เข้ามาศึกษา และปฏิบัติ


เมื่อคราวที่ท่านพระอานนท์ ทูลขอให้พระพุทธองค์ยอมอนุญาติให้
พระนางมหาปชาบดี ได้เข้ามาบวชเป็นภิกษุณี

พระองค์ทรงปฏิเสธอยู่หลายครั้ง จนท่านพระอานนท์ต้องใช้อุบาย
ทางปัญญาเข้าช่วย โดยถามพระองค์ว่า.......

อริยอัฏฐังคิกมรรคหลักธรรมอันประเสริฐของพระพุทธองค์
หากสตรี ได้มีการประพฤติปฏิบัติ ถูกต้องครบถ้วน จะสามารถ
บรรลุถึงความสิ้นอาสวะเช่นเดียวกับบุรุษได้หรือไม่

พระพุทธองค์ก็ตอบว่า สามารถเป็นได้


ถ้าหากมองตามภาษิตนี้ แล้วถามว่า หากบุรุษเพศที่สาม
ได้ประพฤติปฏิบัติถูกต้องครบถ้วน.......ก็ไม่แน่ว่า สามารถสิ้นอาสวะได้
เหมือนกัน


ปล......ผมร้อยเรียงถ้อยคำระหว่างพระพุทธองค์ และท่านพระอานนท์ได้คร่าวๆ
เพราะจำได้แต่ใจความที่ดูจะเลือนๆ ยังไงก็ขออภัยท่านผู้รู้หากสำนวนไม่ตรง
ตำรานะครับ


อนุโมทนากับคำตอบของคุณ วรานนท์ด้วยครับ

เคยมีคนมาถามเหมือนกันค่ะ แต่ตอบกลับไปว่าไม่น่าจะได้ ตอบไปอย่างไม่มั่นใจค่ะ

สรุปว่า เป็นได้ใช่ไหมค่ะ

นึกไงคิดถามขึ้นมาได้เนี่ย...

เคยได้อ่านเจอมาว่า มีผู้ชายที่ถูกตอนน่ะค่ะ ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้นๆได้ จริงหรือเท็จประการใดไม่ทราบนะคะ เพราะครูบาฯท่าบันทึกไว้แบบนั้น

ก็เคยได้ยินคำกล่าวมาอีกว่า พุทธไม่ใช่ทั้งหญิงและชาย กระเทยก็ไม่ใช่ทั้งหญิงและชาย น่าจะบรรลุธรรมได้นะคะ อันนี้เป็นเพียงความคิดเห็นค่ะ

ขออนุญาติอ้างอิงนะคะ

ถ้าผู้หญิงปฏิบัติธรรมจนเข้าใจแล้ว จะไม่อธิษฐานแบบนั้นเลย มันเป็นการพยาบาท ทำให้ก่อภพก่อชาติให้เกิดขึ้นใหม่อีก แต่เมื่อสักวันหนึ่ง ผู้ใดปฏิบัติจนข้ามโอฆะนี้ไปได้ กรรมนี้ย่อมสิ้นสุดลง

เรื่องของความรักนี่ยากที่จะเข้าใจได้ ทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุที่ได้เคยกระทำร่วมกันมาทั้งสิ้น ผลจึงเป็นเช่นนี้


เพราะอวิชชาตัวเดียวแท้ๆ ถึงได้ก่อให้เกิดภพชาติไม่รู้จบ

เจอคำถามแรก ก็ยัง...งง
เจอคำถามนี้อีก เรายิ่ง...ฉงน

มี 2 ประเด็นที่ถามมานะครับ เริ่มประเด็นแรกก่อน



บุคคลที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

มีคาถาแสดงไว้ว่า

"มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ วิคตาสวทสฺสนํ อธิกาโร ฉนฺทตา เอเต อภินีหารการณาฯ"
บุคคลที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ต้องประกอบด้วยองค์ธรรม ซึ่งเรียกว่าธรรมสโมธาน (การประชุมธรรม) ๕ ประการ

"มีเหตุแห่งปณิธานขึ้นพื้นฐาน (ก็เพราะธรรมสโมธาน ๕ ประการ) เหล่านี้ คือ ความเป็นมนุษย์, ความถึงพร้อมด้วยเพศ,การเห็นท่านผู้ปราศจากอาสวะ, อธิการและความพอใจ"


๑. ความเป็นมนุษย์ (มนุสฺสตฺตํ) คือ ในชาติที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น เป็นเทวดาไม่ได้ ไม่ต้องกล่าวถึงเป็นสัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต หรือ อสุรกาย

๒. ความถึงพร้อมด้วยเพศ (ลิงฺคสมฺปตฺติ) คือ เป็นเพศชายเท่านั้น จะเป็นผู้หญิง กะเทยและอุภโตพยัญชนก (บุคคลที่มี ๒ เพศในคนเดียวกัน) ไม่ได้ แต่กระนั้น ผู้หญิงสามารถเป็นมารดาของผู้ที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้

๓. การเห็นท่านผู้ปราศจากอาสวกิเลสทั้งหลาย (วิคตาสวทสฺสนํ) คือ การเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าหรือพระอนุพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง

๔. อธิการ (อธิกาโร) คือกระทำอันยิ่ง ต้องบริจาคชีวิตของตนเองแล้วจึงตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

๕. ความพอใจ (ฉนฺทตา) คือ ความเป็นผู้ปรารถนาเพื่อทำให้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า แม้ว่าจะยากลำบากประสบพบปัญหาอุปสรรคมากเพียงใดก็ตาม อาทิเช่น มีคนกล่าวว่า ใครก็ตามที่สามารถเหยียบสากลจักรวาล อันเต็มไปด้วยถ่านเพลิงที่ปราศจากเปลวไฟได้ ใครก็ตามที่สามารถเหยียบข้ามสากลจักวาลอันเกลื่อนกล่นด้วยหอกและหลาวได้ ใครก็ตามที่สามารถลุยข้ามสากลจักรวาลอันเต็มไปด้วยน้ำปริ่มฝั่งได้ ใครก็ตามที่สามารถก้าวล่วงสากลจักรวาลซึ่งดารดาษด้วยกอไผ่ชั่วนิรันดรได้ จึงตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ บุคคลที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าบอกว่า "เราสามารถทำเช่นนั้นได้"


แต่สำหรับบุคคลที่ตั้งปณิธานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ต้องประกอบด้วยองค์ธรรมซึ่งเรียกว่า ธรรมสโมธาน ๘ ประการ๔ คือ:-
มีคาถาแสดงไว้ว่า

"มนุสฺสตฺตํ ลิงฺคสมฺปตฺติ เหตุ สตฺถารทสฺสนํ ปพฺพชฺชา คุณสมฺปตติ อธิกาโร ฉนฺทตา

อฎฺฐธมฺมสโมธานา อภินีหาโร สมิชฺฌติฯ"

"ปณิธานขั้นพื้นฐานย่อมสำเร็จได้ ก็เพราะธรรมสโมธาน ๘ ประการ คือ ความเป็นมนุษย์, ความถึงพร้อมด้วยเพศ, เหตุ, การเห็นพระศาสดา, การบรรชา, ความถึงพร้อมแห่งคุณ, อธิการและความพอใจ"

๑. ความเป็นมนุษย์ (มนุสฺสตฺตํ) มีนัยเดียวกับองค์ธรรมของบุคคลที่ตั้งปณิธานเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า

๒. ความถึงพร้อมด้วยเพศ (ลิงฺสมฺปตฺติ) ก็มีนัยเดียกัน

๓. เหตุ (เหตุ) คือ ความถึงพร้อมด้วยอุปนิสัยแห่งพระอรหันต์ ในชาติที่ตั้งปณิธานเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าพยายามอย่างเต็มกำลัง จะสามารถเป็นพระอรหันต์ได้

๔. การเห็นพระศาสดา (สตฺถารทสฺสนํ) คือการเห็นเฉพาะพระพักตร์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง อาทิเช่นสุเมธบัณฑิตได้เห็นพระทีปังกรพุทธเจ้าเฉพาะพระพักตร์แล้วจึงตั้งปณิธาน

๕. การบรรพชา (ปพฺพชฺชา) คือ ความเป็นอนาคาริก ต้องเป็นนักบวชผู้เป็นกรรมวาทีและกิริยวาที อาทิเช่น สุเมธบัณฑิตเป็นดาบสชื่อสุเมธ จึงตั้งปณิธาน

๖. ความถึงพร้อมแห่งคุณ (คุณสมฺปตฺติ) คือการได้คุณธรรมหรือธรรมวิเศษมีฌานเป็นต้น อาทิเช่น สุเมธบัณฑิตได้อภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ แล้วจึงตั้งปณิธาน

๗. อธิการ (อธิกาโร) มีนัยเดียวกัน

๘. ความพอใจ (ฉนฺทตา) ก็มีนัยเหมือนกัน


ส่วนผู้ที่ตั้งปณิธานเป็นพระอัครสาวกทั้งสองและพระอสีติมหาสาวก ต้องมีองค์ธรรม ๒ ประการ คือ อธิการ หรือการกระทำอันยิ่ง (อธิกาโร) และความพอใจ (ฉนฺทตา)

๓. สุตฺต.อ. ๑/๔๗.

๔. สุตฺต.อ. ๑/๔๕.

ความเห็นส่วนตัวจากข้อความข้างต้นไม่ระบุความถึงพร้อมด้วยเพศกรณีพระอัครสาวกและพระอสีติมหาสาวก ขอเพียงองค์ธรรม 2 ประการคือการกระทำอันยิ่งและความพอใจเท่านั้น

การเกิดเป็นมนุษย์จะเป็นเพศใดอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่าง คือ

เพราะฉันทะความพอใจในเพศนั้น ๑
เพราะกุศลกรรมที่มีกำลังอ่อน ๑
เพราะอกุศลกรรม คือ การผิดศีลข้อกาเมฯ ๑

การเกิดเป็นกระเทยก็มาจากอกุศลกรรมคือการผิดศีลข้อสาม(พระอานนท์ก็เคยมีชาติที่เป็นกระเทย)
ดังนั้นทุกคนล้วนมีสังสารวัฏอันยาวนานย่อมมีอกุศลกรรมติดตามตัวทั้งสิ้นเช่นพระโมคคัลลานะเป็นต้น
ความเห็นส่วนตัว
ถ้ามองว่าเพราะอกุศลกรรมนั้น เหตุนั้น บุคคลเหล่านั้นจึงต้องรับผลเช่นนั้น
แล้วถ้ากุศลกรรมนี้ละ(ดำรงมั่นในอริยมรรค) เหตุนี้ บุคคลเหล่านี้ย่อมบรรลุมรรคผลเช่นกัน....

การบรรลุมรรคผลนั้น บรรลุด้วยปัญญา ด้วยจิตที่ละอวิชชาได้(ไม่เกี่ยวกับเพศ จิตไม่มีเพศ)
เป็นจิตที่บริสุทธิ์ปราศจากกิเลส

ประเด็นที่ 2


บรุพกรรมของท่านวักกลิ



ท่านผู้เป็นศรัทธาธิมุต (คือหนักไปในความเชื่อ) ไม่ได้เกิดจากอุปนิสัยของกระเทย

กรรมจากการนึกคิด.........

ครั้งสมัยพุทธกาล มีพ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งคิดไม่ดีกับท่านพระมหากัจจายะนะ คือ คิดว่าพระมหากัจจายะนะท่านนี้มีรูปร่างสง่างามดีถ้าใครได้ไปเป็นสามีคงจะเป็นบุญไม่น้อย กรรมที่คิดอย่างนี้กับท่านพระมหากัจจายะนะซึ่งเป็นพระอริยะเจ้าทำให้พ่อค้าหนุ่มกลายเพศเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงทันที เวลาผ่านไปทำให้ต้องไปมีครอบครับมีลูก ก็สำนึกถึงบาปกรรมที่ตนคิดไม่ดี จึงได้ไปปรารภเหตุเรื่องที่เกิดขึ้นให้ท่านพระมหากัจจายะนะทราบแล้วได้กล่าวขอขมาอโหสิกรรม จึงทำให้เขาได้กลับคืนมาเป็นเพศชายเหมือนเดิม อันนี้เป็นกรรมที่เกิดจากความนึกคิด.........

กรรมของการปรามาสพระรัตนตรัย
ท่านกล่าวว่า ห้ามมรรค ผล นิพพาน แม้บุคคลผู้นั้นจะพากเพียรปฏิบัติธรรม อย่างไรก็มิอาจสามารถ บรรลุมรรคผลได้ จึงมีโทษมาก

ความหายนะอย่างถึงที่สุด10ข้อ ของการปรามาสพระรัตนตรัย

บุคคลผู้นั้นจะยังไม่บรรลุธรรมที่ยังไม่บรรลุ 1
เสื่อมจากธรรมที่บรรลุแล้ว ฌาณ สมาธิ จะเสื่อมทันที 1

สัทธรรมของบุคคลผู้นั้นย่อมไม่ผ่องแผ้ว 1
เป็นผู้หลงคิดว่าตนเป็นผู้บรรลุสัทธรรม 1

ไม่ยินดีในการประพฤติพรหมจรรย์ 1
ถ้าเป็นภิกษุต้องอาบัติเศร้าหมองอย่างใดอย่างนึง 1

ย่อมถูกโรคเบียดเบียนอย่างหนัก 1
ถึงความเป็นบ้ามีจิตฟุ้งซ่าน 1

หลงตามกาละ คือตายอย่างขาดสติ 1
เมื่อตายย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก 1

ขอแนะนำท่าน จขกท........เราทุกคนอาจเคยปรามาสพระรัตนตรัยกันได้ครับ

สาธุ สาธุ ท่านฌาณ

เหมือนพระมาโปรดแท้ๆ

ซาบซึ้ง......แต่ก็อดหวาดเสียวไม่ได้ ถึงบาปกรรมของความชั่งคิด


ขอบคุณครับ

อนุโมทนาสาธุค่ะคุณฌาน สำหรับบทความดีๆที่นำมาเสนออย่างต่อเนื่อง และสร้างประโยชน์มากมายมหาศาล


สุสฺสูสา สุตวฑฺฒนี

สุตํ ปญฺญาย วฑฺฒนํ

ปญฺญาย อตฺถํ ชานาติ

ญาโต อตฺโต สุขาวโห

ความใฝ่เรียนสดับ เป็นเครื่องพัฒนาความรู้

ความรู้จากการเรียนสดับนั้น เป็นเครื่องพัฒนาปัญญา

บุคคลที่อยู่ด้วยปัญญา ก็จะรู้จักสิ่งที่เป็นประโยชน์

ประโยชน์ที่รู้จักแล้ว ก็นำสุขมาให้



ขอให้คุณฌานเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปค่ะ สาธุ

ก็ใช่น่ะสิ เพราะยังไม่อาจจะข้าม โอชะ เอ้ย... โอฆะไง


อันนี้เห็นด้วยอย่างที่สุด
ก็คงเป็นเรื่องของคู่นั้นไปล่ะ
ว่าแต่เรามาคุย.....เรื่องของเรากันต่อ

หะ หะ แซวครับ แค่แซว ผมรู้ว่าคุณไม่คิดมาก
จริง ๆ ปกติผมก็ไม่ค่อยได้คิดเรื่องแซวสาว ๆ
และปกติก็ไม่ค่อยได้เฉียดไปใกล้สาว ๆ
และปกติสาว ๆ ที่รู้จักผม เขาก็ไม่เข้ามายุ่งย่ามกับผม

ผมกำลังดักกิ้งกา
อยู่ดี ๆ มาเจอคุณทักทาย ผมเลย ฉงน นิด ๆ
อดที่จะซนไม่ได้... คงไม่ซนแล้วครับ
เพราะคุณบอกว่านั่นไม่ใช่คุณ
ซึ่งนั่นก็ไม่ใช่ผมเช่นกัน ...
ยินดีที่ได้มีโอกาสรู้จัก และ คุยกันครับ

ยินดีที่รู้จักค่ะ เราเป็นกัลยาณมิตรกันค่ะ ถึงได้มาพบป่ะ ได้มารู้จักกันในสถานที่แห่งนี้ ทุกอย่างล้วนมีเหตุปัจจัยค่ะ เราเคยสร้างกุศลร่วมกันมา พอดีสภาวะที่คุณติดอยู่ ตัวเองเคยเป็นมาแล้ว และผ่านตรงนั้นมาแล้ว เราเลยได้มาแบ่งปันการปฏิบัติซึ่งกันและกัน เป็นการได้สร้างกุศลร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง

คุณเป็นคนน่ารักค่ะ คนที่เข้ามาที่นี่เป็นคนน่ารักทั้งนั้นแหละค่ะ เพียงแต่ว่า เรานั้นจะมองเห็นความน่ารักของแต่ละคนได้หรือเปล่าเท่านั้นเองค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จักและได้สนทนากันค่ะ