วันเวลาปัจจุบัน 27 เม.ย. 2024, 00:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2009, 20:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 23 ก.ค. 2008, 14:47
โพสต์: 1562

อายุ: 0
ที่อยู่: หิมพานต์

 ข้อมูลส่วนตัว www


โมทนาด้วยครับคุณ O.wan :b8:

ผมก็เคยเป็นเช่นนั้นครับ...ยกตัวอย่างนะครับเมื่อก่อนผมคิดว่าการกระทำผิดศีลนั้นต่อเมื่อแสดงออกทางกาย ทางวาจาเท่านั้น เมื่อศึกษาพระสัทธรรมไปมากขึ้น ทำให้รู้ว่าเราต้องระมัดระวังใจของเราสำคัญที่สุด เราไม่สามารถห้ามความคิดของเราได้ แต่เราสามารถห้ามการคิดอกุศลได้

กรณีของคุณO.wan ที่ยกมานั้นผมว่าคงไม่ใช่อวิชชานะครับ แต่เพราะว่าคุณรู้ธรรมะมากขึ้น ระวังในศีลมากขึ้น จึงมีความละอายมากขึ้น

ความละอายนี่แหละเป็นต้นเหตุให้ทำความดี ความดีทั้งหมดเกิดจากความละอายนี้ทั้งนั้น ความไม่ดีเกิดจากความไม่ละอายนั่นเอง


ศีล ๕ ข้อมีความละอายเป็นเบื้องต้น เป็นสมุฏฐาน

ศีลก็เกิดที่หัวใจนั่นแหละ ที่ละอายแล้วไม่กล้าทำ ธรรมก็เกิดที่หัวใจ ความรู้สึกละอายเกิดขึ้นในที่นั่นเรียกว่า หิริ โอตตัปปะ คือ ความเกรงกลัว เมื่อรู้สึกมีความละอายในใจแล้วเกิดความกลัว กลัวความชั่ว กลัวเขาจะรู้ จะเห็น กลัวจะอับอายขายขี้หน้า กลัวผู้ใหญ่ เช่น พ่อแม่ ครูอาจารย์ หรือผู้บังคับบัญชาท่านจะรู้จะเห็นเอาโทษเอาทัณฑ์ มีความละอาย มีความกลัวละคราวนี้ก็ไม่กล้าทำเท่านั้นเอง

การกระทำอะไรต่างๆจึงระแวดระวังว่านี่ถูกไหม นี่ผิดไหม แล้วจะวางตัวอย่างไรดี ผมคิดว่าน่าจะเป็นทุกคนนะครับสำหรับผู้ที่ยังต้องศึกษาในไตรสิกขาอยู่

เสขะบุคคล คือ ผู้ที่ยังต้องศึกษาในไตรสิกขา ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา จะต้องบำเพ็ญสิกขาทั้งสามให้บริบูรณ์ การจะบำเพ็ญไตรสิกขาให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ได้นั้น

เบื้องต้นต้องประกอบด้วยศรัทธา หิริความละอายต่อบาป โอตตัปปะความเกรงกลัวต่อผลของบาป วิริยะ ความเพียรที่จะตั้งใจละบาปอกุศล อีกทั้งบำเพ็ญกุศลที่เกิดขึ้นแล้ว ให้เจริญยิ่งๆ ขึ้นไป และสมบูรณ์ด้วยปัญญาอันบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นไปเพื่อกำจัดอาสวกิเลส ให้สิ้นเชื้อไม่เหลือเศษ

พระเสขะผู้ประกอบด้วยกำลังทั้ง ๕ ประการนี้ ย่อมจะเข้าถึงพระนิพพานได้อย่างแน่นอน

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงห่วงใยในภิกษุสงฆ์สาวกของพระองค์มาก จึงตรัสสอนเพื่อให้ตระหนักว่า ชีวิตที่จะก้าวไปสู่ความบริสุทธิ์บริบูรณ์ได้ อย่างน้อย ต้องประกอบด้วยธรรมทั้ง ๕ ประการนี้ จึงจะมีกำลังมากพอที่จะเอาชนะกิเลสอาสวะภายในได้

สังขิตตสูตร

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กำลังของพระเสขะ ๕ ประการ คือ
ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาว่า พวกเราจักประกอบด้วยกำลัง คือศรัทธา หิริ โอตตัปปะ วิริยะ ปัญญา อันเป็นกำลังของพระเสขะ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล
Ž

คุณ O.wan เป็นผู้ที่ประกอบด้วยศรัทธา มีหิริ โอตตัปปะ ขอให้มีวิริยะ จักเกิดปัญญา
บรรดากำลังของพระเสขะ ๕ ประการนี้ กำลังคือปัญญาเป็นเลิศ สิ่งที่เป็นเลิศ เป็นยอด เป็นที่รวบรวมแห่งเรือนคือยอด จะทำให้ถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้แน่นอนครับ

:b4: :b8:

.....................................................
อิมาหัง ภะคะวา อัตตะภาวัง ตุมหากัง ปะริจจะชามิฯ
ข้าแต่องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าขอมอบกายถวายชีวิต แด่พระพุทธเจ้า แด่พระธรรม แด่พระสงฆ์ นับแต่บัดนี้ตราบจนเข้าสู่พระนิพพาน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 14:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
natdanai เขียน:
พึงศึกษา "จิตนิยาม" ครับ....... :b13:

:b1: ขอบคุณนะคะคุณnatdanai เพราะคำตอบของคุณในโพสต์ก่อน ทำให้เราปิ้ง ขึ้นมาเลยค่ะ
เออ :b6: ทำไมเรานี่ช่างสงสัยนะเดี๋ยวนี้
:b41: ว่าแต่ว่าตอนนี้ไม่สงสัยค่ะ แต่อยากให้อธิบายให้มากกว่านี้ไม่เข้าใจค่ะ :b32:

นิยาม ก็หมายถึง คำจำกัดความ หรือคำอธิบายถึงสามัญลักษณะของสิ่งนั้นๆ
จิตนิยามก็คือ คำจำกัดความของจิต หรือคำอธิบายถึงสามัญลักษณะของจิต หรือก็คือธรรมชาติของจิต

ที่ตอบท่านว่าให้ศึกษา จิตนิยาม เพราะถ้ารู้จักจิตนิยามก็จะรู้ สมุทัย ของความสงสัย...
เมื่อรู้เหตุแล้ว ก็ทำให้สิ้นเหตุได้ ผลของการสิ้นเหตุก็คือ แจ้ง...หมดสงสัย :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 18:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 18:32
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ตราบใดที่เราไม่รู้ ย่อมมีความสงสัยไม่จบสิ้น แต่ถ้าเราเริ่มประพฤติปฏิบัติตามแนวทางที่พระพุทธองค์สั่งสอนไว้ เมื่อนั้นเราก็จะเกิดปัญญา เมื่อมีปัญญาเราก็สามารถที่จะพิจารณาหาเหตุผลได้ เมื่อหาเหตุผลได้แล้วเราก็จะไม่สงสัยอีกต่อไป


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 18 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 150 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร