วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 07:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 60 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 08:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 เม.ย. 2009, 19:55
โพสต์: 548

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คนขวางโลก เขียน:
ส่วนคุณ yahoo นะผมก็ขออโหสิด้วยละกันเผอิญว่าผมไม่ถนัดคำ นุ่มๆ เท่าไหร่ อาจจะสะกิดใจไปบ้างแต่ก็ยืนยันว่าต้องการให้กระทบจริงๆ มันเร้าใจดีครับ อะดินาลีนมันหลั่งเยอะดี ทำให้สดชื่นกระชุ่มกระชวย สมองปลอดโปร่ง คิดอ่านก็คล่อง ลองดูก็ได้นะท่าน :b4:


ชอบครับ...ชอบ...
คราวหลังขอเป็นเปลือกทุเรียนนะท่านนะ...
ป๋ม...ซาดิสม์... :b4: :b4: :b4:

:b38: :b38: :b38:
:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 11:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ท่าน natdanai ครับ

ใจเย็นๆ สิ เจ้าของกระทู้เขาจะได้รับทราบว่า การที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์เกิดมรรคเกิดผลได้ มันต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนสิครับ มัวมาเกรงใจกันอยู่นี่ มันก็ไม่เข้าท่าสิครับ

คุณชาติสยามบอกว่าท่านเป็นผู้มีสารอาหาร :b3: ผมก็ต้องการให้สารอาหารนั้นเป็นประโยชน์สูงสุดหน่อยก็เท่านั้น ผมไม่ชอบการอธิบายธรรมะแบบดูดีมีสาระแต่ตั้งอยู่ในจินตนาการ พอจะเอามาทำให้เกิดประโยชน์ก็ไม่ได้ เป็นเพียงเพ้อฝันตามกันไปเท่านั้น รัตนตรัย ของผมนั้นเหรอรอให้คุณชาติสยามตอบคำถามของผมก่อนเพราะผมมันเปรี้ยวแต่ไม่มีสารอาหารว่าซะงั้น :b32:

นี่ไม่ได้มาเถียงเอาชนะใครนะ เพียงแค่เถียงเพื่อหาสิ่งที่ถูกต้องก็เท่านั้น

บอกสิครับว่า ปฏิบัติยังไง ทำแบบไหน คิดอย่างไร ถึงจะได้เป็นผู้ชื่อว่า มีพระรัตนตรัยที่สมบูรณ์

เมื่อมีรัตนตรัยสมบูรณ์ ทานต่างๆ มันก็จะเกิดโดยสมบูรณ์
เมื่อทานเกิดสมบูรณ์ก็ส่งผลให้ศีล เกิดขึ้นอย่างมั่นคง ถาวร
เมื่อศีลมั่นคงถาวร เป็นระยะเวลานานๆๆๆๆๆ สมาธิก็จะแน่วแน่มั่นคงได้ง่าย
เมื่อสมาธิมั่นคง ตั้งมั่นแล้วการพิจารณาธรรมต่างๆ มันก็จะเกิดได้ง่าย เกิดปัญญารู้ตาม....โอ้ย.น่าเบื่อ
พูดไปก็เท่านั้นหละมั้ง เพราะเห็นว่าอยู่ดีๆ ก็พากันไปนั่งปฏิบัติธรรมกัน ฝึกสมาธิเอานิพพานกันเลย ภาวนากันตะบี้ตะบัน สอนกันโน่นบนฟ้าบนเมฆโน่น....แนะนำกันแต่ละทีแต่ละครั้งโน่น....จะหลุดพ้นจะปล่อยวางอะไรไปโน่น...สุดท้ายก็เหมือนเดิมหรือบางทีแย่กว่าเดิมอีกเพราะเกิดมิจฉาทิฐิไปเลย

เอาแค่นี้ก่อนละกัน.... :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 12:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 10
สมาชิก ระดับ 10
ลงทะเบียนเมื่อ: 04 พ.ย. 2008, 12:29
โพสต์: 814

ที่อยู่: กรุงเทพฯ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พูดไปก็เท่านั้นหละมั้ง เพราะเห็นว่าอยู่ดีๆ ก็พากันไปนั่งปฏิบัติธรรมกัน ฝึกสมาธิเอานิพพานกันเลย ภาวนากันตะบี้ตะบัน สอนกันโน่นบนฟ้าบนเมฆโน่น....แนะนำกันแต่ละทีแต่ละครั้งโน่น....จะหลุดพ้นจะปล่อยวางอะไรไปโน่น...สุดท้ายก็เหมือนเดิมหรือบางทีแย่กว่าเดิมอีกเพราะเกิดมิจฉาทิฐิไปเลย
ว่าแต่ไปดูเขามาหรอครับ ถึงได้รู้ว่าเขานั่งแล้วไม่ได้ผล อยู่กับที่หรือไม่ก็หลุดนอกวงโคจรเลย ถึงแม้ว่าคนที่คุณพูดถึงจะยังไม่ไปไม่ถึงนิพพาน ยังไม่เข้าถึงพระรัตนตรัย 100% เขาก้ย่อมได้
อานิสงส์ของการที่จิตเป็นสมาธิแล้ว ปล่อยวางจากอารมณ์ที่เป็นทุกข์ได้ ไม่คิดฟุ้งซ่านได้ และอาจจะ
จากโรคทางกายบางโรคได้ เพราะการนั่งสมาธิก็เป็นบริหารจิตที่ดีอย่างนึง นี่แสดงให้เหนว่าถึงแม้จะ
ยังไม่ได้มรรคผล คนที่คุณพูดถึงเหล่านั้นเขาก็แก้ทุกข์ทางโลกไปได้เยอะเลยนะ ซึ่งยังงี้ถือว่าสอบผ่าน
ถือว่าได้แก้ปัญหาเบื้องต้นได้ :b40:


พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แก้วอันทรงคุณค่าทั้งสามที่คุณสอนว่ากราบยังไง นึกถึงไร ได้อะไร ทำยังไง ผมจะตอบสั้นๆเลยให้ระลึกคุณความและบารมีทั้งสามสิ่ง ระลึกยังไงก็คงไม่ต้องบอก ก็ระลึกเหมือน
คุณคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ คนรัก คุณนึกยังไง แก้วสามประการ ก้ระลึกถึงยังงั้นเหมือนกัน และควรนึกถึง
ให้มาก บทสวดทุกบท หากเอามาแปลให้เข้าใจ จะใช้ว่า ข้าพเจ้าขอนอบน้อม ข้าพเจ้าขอระลึกถึง คุณ
หรือบารมี หรือ ข้าพเจ้าขอเข้าถึง หรือข้าพเจ้า ขอมีที่พึ่ง นี่แหละคือการเข้าถึงพระรัตนตรัยเบื้องต้น
ที่บทสวดมนต์ทุกบทกำลังสอน หากแปลและตีความให้ดี แม้แต่บทกราบพระรันตรัยสั้นๆ หรือการ
กราบเบญจางคฯ ก็มีความหมายแบบนี้เช่นกัน :b39:

ส่วนการเหนจิตเกิด-ดับ การเกิด-ดับของจิต แล้วเป็นการระลึกถึงพระรัตตรัยอยู่เนืองๆ เห็นอยู่รำไร
เชื่อได้เลย คนที่ระลึกได้ในแบบแรก หากเขามีพื้นในการระลึกถึงคุณในเบื้องต้น การจะเห็นรุปกับนามชัดเจน จนกระทั่งเหนสภาวะที่ละเอียดคือการเกิด-ดับของจิตนั้นเขาย่อมทำได้แน่นอน
และไม่ใช่เรื่องยากที่คนปุถุชนทั่วๆไปจะไม่สามารถเอื้อมถึงหรือทำได้ :b44:

.....................................................
"มีสติเป็นเรือนจิต ใช้ชีวิตเป็นเรือนใจ ใช้ปัญญาเป็นแสงสว่างส่องทางเดินไปเถิด จะได้ล้ำเลิศในชีวิตของท่าน มีความหมายอย่างแท้จริง"
ในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้ตัดปลิโพธกังวลใจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ลูก สามี ภรรยา ความวุ่นวายทั้งหลายทั้งปวง อย่าเอามาเป็นอารมณ์ จากหนังสือ: เจริญกรรมฐาน7วันได้ผลแน่นอน หัวข้อ12: ระงับเวรด้วยการแผ่เมตตา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 14:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ๆ ตาขวาง
ขวางสมชื่อจิงๆ เดี่ยวบอกเด็กๆจับใส่สีเทา ข้อหาเปรี้ยวแข่งกับผมนะ



คนขวางโลก เขียน:

บอกสิครับว่า ปฏิบัติยังไง ทำแบบไหน คิดอย่างไร ถึงจะได้เป็นผู้ชื่อว่า มีพระรัตนตรัยที่สมบูรณ์


นี่กลับไปอ่านดีๆ ผมตอบหมดแล้ว
แต่คุณไม่เข้าใจเอง

ผมจะเปรียบเทียบอย่างนี้นะ
มันเมหือนกับผมและคุณเนียะ อยากจะไปดูกำแพงเมืองจีน แต่ไม่เคยไปทั้งสองคน

คุณก็มาบีบคอ :b34: ถามผมว่าทำยังไงจะเข้าถึงซึ่งกำแพงเมืองจีน

ผมก็อุตส่าห์บอกว่า นี่ตาขวาง ไปซื้อทัวร์เจ้านี้ ไปทำวีซ่าตรงนี้ เตรียมตัวอย่างนี้
ถ้าทำอย่างนี้แล้วเดี่ยวก็ถึงกำแพงเมืองจีนเองแหละ
ให้ทำสมาธิอย่างนี้ ดุจิตอย่างนี้ เดี๋ยวถึงพระรัตนตรัยเมื่อไหร่ก็รู้เอง ไม่ต้องมาสนใจว่าผมจะเคยไปกำแพงเมืองจีนหรือยัง

นี่เล่นมาถามผมอยู่นี่แหละว่า แน่จริงให้อธิบายกำแพงเมืองจีนให้มันชัดๆ
ช่วยอธิบายกำแพงเมืองจีนให้คุณขวางเข้าใจ
ยังไงมันก็ไม่เท่าไปยืนที่กำแพงเอง ดูเอง สัมผัสเอง หนาวร้อนลมโชยอะไรยังไงไปถึงแล้วก็ทราบเอง


นี่ยังมาถามผมให้พูดให้มันถูกต้อง อธิบายให้มันถูกต้อง

ถ้าการถึงพระรัตนตรัยมันพูดๆกันเข้าใจได้จริงๆ ป่านนี้โสดาบันกันเป็นกระบุงๆแล้วพ่อคู๊นนน
เข้าใจคำว่า "เข้าใจ"ไหม ..คือ .. เข้า..ไป..ถึง..ใน...ใจ

กำลังแค้นชาติสยามอยู่ แต่ไม่ยอมรับว่าแค้น อันนี้คือไม่เข้าใจ
เพราะไม่รุ้ว่าอะไรมันเข้าไปอยู่ในใจ
แถมอายอีก เลยปฏิเสธว่ามีอะไรอยู่ในใจ
สิ่งที่ปรากฏในใจที่เราไม่ยอมรับความจริงนี่แหละ เรียกว่า ไม่ เข้า ใจ
ถ้าเข้า ไป ใน ใจ แล้วมันไม่ต้องอธิบาย

เพราะถ้าอธิบายภาษาไทยจะเรียกว่าพยายาท
ภาษาอังกฤษเรียกว่า grudge
ภาษามุวูตูเรียกว่า สะเบอเดอเฮ้อ
ภาษาจีนเรียกว่า ฉี่เฉียงๆ

ภาษาไหนก็พูดไม่ผิดหรอก แต่ไม่มีภาษาไหนอธิบายได้ถูกถ้วนครบ
ถ้าอะไรที่อธิบายเป็นภาษามนุษย์ได้ก็ไม่ใช่ปรมัตถธรรม

เข้า ใจ หรือ ยัง พี่บ่าว :b34:

อุตส่าห์หนีเวอร์ชั่นสุขุมคัมภีรภาพมาเปรี้ยว แล้วยังมาเปรี้ยวแข่งอีก :b33:
เด๊่ยวปั๊ดสั่งเด็กๆจับใส่สีเทาซะเลย :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 16:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมก็อุตส่าห์บอกว่า นี่ตาขวาง ไปซื้อทัวร์เจ้านี้ ไปทำวีซ่าตรงนี้ เตรียมตัวอย่างนี้
ถ้าทำอย่างนี้แล้วเดี่ยวก็ถึงกำแพงเมืองจีนเองแหละ
ให้ทำสมาธิอย่างนี้ ดุจิตอย่างนี้ เดี๋ยวถึงพระรัตนตรัยเมื่อไหร่ก้รู้เอง
ไม่ต้องมาสนใจว่าผมจะเคยไปกำแพงเมืองจีนหรือยัง

ใจเย็นๆ สิท่านชาติสยาม :b13:

ลองคิดแต่แรกสิครับว่า ผมอธิบายให้กับเจ้าของกระทู้ให้ทราบว่า การจะเรียนพระอภิธรรมให้ได้มรรคได้ผลนั้นมันต้องมีจุดเริ่มต้นที่ถูกต้องเสียก่อน มันถึงจะคุ้มค่ากับการเรียนพระอภิธรรมและเหมาะสมกับวุฒิภาวะของตน

ทีนี้ท่านชาติสยามก็มาแนะนำให้เขาทำลัดขั้นตอนไปเลย ไม่สนใจไม่ใส่ใจว่า สภาพหรือภูมิธรรมของคนถามนั้นอยู่แค่ไหน นั่นมันเป็นการแนะนำที่ไม่ถูกต้องเพราะไม่เหมาะสม

แล้วท่านก็ยังพูดเหมือนว่าท่านมีความรู้ดีเยี่ยมสารอาหารเพียบ ผมก็แค่อยากให้ท่านเอาความรู้ที่ดีเยี่ยมนั้นมาช่วยคนอื่นให้เกิดมรรคเกิดผลอย่างแท้จริงจะไม่ดีกว่าเหรอ

ท่านยกตัวอย่างมานั้นมันก็ใช่ ที่ว่า ไปซื้อทัวร์เจ้านี้ ไปทำวีซ่าตรงนี้ เตรียมตัวอย่างนี้
ถ้าทำอย่างนี้แล้วเดี่ยวก็ถึงกำแพงเมืองจีนเองแหละ
ท่านก็ต้องแนะนำตรงนี้ก่อนสิ ถ้าอยากไปเมืองจีนจริง ก็ต้องดูสุขภาพของตัวเองก่อนสิว่ามีโรคติดต่อร้ายแรงไหมถ้ามีแล้วอยากไปยังไงมันก็ยาก หรือถ้าเงินไม่พอก็ต้องไปเก็บเงินให้พอก่อน มันต้องแนะนำกันไปเป็นขั้นเป็นตอนไป โอ้ย...ขี้เกียจอธิบายแล้ว


อุตส่าห์หนีเวอร์ชั่นสุขุมคัมภีรภาพมาเปรี้ยว แล้วยังมาเปรี้ยวแข่งอีก :b33:
เด๊่ยวปั๊ดสั่งเด็กๆจับใส่สีเทาซะเลย :b29:


จะสั่งก็สั่งไปได้เลยแล้วแต่ท่านผู้มีอำนาจก็แล้วกัน

แค่อยากจะมาสะกิดให้ท่านผู้รู้ทั้งหลายว่า การจะแนะนำใครเพื่อให้เกิดผลเต็มที่ มันก็ต้องดูที่ผู้มาถามด้วย เดี๋ยวมันจะเกิดเรื่อง
มิจฉาทิฐิ
มิจฉาสติ
มิจฉาสมาธิ
มิจฉาปัญญา
มิจฉารู้
แล้วก็เป็นอริยะบ้าบอ

มันจะเป็นบาปแก่ผู้แนะนำไปด้วยถ้าแนะนำแบบผิดๆ เจริญพรเด้อท่านทั้งหลาย ...แค่นี้ก่อนละกัน :b28:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 17:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เพราะการนั่งสมาธิก็เป็นบริหารจิตที่ดีอย่างนึง นี่แสดงให้เหนว่าถึงแม้จะ
ยังไม่ได้มรรคผล คนที่คุณพูดถึงเหล่านั้นเขาก็แก้ทุกข์ทางโลกไปได้เยอะเลยนะ ซึ่งยังงี้ถือว่าสอบผ่าน
ถือว่าได้แก้ปัญหาเบื้องต้นได้


คุณ อินทรีย์ 5 ครับ

คงเข้าใจเกี่ยวกับการซ้อมดีนะครับว่ามันต่างกันโดยสิ้นเชิงกับการปฏิบัติจริง

ถ้าไม่มีพื้นฐานที่ถูกต้้องก่อน มันก็ยังเป็นแค่การซ้อม จะฝืนยังไงมันก็แค่ซ้อมไปอย่างนั้น

เหมือนทหารใหม่ฝึกการออกรบนี่แหละ คุณก็แนะนำท่าโน่น ท่านี่ไป ยิงแบบนี้นะขั้นตอนแบบนี้ 1,2,3...
เป็นขั้นๆ ไป แต่เมื่อออกรบจริงๆ มันไม่มีรูปแบบตายตัว ไม่มีขั้นตอนแน่นอนหรอก

และยิ่งการจะออกรบกับกิเลสนั้นมันต่างกันมาก ถ้าเกิดมาชาตินี้ก็ซ้อม ต่อไปก็ซ้อม ต่อไปก็ซ้อมๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น ถ้าไม่มีพื้นฐานที่ดีมันก็จะต้องซ้อมไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เบื่อกันบ้างหรือไง และท่าน อินทรีย์ 5 นี่ก็คงซ้อมมาดีนะถึงได้มีวาสนากันถึงเพียงนี้ ท่านไม่เบื่อบ้างเหรอ

ก็แค่หันมาใส่ใจพื้นฐานให้ดี ให้แน่วแน่ ให้มั่นคง ชาติภพที่จะต้องมาซ้อมมันก็จะสั้นลง ปลายทางมันก็จะสั้นขึ้น

ที่ทุกคนเห็นเรื่องการปฏิบัติธรรมมันเป็นเรื่องยุ่งยาก เป็นเรื่องน่าเบื่อ เป็นเรื่อง.......หลายเหตุผลที่ยกมาอ้าง ก็เพราะ ผู้สอนธรรมะส่วนมาก พูดแต่เรื่องไกลตัว พูดแต่เรื่องอภิธรรม ซึ่งมันอยู่เหนือวิสัยของปุถุชนคนธรรมดาจะเข้าถึงได้ มันก็เลยมีข้ออ้างสาระัพัดสาระเพ สุดท้ายก็ลงเอยด้วยการทำบุญให้ทานดีกว่าง่ายดี อย่างน้อยก็ได้ขึ้นสวรรค์ เป็นช่องทางหากินของพวกเหลือบศาสนาอีก

ถ้าจะมาถามเพื่อเอามรรคผลนิพพานกับผมหละก็ไม่ยาก บอกให้ได้ ตามขั้นตอน 1..2..3..4...จะมีปัญญาแค่ไหนก็ไปทำเอาเองสุดแท้แต่เวรกรรม ถ้าผมพูดอย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับหลายๆ คน ที่อยู่ในนี้และผู้ที่มาอ่านก็ไม่สามารถทำได้จริงหรอกเมื่อลองไปทำก็สงสัยไปเรื่อย ไม่สังเกตุกันมั่งเหรอว่า ทำไมเวลาปฏิบัติธรรมถึงต้องสอบอารมณ์กันอยู่เรื่อยๆ ลองไปคิดดูนะครับ

เท่าที่ดูที่เห็นทุกวันนี้ก็แค่ซ้อมไปอย่างนั้น แต่ถ้าจะคิดว่าซ้อมก็ดีกว่าไม่ซ้อมมันก็จริง แต่ถ้ามัวแต่ซ้อมแบบไม่มีหลักยึดอยู่อย่างนี้มันก็เสียเวลาไม่ใช่เหรอ หรือจะซ้อมรอพระพุทธเจ้าองค์ต่อๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ไปโน่น ก็สุดแท้แต่ใจของแต่ละท่านก็แล้วกัน ถ้าทำถูกต้องเริ่มอย่างถูกต้องมันคงไม่เกิน 200 ชาติหรอกมั้ง ......... :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


:b28: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 ก.ค. 2006, 22:20
โพสต์: 5977

โฮมเพจ: http://walaiblog.blogspot.com/
แนวปฏิบัติ: กายคตาสติ
อายุ: 0
ที่อยู่: สมุทรปราการ

 ข้อมูลส่วนตัว


การที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์เกิดมรรคเกิดผลได้ มันต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนสิครับ มัวมาเกรงใจกันอยู่นี่ มันก็ไม่เข้าท่าสิครับ


มีด้วยหรือคะ .. แบบว่าสงสัย ..

แค่เรียนอภิธรรมแค่นี้นะ ทำให้เกิดมรรคผลได้ :b6:

สรุปแล้ว .. มรรคผลที่ได้จากการเรียนอภิธรรมนี่คืออะไรคะ คุณคนขวางโลก :b1:

.....................................................
มิจฉาปณิหิตจิต จิตที่ตั้งไว้ผิด ย่อมตามพิชิตตัวเอง

สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ตามการกระทำของแต่ละคน (ตามความเป็นจริง)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 22:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อุ๊ย... :b10:
แม่ครัวเจ เอาโปรฯงานเข้ามาขายคุณขวาง



รูปภาพ


คุณขวาง คุณขวาง !! เต้นเลยๆ! รีบเต้น :b10:
แหม ... กระทบต่อมความรู้ของเราอย่างเรง!
หาว่าเราไม่รู้จริง ไม่ยอมๆ :b33: :b33: เรายอมไม่ได้ :b33:
ต้องปกป้องตัวเรา ความคิดของเรานะ :b33: :b34:
สู้ๆ เพื่อว่า"เรา" "ในที่นี้" จะได้ไม่ถูกลดลดทอน"ความมีอยู่" ลงไป
เอ้า สู้!!



(เอ้า มาดูกัน ตีแสกหน้าไปขนาดนี้แล้วยังจะทำยังไง มาดูๆ :b32: )


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 08:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
การที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์เกิดมรรคเกิดผลได้ มันต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนสิครับ มัวมาเกรงใจกันอยู่นี่ มันก็ไม่เข้าท่าสิครับ


มีด้วยหรือคะ .. แบบว่าสงสัย ..

แค่เรียนอภิธรรมแค่นี้นะ ทำให้เกิดมรรคผลได้ :b6:

สรุปแล้ว .. มรรคผลที่ได้จากการเรียนอภิธรรมนี่คืออะไรคะ คุณคนขวางโลก :b1:

:b2: :b2: :b2:
เป็นโซดาจริงๆด้วย... :b32: :b32:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 08:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: ดี ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เต้นให้แล้วเด้อ มันส์ดีเหมือนกันเพราะในที่สุดก็เปิดได้แล้ว ต่อไปก็สุดแท้แ่ต่ปัญญาบารมี วาสนาที่สั่งสมมาแล้วหละนะทีนี้ กระพี้ยังไงมันก็แค่กระพี้

:b32: สู้ต่อไป ท่านผู้รู้ทั้งหลาย ซ้อมกันมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ซ้อมกันเข้าไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ต้องมีสักวันหละนะ :b20:

:b28: ปัญญาไวก็ไปก่อน ปัญญาช้าก็ตามไปทีหลัง อย่าหลงทางก่อนซะหละ :b32:

ท่านบอกว่าให้ดูที่ตัวเองใช่ไหม นั่นแหละถูกต้องที่สุดแล้ว จะเข้าถึงโสดาบันกันหลายคนแล้วนี่ :b20: แต่ไม่ยอมเข้าอยากอยู่ต่อไปอีกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ หละสิ บางคนอยากเข้าแต่ก็เข้าไม่ถึงสักที บางคนบอกว่าอยู่แค่เอื้อมแต่พอเอื้อมก็ไม่ถึง คิดพิจารณาตัวเองช้าๆๆๆๆๆๆ นะท่านทั้งหลายเอ๋ย ว่ามันพลาดตรงไหน :b20:

อย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ไปซะหละ ท่านพระอานนท์ก็เป็นตัวอย่างให้เราได้ศึกษาแล้ว คงไม่ต้องอธิบายหรอกมั้ง เห็นรู้ดีๆๆๆๆๆ กันทั้งนั้น เจริญในธรรมเด้อท่านเอ้ย... :b4:

:b8: หนอนงี่เง่าพอลอกคลาบออกแล้วมีปีกบินได้หน่อยก็หยิ่งลำพองตนว่าเหนือกว่าใครอื่นจนเพลอไปสอนลูกนกให้บิน ก็เป็นธรรมดาของ.......นะคิดเอาเลย ตามลำบาก :b32:

ใจเย็นๆ :b32:
ชนะแล้วได้อะไร แพ้แล้วได้อะไร มันก็เป็นเช่นนั้นแหละ เพราะจักรวาลนี้มันเป็นจักรวาลของการกระทบอยู่แล้ว ใจเย็นๆ ท่านชาติสยาม :b13:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


หลอกด่าคุณขวาง หนุกดีๆ :b32: :b32:
เต้นตามไม่เป้นท่าเลย สามวาสองศอก :b29: :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b12: ไม่เป็นไรหนอกท่านชาติสยามเรื่องเล็ก :b12:

:b3: ผมแค่มาใช้หนีคืนให้กับท่านก็เท่านั้นแหละ :b3:

:b32: แต่ก่อนผมทำไว้กับท่านเยอะกว่านี้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ แค่นี้ถือว่ายังเล็กน้อย :b32:

:b20: ผมคงไม่รอท่านหรอกนะ ให้สนุกกับความรู้ที่มีต่อไปอีกยาวนานๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็แล้วกัน :b13:

:b29: :b37: สนุกกับการเกิดนะครับ ท่านหลายชาติ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 11:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


วลัยพร เขียน:
การที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์เกิดมรรคเกิดผลได้ มันต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนสิครับ มัวมาเกรงใจกันอยู่นี่ มันก็ไม่เข้าท่าสิครับ


มีด้วยหรือคะ .. แบบว่าสงสัย ..

แค่เรียนอภิธรรมแค่นี้นะ ทำให้เกิดมรรคผลได้

สรุปแล้ว .. มรรคผลที่ได้จากการเรียนอภิธรรมนี่คืออะไรคะ คุณคนขวางโลก
การที่จะเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดประโยชน์เกิดมรรคเกิดผลได้ มันต้องมีพื้นฐานที่ถูกต้องก่อนสิครับ มัวมาเกรงใจกันอยู่นี่ มันก็ไม่เข้าท่าสิครับ


มีด้วยหรือคะ .. แบบว่าสงสัย ..

แค่เรียนอภิธรรมแค่นี้นะ ทำให้เกิดมรรคผลได้ :b6:

สรุปแล้ว .. มรรคผลที่ได้จากการเรียนอภิธรรมนี่คืออะไรคะ คุณคนขวางโลก :b1:



ผมก็สงสัยเช่นกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 12:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 มิ.ย. 2009, 17:52
โพสต์: 202

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่แหละหนาที่เขาเรียกว่า :b8: ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด :b8:

สงสัย สงสัย สงสัย ยิ่งรู้มากยิ่งสงสัย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ใครที่ทำไม่เหมือนหรือขัดแย้งกับความรู้ที่มีมาก็สงสัยทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วก็เรียนมาแล้วทั้งนั้น แต่ก็ยังสงสัยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ต่อไป

ทำไม ทำไม ทำไม ถึงยังสงสัยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ก็เพราะยังต้องการคำตอบที่สวยหรู ถูกใจอยู่ไง พอได้คำตอบที่ขัดกับความรู้ที่เรียนมาหน่อย ก็ไม่พิจารณา ไตร่ตรองกลับพากับรีบปฏิเสธทันที งั้นก็ จงสงสัยต่อไป ซ้อมกันต่อไป เอาให้สนุกให้หนำใจนะ

หลายคนชอบอ่าน ความคิดเห็นส่วนตัวของผู้ที่อวดตัวว่าตนเองเป็นผู้รู้ มากกว่า จะไปศึกษาในพระไตรปิฎกอย่างจริงๆ จังๆ

หรือไม่ก็พอไปอ่านพระไตรปิฎกแล้วพออ่านเจอตรงไหนที่ทำยาก ทำไม่ได้หรือขัดกับขนบธรรมเนียมประเพณี ก็ไม่ยอมเอาออกมาสอนมาชี้แจงชาวบ้านชาวเมืองเขา กลับมาปกปิดเอาไว้ เพิกเฉย แล้วมุ่งเอาเฉพาะตรงที่ถูกใจชาวบ้านมาบอกมาสอนเพื่อศรัทธา ลาภ ยศ สรรเสริญ บ้าๆ :b13:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กระทู้นี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความ หรือ ตอบกลับในกระทู้นี้  [ 60 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 134 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร