วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 04:02  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2009, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b10: สงสัยนะคะอยากถามว่า คนที่ปล่อยเงินกู้แบบเป็นอาชีพนะคะ แล้วอ้างว่าเอาเงินไปทำบุญ
เช่น สร้างโบสถ์ สร้างกุฏิถวายพระ แบบนี้ถือว่าเป็นการทำบุญที่ถูกต้องไม๊คะ :b10:
:b10: คือเราเห็นพี่คนหนึ่งนะคะ แกมีปัญหาเรื่องเงินเลยไปยืมญาติๆ กันมา โดยเสียดอกเบี้ย
มาเป็นเวลาหลายปี จนดอกเกินต้นไปไหนๆ แต่พี่แกก็ส่งมาเพื่อรอว่าได้เงินก้อนแกจะไปคืนญาติ
แกพูดกับเราว่าต้องคืนแน่ๆ ไม่คิดโกง บางครั้งแกมีส่งดอกช้าบ้าง ญาติเราก็จะโวยวายบอกว่า
พี่คนนี้ทำให้แกเดือดร้อนเพราะแกต้องเอาเงินไปทอดกฐินบ้าง สร้างพระบ้าง คือเอาเงินไปทำบุญจริงๆ
นะเราเห็นแกชอบทำบุญ เช่นตอนสามีแกเสียแกก็สั่งทำโรงศพติดแอร์ถวายวัด ทำซุ้มประตูวัดแบบ
มโหฬารสลักชื่อตระกูลใหญ่โต ว่าวัดนี้ตระกูลข้าแต่ผู้เดียว
:b10: เราเลยสงสัยจังค่ะว่า วิธีการทำบุญแบบนี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าถูกต้องไม๊คะ เพราะอาชีพ
แกคือปล่อยเงินกู้ มีคนลำบากมาขอยืมแกมากมาย แต่แกก็ทำบุญมากมายเช่นกัน
:b10: ต่อมาแล้วพี่ที่ยืมเงินแกมาผิดไม๊คะที่ส่งดอกไม่ทัน จนแกโวยวายว่าไม่ได้ทำบุญ เป็นการขวาง
บุญผู้อื่นให้เค้าไม่ได้บุญตามที่ญาติเราโวยวายหรือเปล่าคะ
:b14: เรารู้ว่าพี่เค้าไม่โกงเงินแน่ๆ แกยอมส่งดอกจนเกินต้นไปไหนๆ เราสงสารแกนะ พอดีแกรอเงิน
มรดกอยู่คงอีก 1-2 ปี แกก็จะได้เงิน
รบกวนคุณๆ ช่วยเราคิดหน่อยซะคะ เราสงสัยมานานแล้ว 2 ข้อนะค่ะ
ว่าญาติเราจะได้บุญ และพี่เค้าทำบาปไม๊คะ :b8: :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b10: สงสัยนะคะอยากถามว่า คนที่ปล่อยเงินกู้แบบเป็นอาชีพนะคะ แล้วอ้างว่าเอาเงินไปทำบุญ
เช่น สร้างโบสถ์ สร้างกุฏิถวายพระ แบบนี้ถือว่าเป็นการทำบุญที่ถูกต้องไม๊คะ :b10:
:b10: คือเราเห็นพี่คนหนึ่งนะคะ แกมีปัญหาเรื่องเงินเลยไปยืมญาติๆ กันมา โดยเสียดอกเบี้ย
มาเป็นเวลาหลายปี จนดอกเกินต้นไปไหนๆ แต่พี่แกก็ส่งมาเพื่อรอว่าได้เงินก้อนแกจะไปคืนญาติ
แกพูดกับเราว่าต้องคืนแน่ๆ ไม่คิดโกง บางครั้งแกมีส่งดอกช้าบ้าง ญาติเราก็จะโวยวายบอกว่า
พี่คนนี้ทำให้แกเดือดร้อนเพราะแกต้องเอาเงินไปทอดกฐินบ้าง สร้างพระบ้าง คือเอาเงินไปทำบุญจริงๆ
นะเราเห็นแกชอบทำบุญ เช่นตอนสามีแกเสียแกก็สั่งทำโรงศพติดแอร์ถวายวัด ทำซุ้มประตูวัดแบบ
มโหฬารสลักชื่อตระกูลใหญ่โต ว่าวัดนี้ตระกูลข้าแต่ผู้เดียว
:b10: เราเลยสงสัยจังค่ะว่า วิธีการทำบุญแบบนี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าถูกต้องไม๊คะ เพราะอาชีพ
แกคือปล่อยเงินกู้ มีคนลำบากมาขอยืมแกมากมาย แต่แกก็ทำบุญมากมายเช่นกัน
:b10: ต่อมาแล้วพี่ที่ยืมเงินแกมาผิดไม๊คะที่ส่งดอกไม่ทัน จนแกโวยวายว่าไม่ได้ทำบุญ เป็นการขวาง
บุญผู้อื่นให้เค้าไม่ได้บุญตามที่ญาติเราโวยวายหรือเปล่าคะ
:b14: เรารู้ว่าพี่เค้าไม่โกงเงินแน่ๆ แกยอมส่งดอกจนเกินต้นไปไหนๆ เราสงสารแกนะ พอดีแกรอเงิน
มรดกอยู่คงอีก 1-2 ปี แกก็จะได้เงิน
รบกวนคุณๆ ช่วยเราคิดหน่อยซะคะ เราสงสัยมานานแล้ว 2 ข้อนะค่ะ
ว่าญาติเราจะได้บุญ และพี่เค้าทำบาปไม๊คะ :b8: :b8:

:b8: รบกวนคุณๆท่านใดพอมีความเห็นบ้างคะ เพราะพี่แกมาคุยกับเราบ่อยๆ แกมีความรู้สึกว่าแกทำผิด
ต่อญาติ เลยทำให้แกชีวิตตกต่ำ แกก็เป็นคนดีน่ะค่ะ ลูกๆแกก็เป็นเด็กดีเรียนเก่ง ทุกวันนี้แกก็ทำมาหากิน
เลี้ยงลูกตามปรกติ ทำบุญ ทำทานบ่อยค่ะ สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ด้วย เพราะเราเห็นแกปฏิบัติมาก่อน และแกก็เป็นคนชักจูงเราเข้ามาสวดมนต์ มาถึงตรงนี้ แกได้บุญมากนะคะที่สามารถโน้มน้าวเรา
จนทำให้เรามาตรงจุดนี้ แกเป็นคนดีจริงๆค่ะ :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 11:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
:b10: สงสัยนะคะอยากถามว่า คนที่ปล่อยเงินกู้แบบเป็นอาชีพนะคะ แล้วอ้างว่าเอาเงินไปทำบุญ
เช่น สร้างโบสถ์ สร้างกุฏิถวายพระ แบบนี้ถือว่าเป็นการทำบุญที่ถูกต้องไม๊คะ :b10:
:b10: คือเราเห็นพี่คนหนึ่งนะคะ แกมีปัญหาเรื่องเงินเลยไปยืมญาติๆ กันมา โดยเสียดอกเบี้ย
มาเป็นเวลาหลายปี จนดอกเกินต้นไปไหนๆ แต่พี่แกก็ส่งมาเพื่อรอว่าได้เงินก้อนแกจะไปคืนญาติ
แกพูดกับเราว่าต้องคืนแน่ๆ ไม่คิดโกง บางครั้งแกมีส่งดอกช้าบ้าง ญาติเราก็จะโวยวายบอกว่า
พี่คนนี้ทำให้แกเดือดร้อนเพราะแกต้องเอาเงินไปทอดกฐินบ้าง สร้างพระบ้าง คือเอาเงินไปทำบุญจริงๆ
นะเราเห็นแกชอบทำบุญ เช่นตอนสามีแกเสียแกก็สั่งทำโรงศพติดแอร์ถวายวัด ทำซุ้มประตูวัดแบบ
มโหฬารสลักชื่อตระกูลใหญ่โต ว่าวัดนี้ตระกูลข้าแต่ผู้เดียว
:b10: เราเลยสงสัยจังค่ะว่า วิธีการทำบุญแบบนี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าถูกต้องไม๊คะ เพราะอาชีพ
แกคือปล่อยเงินกู้ มีคนลำบากมาขอยืมแกมากมาย แต่แกก็ทำบุญมากมายเช่นกัน
:b10: ต่อมาแล้วพี่ที่ยืมเงินแกมาผิดไม๊คะที่ส่งดอกไม่ทัน จนแกโวยวายว่าไม่ได้ทำบุญ เป็นการขวาง
บุญผู้อื่นให้เค้าไม่ได้บุญตามที่ญาติเราโวยวายหรือเปล่าคะ
:b14: เรารู้ว่าพี่เค้าไม่โกงเงินแน่ๆ แกยอมส่งดอกจนเกินต้นไปไหนๆ เราสงสารแกนะ พอดีแกรอเงิน
มรดกอยู่คงอีก 1-2 ปี แกก็จะได้เงิน
รบกวนคุณๆ ช่วยเราคิดหน่อยซะคะ เราสงสัยมานานแล้ว 2 ข้อนะค่ะ
ว่าญาติเราจะได้บุญ และพี่เค้าทำบาปไม๊คะ :b8: :b8:


ข้อแรก...ญาติท่านจะได้บุญหรือไม่ :b10:

ทานบริสุทธิ์....ผู้รับบริสุทธิ์....อันนี้ก็ประณีต
ทานไม่บริสุทธิ์....ผู้รับบริสุทธิ์....อันนี้กลางๆ
ทานไม่บริสุทธิ์....ผู้รับไม่บริสุทธิ์....อันนี้หยาบเลย

การทานนั้นเป็นการสร้างเหตุ....ผลย่อมมีแน่นอน อยู่ที่ว่าเป็นเหตุแบบใด...ผลก็แบบนี้น

ปลูกมะม่วงต้องได้มะม่วง...จะได้มังคุดไปไม่ได้เด็ดขาด :b13:
ทำทานแล้วก็ต้องได้บุญ...จะมากน้อยก็แล้วแต่ แต่มันก็เป็นผล

ข้อที่สอง...พี่เขาทำบาปมั้ย :b10:
ตอบแทนกันไม่ได้ครับว่าเป็นบาปหรือไม่ เพราะบุญ บาป เป็นเรื่องของเจตนา มีแต่คนทำเท่านั้นจึงรู้ว่าเป็นอย่างไร

ข้อแนะนำสำหรับญาติท่าน
อ้างคำพูด:
บางครั้งแกมีส่งดอกช้าบ้าง ญาติเราก็จะโวยวายบอกว่า
พี่คนนี้ทำให้แกเดือดร้อนเพราะแกต้องเอาเงินไปทอดกฐินบ้าง สร้างพระบ้าง คือเอาเงินไปทำบุญจริงๆ
นะเราเห็นแกชอบทำบุญ เช่นตอนสามีแกเสียแกก็สั่งทำโรงศพติดแอร์ถวายวัด ทำซุ้มประตูวัดแบบ
มโหฬารสลักชื่อตระกูลใหญ่โต ว่าวัดนี้ตระกูลข้าแต่ผู้เดียว


ที่เดือดร้อนเพราะอุปปาทาน คือ
ยึดถือเอาการทำบุญมาเป็นภาระ...จึงเกิดความห่วงใยในภาระ....อันนี้เป็นเหตุ
ส่วนที่พี่เขาส่งดอกให้ช้า....เป็นปัจจัย(ผลกรรมแต่อดีตส่งมา)....จึงเจอกับ "อัปปิเยหิสัมปโยโคทุกโข" การประสบพบสิ่งอันไม่เป็นที่รัก ที่พอใจ เป็นทุกข์ (ความจริงแล้วเป็นแค่เวทนา แต่เพราะมีอวิชาปกคลุมใจ ไม่เท่าทันสังขารจึงพัฒนากลายเป็นตัณหา คือ ความโกรธ)
พอโกรธแล้ว....ก็เกิดผลในทันทีคือ ร้อนรน จิตใจขุ่นมัว ส่งผลให้ทานที่เจตนาจะทำ บริสุทธิ์น้อยลงไปทันที

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 14:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ม.ค. 2009, 02:20
โพสต์: 1387

ที่อยู่: สัพพะโลก

 ข้อมูลส่วนตัว


k.Owan ครับ
จากที่ได้เคยสนทนากับอาจารย์ของข้าพเจ้าในเรื่องนี้
พอจะสรุปได้ดังนี้น่ะครับ อันนี้แล้วแต่ k.Owan จะ
พิจารณาดูนะครับ ข้าพเจ้าเอง ความรู้ทางธรรมยังตื้นเขิน
อยู่มาก อาจจะให้คำตอบได้ไม่ดีเท่าที่ควร ก็ต้องขออภัยไว้ก่อนด้วย


อาชีพการปล่อยกู้เงินแล้วคิดดอกเบี้ย
ท่านอาจารย์บอกว่า ไม่ได้เป็น สัมมาอาชีพ (อาชีพที่ดีเป็นบุญ)
เพราะทำให้เดือดเนื้อร้อนใจกันทั้งสองฝ่าย
คือ ฝ่ายผู้ให้กู้ ก็ต้องมากังวลว่าจะได้ดอกเบี้ยทันไหม ครบไหม
เงินต้นจะได้คืนไหม ส่วนฝ่ายผู้กู้ อาจจะกู้เพราะความเดือดร้อน
จำเป็นต้องใช้เงิน ก็ต้องร้อนใจ ว่าจะหาเงินมาส่งดอกทันไหม
แล้วจะหาเงินต้นใช้คืนได้ไหม ก็เลยเป็นทุกข์อีก
ถ้าต้องการจะช่วยเหลือกัน ควรให้หยิบยืม แต่ไม่ต้องคิดดอกเบี้ย
ถึงจะเป็นบุญกุศลนะครับ


จากข้อความข้างบน ข้าพเจ้าเอง ก็เลยสรุปได้ว่า
เงินที่ได้มาจากดอกเบี้ยปล่อยเงินกู้ ก็จะเป็นเงินที่
ไม่บริสุทธิ์ เมื่อนำไปทำบุญ อานิสงส์ ก็เลยไม่ได้
เท่าที่ควรจะเป็นน่ะครับ
เงินที่ได้มาบริสุทธิ์ ทานนั้นก็บริสุทธิ์
เงินที่ได้มาไม่บริสุทธิ์ ทานนั้นก็เศร้าหมอง

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
ผู้มีจิตเมตตาจะไม่มีศัตรู ผู้มีสติปัญญาจะไม่เกิดทุกข์.


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 14:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 ต.ค. 2008, 09:55
โพสต์: 405


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบเจ้าของกระทู้เท่าที่ข้อมูลให้มา ดังนี้

ถาม : เราเลยสงสัยจังค่ะว่า วิธีการทำบุญแบบนี้ในทางพุทธศาสนาถือว่าถูกต้องไม๊คะ เพราะอาชีพแกคือปล่อยเงินกู้ มีคนลำบากมาขอยืมแกมากมาย แต่แกก็ทำบุญมากมายเช่นกัน

ตอบ : คำถามนี้หากจะให้กระจ่างต้องทำแยกสิ่งที่ทำให้สับสนออกจากกันเสียก่อน คือ แยกเรื่องอาชีพปล่อยเงินกู้เป็นเรื่องหนึ่ง (วาระหนึ่ง) กับ แยกเรื่องการทำบุญเป็นอีกเรื่องหนึ่ง(วาระหนึ่ง) ซึ่งเมื่อแยกอย่างนี้แล้ว จะทำให้บอกได้ว่า

เรื่องอาชีพปล่อยเงินกู้ เท่าที่ทราบจะไม่ผิดกฏหมาย หากปล่อยดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด อาชีพนี้มองแง่หนึ่งเป็นการช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากซึ่งทำให้ได้บุญ แต่หากทำไม่ถูกต้อง เช่น เจตนาจะเอาทรัพย์สินที่นำมาค้ำประกันมากกว่าคิดช่วยเหลือ, ตั้งอัตราดอกเบี้ยเกินกฏหมาย, เงื่อนไขไม่เป็นธรรมปิดบังอำพราง, ทวงหนี้โหด เป็นต้น อย่างนี้ถือว่าได้บาปพ่วงมาด้วย

ต่อไปเรื่องการทำบุญ เท่าที่คุณให้ข้อมูลมา เขาจะนำเงินไปทำบุญ เช่น สร้างโบสถ์, สร้างกุฏิ, สร้างพระ, ทอดกฐิน, สร้างโรงศพติดแอร์, สร้างซุ้มประตู(สลักชื่อตระกูลเอาไว้) เป็นต้น กิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ถือว่าเขาได้ทำบุญ (ในกรณีนี้คือทำทาน) ที่ดีงามอยู่ในขอบข่ายของพระพุทธศาสนาแล้ว คือ ได้บุญแน่ เพียงแต่ว่าเขาจะได้บุญมากหรือน้อยแค่ไหน จะต้องดูปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วย ได้แก่ วัตถุบริสุทธิ์ ๑, เจตนาบริสุทธิ์ ๑, บุคคลบริสุทธิ์ ๑ หากทั้งสามประการนี้บริสุทธิ์มากเท่าไร ยิ่งได้บุญมากเท่านั้น หากพร่องไปเท่าใดก็ได้บุญน้อยเท่านั้น เช่น หากเป็นยาบ้าจะไม่ได้บุญ, หากไปโกงเขามาก็ได้บุญน้อยลง, หากมีเจตนาทำบุญเพื่อเอาหน้า หรือโลภอยากถูกหวยก็จะได้บุญน้อยลง เป็นต้น

ส่วนเรื่องการที่เขานำเรื่องการทำบุญนี้มาบอกกับคนที่ยืมเงิน หากเขาพูดความจริงก็ดีไป แต่หากเขาพูดเรื่องทำบุญนี้เป็นเพียงข้ออ้างกดดันเพื่อจะให้ได้เงินจากลูกหนี้ไม่ได้ทำบุญตามนั้นจริงๆ ก็ผิดศีลเป็นบาป

ถาม : ต่อมาแล้วพี่ที่ยืมเงินแกมาผิดไม๊คะที่ส่งดอกไม่ทัน จนแกโวยวายว่าไม่ได้ทำบุญ เป็นการขวางบุญผู้อื่นให้เค้าไม่ได้บุญตามที่ญาติเราโวยวายหรือเปล่าคะ

ตอบ : ขอตอบเรื่องแรกก่อนว่า พี่ที่ยืมเงินมาแล้วส่งดอกไม่ทันผิดหรือไม่? การจะให้รู้ชัดต้องว่ากันตามกฏหมาย หรือตามสัญญา อย่าเอาความรู้สึกมาตัดสิน หากตามสัญญาว่าส่งดอกไม่ทันผิด ก็คือผิด แต่หากส่งดอกไม่ทัน แต่ยังไม่เกินที่ตกลงกันในสัญญาก็ถือว่าไม่ผิดครับ แม้เรื่องการส่งคืนเงินต้นก็เช่นเดียวกัน ต้องยึดกฏหมาย และสัญญาที่ตกลงกันไว้เป็นหลักถึงจะตัดสินได้ว่าถูกหรือผิดครับ

ส่วนเรื่องที่พี่ส่งดอกไม่ทันแล้วแกโวยวายว่าไม่ได้ทำบุญ ลูกหนี้จะถือว่าผิดหรือไม่? ตรงนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องของลำดับเหตุการณ์เลยก็ว่าได้ ซึ่งเราจะต้องดูที่ลำดับเหตุการณ์ เช่น หากเจ้าหนี้ได้บอกกับลูกหนี้(พี่) คนนั้นว่าเขาจะไปทำบุญนะ ขอให้นำเงินมาใช้ตอนสิ้นเดือนด้วย พี่เขาเองก็รับปากไว้ว่าจะเอามาให้ หรือทำในลักษณะว่าจะเอาเงินมาให้ได้ ไม่ได้ปฏิเสธเจ้าหนี้ พอถึงกำหนดพี่ไม่ได้เอามาให้ อย่างนี้ก็ถือว่าเขาขวางบุญได้ ผิดเป็นบาปได้ คือ โกหก ผิดสัจจะครับ

แต่ถ้าหากพี่คนนั้น(ลูกหนี้)ไม่ได้รู้มาก่อนว่าเจ้าหนี้จะนำเงินไปทำบุญ ไม่รู้มาก่อนว่ารอเงินจากเขาเพื่อไปทำบุญ เขามารุ้ทีหลังแล้ว เขาก็เลยโดนเจ้าหนี้ว่าตำหนิดังกล่าวมา อย่างนี้ถือว่าพี่คนนั้นไม่ได้ขวางบุญอะไร เพราะเขาไม่ได้มีเจตนาจะไม่ให้พี่คนนั้นไปทำบุญครับ มีแค่เจตนาไม่จ่ายเงิน

เรื่องนี้หากล่าวกันในอีกแง่มุมหนึ่งอย่างใจเขาใจเรา คือ อยากให้ลองคิดในด้านย้อนกลับว่าหากลูกหนี้มาเป็นเจ้าหนี้ แล้วมีคนยืมเงินไป แล้วไม่ยอมใช้เงินต้นใช้แต่ดอก ดอกก็ให้บ้าง ไม่ให้บ้าง แล้วเจ้าหนี้เองก็รอเงินตรงนั้นจะไปทำบุญจริงๆ เจ้าหนี้จะรู้สึกอย่างไร ให้ลองคิดในแง่นี้ดูในมุมกลับคงจะมองภาพออกได้ และได้คำตอบในอีกหลายๆ อย่าง....

ทางที่ดี ที่ควรจะเป็น ควรที่จะพยายามนำเงินไปใช้เขา มีมากมีน้อยก็พยายามใช้เขา ทั้งต้นทั้งดอก ทำตามสัญญา หรือข้อตกลง ไม่ควรไปรอให้ได้เงินมรดกอะไรในอนาคต เพราะอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอนครับ เจ้าหนี้เองเขาอาจจะไม่รู้ว่าเราจะไม่โกง เขาอาจจะฟ้อง หรือยึดทรัพย์สิน หรือทวงหนี้โหดได้ เพราะเขาก็ต้องเป็นห่วงเงินของเขาเป็นธรรมดา ทำให้ถูก ทำให้ตรง จะสบายใจทั้งสองฝ่ายครับ


"ไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ"

ขอตอบเพียงเท่านี้ พิจารณาดูแล้วกันครับ

ขอให้เจริญในธรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 20:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ขอบคุณนะคะท่านผู้อธิบาย เราอ่านแล้วจะเอาคำตอบนี้ไปให้พี่เค้าอ่านอย่างน้อยก็ทำให้เค้า
ได้มีกำลังใจ :b4: :b4: ต่อไปค่ะ
ในความคิดเรานะคะ เราไม่มีใจเป็นกลางเลยค่ะบอกตามตรง เรารู้สึกสงสารพี่เค้าน่ะค่ะ :b7:
เพราะเรารู้จักเค้ามานานมาก แต่เราไม่ชอบญาติเราเลยค่ะ(พยายามจะไม่มีอคติแล้ว) เพราะอาชีพ
แกปล่อยเงินกู้จนร่ำรวย เที่ยวตระเวนทำบุญสร้างโน่น สร้างนี่ถวายวัดโน้น วัดนี้ คล้ายกับเป็นเจ้าแม่
ทำบุญเลยค่ะ เพราะอาชีพพวกนี้นะคะเราว่าถ้าไม่เก่งจริงทำไม่ได้แน่ๆ ดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ซิคะ
ทั้งโหดด้วยดูเหมือนเป็นคนใจดำนะคะ แต่ทำไมรวยเอา...รวยเอา
:b48: รู้สึกสงสารพวกลูกหนี้นะคะ ตกระกรรมลำบากต้องมาทนส่งดอก เลยต้องมานั่งสงสัยให้ใจ
พลอยเศร้า :b7: ไปด้วย เราคงต้องใช้เวลาในการฝึกจิตให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
กว่าจะเขียนโพสต์นี้ใช้เวลานานมากค่ะ เพราะมันวกวน พอได้คำตอบก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่
ชีวิตคนมันก็ต้องทนสู้ต่อไปนะคะ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 พ.ค. 2009, 20:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ศิรัสพล เขียน:
เรื่องอาชีพปล่อยเงินกู้ เท่าที่ทราบจะไม่ผิดกฏหมาย หากปล่อยดอกเบี้ยอยู่ในเกณฑ์ที่กฏหมายกำหนด อาชีพนี้มองแง่หนึ่งเป็นการช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากซึ่งทำให้ได้บุญ แต่หากทำไม่ถูกต้อง เช่น เจตนาจะเอาทรัพย์สินที่นำมาค้ำประกันมากกว่าคิดช่วยเหลือ, ตั้งอัตราดอกเบี้ยเกินกฏหมาย, เงื่อนไขไม่เป็นธรรมปิดบังอำพราง, ทวงหนี้โหด เป็นต้น อย่างนี้ถือว่าได้บาปพ่วงมาด้วย


ผมเห็นด้วยครับ
ถ้าปล่อยเงินกู้อย่างถูกต้อง
เงินที่ได้มาน่าจะเป็นเงินบริสุทธิ์
เอาไปทำบุญ คงจะได้บุญครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2009, 12:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมมีตัวอย่างสักเรื่องมาเล่าให้ k owan อ่านครับ จะได้เข้าใจเหมือนๆกัน :b40:

อ้างคำพูด:
สมัยหนึ่งในรัชการที่ ๕ มีหัวหน้าสำนักนางโลมชื่อ "ยายแฟง" ได้เรียกเก็บเงินจากหญิงโสเภณีในสำนักของตนจากอัตราที่ได้มาครั้งหนึ่ง ๒๕ สตางค์ แกจะชักเอาไว้ ๕ สตางค์ สะสมเอาไว้เช่นนี้จนได้ประมาณ ๒,๐๐๐ บาท แล้วจึงจัดสร้างวัดขึ้นวัดหนึ่งด้วยเงินนั้นทั้งหมด เมื่อสร้างเสร็จแล้วแกก็ปลื้มปีติ นำไปนมัสการถามหลวงพ่อโตวัดระฆังว่าการที่แกสร้างวัดทั้งวัดด้วยเงินของแกทั้งหมดจะได้บุญบารมีอย่างไร หลวงพ่อโตตอบว่า ได้แค่ ๑ สลึง แกก็เสียใจ เหตุที่ได้บุญน้อยก็เพราะทรัพย์อันเป็นวัตถุทานที่ตนนำมาสร้างวัดอันเป็นวิหารทานนั้น เป็นของที่แสวงหาได้มาโดยไม่บริสุทธิ์ เพราะว่าเบียดเบียนมาจากเจ้าของที่ไม่เต็มใจจะให้ ฉะนั้น บรรดาพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายที่ซื้อของถูก ๆ แต่มาขายแพงจนเกินส่วนนั้น ย่อมเป็นสิ่งของที่ไม่บริสุทธิ์โดยนัยเดียวกัน :b39:

เพราะฉะนั้น ลักทรัพย์ ยักยอก ฉ้อโกง ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ รวมตลอดถึงการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง อันเป็นการได้ทรัพย์มาในลักษณะที่ไม่ชอบธรรม หรือโดยเจ้าของเดิมไม่เต็มใจให้ทรัพย์นั้น ย่อมเป็นของที่ไม่บริสุทธิ์ เป็นของร้อน แม้จะผลิดอกออกผลมาเพิ่มเติม ดอกผลนั้นก็ย่อมเป็นของไม่บริสุทธิ์ ด้วยนำเอาไปกินไปใช้ย่อมเกิดโทษ เรียกว่า "บริโภคโดยความเป็นหนี้" แม้จะนำเอาไปทำบุญ ให้ทาน สร้างโบสถ์วิหารก็ตาม ก็ไม่ทำให้ได้บุญแต่อย่างไร :b44:

ที่มา: http://www.pantown.com/board.php?id=36&area=1&name=board1&topic=934&action=viewและ
http://www.polyboon.com/worship/dhumma02.html

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 พ.ค. 2009, 13:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 มิ.ย. 2008, 22:40
โพสต์: 1769

แนวปฏิบัติ: กินแล้วนอนพักผ่อนกายา
งานอดิเรก: ปลุกคน
สิ่งที่ชื่นชอบ: Tripitaka
ชื่อเล่น: สมสีสี
อายุ: 0
ที่อยู่: overseas

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุครับ ท่านผู้รู้ตอบไว้ชัดเจนดีแล้วทุกท่านครับ :b8:
ขอเพิ่มเติมเนื้อความพระไตรปิฎกดังนี้ครับ

สัมมาอาชีวะ
-------------------------------------------
[๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็มิจฉาอาชีวะเป็นไฉน คือ การโกง
การล่อลวง การตลบตะแลง การยอมมอบตนในทางผิด การเอาลาภต่อลาภ
นี้มิจฉาอาชีวะ ฯ

[๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาอาชีวะเป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เรากล่าวสัมมาอาชีวะเป็น ๒ อย่าง คือ สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วน
แห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ อย่าง ๑ สัมมาอาชีวะของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรคอย่าง ๑ ฯ
[๒๗๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาอาชีวะที่ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วน
แห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ เป็นไฉน คือ อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ย่อมละ
มิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีพด้วยสัมมาอาชีวะ ดูกรภิกษุทั้งหลาย นี้ สัมมาอาชีวะที่
ยังเป็นสาสวะ เป็นส่วนแห่งบุญ ให้ผลแก่ขันธ์ ฯ
[๒๗๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สัมมาอาชีวะของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ
เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความงด ความเว้น
เจตนางดเว้น จากมิจฉาอาชีวะ ของภิกษุผู้มีจิตไกลข้าศึก มีจิตหาอาสวะมิได้
พรั่งพร้อมด้วยอริยมรรค เจริญอริยมรรคอยู่ นี้แล สัมมาอาชีวะของพระอริยะที่เป็นอนาสวะ เป็นโลกุตระ เป็นองค์มรรค ฯ
ภิกษุนั้นย่อมพยายามเพื่อละมิจฉาอาชีวะ เพื่อบรรลุสัมมาอาชีวะ ความ
พยายามของเธอนั้น เป็นสัมมาวายามะ ฯ
ภิกษุนั้นมีสติละมิจฉาอาชีวะได้ มีสติบรรลุสัมมาอาชีวะอยู่ สติของ
เธอนั้น เป็นสัมมาสติ ฯ
ด้วยอาการนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ คือ สัมมาทิฐิ สัมมาวายามะ
สัมมาสติ ย่อมห้อมล้อม เป็นไปตามสัมมาอาชีวะของภิกษุนั้น
---------------------------------------------------
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔ บรรทัดที่ ๓๗๒๔ - ๓๙๒๓. หน้าที่ ๑๕๘ - ๑๖๖.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka2/v.php?B=14&A=3724&Z=3923&pagebreak=0
-------------------------------------------------------
อรรถกถา กุหนา
------------------------------------------------------
อธิบายกุหนาเป็นต้น
ในบทว่า กุหนา เป็นต้น
ชื่อว่า กุหนา (วาจาล่อลวง) เพราะลวงโลกให้งงงวยด้วยวาจานั้น ด้วยเรื่องหลอกลวง ๓ ประการ.
ชื่อว่า ลปนา (วาจายกยอ) เพราะคนผู้ต้องการลาภ สักการะยกยอด้วยวาจานั้น.
ชื่อว่า ผู้ทำบุ้ยใบ้ เพราะมี (แต่ทำ) บุ้ยใบ้เป็นปกติ. ภาวะของผู้ทำบุ้ยใบ้เหล่านั้น ชื่อว่า เนมิตฺตกตา (ความเป็นผู้ทำบุ้ยใบ้).
ชื่อว่า ผู้ทำอุบายโกง เพราะคนเหล่านั้นมีการทำอุบายโกงเป็นปกติ ภาวะของคนผู้ทำอุบายโกงเหล่านั้น ชื่อว่า นิปฺเปสิกตา (ความเป็นผู้ทำอุบายโกง)
ชื่อว่า การแลกลาภด้วยลาภ เพราะแลก คือหา ได้แก่แสวงหาลาภด้วยลาภ. ภาวะแห่งการแลกลาภด้วยลาภเหล่านั้น ชื่อว่าการหาลาภด้วยลาภ. ความย่อในที่นี้มีเพียงเท่านี้.
ก็กิริยามีการล่อลวงเป็นต้น เหล่านี้ ข้าพเจ้านำเอามาทั้งพระบาลีและอรรถกถา กล่าวไว้โดยพิสดารแล้วในสีลนิทเทสในวิสุทธิมรรคนั่นแล.
ในบทว่า มิจฺฉาอาชีวสฺส ปหานาย นี้ มิจฉาอาชีวะที่มาในพระบาลีเท่านั้นยังไม่พอ. ก็เจตนาที่เป็นกรรมบถ ๗ ประการมีปาณาติบาตเป็นต้น ซึ่งเป็นไปเพราะอาชีวะเป็นเหตุก็เป็นมิจฉาอาชีวะด้วย.
วิรัติ (ความงดเว้น) อันกระทำการตัดทางดำเนินของเจตนา ๗ ประการนั้นนั่นแหละ ให้ถอนรากถอนโคน ทำองค์มรรคให้บริบูรณ์เกิดขึ้น ชื่อว่าสัมมาอาชีวะ.
------------------------------------------------------
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=14&i=252
สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๔

.....................................................
ศีล ๕ รักษาตนไม่ให้เกิดในอบายภูมิ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 21:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
ในความคิดเรานะคะ เราไม่มีใจเป็นกลางเลยค่ะบอกตามตรง เรารู้สึกสงสารพี่เค้าน่ะค่ะ :b7:
เพราะเรารู้จักเค้ามานานมาก แต่เราไม่ชอบญาติเราเลยค่ะ(พยายามจะไม่มีอคติแล้ว) เพราะอาชีพ
แกปล่อยเงินกู้จนร่ำรวย เที่ยวตระเวนทำบุญสร้างโน่น สร้างนี่ถวายวัดโน้น วัดนี้ คล้ายกับเป็นเจ้าแม่
ทำบุญเลยค่ะ เพราะอาชีพพวกนี้นะคะเราว่าถ้าไม่เก่งจริงทำไม่ได้แน่ๆ ดูตามหน้าหนังสือพิมพ์ซิคะ
ทั้งโหดด้วยดูเหมือนเป็นคนใจดำนะคะ แต่ทำไมรวยเอา...รวยเอา
:b48: รู้สึกสงสารพวกลูกหนี้นะคะ ตกระกรรมลำบากต้องมาทนส่งดอก เลยต้องมานั่งสงสัยให้ใจ
พลอยเศร้า :b7: ไปด้วย เราคงต้องใช้เวลาในการฝึกจิตให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นมากๆๆๆๆๆๆๆๆ
กว่าจะเขียนโพสต์นี้ใช้เวลานานมากค่ะ เพราะมันวกวน พอได้คำตอบก็ยิ่งสงสารเข้าไปใหญ่
ชีวิตคนมันก็ต้องทนสู้ต่อไปนะคะ :b8: :b8: :b8:


......ไม่มีใครไปบังคับให้กู้นะครับ ลูกหนี้ส่วนใหญ่ของคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ 80% เป็นคนไม่มีวินัยในการใช้เงิน จึงเป็นเหตุให้ต้องกู้ หรืออีกอย่างก็คือมีความโลภเกินกว่ากำลังตัวเองจะตอบสนอง หรือไม่ก็เล่นการพนัน และด้วยความไม่มีวินัยในการใช้เงิน จึงกู้เงินในระบบไม่ได้
.....ที่สำคัญนะครับ ท่านเองต้องเอากรรมมาเป็นที่ตั้งครับจะวางง่ายหน่อย หากไม่เอากรรมมาเป็นที่ตั้งก็ต้องมานั่งสงสัยอยู่อย่างนี้แหละครับ แล้วก็เศร้าหมอง... :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 18:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนปล่อยกู้ก็อยากจะได้ดอกเบี้ย คนไปกู้ก็อยากจะได้เงิน ก็พอๆ กันแหละครับ

ถ้าจะกล่าวว่า ยึดที่เจตนาเป็นหลักนะครับ สมมติว่า

"เราไม่มีเจตนาจะขับรถไปชนคนให้ตายแต่เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดรถยางแตกเลยเสียการควบคุมรถพุ่งไปชนคนตาย" คำถาม
1.ชนคนตายแบบนี้ บาปหรือไม่
2.คนที่ตายเขามีครอบครัวที่ต้องดูแลอีกหลายชีวิตแล้วเขามาตายแบบนี้คิดว่าเขาจะอภัยให้ท่านไหม
3.ถ้ากลับกันท่านโดนรถชนตายโดยที่เขาไม่ได้เจตนา ครอบครัวที่ท่านต้องดูแลหละท่านจะให้อภัยคนที่ขับรถชนท่านไหม

เวรกรรมที่จะให้ท่านลองพิจารณาดูนะครับจะเชื่อหรือไม่ ก็สุดแท้แต่.....ครับ
1.บาปที่เคยขับรถชนคนตายโดยไม่มีเจตนาก็ต้องชดใช้ด้วยการโดนเขาขับรถชนตายโดยไม่เจตนาเหมือนกัน
2.บาปที่ไม่มีเจตนานั้นจะมีวิธีการชดใช้บาปที่ไม่หนักหนาเท่าไหร่(แต่ก็ถือว่ายังหนักอยู่ดี)คือสามารถชดใช้ได้ในเวลาอันสั้น
3.บาปที่ประกอบด้วยเจตนาก็จะมีวิธีการชดใช้ที่สาสมพอสมควรแก่เหตุ

ผมเชื่อว่า บาปทุกบาป สามารถแก้ไขได้ถ้ารู้จักวิธีแก้ไข เพราะคำว่า อโหสิกรรม มีอยู่จริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 17:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 18:32
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบแบบโง่ๆได้ไหม คืองี้คิดเองว่าที่น้องข้องใจคือการปล่อยเงินกู้เป็นอาชีพปาบไหม ขอตอบยังงี้การประกอบอาชีพใดๆย่อมต้องการหากำไรเพื่อนำกำไรที่ได้มาเลี้ยงปากท้องไม่บาป การทำกิจใดๆที่ไม่เอากำไรเรียกว่าการกุศล ยกตัวอย่างอาชีพแพทย์เรียกเก็บเงินกับคนป่วยน่าจะบาปมาก คนป่วยอยู่แท้ๆยังมาเรียกเอาเงิน อย่างนี้บาปไหมจ๊ะ ก็ยังไม่บาปเพราะเขาทำมาหากิน มิได้ทำเพื่อการกุศล และได้ตกลงกันก่อนแล้วว่าจะคิดเงิน ส่วนเอาเงินที่ได้จากการออกเงินกู้ไปทำบุญได้บุญไหม ?คิดว่าได้เพราะเงินนั้นมิได้ลักขโมยมาย่อมได้บุญตามนั้น


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 12 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 88 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร