วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 02:48  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6659 ข่าวสดรายวัน

"เณรเบิร์ด" เปิดตัวแฉ "7 สมภาร" คู่ขาเกย์-ครั้งละหมื่น

ล้วน 7 วัดลำพูนถิ่นเจ๊ดาว ซื้อบริการ-มีรถรับถึงที่ อดีตเหยื่อเผยสำนึกผิด ตัดสินใจปกป้องศาสนา

สมภารเกย์ - อดีตเณรเบิร์ด เข้าร้องนายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การ เมือง เปิดโปงขบวนการสมภารเกย์ในจ.ลำพูน ซึ่งมีถึง 7 รูป 7 วัด ผลัดเปลี่ยนกันมาซื้อบริการทางเพศสมัยที่ยังบวชเณรเมื่อหลายปีก่อน

ตะลึงอีกพฤติกรรมพระเกย์ลำพูน อดีต"เณรเบิร์ด" ประสานกลุ่มเกย์การเมือง หอบภาพถ่าย ประสานกลุ่มเกย์การเมือง หอบภาพถ่ายหลักฐานออกมาเปิดแถลงแฉแหลก ระบุสมัยบวชอยู่ 3 ปี ได้หลับนอนกับพระระดับเจ้าอาวาสถึง 7 รูป 7 วัด ที่เป็นพระลูกวัดกับเณรอีกไม่นับ ชี้ตัวเองมีสภาพเหมือนเป็นหญิงบริการของพวกเจ้าอาวาส ได้ค่าตัวถึงครั้งละ 1 หมื่น มีรถรับส่งถึงที่ด้วย ยันทุกวันนี้พระใหญ่พวกนี้ยังมีอำนาจในวัด แต่เก็บอาการจนประชาชนดูไม่ออก เรียกร้องให้ลาจากผ้าเหลืองไปดีกว่า

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 20 ก.พ. นายนที ธีระโรจนพงษ์ ประธานกลุ่มเกย์การเมืองและเลขานุการกลุ่มเชียงใหม่อารยะ ได้พาตัวอดีตสามเณรชื่อว่า "เบิร์ด" มาเปิดตัวต่อหน้าสื่อมวลชน พร้อมรูปถ่ายหลักฐาน ของบรรดาพระเกย์ระดับเจ้าอาวาส ในอิริยาบถต่างๆ

นายนที เปิดเผยว่า หลังจากเปิดโปงเรื่องพระตุ๊ดสามเณรแต๋วไปแล้ว จนมีกรณีอื้อฉาวของพระครูโสภณปริยัติ อดีตเจ้าอาวาสวัดศรีบุญเรือง จ.ลำพูน ที่เรียกกันว่าเจ๊ดาว ปรากฏว่ามีประชาชนโทรศัพท์แจ้งเบาะแสเพิ่มเติมจนรับสายแทบไม่ไหว ทางสายด่วนกุลเกย์ จึงอยากให้มหาเถรสมาคม หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการให้มีสายด่วนอะไรก็ได้ที่จะทำให้ประชาชนได้โทรศัพท์แจ้งเบาะแส เพราะตนตัดสินใจจะไม่เปิดรับเบาะแสอีกต่อไปแล้ว เพราะว่าภารกิจของตนมีมาก อยากให้ประชาชนโทรศัพท์บอกกับหน่วยงานภาครัฐดำเนินการโดยตรงเลยจะดีกว่า

นายนทีกล่าวว่า สำหรับวันนี้ตนพาน้องเบิร์ด ซึ่งเป็นอดีตสามเณร ที่เคยแจ้งเบาะแสถึงตน ว่าเคยถูกพระระดับเจ้าอาวาส หรือระดับพระครู ซื้อตัวและพาตัวไปร่วมหลับนอนในกุฏิวัดต่างๆ ในจ.ลำพูน ถึง 7 วัด 7 รูปมาแล้ว พร้อมที่จะออกมาเปิดโปงพฤติกรรมของพระเหล่านี้ทั้งหมด น้องเบิร์ดบอกว่าถึงแม้เขาจะสึกไปแล้วก็ตาม แต่มันรู้สึกเหมือนกับเป็นแผลลึกอยู่ในใจ เขาอยากจะมาไถ่บาป อย่างน้อยก็จะทำให้รู้สึกดีขึ้น จึงได้เดินทางมาที่เชียงใหม่ และได้เดินทางไปยังวัดต่างๆ ขอรูปภาพเพื่อมายืนยันเท่าที่จะขอมาได้

"ถึงแม้อดีตเขาอาจจะเป็นคนที่กระทำการชั่วช้ามาก่อน แต่สิ่งที่ดีที่น้องเบิร์ดออกมาเปิดโปงพวกมารศาสนาให้หยุดพฤติกรรมเสีย หากเราจับไม่ได้ก็ขอให้หยุดไป หากจับได้ก็ให้ลาออกสึกไปเลย อย่าให้ผ้าเหลืองมาแปดเปื้อนมลทินอย่างนี้" ประธานเกย์การเมืองกล่าว

จากนั้น น้องเบิร์ด ปัจจุบันอายุ 22 ปี เปิดเผยว่า เคยบวชเป็นสามเณรเมื่อตอนอายุ 16 ปี จำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บ้านธิ จ.ลำพูน และเป็นวัดแรกที่เจ้าอาวาสระดับพระครูเป็นผัวของตนเป็นรูปแรก โดยร่วมหลับนอนกับตนในกุฏิเจ้าอาวาส จากนั้นเสียตัวให้กับพระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสทั้งหมด 7 รูป 7 วัด ในอ.บ้านธิ ที่เหลืออีกนับไม่ถ้วนจะเป็นพระลูกวัดหรือสามเณรทั่วไป หลังจากบวชอยู่ 3 ปี ตนสึกออกมาเมื่อตอนอายุ 19 ปี

อดีตสามเณรเบิร์ด กล่าวว่า ก่อนมาเปิดแถลง ได้ตระเวนไปขอภาพถ่ายจากพระสงฆ์ที่เคยเป็นสามีของตน ปรากฏว่าส่วนใหญ่ถูกหน่วยงานภาครัฐยึดไปหมดแล้ว ตนเลยได้รูปถ่ายมาไม่มาก ที่ออกมาวันนี้ ตนอยากจะบอกให้คนเหล่านี้ที่ยังทำตัวเหมือนปลิงเกาะศาสนาอยู่ ขอให้สึกออกไป เพราะทุกคนมีเงินตั้งตัวได้ทั้งนั้น คุณดัง คุณเก่ง คุณทำเรื่องชั่วๆ ในคราบผ้าเหลืองมาตลอด ยอมรับว่าตอนตนอยู่ในจุดนั้น ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเราได้ออกมาแล้วและหันมามอง จึงคิดได้ว่าเรายังเป็นคนหรือเปล่า

"พระตุ๊ดพระเกย์ จะเป็นพระที่ปากหวาน มีจิตวิทยาในการพูดสูง ทำให้ประชาชนยิ่งรักยิ่งเคารพหลงใหล เกิดความงมงาย ค่าตัวของผมตอนที่เป็นสามเณร เวลาไปที่หลับนอนกับพระ จะได้เงินครั้งละ 10,000 บาท โดยส่งรถมารับถึงที่ พระบางรูปเกิดความหึงหวงกันก็มี แต่รูปไหนให้ราคาผมดีกว่า ผมก็ไปกับรูปนั้น ทั้งหมดไม่มีใครแปลงเพศ ทุกรูปจะเก็บอาการ ผมมีฐานะคล้ายกับหญิงบริการของพระพวกนี้" น้องเบิร์ดกล่าว

อดีตสามเณรกล่าวว่า ปัจจุบันตนมาประกอบอาชีพเปิดร้านขายดอกไม้ รับตบแต่งดอกไม้หน้าโลงศพที่จ.สุพรรณบุรี การออกมาเปิดโปงเท่ากับว่าตนกำลังอยู่ในอันตราย เพราะทุกวันนี้ทุกรูปยังมีอำนาจอยู่ในวัด ก็อยากฝากสื่อมวลชนช่วยปกปิดใบหน้าให้ด้วย

นายอำนาจกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม คงต้องขอความ ร่วมมือพระภิกษุทุกวัดและพุทธศาสนิกชนทั่วไป ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาคอยตรวจสอบพระภิกษุสามเณรที่มีพฤติกรรมตุ้งติ้ง มีความประพฤติไม่สมแก่สมณสารูปของพระภิกษุ ถ้าพบให้รีบแจ้งไปที่วัดต้นสังกัดนั้นๆ หรือที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในพื้นที่นั้นๆ ให้ดำเนินการจัดการได้ทันที


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6747 ข่าวสดรายวัน


ติดพนันบอล-ยาบ้า เจ้าคณะ หอบเงินวัด 8ล.หนี

เจ้าคณะภาคสั่งสอบ-แจ้งจับ ล่า"หลวงปู่ปกรณ์"ขอนแก่น หนี้ท่วมขับวอลโว่ไปแอบสึก


หนี้บอล- พระราชวรานุวัตร หรือหลวงปู่ปกรณ์ เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ เจ้าคณะจังหวัดขอน แก่น หนีออกจากวัด พร้อมเงิน 8 ล้านและรถยนต์ 1 คัน เหตุเป็นเพราะติดพนันฟุต บอลและหวยหุ้น


ศาสนามัวหมองครั้งใหญ่ พระราชวรานุวัตร"หลวงปู่ปกรณ์" เจ้าคณะจังหวัด ขอนแก่น ฝ่ายธรรมยุต ติดหนี้พนันบอล หวยหุ้น หอบเงินวัดกว่า 8 ล้านหนีไปพร้อมเก๋งวอลโว่ เจ้าคณะภาค 9 ระบุแจ้งความดำเนินคดีไว้แล้ว ควบคู่เอาผิดทางสงฆ์ ยอมรับเจ้าคณะ จังหวัดขอนแก่นติดหนี้พนันบอล หวยหุ้นจริง ส่วนค้ายาบ้ายังไม่มีหลักฐาน โดยยักยอกเงินบริจาค เงินกฐิน ค่าเช่าที่ของวัดมาหลายปีแล้ว

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับร้องเรียนจากชาวบ้านว่า พระราชวรานุวัตร หรือหลวงปู่ปกรณ์ สารภี อายุ 65 ปี พรรษา 44 เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง เขตเทศบาลนครขอนแก่น หลบหนีไปพร้อมกับเงินวัดประมาณ 8 ล้านบาท และรถยนต์ของวัด 1คัน สาเหตุเพราะติดหนี้พนันฟุตบอล หวยหุ้น และค้ายาบ้า

จากนั้นผู้สื่อข่าวรุดไปตรวจสอบที่วัดศรี จันทร์ พระอารามหลวง พบว่า สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต) และกุฏิถิรเสรี ที่พระราชวรานุวัตร หรือหลวงปู่ปกรณ์ จำวัดปิดสนิท ไม่มีใครอยู่ในกุฏิ สอบถามพระและสามเณรในวัดทุกรูปต่างปฏิเสธ ไม่รู้ ไม่เห็น ทราบเพียงว่าเจ้าคณะจังหวัดผ่าตัดลำไส้ ยังอยู่ระหว่างรักษาอาการอาพาธ โดยได้ลาสิกขาบทไปแล้ว ขณะนี้พระพิศาลสารคุณ หรือหลวงปู่ใหญ่ ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น รักษาการเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต)

ผู้สื่อข่าวเข้านมัสการพระธรรมดิลก เจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) เจ้าอาวาสวัดป่าแสงอรุณ ที่วัดป่าแสงอรุณ จ.ขอนแก่น เพื่อสอบถามทราบข้อเท็จจริงกรณีประชาชนญาติโยมกล่าวหาพระราชวรานุวัตร เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต) เล่นพนันฟุตบอลต่างประเทศ หวยหุ้น ค้ายาเสพติด แล้วเชิดเงินหลายล้านบาทหลบหนีไปจากวัด

พระธรรมดิลก กล่าวว่า เรื่องอดีตพระราชวรานุวัตร อดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ติดพนันฟุตบอล และหวยหุ้น มีหนี้สินล้นพ้นตัวเป็นเรื่องจริง แต่เรื่องยาเสพติดไม่ทราบ เพราะไม่มีหลักฐานยืนยัน มีเพียงชาวบ้านลือกันเท่านั้น ส่วนเรื่องเงินในวัดหายไปมากกว่า 8 ล้านบาท ก็เป็นเรื่องจริง โดยอดีตเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่นไปหยิบยืมเจ้าคณะอำเภอ เจ้าอาวาสวัดต่างๆ และฆราวาส รวมประมาณ 3 ล้านบาท นอก จากนี้ยังมีเงินกฐิน เงินบริจาค เงินค่าจอดรถภายในวัด เงินเช่าที่ และเงินอื่นๆ ของวัดอีกประมาณ 5 ล้านกว่าบาท สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติกำลังตรวจสอบบัญชีของวัดศรีจันทร์ จึงปล่อยเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนด้านพระธรรมวินัย ต้องดำเนินการเอาผิดอย่างแน่นอน โดยคณะกรรมการฝ่ายสงฆ์กำลังตรวจสอบอยู่

พระธรรมดิลก กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องยาเสพติดที่อดีตเจ้าคณะจังหวัดเกี่ยวพันอยู่นั้น มีข่าวมานานแล้วว่า ลูกศิษย์ของอดีตพระราชวรานุวัตรขับรถตู้ขนยาบ้าถูกจับที่จ.นครพนม แล้วนำเงิน 3-5 แสนบาท ไปจ่ายสินบนเจ้าหน้าที่เพื่อหลบหนีความผิด ซึ่งเป็นเพียงข่าวแต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ในฐานะเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) ได้ตั้งกรรมการสอบสวนอดีตพระราชวรานุวัตร ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ต่อมาทราบว่าวัน ที่ 1 พ.ค. อดีตพระราชวรานุวัตรไปที่วัดศรีโพนเมือง อ.เมือง จ.สกลนคร เพื่อให้เจ้าอาวาสทำการสึกจากพระ โดยไม่ได้ให้พระผู้ใหญ่สึก ไม่มีหนังสือลาสิกขา ถือว่าไม่ได้ลาสิกขาตามระเบียบคณะสงฆ์ แต่เป็นการสึกโดยพลการเหมือนหลบหนีความผิด

เจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) กล่าวต่อว่า เรื่องความผิดทางโลกมอบให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องทรัพย์สินเงินทองของวัด ประกอบด้วยเงินบริจาค เงินรายได้จากค่าเช่าสถานที่วัด เงินกฐินสามัคคี และเงินอื่นๆ ที่ลงบัญชีของวัด นอกจากนี้ยังมีรถยนต์ 4 คันของวัดใช้ชื่อพระราชวรานุวัตรเป็นเจ้าของ โดยรถคันที่ใช้หลบหนีเป็นรถวอลโว่ สีบรอนซ์

พระธรรมดิลก กล่าวด้วยว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้มอบหมายพระสงฆ์ในวัดไปแจ้งความกับตำรวจไว้แล้ว เพื่อให้ติดตามจับกุมอดีตพระราชวรานุวัตรมาดำเนินคดี ซึ่งพระลูกวัดศรีจันทร์แจ้งข้อมูลเบาะแสให้ทราบว่า หลังจากอดีตพระราชวรานุวัตรลาสิกขาแล้ว ได้หลบหนีไปตามบ้านญาติในจ.ขอนแก่น ทั้งนี้ ฝ่ายสงฆ์จะร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติดำเนินการเอาผิดอย่างถึงที่สุด

สำหรับประวัติพระราชวรานุวัตร เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ พระอารามหลวง จ.ขอนแก่น รูปที่ 12 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ฝ่ายธรรมยุต เมื่อพ.ศ.2546 เคยเป็นพระเลขาฯ ของเจ้าคณะภาค 9 (ธรรมยุต) เคยเป็นพระสงฆ์ประจำวัดไทยในประเทศออสเตรเลีย จนได้เป็นพระราชวรานุวัตร รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศรีจันทร์ เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น (ธรรมยุต) เป็นพระเถระผู้ใหญ่ที่ชาวขอนแก่นและใกล้เคียงให้ความเลื่อมใสศรัทธามาช้านาน กระทั่งไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีข่าวสะพัดว่าติดพนันฟุตบอล หวยหุ้น และมักหลบออกจากวัดยามวิกาล บางครั้งหายไปหลายคืน โดยมีคนในวัดช่วยปิดบัง กระทั่งวันที่ 23-25 ธ.ค. 2551 คณะกรรมการตรวจสอบของเจ้าคณะภาค 9 ธรรมยุต ตรวจสอบทางลับพบว่าเงินของวัดหายไปมากกว่า 8 ล้านบาท จึงขยายผลจนกระทั่งได้พยานหลักฐานหนาแน่น ก่อนแจ้งความดำเนินคดีควบคู่กับเอาผิดทางสงฆ์ กระทั่งพระราชวรานุวัตรต้องหนีออกจากวัดเพื่อหลบหนีความผิดดังกล่าว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: น้อมเรียนความเห็นเล็กน้อยครับ
ผมได้ยินข่าวทางทีวี ผมก็สลดนะครับ แต่ทำได้แค่ปลงเท่านั้น เพราะทำมากกว่านี้ก็ไม่ได้ น้อยกว่านี้ก็คงไม่ได้
ในความเห็นของผม บริษัท ๔ ต้องปฏิบัติตามบัญญัติ ๒ ประการ คือ
บัญญัตติกวัชชะ โทษทางพระวินัย
โลกบัญญัติกวัชชะ บัญญัติทางโลก(กฏหมายในถิ่นที่บริษัท ๔ อยู่)

ในความเป็นอุบาสกอุบาสิกา บัญญัติทางพระวินัย เราคงเข้าไปยุ่งยากมากไม่ได้ เพราะการระงับอธิกรณ์ต้องทำโดย
สงฆ์
มี ๒ วิธี ที่ทำได้ดีในเวลานี้คือ
๑.ชี้ช่อง โดยหาข้อมูลและหลักฐานเพื่อประกอบการชี้ช่องนั้น มอบให้ผู้มีอำนาจดำเนินการ (ปล่อยไว้ก็พากันแย่)
๒.ศึกษาข้อวินัยของพระภิกษุให้มากครับ จากนั้นก็เอาความรู้จากที่ศึกษามานั่นแหละ มาคอยทำนุบำรุงภิกษุผู้ปฏิบัติ
ดีปฏิบัติชอบ และโดยวิธีการที่ไม่ขัดพระธรรมวินัย(เพราะเรารู้เสียแล้วว่าสิ่งใดควร) ไม่นานครับ ที่อาศัยศาสนา
หากินอยู่ ก็อยู่ไม่ได้ ยกตัวอย่างง่ายๆครับ ลองไม่ถวายตังค์ซิ คนไม่รักการออกบวชจริงๆแบบถวายตัวตาย รับรอง
ไม่บวชกันหรอก บวชแล้วก็อยู่ไม่ได้ ข้อนี้บางทีเราก็มีส่วนส่งเสริมการละเมิดวินัยไปในตัวทางอ้อมๆเลย

วิธีที่ ๒ ดีที่สุดครับ ถือเป็นหน้าที่บริษัทอย่างเราๆเลย
สลดครับ ปลงครับ ได้แต่นึกถึงพระกรุณาของพระแก่อายุมากรูปหนึ่ง สู้เดินลำบากบอกสอนทางสงบอยู่ตั้ง ๔๕ ปี
เมื่อระลึกถึงพระกรุณาอันนี้แล้วก็พอจะแช่มชื่นอยู่บ้าง
:b8: :b8: :b8:

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 22:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ผู้ไม่ทำศาสนาเสื่อม

ภิกษุ ท.! มูลเหตุสี่ประการเหล่านี้ ย่อมทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป. สี่ประการอะไรบ้างเล่า ? สี่ประการ คือ:-

(๑) ภิกษุ ท.! พวกภิกษุในธรรมวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาถูก ด้วยบทพยัญชนะที่ใช้กันถูก ความหมายแห่งบทพยัญชนะที่ใช้กันก็ถูก ย่อมมีนัยอันถูกต้องเช่นนั้น.
ภิกษุ ท.! นี่เป็นมูลกรณีที่หนึ่งซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.

(๒) ภิกษุ ท.! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุ เป็นคนว่าง่าย ประกอบด้วยเหตุที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย อดทน ยอมรับคำสั่งสอนโดยความเคารพหนักแน่น.
ภิกษุ ท.! นี่เป็นกรณีที่สอง ซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.

(๓) ภิกษุ ท.! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุเหล่าใด เป็นพหุสูต คล่องแคล่วในหลักพระพุทธวจนะ ทรงธรรม ทรงวินัย ทรงมาติกา (แม่บท) พวกภิกษุเหล่านั้น เอาใจใส่ บอกสอน เนื้อความแห่งสูตรทั้งหลายแก่คนอื่น ๆ,เมื่อท่านเหล่านั้นล่วงลับไป สูตรทั้งหลาย ก็ไม่ขาดเป็นมูลราก (อาจารย์) มีที่อาศัยสืบกันไป.
ภิกษุ ท.! นี่เป็นมูลกรณีที่สาม ซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.

(๔) ภิกษุ ท.! อีกอย่างหนึ่ง, พวกภิกษุผู้เถระ ไม่ทำการสะสมบริกขาร ไม่ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา ไม่มีจิตตกต่ำ ด้วยอำนาจแห่งนิวรณ์ มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวิเวกธรรม ย่อมปรารภความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.พวกภิกษุที่บวชในภายหลัง ได้เห็นพระเถระเหล่านั้น ทำแบบฉบับเช่นนั้นไว้ก็ถือเอาเป็นตัวอย่าง, พวกภิกษุรุ่นหลัง จึงเป็นพระที่ไม่ทำการสะสมบริกขาร ไม่ประพฤติย่อหย่อนในไตรสิกขา ไมมีจิตตกต่ำด้วยอำนาจแห่งนิวรณ์ มุ่งหน้าไปในกิจแห่งวิเวกธรรม ย่อมปรารถความเพียร เพื่อถึงสิ่งที่ยังไม่ถึง เพื่อบรรลุสิ่งที่ยังไม่บรรลุ เพื่อทำให้แจ้งสิ่งที่ยังไม่ทำให้แจ้ง.
ภิกษุ ท.! นี่เป็นมูลกรณีที่สี่ซึ่งทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไป.


ภิกษุ ท.! มูลเหตุสี่ประการเหล่านี้แล ย่อมทำให้รพะสัทธรรมตั้งอยู่ได้ไม่เลอะเลือนจนเสื่อมสูญไปเลย.

-จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๙๘/๑๖๐,
---------------------------
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 พ.ค. 2009, 23:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


งูเปื้อนคูถ

ภิกษุ ท.! นักบวชชนิดไร ที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคมไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ ?

ภิกษุ ท.! นักบวชบางคนในกรณีนี้ เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะมีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย.
ภิกษุ ท.! นักบวชชนิดนี้แลที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้. ข้อนั้นเพราะอะไร ?
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุว่า ถึงแม้ผู้ที่เข้าใกล้ชิด จะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้ เป็นตัวอย่างก็ตาม, แต่ว่า เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า “คน ๆ นี้ มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก” ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือน งูที่ตกลงไปจมอยู่ในหลุมคูถ กัดไม่ได้ก็จริงแล, แต่มันอาจทำคนที่เข้าไปช่วยยกมันขึ้นจากหลุมคูถให้เปื้อนด้วยคูถได้ (ด้วยการดิ้นของมัน) นี้ฉันใด.
ภิกษุ ท.! แม้ผู้เข้าใกล้ชิดจะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้ เป็นตัวอย่างก็จริงแล, แต่ว่า เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า “คน ๆ นี้ มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก” ดังนี้ฉันนั้น เหมือนกัน. เพราะเหตุนั้น นักบวชชนิดนี้ จึงเป็นคนที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้.

ติก. อํ. ๒๐/๑๕๘/๔๖๖,
-----------------------
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 07:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


BlackHospital เขียน:
งูเปื้อนคูถ

ภิกษุ ท.! นักบวชชนิดไร ที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคมไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้ ?

ภิกษุ ท.! นักบวชบางคนในกรณีนี้ เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่เลวทราม ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะมีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย.
ภิกษุ ท.! นักบวชชนิดนี้แลที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้. ข้อนั้นเพราะอะไร ?
ภิกษุ ท.! เพราะเหตุว่า ถึงแม้ผู้ที่เข้าใกล้ชิด จะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้ เป็นตัวอย่างก็ตาม, แต่ว่า เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า “คน ๆ นี้ มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก” ดังนี้.
ภิกษุ ท.! เปรียบเหมือน งูที่ตกลงไปจมอยู่ในหลุมคูถ กัดไม่ได้ก็จริงแล, แต่มันอาจทำคนที่เข้าไปช่วยยกมันขึ้นจากหลุมคูถให้เปื้อนด้วยคูถได้ (ด้วยการดิ้นของมัน) นี้ฉันใด.
ภิกษุ ท.! แม้ผู้เข้าใกล้ชิดจะไม่ถือเอานักบวชชนิดนี้ เป็นตัวอย่างก็จริงแล, แต่ว่า เสียงล่ำลืออันเสื่อมเสียจะระบือไปว่า “คน ๆ นี้ มีมิตรเลว มีเพื่อนทราม มีเกลอลามก” ดังนี้ฉันนั้น เหมือนกัน. เพราะเหตุนั้น นักบวชชนิดนี้ จึงเป็นคนที่ทุก ๆ คนควรขยะแขยง ไม่ควรสมาคม ไม่ควรคบ ไม่ควรเข้าใกล้.

ติก. อํ. ๒๐/๑๕๘/๔๖๖,
-----------------------
:b8: :b8: :b8:


ตรงนี้เลยครับ(ขีดเส้นไว้แล้ว) ข้อปฏิบัติที่ควรทำ ผมว่าดีนะครับ ชื่อว่าไม่เพิกเฉยครับถ้าปฏิบัติแบบนี้

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อนุโมทนาบุญที่เกิดจากการศึกษาในพระธรรมวินัยของพุทธองค์อย่างถูกต้องด้วยครับ

บุคคล.....
เมื่อไม่ศึกษา ย่อมไม่รู้
เมื่อไม่รู้ ย่อมมีโอกาสทำผิดได้
เมื่อทำผิด รู้แล้ว ต้องหยุดทำ
เมื่อหยุดทำแล้ว ต้องแก้ไขให้ถูกต้อง

เมื่อแก้ไขตัวเองถูกต้องแล้ว แนะนำผู้อื่นย่อมเกิดประโยชน์สูงสุด(เป็นการสร้างปัญญาให้กับผู้อื่น ให้ได้พบได้เจอได้ศึกษาได้ปฏิบัติในสิ่งที่ถูกต้องต่อไป)

ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ท่านมีความคิดเห็นเป็นประการใดเกี่ยวกับ
คำว่า อุเบกขา กับ เพิกเฉย/เมินเฉย/ไม่สนใจ/ไม่ใส่ใจ/ไม่เกี่ยวข้อง

เหมือนกันหรือต่างกันเป็นประการใดหนอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


ข้อควรสรรเสริญหรือควรติเตียนเกี่ยวกับสัมมาวาจา

โปตลิยะ ! บุคคล ๔ จำพวกเหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก. สี่ จำพวกเหล่าไหนเล่า? สี่จำพวก คือ :-

โปตลิยะ ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียน ตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร
แต่ไม่กล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริงโดยกาลอันควร.

โปตลิยะ ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควร สรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร
แต่ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริงโดยกาลอันควร.

โปตลิยะ ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ ไม่กล่าวติเตียน บุคคลที่ควร ติเตียน ตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร
และไม่กล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสิรญตามที่เป็นจริงโดยกาลอันควร.

โปตลิยะ ! บุคคลบางคนในกรณีนี้ กล่าวติเตียน บุคคลที่ควร ติเตียน ตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร
และกล่าวสรรเสริญ บุคคลที่ควรสรรเสิรญตามที่เป็นจริงโดยกาลอันควร.

โปตลิยะ ! บุคคลสี่จำพวกเหล่านี้แล มีอยู่ หาได้อยู่ ในโลก
โปตลิยะเอ๋ย ! ในบรรดาบุคคลสี่จำพวกนี้ บุคคลจำพวกไหนเล่า ควรจะเป็นบุคคลที่งดงามกว่าประณีตกว่า สำหรับท่าน.

"ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ! ในบรรดาบุคคลสี่จำพวกเหล่านั้น บุคคลจำพวกที่
ไม่กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และไม่กล่าว
สรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร, บุคคลจำพวกนี้ แล
ควรจะเป็นบุคคลที่งดงามกว่า ประณีตกว่า สำหรับข้าพระองค์. ข้อนั้นเพราะเหตุไร
เล่า?เพราะเหตุว่า นั่น งดงามยิ่งด้วยอุเบกขา"

โปตลิยะ ! ในบรรดาบุคคลสี่จำพวกเหล่านั้น บุคคลจำพวกใด กล่าวติเตียนบุคคลที่ควรติเตียนตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร และกล่าวสรรเสริญบุคคลที่ควรสรรเสริญตามที่เป็นจริง โดยกาลอันควร;
บุคคลจำพวกนี้ เป็นบุคคลพวกที่งดงามกว่า ประณีตกว่า ในบรรดาบุคคลสี่จำพวกเหล่านั้น. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า?
โปตลิยะ ! นั่นงดงามเพราะความเป็นผู้รู้กาละในกรณีนั้นๆ.

-จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๓๑/๑๐๐.
-----------------
:b8: :b8: :b8:


แก้ไขล่าสุดโดย BlackHospital เมื่อ 21 พ.ค. 2009, 20:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 18:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 18:32
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


สรุปได้ประเด็นเดียวคือปรเทศไทยนี้ญาติโยมก็กลัวแต่ไม่ได้บุญมากให้เงินทองพระใช้คิดว่าจะได้บุญเยอะ ประเคนทั้งอินเทอร์เน็ต มือถือ โทรทัศน์ ให้เงินเดือนพระ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นำไปสู่ความฉิบหายทั้งนั้น พระพุทธเจ้าห้ามแล้วก็ไม่ฟัง แม้แต่ยุคกึ่งพุทธกาลนี้หลวงปู่มั่นพระอรหันต์ที่โด่งดังมีครั้งหนึ่งพระรูปหนึ่งต้องการเข้ากราบท่าน หลวงปู่มั่นไม่อนุญาตท่านบอกว่าพกงูเห่ามาด้วยท่านไม่ให้พบ แท้จริงแล้วพระรูปนั้นพกเงินใส่ย่ามมาด้วย ที่นี้ญาติโยมชาวพุทธทุกท่านพอจะเข้าใจบ้างหรือยัง พระอรหันต์หลวงปู่มั่นท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเงินทองนั่นเป็นอันตรายต่อพระสงฆ์อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 พ.ค. 2009, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ม.ค. 2009, 09:03
โพสต์: 81


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สรุปได้ประเด็นเดียวคือปรเทศไทยนี้ญาติโยมก็กลัวแต่ไม่ได้บุญมากให้เงินทองพระใช้คิดว่าจะได้บุญเยอะ ประเคนทั้งอินเทอร์เน็ต มือถือ โทรทัศน์ ให้เงินเดือนพระ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นำไปสู่ความฉิบหายทั้งนั้น พระพุทธเจ้าห้ามแล้วก็ไม่ฟัง แม้แต่ยุคกึ่งพุทธกาลนี้หลวงปู่มั่นพระอรหันต์ที่โด่งดังมีครั้งหนึ่งพระรูปหนึ่งต้องการเข้ากราบท่าน หลวงปู่มั่นไม่อนุญาตท่านบอกว่าพกงูเห่ามาด้วยท่านไม่ให้พบ แท้จริงแล้วพระรูปนั้นพกเงินใส่ย่ามมาด้วย ที่นี้ญาติโยมชาวพุทธทุกท่านพอจะเข้าใจบ้างหรือยัง พระอรหันต์หลวงปู่มั่นท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเงินทองนั่นเป็นอันตรายต่อพระสงฆ์อย่างไร
สรุปได้ประเด็นเดียวคือปรเทศไทยนี้ญาติโยมก็กลัวแต่ไม่ได้บุญมากให้เงินทองพระใช้คิดว่าจะได้บุญเยอะ ประเคนทั้งอินเทอร์เน็ต มือถือ โทรทัศน์ ให้เงินเดือนพระ ล้วนแต่เป็นสิ่งที่นำไปสู่ความฉิบหายทั้งนั้น พระพุทธเจ้าห้ามแล้วก็ไม่ฟัง แม้แต่ยุคกึ่งพุทธกาลนี้หลวงปู่มั่นพระอรหันต์ที่โด่งดังมีครั้งหนึ่งพระรูปหนึ่งต้องการเข้ากราบท่าน หลวงปู่มั่นไม่อนุญาตท่านบอกว่าพกงูเห่ามาด้วยท่านไม่ให้พบ แท้จริงแล้วพระรูปนั้นพกเงินใส่ย่ามมาด้วย ที่นี้ญาติโยมชาวพุทธทุกท่านพอจะเข้าใจบ้างหรือยัง พระอรหันต์หลวงปู่มั่นท่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเงินทองนั่นเป็นอันตรายต่อพระสงฆ์อย่างไร


:b8: ทุกวันนี้เดินตามตลาดตอนเช้าอยากจะถลกผ้าเหลืองออกจากพวกนั้นจริง ๆ ถ้าไม่กลัวโดนรุมกระทืบ แต่ถ้าจะตายด้วยปกป้องพระศาสนาก็น่าจะทำนะ คิดแล้ว :b33: ทางฝ่ายที่มีอำนาจก็อยู่เฉย ๆ หรือชอบไปทำเรื่องอะไรที่ไม่เข้าเรื่องเข้าท่า เช่นที่เป็นข่าว อาศัยพระรัตนตรัยไปทำเรื่องไม่งามตาเลยพอมีพระสักท่านหนึ่งเอาธรรมวินัยมาเผยแผ่ ให้ประชาชนฉลาดขึ้น ก็โดนรุมทึ้ง ซะ......แต่ไม่เป็นไรหรอกนะ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วแน่นอน เพราะฉะนั้นชาวพุทธมาอ่านพระไตรปิฎกให้ฉลาดกันเถิด จะได้ตรวจสอบพวกที่แอบมาบวชในพระศาสนาได้อย่างแม่นยำถูกต้อง แม้จะมีพระสงฆ์ที่มีศีลบริสุทธ์ เหลืออยู่ไม่กี่องค์ ก็จะพอใจเสียกว่าที่ให้พวกเดินห่มเหลืองตามศูนย์การค้า มาหรอกเอาเงินไปเรียนดร.จบแล้วไปมีเมีย เขียนตำราธรรมะขายเลี้ยงชีพ :b34:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 10 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 97 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร