เมื่อคืนตอนดึกเหมือนได้ยินเสียง กรี๊ด....... 1 ที แล้วก็หายไปบ้านผมไม่ได้อยู่ในเมืองแล้วแถวนั้นก็ไม่มีบ้านคน
แต่ติดถนนใหญ่กลัวว่าจะเป็นเสียง นกแสก อะครับนกแสกมันจะร้องยังไงครับ หวังว่ามันคงจะไม่มาเกาะหลังคาบ้านผมนะหรือว่าจะเป็นเสียงรถ เบรค เพราะบ้านอยุ่ติดถถนใหญ่เสียงเครื่องของรถยังได้ยินเลย ผมไม่แน่ใจเพราะไม่เห็นกับตาแต่เสียงแบบนี้ตอนกลางคืนได้ยินแล้วรู้สึกไม่ดีเลย ช่วยคนจิตไหวๆๆแบบนี้หน่อยครับวันนี้ว่าจะไปไหว้พระที่วัดครับ

อะไรที่คุณคิดว่าทำแล้วสบายใจก็ไปทำเถอะครับ จะไหว้พระ ไหว้เจ้า ถวายสังฆทาน ฯลฯ อะไรก็ว่าไป
ความเชื่อจะต้องแก้ด้วยความเชื่อ

หยุดคิดคำนึงถึงสิ่งภายนอก สิ่งภายในควรคร่ำคิดพิจารณา

ดีครับ ถ้าทำแล้วสบายใจทำไปเถอะครับ

ไปไหว้พระมาแล้วครับแต่ว่ายังลืมไม่ได้จิตใจมันก็ยังคิดอยู่อย่างนั้นทั้งๆ
ที่เรายังไม่ได้เห็นเลยว่าเป็นอะไรได้ยินแค่เสียงตอนนี้ตัวเองทำให้ตัวเองป็นทุกข์สะแล้วครับ
ผมควรทำอย่างไรดีครับ

สิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตเรามันจบไปตั้งนานแล้ว แต่ตัวเราต่างหาก ไม่ยอมจบ ไม่ยอมวาง....

เพราะคุณนำจิตนั้นไปผูกติดกับมัน เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นและจบไปแล้ว แต่คุณนำกลับ

มาคิดพิจารณา ทิ่มแทงตัวเอง

แนวทางแก้ไขก็คือ คุณควรฝึกจิต อาจจะใช้ สติปัฏฐาน 4 เข้ามาช่วย ในการพิจรณาก็ได้

แต่ถ้าเป็นเรื่องของเวรของกรรม คุณควร ไปถวายสังฆทาน และอุทิศส่วนกุศลให้เขาก็ได้ครับ

เพื่อความสะบายใจ

สู้ๆน่ะครับ

ผมไม่มีความเชื่อแบบนี้หรอกครับ แต่ก็แล้วแต่คนครับ เชื่อก็ไม่ได้เสียหายอะไรแต่อย่าเอามาเป็นทุกข์ทางใจก็พอครับ

สัทธา ความเชื่อ ท่านแบ่งเป็น ๒
- สัทธาญาณสัมปยุต ๑
- สัทธาญาณวิปยุต ๑
เขียนสันสกฤตเป็น ศรัทธา

"ศรัทธาญาณสัมปยุต" คือ ความเชื่อที่ประกอบด้วยเหตุผล ประกอบด้วยปัญญา หรือกลั่นกรองแล้วจากปัญญา
"ศรัทธาญาณวิปยุต" คือ ความเชื่อที่ไม่ประกอบด้วยปัญญา ขาดการพิจารณาด้วยเหตุด้วยผล เชื่อโดยอ้างตำรา อ้างครูอาจารย์

อนึ่ง ถ้าเชื่อตามเขา เรียกว่า "อธิโมกข์ศรัทธา"

การเชื่อโดยปราศจากสติปัญญาก็ดี เชื่อตามคนอื่นว่าก็ดี ไม่จัดเป็นศรัทธาในทางพระพุทธศาสนา

ความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญ ถ้าไม่เชื่อสิ่งใดก็จะไม่ทำสิ่งนั้น หากเชื่อในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ก็เป็นเหตุให้คิดดี ทำดี ถ้าเชื่อผิด ก็เป็นเหตุให้คิดผิด ทำผิด ความเชื่อในสิ่งที่ผิด เป็นเหตุให้ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นผลร้าย เป็นความพินาศ ตลอดจนทำให้เสียชีวิตได้ เช่น

- เชื่อเรื่องธรรมชาติ เช่น ภูเขา ต้นไม้ สัตว์ต่าง ๆ (นกแสก ฯลฯ ) ที่ผิดปกติ มีความแปลกประหลาดไปจากธรรมดา แล้วทำการสักการะบูชาเพื่อหวังลาภ ยศ อย่างที่เป็นข่าวทางสื่อต่าง ๆ

- เชื่อในผีสางเทวดา หรือวิญญาณ แล้วทำการสักการะบูชาเพื่อหวังขอลาภ ยศ มีการสร้างศาล ต่าง ๆ เพื่อให้ผี สาง วิญญาณ มาสิงสถิตอยู่ เป็นต้น

ความเชื่อเหล่านี้ ไม่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ประกอบด้วยเหตุผล เป็นความเชื่อตามกันมา ความเชื่อตามผู้อื่น หาประโยชน์มิได้ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แก่ชาว "กาลามะ" ที่แคว้นโกศล ถึงความเชื่อที่จะทำให้ผิดพลาดได้ ๑๐ ประการ ซึ่งเรียกว่า "กาลามสูตร"

และทรงแสดง ธรรมคือ ศรัทธา ความเชื่อที่ประกอบด้วยปัญญาไว้ ๔ ประการ คือ

๑.กัมมสัทธา คือ เชื่อกรรม
๒.วิปากสัทธา คือ เชื่อผลของกรรม
๓.กัมมัสสกตาสัทธา คือ เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
๔.ตถาคตโพธิสัทธา คือ เชื่อปัญญาการตรัสรู้ของพระตถาคตเจ้า

หากเราเชื่อตามพระพุทธเจ้าตรัสสอน ๔ ข้อนี้ เราก็ไม่ต้องไปกังวลกับอะไรอีก

เจริญธรรม