วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 16:21  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 19:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่องผู้เขียน จำไม่ได้ แต่ลองอ่าน แล้วตีความดู

"เราไม่อาจก้าวเข้าไปในแม่น้ำเดิมซ้ำสองครั้งได้"

เป็นวลีสั้น ๆ แต่เรารู้สึกว่าเป็นวลีที่แฝงความสวยงามอะไรบางอย่างเอาไว้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 19:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็นเรื่องของสภาวธรรมค่ะ คุณต้องเจอก่อน คุณถึงจะเข้าใจ :b1:

อันนี้สมมุตินะคะ สมมุติว่าผู้ที่ผ่านโสดาบันแล้ว ย่อมไม่ย้อนกลับไปอีก มีแต่จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ :b12:

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นนะคะ :b16:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 20:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
เป็นเรื่องของสภาวธรรมค่ะ คุณต้องเจอก่อน คุณถึงจะเข้าใจ :b1:

อันนี้สมมุตินะคะ สมมุติว่าผู้ที่ผ่านโสดาบันแล้ว ย่อมไม่ย้อนกลับไปอีก มีแต่จะก้าวหน้าไปเรื่อยๆ อะไรประมาณนี้น่ะค่ะ :b12:

นี่เป็นเพียงความคิดเห็นนะคะ :b16:


ขอแค่ไม่สมมติสักครั้ง จะได้มั๊ย...
:b20: :b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 20:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


งั้นเรื่องจริงก็ได้ค่ะ คุณไปหาข้อมูลอ่านดูละกันว่า มีโสดาบันที่ไหนต้องย้อนกลับไปเป็นโสดาบันอีกหลายๆครั้งน่ะค่ะ :b1:

ชั่งสงสัยจริงๆเลยนะคะ ระวังจะติดสภาวะสงสัยนะคะ แล้วทำให้ต้องเสียเวลาหาคำตอบ หมั่นดูตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น คือ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นน่ะค่ะ รู้ลงไปในสิ่งที่เกิดขึ้น ขณะนั้น ไม่ไปชอบ ไม่ไปชัง ไม่คิดไปเปลี่ยนแปลงแก้ไข อยู่กับมัน เดี๋ยวคุณจะได้คำตอบเองค่ะ ไม่ต้องเที่ยวไปถามใครเขาหรอก ถาม 100 คน ได้ 100 คำตอบ สุดท้ายสงสัยอีก อันไหนคือคำตอบที่แท้จริง :b12:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 20:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะจมน้ำเรียบร้อยไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวลงไป
จึงไม่มีโอกาสของการก้าวครั้งที่สอง


หรืออาจหมายถึง การเตือนตัวเอง ให้รู้จักเข็ด จักจำ
กับความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่อาจผิดพลาดได้อีกแล้ว


หรืออาจหมายถึง การรำพึงกับตัวเอง เพราะรู้ว่า
ชีวิตเคยก้าวไหลไปตามอำนาจของกิเลส ถูกกิเลสพัดพาไป
ให้ตกจม และเวียนไหล อยู่ในห้วงน้ำแห่งสังสารวัฏ มาอย่างยาวนาน

บัดนี้ได้พาตนฝ่าพ้นกระแสแห่งห้วงน้ำใหญ่ มาถึงที่อันปลอดภัย
ก็รู้ได้ว่า การก้าวลงสู่ห้วงน้ำนี้ ไม่มีอีกแล้ว


ตอบแต่พองามเท่านี้ก่อน หากนึกได้อีกก็จะเวียนมา

:b53: :b53: :b53:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 20:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณบัวแสนกล สมชื่อจริงๆนะคะ ภาษาสวยงาม แล้วก็ได้ใจความค่ะ อนุโมทนา :b8:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 21:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
เพราะจมน้ำเรียบร้อยไปแล้ว ตั้งแต่ครั้งแรกที่ก้าวลงไป
จึงไม่มีโอกาสของการก้าวครั้งที่สอง

ก็น้ำมันลึกนิ่ ก็บอกว่ายังไม่ลง ไม่ลง ว่ายน้ำไม่เป็น คุณก็ดันมาถีบผมลง

อ้างคำพูด:
หรืออาจหมายถึง การเตือนตัวเอง ให้รู้จักเข็ด จักจำ
กับความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งไม่อาจผิดพลาดได้อีกแล้ว

ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ก็ตอนทำมันอารมณ์ชั่ววูบนี่

อ้างคำพูด:
หรืออาจหมายถึง การรำพึงกับตัวเอง เพราะรู้ว่า
ชีวิตเคยก้าวไหลไปตามอำนาจของกิเลส ถูกกิเลสพัดพาไป
ให้ตกจม และเวียนไหล อยู่ในห้วงน้ำแห่งสังสารวัฏ มาอย่างยาวนาน
บัดนี้ได้พาตนฝ่าพ้นกระแสแห่งห้วงน้ำใหญ่ มาถึงที่อันปลอดภัย
ก็รู้ได้ว่า การก้าวลงสู่ห้วงน้ำนี้ ไม่มีอีกแล้ว

ผมคงไม่มีอารมณ์จะรำพึงแล้วล่ะ ผมจะมาเอาคืนกับคุณนี่ล่ะ
หลังจากที่ถูกคุณถีบตกน้ำ ว่ายน้ำก็ไม่เป็น ตะเกียดตะกายแทบแย่

:b41: :b41: :b41:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 พ.ค. 2009, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


อ้างคำพูด:
"เราไม่อาจก้าวเข้าไปในแม่น้ำเดิมซ้ำสองครั้งได้"


โมทนากับ จขกท ด้วยครับ :b8:
ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

รตฺตินฺชีเว น ขียติ ชีวิตํ อุปรุชฺชติ

คงเป็นคำกล่าวเปรียบเทียบว่า ทุกสิ่งทุกอย่าง สังขารทั้งหลายย่อมมีความแปรเปลี่ยนไปตามธรรมดา ตามเวลา ตามกาลที่ล่วงเลยไปในแต่ละวินาที

วัน คืน เดือน ปี ล่วงไป ๆ มิได้ล่วงไปแต่วันคืนเดือนปีเปล่า ชีวิตของเราล่วงตามวันคืนเดือนปีนั้นไปด้วย ชีวิตที่เป็นอยู่ร้อยปี พอหมดไปเสีย วันหนึ่งก็ขาดร้อยปีไปวันหนึ่งแล้วลดคืนหนึ่ง ผ่านร้อยปีไปคืนหนึ่งแล้ว หมดเสียวันกับคืนหนึ่ง ขาดร้อยปีไปวันกับคืนหนึ่งแล้ว อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อวันคืนเดือนปีล่วงไปเท่าไรชีวิตก็หมดไปเท่านั้น


ดังนั้นพวกเราทุกคนอย่าอยู่ด้วยความไม่ประมาท ความตายมาเยือนเราได้ทุกวินาที
ทำปัจจุบันธรรมให้ดีที่สุด


การศึกษาธรรม ท่านให้ศึกษาปัจจุบันธรรม
บุคคลไม่ควรตามคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้วด้วยอาลัย
ไม่ควรพะวงถึงสิ่งที่ยังมาไม่ถึง

การปฏิบัติของเรา ท่านให้ปล่อยวางสัญญาอารมณ์ต่างๆ
ไม่ให้คิดถึงอดีต อนาคต ให้กำหนดรู้ปัจจุบัน
คิดถึงอยู่แต่อารมณ์ปัจจุบันเท่านั้น
เพื่อรู้ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน


ลมหายใจที่เข้าครั้งที่แล้ว กับครั้งนี้ก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่ยืนอยู่ที่เดิม....

เมื่อสักครู่ก่อนยืนตรงดินนี้ ต่อมาสักครู่ก็มายืนตรงที่เดิม
ผืนดินนั้นอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ร่างกายเราเดิมนั้นอาจไม่เหมือนเดิมเช่นกัน....

ชีวิตนี้วิปริตผันแปร ไม่แน่นอน

วัย หมดไปตามลำดับแห่งวัย

วันคืน ไม่ผ่านไปเปล่า

มฤตยู พยาธิ ชรา ทั้งสามนี้ดุจไฟลามลุกไหม้

ผู้ที่ตั้งอยู่ในธรรม ใครเล่าจะกลัวความตาย

ผู้ที่เกิดมาแล้วจะไม่ตายไม่มี

วันคืนผ่านพ้นไป ชีวิตย่อมจะเหลือน้อยลง

อายุย่อมหมดไปทุกขณะที่หลับตาและลืมตา

วันคืนล่วงไป ชีวิตของคนก็พร่องลงไป จากประโยชน์ที่จะทำ

วันคืนย่อมล่วงไป ชีวิตย่อมหมดเข้าไป อายุของสัตว์ ย่อมสิ่นไป เหมือนน้ำแห่งแม่น้ำน้อย ๆ ฉะนั้น

วันคืนล่วงไปเท่าไรชีวิตก็พร่องลงไปเท่านั้น เวลาแห่งความตายรุกไล่เข้าไปทุกอิริยาบท ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาทเวลา


เพราะสังขารเหล่านี้ทั้งหมดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาด้วย และมีความเสื่อมเป็นธรรมดาด้วย
ล้วนมีความเกิดขึ้นและความแตกดับเป็นสภาวะทั้งนั้น

เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงทราบเถิดว่า เป็นของไม่เที่ยง ก็เพราะไม่เที่ยง จึงเกิดแล้วก็ดับ คือแม้จะเกิดแล้ว ถึงความดำรงอยู่ได้ ก็ต้องดับทั้งนั้น. แท้จริง สังขารเหล่านี้ทุกอย่างกำลังเกิด ชื่อว่าย่อมเกิดขึ้น. กำลังสลาย ชื่อว่าย่อมดับ .

เมื่อความเกิดขึ้นแห่งสังขารเหล่านั้น มีอยู่ ชื่อว่าฐีติ จึงมีได้. เมื่อฐีติมีอยู่ ชื่อว่าภังคะ จึงมีได้. เพราะเมื่อสังขารไม่เกิดขึ้น ฐีติก็มีไม่ได้. ฐีติขณะปรากฏแล้ว ชื่อว่าความไม่แตกดับ ก็ไม่มี. เพราะฉะนั้น สังขารแม้ทั้งหมด ถึงขณะทั้ง ๓ แล้วก็ย่อมดับไป ในขณะนั้นๆ เอง.

เพราะเหตุนั้น สังขารเหล่านี้แม้ทั้งหมด จึงเป็นของไม่เที่ยง เป็นไปชั่วขณะ เป็นสิ่งเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ยั่งยืน เปื่อยเน่า หวั่นไหว โยกคลอน ตั้งอยู่ได้ไม่นาน แปรผันได้ เป็นของชั่วคราว ไร้สาระ เป็นเช่นกับของหลอกลวง พยับแดด และฟองน้ำ


ขณะที่เราอยู่อย่างนี้ เวลาไม่เคยรอใคร เวลาผ่านไปๆ ทุกขณะๆ วันคืนล่วงไปๆ ความตายเข้ามาใกล้ทุกขณะๆ จงพิจารณาดูชีวิตของตนว่า "เรากำลังทำอะไรอยู่ สร้างประโยชน์ให้กับตนเองและต่อผู้อื่นแล้วหรือยัง สร้างประโยชน์ปัจจุบัน ประโยชน์ข้างหน้า ประโยชน์สูงสุดแล้วหรือยัง"

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 04:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านกระทู้นี้ เลยนึกถึง เรื่องแม่น้ำแห่งหนึ่ง เคยอ่านเจอในหนังสือธรรมะ แต่จำชื่อไม่ได้แล้วว่าชื่อหนังสืออะไร แม่น้ำแห่งนี้ชื่อว่า แม่น้ำเวทนา

แม่น้ำเวทนา เป็นเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์กับนรก ซึ่งวิญญาณ
ผีทุกคนจะต้องข้ามสะพานไปด้วยความลำบากแสนสาหัส(วิญญาณปาบ)
ส่วนวิญญาณบุญ สามารถข้ามไปได้อย่างสบาย แม่น้ำแห่งนี้ข้ามไปแล้ว
ไม่สามารถหวนกลับมาได้ เพราะถ้าข้ามแม่น้ำเวทนาไปแล้ว ต้องไปเกิดใหม่
ตามกรรมแห่งตน


เล่าให้ฟังเฉยๆ ครับ :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 07:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฌาณ เขียน:
อ้างคำพูด:
"เราไม่อาจก้าวเข้าไปในแม่น้ำเดิมซ้ำสองครั้งได้"

โมทนากับ จขกท ด้วยครับ :b8:
ผมขอร่วมแสดงความคิดเห็นด้วยครับ

รตฺตินฺชีเว น ขียติ ชีวิตํ อุปรุชฺชติ

การปฏิบัติของเรา ท่านให้ปล่อยวางสัญญาอารมณ์ต่างๆ
ไม่ให้คิดถึงอดีต อนาคต ให้กำหนดรู้ปัจจุบัน
คิดถึงอยู่แต่อารมณ์ปัจจุบันเท่านั้น
เพื่อรู้ทั้งอดีต อนาคต และปัจจุบัน

ลมหายใจที่เข้าครั้งที่แล้ว กับครั้งนี้ก็ไม่เหมือนเดิม ทั้งที่ยืนอยู่ที่เดิม....

เมื่อสักครู่ก่อนยืนตรงดินนี้ ต่อมาสักครู่ก็มายืนตรงที่เดิม
ผืนดินนั้นอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ร่างกายเราเดิมนั้นอาจไม่เหมือนเดิมเช่นกัน....


นี่เป็นกวีบทหนึ่งที่เขียนโดยนักกวีที่มิใช่ผู้ที่รู้จักพุทธศาสนาเลย
แต่เบื้องลึกของวาทะนี้ กลับสะท้อนความ...ตามนัยพุทธศาสนาได้อย่างลึกซึ้ง
ซึ่งมีพระนักเทศน์ นักเขียน ก็มีการใช้วลีที่ใกล้เคียงกันนี้มาสอน
อันนี้ก็ไม่รู้ว่าใครลอกใคร แต่เดี๋ยวจะมีอีกบทความ...ซึ่งเราขอเวลาไปพิมพ์ก่อน...ที่น่าอ่าน

นั่นคือ ไม่ได้หมายความว่า ชาวพุทธเท่านั้นที่จะค้นพบ สัจจะธรรม
ทุกคนค้นพบ...สัจจะธรรม...ได้ เพราะสัจจะธรรมแฝงอยู่ในทุกสรรรพสิ่ง
เพียงแต่ว่าเราจะเห็นมันได้อย่างไร....แค่นั้นเอง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 11:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 ก.พ. 2008, 10:17
โพสต์: 97

ที่อยู่: นครปฐม

 ข้อมูลส่วนตัว


ธาเลส ปฐมปราชญ์แห่งกรีกกล่าวอความนี้ไว้นานแล้ว
อ่านความคิดเห็นแต่ละคนแลวนึกทุเรศในใจ
มันบ้าบออะไรเช่นนัน ตีความบ้าไปขนาดว่าเราไม่อาจเป็นโสดาบันได้สองครั้ง มองอะไรไกลตัวไปเสียหมด จนลืมสัจธรรมที่เป็นจริงของโลกไป
จริง ๆ แล้ว ข้อความนี้มุ่งให้เราพิจารณาถึงความไม่เที่ยงทั้งปวง เท่านั้นเอง สายน้ำไหลไปไม่สิ้นสุด เมื่อเรากระโดดลงไปเล่นน้ำแล้วขึนมา จากนั้นก็กระโดดลงไปใหม่ สายน้ำเดิมนั้นไหลผ่านไปนั้นแล้ว ดังนั้นน้ำที่เราสัมผัสจึงเป็นกระแสน้ำใหม่ที่ไหลไปอยู่ตลอดเวลา
ความจริงของชีวิตข้อนี้คือ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา แล้วเมื่อไรเราจะตื่นเสียทีนะ
นี่แค่ตีความยังโยงใยไปไกลแสนไกลจนลืมเรื่องใกล้ตัวที่สัมผัสอยู่ตลอดเวลาโง่งมสิ้นดี

.....................................................
อยู่อย่างเข้าใจในทุกสิ่ง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 12:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นนท์ เขียน:

อ้างคำพูด:
ธาเลส ปฐมปราชญ์แห่งกรีกกล่าวอความนี้ไว้นานแล้ว
อ่านความคิดเห็นแต่ละคนแลวนึกทุเรศในใจ

อย่าเพิ่งตัดพ้ออย่างนี้เลยครับ ถ้าจะทุเรศที่สุดในที่นี้ ก็ขอให้เป็นผมคนเดียว
ท่านอื่น ๆ เขาเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในกระทู้ของผม ด้วยความเป็นมิตรธรรม
คนที่ควรจะทุเรสที่สุด ก็ควรจะเป็นผม ที่ทำให้เขาต้องมาถูกตัดพ้อเช่นนี้
อ้างคำพูด:
จริง ๆ แล้ว ข้อความนี้มุ่งให้เราพิจารณาถึงความไม่เที่ยงทั้งปวง เท่านั้นเอง สายน้ำไหลไปไม่สิ้นสุด เมื่อเรากระโดดลงไปเล่นน้ำแล้วขึนมา จากนั้นก็กระโดดลงไปใหม่ สายน้ำเดิมนั้นไหลผ่านไปนั้นแล้ว ดังนั้นน้ำที่เราสัมผัสจึงเป็นกระแสน้ำใหม่ที่ไหลไปอยู่ตลอดเวลา
ความจริงของชีวิตข้อนี้คือ การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา แล้วเมื่อไรเราจะตื่นเสียทีนะ
นี่แค่ตีความยังโยงใยไปไกลแสนไกลจนลืมเรื่องใกล้ตัวที่สัมผัสอยู่ตลอดเวลาโง่งมสิ้นดี

อันนี้ ตรงสภาวะครับ... ตรงตามที่ผมอ่านเจอในตำราเลย

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 12:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 เม.ย. 2009, 19:25
โพสต์: 579

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ด่าได้ประเสริฐ แต่ถ้าจะให้ประเสริฐกว่านี้ ก็ค่อยๆบอกค่อยสอน

สาธุด้วยครับกับคำตอบ ทำให้ผมได้ทราบที่มาของคำถามว่า

พระเดชพระคุณท่านไปขุดเอามา จากปราชญ์ที่ผมก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน
..........ช่างสรรหาจริงๆ :b10:

เออ........แล้วทำไมเราต้องไปคิดว่า คำตอบต้องเหมือนความคิดของท่านปราชญ์
ท่านนั้นเท่านั้น คำตอบนั้นจึงชื่อว่าถูก และถ้าตอบไม่เหมือนก็คือผิด


ความจริงคำถามลักษณะนี้ เป็นคำถามเปิดกว้าง และส่อแง่มุมออกมา
หลายแง่ให้คนตอบได้หลากหลายแตกต่างกัน

เป็นคำถามที่ไม่น่าจะมีคนตอบผิด หากจะมีก็คือ.......ตอบถูกมาก
ตอบถูกน้อย ตอบได้ตรงตามความคิดความเข้าใจของเจ้าของปัญหา
หรือตอบไม่ตรงตามความเข้าใจของผู้ต้นคิดเจ้าของปัญหา

ในการตอบของแต่ละคน
อาจมีมุมการตอบที่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งอาจจะลึกซึ้งกว่าและไม่ลึกซึ้งกว่าก็ได้
จึงไม่จำเป็นว่า คำว่าถูกต้อง จะต้องตายตัว และมีเจ้าของจอง
คำตอบสำเร็จเอาไว้แล้วแต่เพียงผู้เดียว.....

ผมว่าทุกคนก็มีสิทธิ์ จะคิดอะไรได้ลึกซึ้งเช่นปราชญ์ทั้งหลายได้ทุกเวลา
และบางเวลาอาจลึกกว่าก็ยังได้

ขีดศักยภาพของมนุษย์ บางเวลามันก็ปล่อยความคิดที่น่าทึ่งออกมา
จนแม้แต่ตัวเองก็ยังแปลกใจ ว่ามันมาได้ยังไง

เปิดใจกว้างๆ บางเวลา เราอาจเห็น คนธรรมดาๆคนหนึ่ง
กำลังคือปราชญ์ ............และสักพักแกก็งี่เง่าเหมือนเดิม

:b16: :b16: :b16:

:b41: :b41: :b41:


แก้ไขล่าสุดโดย บัวศกล เมื่อ 12 พ.ค. 2009, 15:58, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตีความบทความข้างต้น ตามความเห็นส่วนตัว ผิดหรือถูกอย่างไร ขออภัยล่วงหน้า ดังนี้

แท้จริงใช่ใครเห็นอะไร?

แม่น้ำนี้ เป็นที่รวมของหยดน้ำนับจำนวนไม่ได้ ผู้มีจักษุพึงเห็น เพ่ง พิจารณาแม่น้ำนั้น โดยแยบคาย แม่น้ำนั้น พึงปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้เลย แม้ฉันใด....

ขันธ์ห้า อันมี รูป เป็นต้นแล ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน อยู่ในที่ไกล หรือในที่ใกล้ก็ตาม เราย่อมเห็น เพ่ง พิจารณาขันธ์ห้านั้นโดยแยบคาย ขันธ์ห้านั้น ย่อมปรากฏเป็นของว่างเปล่า หาสาระมิได้ ฉันนั้นเหมือนกัน....

ขอให้เจริญในธรรม :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 พ.ค. 2009, 12:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บัวศกล เขียน:
พระเดชพระคุณท่านไปขุดเอามา จากปราชญ์ที่ผมก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน
..........ช่างสรรหาจริงๆ :b10:

:b41: :b41: :b41:


เอ่อ...กล่าวชมเช่นนี่
แสดงว่า...คุณเริ่มจะเห็นแวว...เจ้าตัวแสบ...ในพระเดชพระคุณท่านนี้แล้วใช่ป่าว

:b41: :b41: :b41:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 66 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร