ขอเปรี้ยวกับคุณ ชาติสยาม หน่อยนะครับ

เห็นได้ตั้ง ระดับ 10 แล้วนี่นา และก็ว่าตัวเองเปรี้ยวแบบมีสารอาหารแล้วผมมันก็เปรี้ยวแบบไม่มีสารอาหาร
จะได้รู้ว่า สารอาหารที่ท่านว่าท่านมีอย่างเต็มเปี่ยมนั้นมันเป็นสารอาหารจริงหรือว่าแค่กาก

พระพุทธ คืออะไร
พระธรรม คืออะไร
พระสงฆ์ คืออะไร

การทำให้ตนเองมีพระรัตนตรัยที่สมบูรณ์ จะต้องทำยังไงหละท่านชาติสยามผู้ที่ทนงค์ตนว่าเป็นความเปรี้ยวที่เต็มไปด้วยสารอาหาร ลองชี้แจงหน่อยสิครับท่าน

รัตนตรัยคือ แก้ว ๓ ประการ แก้วสารพัดนึกถ้าเข้าถึงจริงๆ จะคิดอะไรสำเร็จหมด จะนึกอะไรก็สำเร็จ โดยปฏิบัติ ไม่ใช่คิดไปแต่ลอยๆ ลม คิดแล้วก็ต้องทำด้วย

มาจากคำว่า สาม-สาม-เก้า หมายถึง คุณพระพุทธ มี ๓, คุณพระธรรมก็มี ๓, คุณพระสงฆ์ก็มี ๓ เรียกว่า สาม-สาม-เก้า ก้าวหน้าจุดมุ่งหมายของชีวิต ได้กำไรแน่นอน
ก. คุณพระพุทธเจ้า มี ๓ คือ
พระปัญญาคุณ พระวิสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ

ข. คุณพระธรรม มี ๓ คือ

๑. สร้างความดี

๒. ละความชั่ว

๓. อย่าเอาความชั่วมาไว้ในจิตใจ

ค. คุณค่าของพระสงฆ์ ก็มี ๓ พระสงฆ์ คือ

๑. ปฏิบัติดี

๒. ปฏิบัติชอบ

๓. ปฏิบัติ คงวาคงศอก

ที่มา; http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp-charun/lp-charun-07.htm

ถ้าจะให้เข้าถึงได้ และเป็นสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นถูกต้อง ที่คนส่วนใหญ่ชอบพูดๆกันเสมอๆ ก็ต้องทำให้ได้ ตามหลักเกณฑ์ 3-3-9 ที่ว่ามา ทำตาม หมวด ก ข ค และข้อ ๑ ๒ ๓ ตามลำดับ :ซึ่งเป็นวิธีที่อุดรอยรั่วได้ดีที่สุดเลยนะ และยังสามารถข้ามสังสารวัฏ หรือวัฏฏะ3 นี่ได้

อืม ระดับความรู้ของปุถุชนนะ
ระดับ 1 ความรู้
ระดัล 2 ความจำ
ระดับ 3 ความเข้าใจ
ระดับ 4 นำไปใช้
ระดับ 5 วิเคราะห์
ระดับ 6 สังเคราะห์
ระดับ 7 ประเมินค่า

ที่ท่าน อินทรีย์5 ตอบมานั้นถือว่า อยู่ในระดับ 3

แล้วถ้าจะนำไปใช้หละ ท่านอินทรีย์5 จะต้องทำไง คือ

เมื่อท่านบอกว่ากราบพระพุทธ ท่านกราบอะไร กราบตรงไหน กราบอย่างไร นึกถึงอะไร
เมื่อท่านบอกว่ากราบพระธรรม ท่านกราบอะไร กราบตรงไหน กราบอย่างไร นึกถึงอะไร
เมื่อท่านบอกว่ากราบพระสงฆ์ ท่านกราบอะไร กราบตรงไหน กราบอย่างไร นึกถึงอะไร

แหม ดูเหมือนจะแค้นฝังหุ่น

นี่นะ จะเอาธรรมะมาแกล้งถามลองภูมิเอาชนะคะคานกันไป
สะใจเล่นๆผมไม่เอาด้วยหรอกนะ

ผมน่ะ..จะไม่ยอมบอกหรอกว่าผมจะตอบคุณว่า
ถ้าอยากรู้จักพระรัตนตรัยนะให้ดูใจตรงที่แค้นผมน่ะล่ะ
พยามจับความรู้สึกอันนี้ให้เห็นมันชัดๆ

เมื่อไหร่เห็นถึงขั้นว่ามันเกิดมันดับเป็นของแปลกแยกต่างหาก
ไม่ใช่เราคิด ไม่ใช่เราแค้น ความแค้นนี้มันแยกอยู่ต่างหาก

เมื่อใดเห็นอย่างนี้ ก็แปลว่าเห็นพระรัตนตรัยอยู่รำไรๆ

ส่วนคำว่าพระรัตนตรัยที่พูดๆอ่านๆกันอยู่นี่ มันเป็นของสมมุติ
สมมุติเพราะจำมา ได้ยินมา คิดๆไปกันเอง
มันเป้นความหมายในสมรรถนะของสุตมัยปัญญา และจินตมัยปัญญา
ไม่ใช่พระรัตนตรัยแบบที่ภาวนามัยปัญญาเห็น

อย่ามาล่อถามให้ยากเลย ผมบอกแล้วว่าผมไม่ตอบ

นี่ขนาดไม่ตอบนะเนี่ย

พระพุทธ คือ อตีตัง....อนิจจัง
พระธรรม คือ ปัจจุปันนัง....ทุกขัง
พระสงฆ์ คือ อนาคตัง....อนัตตา

จุ๊ๆ อย่าบอกใคร รู้กันสองคน
นี่เขาเรียกว่า กลยุทธ์หลอกด่าคนถาม

เป็นส่วนหนึ่งของวิชากระแทกกิเลส

อยากได้บอกผม จะุ่ถ่ายทอดให้
แต่ว่าต้องถ่ายทอดด้วยการคายน้ำลายให้กินนะ
ส่งต่อกันเป็นรุ่นๆ
อิๆๆ

ผมเหมือนโดนตบอย่างแรงเลยครับ...
เฮ้อ...
มีอะไรที่แสบ ๆ กว่านี้จะกล่าวต่อรึเปล่าครับ...
เอาแบบ...มะนาวเรียกทวด น่ะครับ

เมื่อไหร่เห็นถึงขั้นว่ามันเกิดมันดับเป็นของแปลกแยกต่างหาก
ไม่ใช่เราคิด ไม่ใช่เราแค้น ความแค้นนี้มันแยกอยู่ต่างหาก

เมื่อใดเห็นอย่างนี้ ก็แปลว่าเห็นพระรัตนตรัยอยู่รำไรๆ

ส่วนคำว่าพระรัตนตรัยที่พูดๆอ่านๆกันอยู่นี่ มันเป็นของสมมุติ
สมมุติเพราะจำมา ได้ยินมา คิดๆไปกันเอง
มันเป็นความหมายในสมรรถนะของสุตมัยปัญญา และจินตมัยปัญญา
ไม่ใช่พระรัตนตรัยแบบที่ภาวนามัยปัญญาเห็น



ไม่ได้แค้นอะไรหรอกท่าน ชาติสยาม แค่อยากจะทราบความเห็นเห็นของท่านเพราะท่านว่าท่านเป็นผู้มีสาระมีสารอาหารมากมายเหลือเกิน จึงอยากจะให้ท่านอธิบายให้ใส้เดือนกิ้งกืออย่างผมให้เข้าใจหน่อยสิ
จะมาพูดเฉไฉไปทำไม การจะพูดเพื่อเอาใจคนอ่าน พูดเพื่อให้ตนเองดูดีหนะมันพูดได้สบายมากๆๆ แค่เอาหลักธรรมที่มันยากๆ คนเขาอ่านไม่เจอค้นหาไม่ถึงมาพูดแค่นี้ เค้าก็แห่ชื่นชมกันแล้วว่าเป็นผู้มีปัญญามาก มีความฉลาด แต่แค่พื้นฐานแค่นี้ยังไม่สามารถอธิบายได้ มันก็แค่กากอาหารหละครับคือจะเอาประโยชน์จากความรู้นั้นก็ไม่ได้

อธิบายหน่อยท่าน ชาติสยาม อย่ามาพูดเลยโดยเฉพาะตรงที่ผมเน้นไว้นี่ มันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปเขาไม่รู้เรื่องหรอก เอาให้เป็นภาษาที่คนโง่ๆ แต่อยากดี อ่านแล้วเข้าใจดีกว่าครับท่าน

เวลาท่านชาติสยามนึกถึง พระพุทธเจ้า ท่านนึกถึงอะไร/นึกถึงพระธรรม ท่านนึกถึงอะไร/นึกถึงพระสงฆ์ ท่านนึกถึงอะไร ก็พากันรู้แล้วว่า มีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งที่ระลึก แล้วมันคืออะไรหละท่าน ชาติสยาม(ผู้ที่เปรี้ยวแบบมีสารอาหาร)

ถึงคุณ yahoo นะครับที่ว่า
ผมเหมือนโดนตบอย่างแรงเลยครับ...
เฮ้อ...
มีอะไรที่แสบ ๆ กว่านี้จะกล่าวต่อรึเปล่าครับ...
เอาแบบ...มะนาวเรียกทวด น่ะครับ


นี่ก็ นายว่าขี้ข้าพลอย มันอะไรกันนักหนาก็ไม่รู้ ไม่หาสาระเอาซะเลยเหรอ เอ้อ..มันเป็นสัจธรรมจริงๆ เล้ย.
อย่าไปคิดมากสิท่าน บางคนชอบห้าวๆ บางคนชอบนิ่มๆ แล้วแต่วาสนาที่สั่งสมมา มันก็อย่างนี้แหละชีวิต

ให้ท่าน ชาติสยาม ได้อธิบายตามความรู้อันแน่นปึ๊กของท่านก่อนแล้วคนทั่วไปเขาจะได้ความรู้ด้วย
เอ้า....เชิญท่าน ตามลำบากก็แล้วกัน อธิบายตามลีลาของท่านนั่นแหละครับ

นี่ก็ นายว่าขี้ข้าพลอย อิ อิ

ยู๊ - ผมเหมือนโดนตบอย่างแรงเลยครับ... (ก็ผมสะดุดหู...แค่นั้น)
ขวาง - อย่าไปคิดมากสิท่าน
แล้วท่านคิดว่าผมคิดอะไรหรือครับ จึงทักท้วงผม


ยู๊ - มีอะไรที่แสบ ๆ กว่านี้จะกล่าวต่อรึเปล่าครับ...เอาแบบ...มะนาวเรียกทวด น่ะครับ
ขวาง - ให้ท่าน ชาติสยาม ได้อธิบายตามความรู้อันแน่นปึ๊กของท่านก่อน
เอ่อ...ท่านมาแปลข้อความผมทำไมครับ...
ผมเขียนแค่ไม่กี่คำ...ท่านก็แปลคำกล่าวผม และแถมใส่ความคิดของท่านลงมาอีก...

เฮ้อ...ลำบากจังเลย...ผมนี่ก็





ผมกับคุณ..ชาติสยาม เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาครับ...อิ อิ...
เป็นความประทับใจกรณีพิเศษ...

และอยู่ดี ๆ ท่านก็เอาเข็มมาจิ้มก้นผม... อิ อิ...
ผมนั่งเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน...
ฝันเป็นจริงก็วันนี้เอง...

ผมก็รู้ครับ...ว่าท่านขวางก็เปรี๊ยว..
ก็ตามอ่านอยู่ครับ...แต่ยังไม่มีโอกาสทักทาย...แค่นั้นเอง
ดีใจครับ...ยินดีที่ได้รู้จัก...

เอ้า มาล่อถามอีกแล้ว ยังไงผมก็ไม่หลงกลคุณหรอก
ผมจะไม่ตอบคุณหรอกว่าผมกำลังคิดว่า


ถ้าอยากรู้ว่าพระพุทธที่แท้ พระธรรมที่แท้ พระสงฆ์ที่แท้ เป็นอย่างไร
ก็ทำเหตุของพระรัตนตรัยให้เกิด แล้วเหตุพร้อมเมื่อไหร่ ผลก็มา

ทำเหตุก็คือ ไม่สำคัญว่าคนอื่นนึกอะไร ช่างหัวชาติสยาม
สำคัญว่าเวลาคุณขวางนึกอะไร แล้วรู้ว่ากำลังนึก แค่นั้นก็พอแล้ว
เหตุให้พบพระรัตนตรัยมีแค่นี้

ถ้าไม่รู้จะนึกอะไร กลัวนึกแล้วเรื่องยาว
ก็นึกคำว่าพุทธโธๆ อยู่กับคำว่าพุทธโธก็พอ อยู่ให้ใจมันไม่หนีไปจากพุธโธ
ทำตรงนี้ให้ดี ก็เท่ากับทำเหตุให้เกิด ผลจะตามมาเอง


พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์์ ของใครเป้นยังไง มันไม่สำคัญเลย

แต่ยังไงคุณก็ไม่รู้หรอก เพราะผมจะไม่บอกสิ่งเหล่านี้กับคุณ

พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ของใครเป็นยังไง มันไม่สำคัญเลย
แต่ยังไงคุณก็ไม่รู้หรอก เพราะผมจะไม่บอกสิ่งเหล่านี้กับคุณ

อืม คุณก็ตอบได้ดีนะ คุณชาติสยาม

เพียงแต่ว่า การจะให้ความรู้คนอื่นหนะ มันต้องให้ความรู้ที่ถูกต้องสิ มันจะไม่สำคัญไปได้อย่างไร งั้นพระพุทธเจ้าท่านจะกล่าวว่ามี สัมมาทิฐิ กับ มิจฉาทิฐิ หรือท่านชาติสยาม

พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ของผู้ที่มีสัมมาทิฐิ และ พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ของผู้ที่มีมิจฉาทิฐิ มันต้องต่างกันแน่นอน และสำคัญด้วยเพราะถ้าประกอบด้วยมิจฉาทิฐินั้นมันร้ายแรงกว่าอนันตริยกรรมไม่ใช่เหรอท่าน


ถ้าอยากรู้ว่าพระพุทธที่แท้ พระธรรมที่แท้ พระสงฆ์ที่แท้ เป็นอย่างไร
ก็ทำเหตุของพระรัตนตรัยให้เกิด แล้วเหตุพร้อมเมื่อไหร่ ผลก็มา

ก็ในเมื่อท่านรู้ดีขนาดนี้ก็ตอบให้ผมรู้หน่อยสิว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงค์ ที่เป็นสัมมาทิฐิหนะมันเป็นยังไงต้องทำยังไง คนเขาเข้ามาอ่านจะได้รู้และทำให้ถูกต้อง ไม่ใช่มาอ้ำอึ้ง เบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่อยเหมือนสร้างภาพซะงั้น ผู้ไม่รู้เขาก็คิดตามได้ว่าท่านสุดยอด แต่ผู้รู้เขาเห็นว่าท่านก็แค่นกแก้ว นะท่าน
ก็เหมือนๆ กับพวกห่มผ้าเหลืองส่วนใหญ่ทุกวันนี้แหละ พูดดี เทศนาดี แต่ปฏิบัติตัวยังกับโสเภณี หลอกชาวบ้านไปเรื่อย

ผู้รู้จริงเขาไม่หวั่นหรอกกับคำถามพื้นๆ แค่นี้ และพร้อมที่จะตอบทุกคำถามที่เป็นประโยชน์กับคนหมู่มากส่วนพวกที่ไม่รู้จริงหนะหรือก็ชอบโยกโย้ อ้ำอึ้ง เบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่อย เอาตัวรอดเป็นคราวๆ ไป เพื่อรักษาศรัทธาจอมปลอม

ถึงขนาดนี้แล้วยังตอบไม่ได้หรือยังเลี่ยงบาลีไปอีกก็ เจริญพรครับท่าน ไปหละ งมมืดต่อไป คงจะเจอทางออกสักวันมั้ง

ส่วนคุณ yahoo นะผมก็ขออโหสิด้วยละกันเผอิญว่าผมไม่ถนัดคำ นุ่มๆ เท่าไหร่ อาจจะสะกิดใจไปบ้างแต่ก็ยืนยันว่าต้องการให้กระทบจริงๆ มันเร้าใจดีครับ อะดินาลีนมันหลั่งเยอะดี ทำให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย สมองปลอดโปร่ง คิดอ่านก็คล่อง ลองดูก็ได้นะท่าน

ติดตามมาหลายวันละ...พอจะรู้แล้วว่าพระรัตนตรัยของแต่ละท่านเป็นอย่างไร...ขาดอยู่แต่พระรัตนตรัยของท่าน คนขวางโลก เป็นอย่างไรหรือครับ ท่านก็กรุณาเฉลยเสียทีเถิดครับ...เกรงใจ จขกท เขาบ้างครับ