วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ภิกษุทุกวันนี้ ต่างตั้งใจศึกษาทางโลกกันอย่างจริงจังและตั้งใจเพื่อให้สำเร็จได้วุฒิปริญญาตรี ปริญญาโทและปริญญาเอกตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วเมืองไทย

ท่านพุทธศาสนิกชนทั้งหลายคิดเห็นประการใดเกี่ยวกับเรื่องนี้หนอ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 10:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

สถานการณ์เปลี่ยนไปต่างจากสมัยพุทธกาล
พระภิกษุน่าจะมีการศึกษาทางโลกบ้าง
เพื่อให้ทันกับสถานการณ์
แต่ก็ต้องไม่ทิ้งการศึกษาพระธรรมวินัยด้วย
ผมว่าน่าจะไปด้วยกันได้ ไม่น่ามีอะไรเสียหายครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 ก.พ. 2009, 10:57
โพสต์: 26


 ข้อมูลส่วนตัว


ผมว่าไม่ใช่เรื่องที่ไม่เหมาะสมครับ ถ้าเจตนาของผู้เรียน หวังจะนำไปใช้พัฒนาพระศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง หรืออาจจะมีเจตนาอื่นก็ตาม เเต่ความรู้นั้นก็ยังใช้พัฒนาบุคลากรในชาติได้ครับ

ฉะนั้น ครับ พระเณรที่เล่าเรียนทางโลก หรือทางไหน ก็ดีหมดครับ เพราะว่าป็นบ่อเกิดของความรู้ ความสามารถ เเต่ถึงอย่างนั้นความรู้ทางธรรมย่อมเป็นยอดเสมอครับ

.....................................................
ไม่มีใครเก่งเกินกรรม กรรมเท่านั้นตัดสินทุกอย่าง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 11:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 08:40
โพสต์: 27


 ข้อมูลส่วนตัว


"ไม่เรียนรู้โลก แล้วจะรู้จักโลกได้อย่างไร" :b44: โลก คือ เครื่องมือสำหรับนักปฏิบัติธรรมครับ ทางมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ยังมีการเรียนการสอนทางโลกด้วยเลย จึงไม่ผิดอะไร ที่ภิกษุจะเรียนทางโลกไปด้วย

พุทธพจน์ก่อนปรินิพพาน กล่าวว่า "อานนท์ อีกเรื่องหนึ่ง คือ สิกขาบทบัญญัติที่เราบัญญัติไว้ เพื่อภิกษุทั้งหลายได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ไม่กินแหนงแคลงใจกันมีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน สิกขาบทบัญญัติเหล่านั้นมีอยู่จำนวนมาก เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์พร้อมใจจะถอนสิกขาบทเล็กน้อย ซึ่งขัดกับกาลกับสมัยบ้างก็ได้ กาลเวลาล่วงไป สมัยเปลี่ยนไปจะเป็นความลำบากในการปฏิบัติสิกขาบท ที่ไม่เหมาะสมัยเช่นนั้น เราอนุญาติให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อย"

.....................................................
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 12:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างถึง : พุทธพจน์ก่อนปรินิพพาน กล่าวว่า "อานนท์ อีกเรื่องหนึ่ง คือ สิกขาบทบัญญัติที่เราบัญญัติไว้ เพื่อภิกษุทั้งหลายได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ไม่กินแหนงแคลงใจกันมีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน สิกขาบทบัญญัติเหล่านั้นมีอยู่จำนวนมาก เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์พร้อมใจจะถอนสิกขาบทเล็กน้อย ซึ่งขัดกับกาลกับสมัยบ้างก็ได้ กาลเวลาล่วงไป สมัยเปลี่ยนไปจะเป็นความลำบากในการปฏิบัติสิกขาบท ที่ไม่เหมาะสมัยเช่นนั้น เราอนุญาติให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อย"

อันนี้น่าสนใจครับ พุทธพจน์นี้ อยู่ในพระไตรปิฎกเล่นไหน หน้าที่เท่าไหร่ บรรทัดที่เท่าไหร่ครับ

ลองพิจารณาตรงนี้ประกอบอีกนิดหนึ่งนะครับ
พระไตรปิฎกเล่มที่ 9 หน้าที่ 65 (ฉบับของ มหามุฎราชวิทยาลัย ชุด 91 เล่ม)

เรื่องเรียนคัมภีร์โลกายตะ

สมัยนั้น พระฉัพพัคคีย์เรียนคัมภีร์โลกายตะ ชาวบ้านจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า...
เหมือนคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม ภิกษุทั้งหลายได้ยินชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่...
จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น
ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ การกระทำของเธอนั่น
ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส...

ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่เห็นคัมภีร์โลกายตะว่ามีสาระ จะพึงถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ในธรรมวินัยนี้หรือ.

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า. อันผู้ที่เห็นธรรมวินัยนี้ว่ามีสาระ จะพึงเล่าเรียนคัมภีร์โลกายตะหรือ.

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า. ไม่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า.

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนคัมภีร์โลกายตะ รูปใดเรียนต้องอาบัติทุกกฏ.

สมัยต่อมา

พระฉัพพัคคีย์สอนคัมภีร์โลกายตะ
ชาวบ้านจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า...เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม. ..
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า.

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนโมฆบุรุษ การกระทำของเธอนั่น
ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ไม่ใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ การกระทำของเธอ
นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส...

ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนคัมภีร์โลกายตะ รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ.

เรื่องเรียนดิรัจฉานวิชา (วิชาที่ขัดกับทางดำเนินไปพระนิพพาน)

สมัยต่อมา พระฉัพพัคคีย์เรียนดิรัจฉานวิชา...
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงเรียนดิรัจฉานวิชา รูปใดเรียน ต้องอาบัติทุกกฏ.


สมัยต่อมา

พระฉัพพัคคีย์สอนดิรัจฉานวิชา
ชาวบ้านเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า เหมือนพวกคฤหัสถ์ผู้บริโภคกาม…
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า

พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ.

ร่วมกันค้น ร่วมคิด ร่วมกันอ่าน ร่วมกันศึกษาพระไตรปิฎกครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 08:40
โพสต์: 27


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พุทธพจน์ก่อนปรินิพพาน กล่าวว่า "อานนท์ อีกเรื่องหนึ่ง คือ สิกขาบทบัญญัติที่เราบัญญัติไว้ เพื่อภิกษุทั้งหลายได้อยู่ร่วมกันอย่างผาสุก ไม่กินแหนงแคลงใจกันมีธรรมเป็นเครื่องอยู่เสมอกัน สิกขาบทบัญญัติเหล่านั้นมีอยู่จำนวนมาก เมื่อเราล่วงลับไปแล้ว สงฆ์พร้อมใจจะถอนสิกขาบทเล็กน้อย ซึ่งขัดกับกาลกับสมัยบ้างก็ได้ กาลเวลาล่วงไป สมัยเปลี่ยนไปจะเป็นความลำบากในการปฏิบัติสิกขาบท ที่ไม่เหมาะสมัยเช่นนั้น เราอนุญาติให้ถอนสิกขาบทเล็กน้อย"


คัดลอกมาจากหนังสือ พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน (ใบไม้ในกำมือ) ของ อาจารย์ วศินอินทสระ


ส่วนเรื่องการศึกษาทางโลกนั้น ผมเห็นว่าน่าจะศึกษาได้ตามความเหมาะสม ของสาขาวิชาที่จะเล่าเรียน(ท่านคงไม่ไปเรียน คัมภีร์โลกายตะ น่ะ อิอิ) วิชาที่ว่าไม่ควรศึกษาก็เป็น พวกเดียนฉานวิชา หรือ วิชาที่ผิดกฏพระวินัยก็ไม่ควร ขอให้ดูตามความเหมาะสมแล้วกันน่ะครับ

ถูกผิดประการใด โปรดไว้พิจารณาครับ

.....................................................
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 15:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

บัว 4 เหล่า เขียน:
พระผู้มีพระภาคเจ้า...ตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงสอนดิรัจฉานวิชา รูปใดสอน ต้องอาบัติทุกกฏ.

ผมว่าพระท่านที่เรียนปริญญาตรี โท เอก ไม่น่าจะเกี่ยวกับดิรัจฉานวิชานะครับ

:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 17:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 19 เม.ย. 2009, 18:32
โพสต์: 20


 ข้อมูลส่วนตัว


เราคิดว่าไม่ได้ เพราะพระพุทธเจ้าท่านให้นักบวชละการครองเรือน การเรียนทางโลกก็เป็นเรื่องของการครองเรือน บาปจ๊ะ บาปแน่


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดีครับ ร่วมแสดงความคิดเห็นกันเยอะๆ ครับ
เมื่อแสดงแล้วก็ใคร่ครวญนะครับ ว่าความคิดเห็นนั้นถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง ตามหลักธรรมของพระพุทธองค์ ก็อ่านก็ศึกษาพระไตรปิฎกสิครับ อ่านมากๆ อ่านบ่อยๆ เมื่อรู้แล้วก็ช่วยส่งเสริมให้กับผู้ที่ยังไม่ได้อ่านไม่ได้ศึกษาให้เกิดความรู้ความเข้าใจมากขึ้นนะครับ เป็นธรรมทานครับ

ขอไว้ว่าถ้าเป็นความคิดเห็นส่วนตัวหรือของอาจารย์จากสำนักไหนก็แล้วแต่นะครับอย่าเอามาเป็นบรรทัดฐาน ควรจะเอาคำของพุทธองค์มากล่าวหรือมาอ้างอิง พระองค์ทรงบัญญัติอะไร อนุญาตอะไร ห้ามอะไรหรือบรรยายไว้ว่าอย่างไรก็เอาตามนั้น จะเป็นมหากุศลอย่างยิ่งเพราะเป็นการเผยแพร่ธรรมของพระพุทธองค์โดยไม่บิดเบือน เป็นธรรมทานเป็นการให้ปัญญาให้แสงสว่างกับคนที่อ่านและสนใจศึกษาต่อไปครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 20:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 เม.ย. 2009, 02:22
โพสต์: 83

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต้องดูด้วยสิครับคนที่มาบวชมาเพื่ออะไรกาลเวลาเปลี่ยนไป คนก็เริ่มเปลี่ยน ส่วนมากมาบวชเพื่อเรียนให้จบปริญญาซึ่งเรียนฟรีแล้วก็ศึกออกไปทำงานทางโลก อีกส่วนบวชเพราะมีปัญหาบางอย่าง ลูกเมียทิ้ง จิตไจไม่สงบ สติไม่ค่อยดี ไม่มีที่ไป หรือแก่ชรา อีกส่วนหวังไปสวรรไม่อยากตกอบายก็นับว่าเป็นเรื่องดี แต่การบวชตามหลักธรรมมะและศาสนาไม่หวังสิ่งเหล่านั้น หรือแม้จะเป็นสวรรค์สมบัติก็ไม่นับว่าประเสริฐเลย ยังไม่พ้นจากบ่วงมนุษ และบ่วงที่เป็นทิพ การบวชนั้นบวชเพื่อพ้นทุก ตัดกิเลส และดับภพชาติในที่สุดเมื่อภพชาติดับย่อมรู้ว่า กิจที่ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นไม่มีอีกแล้ว คนที่บวชหรือคิดจะบวชลองคิดก่อนนะครับว่าบวชเพื่ออะไร และเพราะอะไร แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรหากเข้ามาแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองย่อมทำมรรคผลให้ถึงได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นในสมัยพุทธกาลเรื่องนี้ได้เคยกล่าวไว้แล้ว ภิกษะจะเรียนเรื่องทางโลกไม่ได้ :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 22:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.พ. 2008, 10:00
โพสต์: 724

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: ปฏิบัติวิปัสสนา
อายุ: 0
ที่อยู่: เกษตร-นวมินทร์ กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


ตอนขอบวช บอกกับอุปัชฌาย์แบบนี้ครับ

สพฺพทุกฺขนิสฺสรณนิพฺพานสจฺฉิกรณตฺถาย อิมํ กาสาวํ คเหตฺวา ปพฺพาเชถ มํ ภนฺเต อนุกมฺปํ อุปาทาย
สพฺพทุกฺขนิสฺสรณนิพฺพานสจฺฉิกรณตฺถาย เอตํ กาสาวํ ทตฺวา ปพฺพาเชถ มํ ภนฺเต อนุกมฺปํ อุปาทาย

ท่านผู้เจริญ เพื่อทำให้แจ้งพระนิพพานอันเป็นที่สลัดออกของทุกข์ทั้งปวง ขอท่านรับ(และ)ให้ผ้ากาสาวะนี้นั่น
แล้วให้ผมบวชเถิด

ก็คิดได้เข้าใจว่า บวชเพื่ออะไร แล้วตอนนี้ที่เรียนๆกันอยู่ อันไหนช่วยให้ทำพระนิพพานให้แจ้ง แล้วถ้าบวช
ไม่พยายามทำนิพพานให้แจ้ง โกหกคณะสงฆ์ที่เป็นองค์ประชุมวันบวชหรือเปล่าน๊าาา

.....................................................
เอกายโน อยํ ภิกฺขเว มคฺโค สตฺตานํ วิสุทฺธิยา โสกปริเทวานํ สมติกฺกมาย
ทุกฺขโทมนสฺสานํ อตฺถงฺคมาย ญายสฺส อธิคมาย นิพฺพานสฺส สจฺฉิกิริยาย ยทิทํ
จตฺตาโร สติปฏฺฺฐานา ฯ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 07:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 พ.ค. 2009, 08:40
โพสต์: 27


 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญหานี้ก็คงตอบยากเหมือนกัน เพราะผมยังไม่รู้พระวินัยอย่างระเอียด ไม่ทราบว่าจะ

ผิดวินัยสงฆ์หรือไม่ แต่ปัจจุบันก็มีพระสงฆ์ที่ศึกษาทางโลกพร้อมกับทางธรรมด้วยก็มีมาก

อาจเพราะ จะสร้างความมั่นคงให้กับชีวิต อาจจะตอบแทนคุณบิดา มารดา ก็เป็นความ

กตัญญูที่พึงกระทำ หรือไม่คิดว่าจะบวชตลอดไป แต่ปัจจุบันโลกก็เปลี่ยนไปมาก

ดังมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มหาลัยสงฆ์) ก็ยังมีการสอนปริยัติ พร้อมกับ

สอนวิชาทางโลกด้วยเลย (http://www.mcu.ac.th/site/curriculum.php)

ถ้าถามถึงความเหมาะสม บางท่านอาจจะว่าไม่ควรหรือไม่ ก็ควรคิดพิจาณาให้ดีน่ะครับ

.....................................................
นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความชอบธรรม กับ ความชอบใจ
ความถูกต้อง กับ ความถูกใจ

พระพุทธองค์ตรัสรู้และบัญญัติไว้แล้วเป็นสิ่งที่ถูกต้องแน่นอน กับ ความชอบใจความพอใจในปัจจุบันเพราะสิ่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้นั้นเป็นสิ่งที่ทำตามลำบากควรจะผ่อนลงบ้าง(ตามใจชอบ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 09:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ตามที่เรารู้ ๆ กันอยู่ว่า
พระสงฆ์มี ๒ พวก
๑. พระอริยสงฆ์
๒. สมมติสงฆ์


สงฆ์ในปัจจุบันนี้เป็นสมมติสงฆ์
น่าจะอนุโลมให้เรียนทางโลกได้บ้างนะครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 พ.ค. 2009, 10:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 พ.ค. 2009, 16:59
โพสต์: 79

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เรา เป็นใคร รู้แจ้งแล้วเหรอ ทำได้แล้วเหรอ หลุดพ้นแล้วเหรอ

สิ่งที่พระพุทธองค์บัญญัติไว้ นั่นเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้วกับการที่จะปฏิบัติและตามพระองค์ไปได้

แล้ว เรา เห็นว่านั่นก็ยาก นี่ก็ไม่เหมาะสม นี่ก็ไม่น่าเอาควรยกเลิก นี่ก็คิดว่าน่าจะได้ บ้างก็ว่าสิ่งที่พระองค์ตรัสไว้แล้วนั่นก็ล้าสมัยแล้วควรปรับปรุงใหม่เอาตามความพอใจ ความชอบใจของ เรา

ก็ใช้ปัญญาพิจารณาเอาเองก็แล้วกันครับ ว่าควรหรือไม่ควร เป็นไปเพื่อความสิ้นทุกข์สิ้นภพสิ้นชาติหรือเป็นไปเพื่อสร้างทุกข์สร้างภพสร้างชาติให้ยาวนานต่อไป

ก็พากันปฏิญาณว่าจะมีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ยอมรับว่าจะเป็นชาวพุทธโดยมีพระพุทธเจ้าเป็นครู เป็นอาจารย์ เป็นพ่อ เป็นแม่ ยอมมอบกายถวายชีวิตเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้ง

แล้วก็มาหาข้ออ้างต่างๆ นานา เอาตามความชอบใจ เอ้อ! .... ชาวพุทธ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 76 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร