สรุปแล้วคืออะไรครับ

พระพุทธองค์หยิบใบไม้(ใบประดู่ลาย)มา 3 ใบ กล่าวว่า
ใบที่ 1 คือ พระวินัยปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์
ใบที่ 2 คือ พระสุตตันตปิฎก 21,000 พระธรรมขันธ์
ใบที่ 3 คือ พระอภิธรรมปิฎก 42,000 พระธรรมขันธ์
รวมใบไม้ 3 ใบ ก็คือพระพุทธพจน์ 84,000 พระธรรมขันธ์

ทีนี้เราเรียนรู้พระอภิธรรมเพื่อให้เกิดมรรค เกิดผลนี้ ต้องให้อธิบายไปจนให้เข้ากับองค์ของมรรคเลยเหรอ
ท่านผู้รู้(ดี ) จะไม่บ้าไปกันใหญ่เหรอ เอ้างั้นลองพิจารณาดูเอานะ การศึกษาพระอภิธรรมเพื่อให้เกิดมรรคนี่มันต้องทำยังไง และผลมันจะเป็นยังไง

อริยมรรคอันประกอบด้วย องค์ ๘ ประกาาร คือ

๑. สัมมาทิฏฐิ = ความเห็นชอบ

๒. สัมมาสังกัปปะ = ความดำริชอบ

๓. สัมมาวาจา = วาจาชอบ

๔. สัมมากัมมันตะ = การงานชอบ

๕. สัมมาอาชีวะ = เลี้ยงชีพชอบ

๖. สัมมาวายามะ = พยายามชอบ

๗. สัมมาสติ = ตั้งสติชอบ

๘. สัมมาสมาธิ = ตั้งใจชอบ

อริยมรรคนี่แลเป็นมรรคา เป็นปฏิปทาเพื่อกระทำ พระนิพพานนั้นให้แจ้ง "

ยังสงสัยอยู่ไหมหละ ถ้ายังคิดไม่ออกอีกก็....เอ้อ..... อาการร่อแร่แล้วมั้งเนี่ย ท่านผู้รู้

ข้างบนนี้คนขวางโลกเอามาจากตรงไหนครับ

อยู่ในสูตรไหนครับ ขอข้อความเต็มๆหน่อย



อาจมีคุณคนเดียวที่เข้าใจว่าเรียนอภิธรรมเพื่อให้เกิดมรรคเกิดผล ผมเห็นมีคนรอท่านมาตอบว่าเรียนอภิธรรม
อย่างไรถึงมรรคถึงผล ผมก็รอ ช่วยบอกที ผมก็ศึกษาอภิธรรมมาตามควร ยังไม่ได้มรรคได้ผลเลย
เผื่อผมจะรู้วิธีบ้าง และที่สำคัญ อริยสาวกหลายท่านฟังเทศน์จบก็บรรลุความเป็นพระอรหันต์เลย ไม่เห็นต้อง
เรียนอภิธรรมด้วย สรุปว่าต้องเรียนอภิธรรมป่าวถึงบรรลุพระอรหันต์




อริยมรรคก็ส่วนหนึ่งถูกแล้ว เขาก็รู้กันทั่วว่าเป็นองค์แห่งการตรัสรู้ใน ๓๗ ประการแน่นอน แต่ที่สงสัยมากๆเลย
คุณคงรู้แล้วแน่ชัด เพราะท่าทางคุณจะไม่ร่อแร่ ก็เลยถามตรงๆว่า ได้มรรคผลกับเขาหรือยัง
ผมจะได้ตกลงว่าสิ่งที่คุณพูดๆๆๆและก็พูดมานั้น ไม่ไช่สัทธัมมปฏิรูป

อ้อ!!!! เป็นอย่างนี้เอง

ว่าแต่ว่า

อริยมรรคที่มีองค์๘มีอยู่ในพระอภิธรรมเท่านั้นหรือครับ

ผมว่าในพระพุทธธรรมขั้นพระสูตรผมก็เคยพบ

ขอบคุณที่ชี้แนะครับ

ผมหายโง่เป็นกอง

ว่าจะไม่แล้วเชียว อีกซักหน่อย
เรื่องพระรัตนตรัยนั้น คุณคนขวาง......(อาจไม่ไช่ขวางโลกอย่างเดียว)
ใครจะให้นิยาม ความหมายอย่างไร ก็สุดแท้แต่ความเข้าใจกัน
ถ้าตอบกันอย่างไร ไม่ตรงใจคนถาม ก็อาจจะไม่ถูก เพราะที่ไม่ถูกนั้นหาไช่ไม่ถูกตามความเข้าใจไม่
แต่ไม่ถูกต้องตามที่คนถามต้องการ ผมบางทีกราบพระพุทธรูป ผมยังนึกอยู่เลยว่า พระองค์ยังทรงพระชนม์อยู่
บางวันกราบ ผมก็มานึกถึงพระกรุณาคุณ บางวันกราบก็นึกว่าท่านเป็นที่พึ่งที่ระลึก และผมก็เข้าใจว่า ผมก็ยัง
ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานตามหลักสติปัฏฐาน ๔ อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และเวลาปฏิบัติ ผมก็ไม่ได้ใส่ใจว่า
พระรัตนตรัยของผมจะเป็นทองเหลือง ทองแดง หรือปูนปั้น ไม่ได้ใส่ใจว่าเป็นพระองค์หรือเป็นพระพุทธเจ้า
เวลาผมปฏิบัติ อะไรเกิดผมก็ดู ก็มอง ก็เห็นไปตามจริงตามที่สภาวะมันปรากฏให้เห็น ไม่ได้ยงไม่ได้ยึดถือ
อะไรเลย ก็ทำให้คิดว่า เรื่องพระรัตนตรัยนั้น สุดแต่นิยามกันไป ถ้าเมื่อไรคุณยึดว่า ต้องกราบแล้วคิด หรือ ระลึก
แบบนี้นั้น ก็ถูกตามกุศลแน่ๆ แต่จะหลุดจากวัฏฏะหรือเปล่าไม่รู้ เพราะเมื่อยึดว่าต้องแบบนั้น แบบนี้ เมื่อนั้น
อุปาทาน อาทานะ ทิฏฐิ มันก็กัดเข้าไปในใจแล้วแบบไม่รู้ตัว เพราะอุปาทาน อาทานะ ทิฏฐิ ไม่มีในมรรคผลหรอก
วิธีแสวงหามรรคหาผลนั้น สุดแต่กรรมสุดแต่วิบากและปัญญาของสัตว์ ไม่ไช่ว่าต้องแบบนั้นแบบนี้เสมอไป
องคุลีมารฆ่าคนตั้งมากในปัจฉิมภพ ยังสามารถบบรรลุธรรมได้ภายในไม่กี่วัน ฉะนั้นการกราบแล้วระลึกแบบต่างๆ
และการศึกษาแบบอนุมานอนุโลมตามกันมา ไม่ไช่ข้อกำหนดระยะเวลาที่จะถึงมรรคผลได้ เมื่อปัจจัยต่างๆพร้อม
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวก็ถึงมรรคผลได้

แล้วเมื่อไหร่เราจะได้รู้ซะทีว่า
พระพุทธของท่านขวาง คืออะไร
พระธรรมของท่านขวาง คืออะไร
พระสงฆ์ของท่านขวาง คืออะไร

พอถามก็บอกว่าอย่าใจร้อน แล้วก็เฉไฉไม่บอกซะที... ตกลงแล้วกะว่าจะไม่บอกกันใช่ป่าว จะได้ไม่ต้องคอยมานั่งอ่านโพสของท่านให้มันเสียเวลา...มีแต่ยกตนข่มท่าน...

อืม ดีครับ แสดงความคิดเห็นมาเรื่อยๆ จะได้รู้ว่าตัวตนของเราแท้จริงมันเป็นยังไง

มันก็เหมือนกับพวกจบด็อกเตอร์ทั้งหลายที่มักจะคุยกับคนทั่วไปไม่รู้เรื่องนั่นแหละทั้งๆ เป็นเรื่องเดียวกันแท้ๆ มันไม่ไช่สัทธัมมปฏิรูปหรอก ไม่รู้จะปฏิรูปทำไมเพราะที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ก็สุดๆๆๆ แล้ว เหมาะสมที่สุดแล้ว เพียงพอแล้วกับพวกเราๆๆ ทั้งหลายที่จะเดินตามท่านไป

คุณ กามโภคี นี่เข้าเค้านะ อนุโมทนาด้วยที่ท่านเหลือน้อยแล้วหละ เร่งเข้าก็แล้วกันดูฐานให้ดีนะอย่าทิ้งถ้าทิ้งหรือละเลยก็จะอีกนานนะกว่าจะเข้ารูปเข้ารอยเดิมได้

คุณ mes นี่ก็ยังอีกนานอยู่แต่ก็คงจะไวกว่า คุณ natdanai อยู่หรอก

คุณ natdanai นี่อีกนาน น่าน น้าน นานๆๆๆๆๆๆๆๆ ขอให้สนุกนะพี่น้อง

หรืออีกอย่าง มันก็เหมือนกับคนที่เขาเห็นสิ่งที่คนอื่นไม่เห็นนั่นแหละ คนหนึ่งรู้ เห็นแต่ในตำรา แต่คนหนึ่งเห็นด้วยตาจริง ได้ยินด้วยหูจริง มันก็ต่างกันแล้ว

เมื่อคนตาบอด ถูกคนตาดีมาบอกว่า พระอาทิตย์สีแดงนะ คนตาบอดไม่เชื่อ อธิบายยังไงก็ไม่เชื่อเพราะตนเองมองไม่เห็นและยังบอกอีกว่า ถ้าจะให้เชื่อก็ต้องทำให้ตนเองมองเห็นเสียก่อน คุณคิดว่าคนตาดีหนะเขาจะทำยังไง....ต่อไป

เอาง่ายๆ ที่ว่าภูติ ผี ปีศาจ หรือเทวดานี่ มีใครเคยเห็นไหม
ถ้าผมบอกว่าผมเห็นอยู่ทุกวันเพราะผมสร้างกรรมมาอย่างนี้ แต่คุณมองไม่เห็นคุณไม่ได้สร้างกรรมมาแบบผม ผมจะอธิบายยังไงคุณก็ไม่เชื่ออยู่ดี ฉะนั้นมันก็สุดแท้แต่วาสนา อย่างว่านั่นแหละ

การตอบว่าพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ คืออะไร นึกยังไง คิดยังไง ไม่จำเป็นหรอกว่าจะต้องตรงใจผู้ถามอย่างผม ผมแค่เปิดประเด็นให้ท่านได้คิดมั่งก็แค่นั้นว่า ที่ท่านฝึก ที่ท่านเรียน ที่ท่านศึกษามาจนป่านนี้แล้วทำไมมันถึงยังไม่เข้ากระแสซะที เป็นเพราะอะไร มันยังค้างคาอยู่ตรงไหน ท่านผู้รู้ดีทั้งหลายก็น่าจะรู้โดยนัยอยู่แล้วนี่นา หรือว่ายิ่งอ่านมากยิ่งรู้มากยิ่งมองไม่เห็น คิดดูนะ

คุยธรรมะมันต้องถึงใจ ถึงธรรม และที่สำคัญมันต้องคุยกันในระดับที่ว่าต้องทำเครื่องมือให้ได้เสียก่อนถึงจะได้ไปเอาแก่นแท้ของธรรม ไม่ใช่มาคุยกันอยู่ที่แก่นนี่ ว่าแก่นมันเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ทำแบบนั้นทำแบบนี้ถึงจะได้แก่น แต่ตนเองยังไม่มีเครื่องมือติดตัวเลย มันบ้า คิดหน่อย คิดๆๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่ใช่จะมาเถียงกัน แค่ กูชนะมึงแล้วโว้ย กูหลอกด่ามึงได้ กูสุดยอด ก็สุดยอดในแบบฉบับของท่านนั่นแหละนะ ดีใจด้วยละกัน ลงบ่อโคลนมันก็ต้องเปื้อนโคลนบ้างไม่มากก็น้อย จะไม่ให้เปื้อนเลยนั้นไม่มีทางแน่นอน

จักรวาลแห่งการกระทบ ยิ่งกระทบมากยิ่งดีจะได้รู้ซะที.......ว่าจะเอายังไง จะเหยาะๆ แหยะๆ หรือจะเอาจริงก็จะได้รู้กันไป

ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง ใจเย็นๆ ท่าน

เมื่อเรียนตามพระไตรปิฎกแล้วยังไม่เข้าใจอยู่อีกมันก็จำเป็นล่ะนะท่านทั้งหลาย
เล่ม 11 หน้า 101(มมร. 91)

.....ในปิฎกทั้ง ๓ นี้ ผู้มีปัญญาน้อยทั้งหลาย หยั่งรู้ได้ยาก และเป็นที่พึ่งไม่ได้
เหมือนมหาสมุทร สัตว์เล็กทั้งหลาย มีกระต่ายเป็นต้น พึ่งไม่ได้
ฉะนั้น จึงเป็นของลึกซึ้งในปิฎก ๓ นี้…

พิจารณาเพิ่มเติมนะ

"ข้ามันลูกทุ่ง"


http://www.daraoke.com/song-%E0%B9%80%E ... 0400706101

ดีเจ กรัชกาย

จัดเพลงไม่จ้าบเลย

เรียนเชิญท่าน จขกท ปิดกระทู้ดีกว่าครับ...บรรยากาศชักจะไม่ดีแล้วครับ

อุ้ย จิงๆด้วยคุณ natdanai
ชักจะ "แปร่งๆ"

กระผมรู้สึกคุ้นๆมากกว่าครับ
เหมือนว่าสมาชิกบ้านเลขที่ 5 บางท่านส่งนอมินีมา เพื่อท่านโดยเฉพาะ