วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 03:14  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


การปฏิบัติธรรมนั้นมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีสมาธิแบ่งเป็นสมถะและวิปัสสนา

สมถะนั้นมี 40 วิธี แต่วิปัสสนา เป็นเพียงกำหนด รูป-นาม และสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งตัวเราเองนั้นมีประสบการณ์ในการปฏิบัติมามากซึ่งถ้ามีอารมณ์

ของกรรมฐานในการปฏิบัติสามารถปรึกษาสอบถามได้ตลอดเวลา

จะรับสอบอารมณ์กรรมฐานเท่านั้น และจะรับปรึกษาเรื่องธรรมะเท่านั้น



ซึ่งถ้าจะปฏิบัติให้ได้นิพพานจริงๆนั้นต้องวิปัสสนากรรมฐานเท่านั้น

ซึ่งในชีวิตประจำวันนั้นสามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา คือ

การกำหนดอิริยาบทย่อยนั่นเอง

ขอยกตัวอย่าง เช่น

ในการเดินไปทำงาน ขณะเดินนั้นก็กำหนดสติว่า ขวา-ซ้าย พร้อมกับ

เอาสติไปไว้ที่เท้าพร้อมระลึกรู้อยู่ในขณะที่กำหนด



ถ้าตอนเรียนหนังสอนตอนที่อาจารย์สอนก็กำหนดว่า ฟังหนอ



ถ้าโกรธก็กำหนดว่าโกรธหนอ



ถ้าปั่นจักรยานก็อาจจะกำหนด ขวา-ซ้าย หรือ ถีบหนอก็ได้



ซึ่งถ้าว่าตามจริงแล้วถ้าปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานนั้น

แม้แค่เซี่ยววินาทีเดียวก็ได้บุญเยอะกว่าการบวช



แม้จะบวชมาล้านๆชาติก็สู้วิปัสสนาแค่เซี่ยววินาทีไม่ได้



แม้ให้ทานมาล้านๆชาติก็สู้วิปัสสนาเซี่ยววินาทีไม่ได้



แม้แต่การปฏิบัติสมถะมาล้านๆชาติก็สู้วิปัสสนาแค่เซี่ยววินาทีไม่ได้



ขอไล่การทำความดีที่ได้บุญเยอะบุญน้อยให้ดู



การทำทาน<การรักษาศีลหรือบวช<ปฏิบัติสมถะ<วิปัสสนากรรมฐานบุญสูงสุดในบรรดาการทำความดีทั้งหลาย



ในขณะปฏิบัติอย่าลืมว่าเราสามารถปฏิบัติธรรมได้ตลอดเวลา

แม้ขณะรับประทานอาหารก็ทำได้คือ ยกไปจับ(ช้อน)-ยกมาใส่-อ้า(ปาก)-อม-รสหนอ-หุบ(ปาก)-ปล่อย(ช้อน)-เคียวหนอ-รสหนอ-กลืน



ถ้าการปฏิบัติลืมกำหนดก็กำหนดว่า-เผลอหนอ

ถ้าคิดก็กำหนดว่าคิดหนอ



ถ้าการกำหนดอย่าที่บอกยากไปก็ค่อยๆฝึกไป

ถ้ามันยากจะแนะนำให้คือ กำหนดอย่างเดียวก่อนในอายตนะ 6

แบ่งเป็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

สมมุติว่า ในขณะที่ได้ยินเสียงก็กำหนดว่า ยินหนอโดยไม่ต้องกำหนด

ทางทวารอื่นเลย ถ้าคิดว่าการกำหนดยินหนอชินแล้วค่อยเพื่อไปเป็น2 อย่าง

คือกำหนดยินหนอ และเพิ่มเห็นหนอซึ่งกำลังปรากฏทางตา เมื่อชินแล้วก็เพิ่มไปอีก จนครบหก การปฏิบัตินั้นอาจจะเอาอายตนะใดก่อนก็ได้ไม่จำเป็นต้อง

เอายินหนอขึ้นก่อน

ขอให้ทุกท่านที่อ่านปฏิบติตามที่บอกไปซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 19:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 18:32
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอออกความเห็นสักเล็กน้อยว่า การทำสิ่งใดได้บุญมากกว่าน้อยกว่านั้นลองมาคิดแยกแยะสิว่า ยกตัวอย่างร่างกายคนเรานี้หัว แขน ขา หรือตัว ที่มีประโยชน์มากกว่ากัน ถ้าเราคิดว่าหัว คนที่มีแต่หัวจะเป็นอย่างไร จะอยู่ได้ไหม เช่นเดียวกับการให้ทาน รักษาศีล และภาวนา ย่อมต้องทำทุกอย่างเท่ากันขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไม่ได้ ถ้าคิดว่าภาวนาให้บุญมากก็ทำแต่ภาวนา ก็มีปัญญาอย่างเดียวแต่ขาดแคลนก็ลำบาก เพราะฉะนั้นต้องทำให้พร้อมจะได้เกื้อกูลกันได้ ไม่ขาดตกบกพร่องสิ่งใด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 19:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ขอตอบว่า การทำบุญนั้นมีหลายวิธี ซึ่งถ้าทำสิ่งใดก็จะได้สิ่งนั้น
แต่การทำทานก็ได้แค่ขึ้นสวรรค หรือถ้าเกิดมาเป็นมนุษย์ก็มีฐานะดี
การรักษาศีลก็ทำให้เกิดมาเป็นมนุษย์ หรือทำให้สวย หรืออาจทำให้ขึ้นสวรรค
การให้ทานกับรักษาศีลให้ได้แค่ภพภูมิ สวรรคกับมนุษย์
การทำสมถะภาวนาทำให้ได้ฌาน ถ้าฌานไม่เสื่อมก่อนสิ้นชีวิตจะได้เป็นพรหม
ซึ่ง มนุษย์ สวรรค พรหม ยังมีกิเลสอยู่ เมื่อหมดบุญแล้วก็ต้องรับผลกรรมชั่ว
อาจจะเป็นในอบายภูมิ 4 และถ้าเกิดมาถ้าไม่รู้ศาสนาพุทธก็ต้องสะสมบาปไปเรื่อยๆอีกซึ่งไม่ใช่ทาง
พ้นทุกข์เลย มีแต่วิปัสสนาเท่านั้นที่ทำให้พ้นทุกข์ได้ เพราะฉะนั้นจึงควรจะ
พิจารณาตนว่าต้องการขึ้นสวรรค ต้องการเป็นมนุษย์ ต้องการเป็นพรหม หรือต้องการนิพพาน
แล้วแต่ตนเองจะเลือกเอา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ม.ค. 2009, 18:57
โพสต์: 159


 ข้อมูลส่วนตัว


กระแสการปรุงแต่งแห่งการเกิดวิมุตติญาณทัสสนะ

ภิกษุ ท.! เมื่อ สติ สัม ป ชัญ ญ ะ มีอยู่, หิริและโอตัปปะของผู้มีสติสัมปชัญญะอันถึงพร้อมแล้ว
ก็เป็นหิริโอตตัปปะถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย;

เมื่อ หิริและโอตตัปปะ มีอยู่, อินทรียสังวรของผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยหิริและโอตตัปปะ
ก็เป็นอินทรีย์สังวรถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย ;

เมื่อ อินทรียสังวร มีอยู่, สีลของผู้ถึงพร้อมแล้วด้วย
อินทรียสังวรก็เป็นสีลถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย ;

เมื่อ สีล มีอยู่, สัมมาสมาธิของผู้ถึงพร้อมแล้วด้วยสีล
ก็เป็นสัมมา-สมาธิถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย ;

เมื่อ สัมมาสมาธิ มีอยู่, ยถาภูตญาณทัสสนะของผู้ถึงพร้อมแล้วด้วย
สัมมาสมาธิ ก็เป็นยถาภูตญาณทัสสนะถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย ;


เมื่อ ยถาภูติญาณทัสสนะ มีอยู่, นิพพิทา วิราคะ ของผู้ถึงพร้อม
แล้วด้วยยถาภูตญาณทัสสนะ ก็เป็นนิพพิทาวิราคะถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย ;

เมื่อ นิพพิทาวิราคะ มีอยู่, วิมุตติญาณทัสสนะ ของผู้ถึงพร้อมแล้ว
ด้วยนิพพิทาวิราคะ ก็เป็นวิมุตติญาณทัสสนะถึงพร้อมด้วยอุปนิสัย.

- อฎฺฐก. อํ ๒๓/๓๔๘/๑๘๗.
------------------------
:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 19:05
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: กุศลกรรมในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ คือ
๑.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยทาน การสละวัตถุที่เป็นประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น
๒.สีลมัย บุญสำเร็จด้วยศีลการวิรัติทุจริตกรรม
๓.ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญสมถะและการเจริญปัสสนา
๔.อปจายนมัย (อปจิติสหคตะ) บุญสำเร็จด้วยการอ่อนน้อมต่อผู้ควรอ่อนน้อมด้วย
๕.เวยยาวัจจมัย (เวยยาวัจจสหคตะ) บุญสำเร็จด้วยการขวนขวายช่วยเหลือในกิจการ
งานที่ควรกระทำ
๖.ปัตติทานมัย (ปัตตานุปทานมัย) บุญสำเร็จด้วยการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่นรู้
เพื่ออนุโมทนา
๗.ปัตตานุโมทนามัย (อัพภานุโมทนามัย) บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาในกุศลของผู้อื่น
๘.เทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงพระธรรม
๙.สวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังพระธรรม
๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ บุญสำเร็จด้วยการทำความเห็นให้ถูกต้อง
ขณะใดที่จิตไม่เป็นไปในบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ ขณะนั้นไม่ใช่กุศลจิต
:b1: ลองพิจารณาดู


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกใหม่
สมาชิกใหม่
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 19:05
โพสต์: 6

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b1: ก่อนการตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคนั้น มีผู้ที่รักษาศีลวิรัติทุจริต และเจริญสมถภาวนาจนถึงอรูปฌานขั้นสูงสุด คือ เนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ระงับกิเลสได้ชั่วคราวเป็นวิกขัมภนปหาน แต่ไม่มีใครสามารถดับอนุสัยกิเลสได้ เมื่อพระผู้มีพระภาคทรงบำเพ็ญพระบารมี ๔ อสงไขยแสนกัปป์มาแล้ว จึงทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงแสดงหนทางปฏิบัติเพื่อการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม จึงมีพระอริยสงฆ์สาวกผู้บรรลุอริยสัจจธรรมดับกิเลสได้เป็นจำนวนมาก สืบต่อมาจนตราบเท่าที่มีผู้ศึกษาและปฏิบัติธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงตรัสรู้และได้ทรงแสดงพระธรรมไว้โดยละเอียดตลอด ๔๕ พรรษา พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้แล้วนั้น สุขุม ละเอียด ลึกซึ้ง เพราะทรงแสดงลักษณะของสภาพธรรมทั้งหลายที่ทรงตรัสรู้ โดยทรงประจักษ์แจ้งตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ ถ้าผู้ใดไม่ศีกษาพระธรรมที่ทรงแสดงไว้โดยละเอียดให้เข้าใจอย่างถูกต้อง ก็ย่อมไม่สามารถอบรมเจริญปัญญาที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรมและดับกิเลสได้
:b1: การเจริญสมถภาวนาและการเจริญวิปัสสนาภาวนาต่างกันที่อารมณ์และระดับขั้นของปัญญา สมถภาวนา
มีอารมณ์ที่มหากุศลญาณสัมปยุตตจิตพิจารณาแล้วสงบ จนตั้งมั่นแน่วแน่ที่อารมณ์นั้นอารมณ์เดียว วิปัสสนาภาวนามีปรมัตถอารมณ์ คือ นามธรรมและรูปธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏแล้วดับไป เป็นอารมณ์ที่มหากุศลญาณสัมปยุตตจิตเริ่มสังเกตพิจารณาทีละอารมณ์บ่อยๆ เนืองๆ จนรู้ว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ผลของสมถภาวนาทำให้เกิดเป็นพรหมบุคคลในพรหมภูมิ ผลของวิปัสสนาภาวนาทำให้ปัญญารู้แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงและดับกิเลสเป็นสมุจเฉทตามขั้นของโลกุตตรมัคคจิตซึ่งมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ จนถึงอรหัตตมัคคจิตซึ่งดับกิเลสหมดไม่เหลือเลย จึงดับสังสารวัฏฏ์ ไม่เกิดอีกเลย
:b1: ผู้อบรมเจริญวิปัสสนาต้องเป็นผู้ตรงที่รู้ว่า ยังมีกิเลสครบทุกอย่างและยังไม่ต้องการดับโลภะให้หมดก่อน เนื่องจากผู้ที่เป็นปุถุชนจะข้ามไปสู่ความเป็นพระอรหันต์ทันทีไม่ได้ เพราะต้องดับโลภะที่เกิดร่วมกับสักกายทิฏฐิที่ยึดถือสภาพธรรมที่เกิดร่วมกันเป็นตัวตน สัตว์ บุคคล ให้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉทก่อนกิเลสอื่นๆ จึงจะดับหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทได้ต่อไปตามลำดับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 22:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่านเจ้าของกระทู้ท่านคงหมายถึงการบำเพ็ญบุญหรือกุศลที่สูงสุด ข้อนี้ผมเห็นด้วย
เพราะถ้าหลุดพ้น ก็พ้นได้เลย ถ้าไม่หลุดพ้น การปฏิสนธิใหม่จะเป็นประเภทติเหตุกอุกกัฏฐกุศลครับ
ให้ผลสูงกว่า ประณีตกว่า สามารถทำมรรคผลให้เกิดได้ นอกนั้นยังเนิ่นช้าต่อมรรคและผล

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 22:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


:b40: อารมณ์กรรมฐานทีทำให้ถึงนิพพาน หรือสูงสุดคือบรรลุธรรมขั้นสูง ก็ยังมีอานาปานสติ กับสติปัฏฐาน4
เพราะกรรมฐาน 2 อย่างที่ว่า อาศัยการพิจารณารูปกับนามเหมือนกัน(ใช้จิตตามดูกายหรือน้อมเข้ามาดูภายในกายจะเป็นจุดไหนส่วนไหนของร่างกายก็ได้ ไม่ต้องไปดูนอกกาย เพราะวิปัสสนาอาศัยเพียง2 สิ่งคือจิตกับกายเท่านั้น โดยอาศัยสติในระหว่างอุปจารสมาธิเป็นดาบเพชร ใช้ตัด ถอน ละ สังโยชน์, อาสวะทั้งหลาย ในขั้นหยาบ ขั้นปานกลาง และขั้นละเอียด ถอนออกให้หมด หรือใช้สมาธิในขั้นนี้พิจารณาความทุกข์ในภพชาติ อันได้แก่ทุกข์เพราะเกิด ทุกข์เพราะเจ็บไข้ ทุกข์เพราะแก่ชรา และทุกข์ความตาย ให้ละเอียดลงไปจนไม่หลงหรือยึดติดในภพชาติแล้ว จึงขึ้นอยู่กับกำลังวิปัสสนาของผู้ปฏิบัติเป็นสำคัญ :b39:

อ้างคำพูด:
๗.ปัตตานุโมทนามัย (อัพภานุโมทนามัย) บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาในกุศลของผู้อื่น
เป็นข้อที่ทำได้ง่ายที่สุด เพียงแค่อนุโมทนสาธุยินดีกับผู้ที่ทำบุญทำกุศลแค่นี้ก็ได้รับแล้ว

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 13:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ศึกษาธรรมะมาโดยตลอด


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 9 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 88 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร