วันเวลาปัจจุบัน 23 เม.ย. 2024, 16:27  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 มิ.ย. 2009, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


ฮะ ฮะ ฮาดดด ฮัดด... เช่ย!


ใครมาสะกิด :b6:
กำลังถอดหัวถอดไส้เข้าฌานอยู่นะ :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 14:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 10 ม.ค. 2009, 11:27
โพสต์: 17


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุโมทนากับผู้ที่บริจาคทุกท่านค่ะ ส่วนตัวดิฉันเองกำลังอยู่ระหว่างการตัดสินใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2009, 23:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 13:02
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอบพระคุณคุณลูกโป่ง
ลูกโป่ง เขียน:
ลูกโป่งว่า ลองสอบถามที่รพ.ที่เราอยากจะบริจาคก็ได้ค่ะ
น่าจะทราบข้อมูลเพิ่มเติมนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุค่ะ

ธรรมะสวัสดีค่ะ

:b48: :b8: :b48:


และคุณกุหลาบสีชาค่ะ
กุหลาบสีชา เขียน:

:b43: :b43: :b43:

เท่าที่พอทราบน่าจะมีสถานที่รับบริจาคในเขตภูมิภาคดังนี้ค่ะ

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น (โรงพยาบาลศรีนครินทร์) จ. ขอนแก่น

(เมื่อคืนก่อนเพิ่งได้ดูข่าวว่ามีการพระราชทานเพลิงศพ "อาจารย์ใหญ่" ของนักศึกษาแพทย์ที่นี่น่ะค่ะ) :b20:

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ จ. สงขลา

:b47: คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จ. เชียงใหม่

:b43: :b43: :b43:

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้บริจาคดวงตา อวัยวะ และร่างกาย
และกำลังคิดจะบริจาคเป็นอย่างยิ่งด้วยนะคะ
:b8: :b4:


ตอนนี้ได้ข้อมูลจากคนที่บริจาคแล้ว ท่านบอกว่าให้ติดต่อที่หน่วยรักษาศพของ ร.พ. มหาราชนครเชียงใหม่ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 00:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขออนุญาตเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆนะค่ะ พี่ชายของเพื่อนตอนยังมีชีวิตอยู่ใช้ชีวิตค่อนข้างผิด มัวเมาอบายมุขทุกอย่าง ถึงขั้นติดยา เวลาต้องการเงินถ้าขอไม่ได้จะขู่เอากับพ่อแม่ พอมีสติก็จะทำดี และขอโทษ แต่ก็วนเวียนดีๆร้ายๆอยู่อย่างนั้น จนวันหนึ่งถูกยิงตาย แต่ก่อนตายเขาไปบริจาคร่างกายไว้กับโรงพยาบาล และเคยบอกแม่ไว้ว่าถ้าเขาตายให้ยกให้โรงพยาบาล พอเขาตายเพราะถูกยิง พ่อซึ่งรักลูกชายคนนี้มากเพราะเป็นลูกชายคนเดียว ไม่ยอมยกร่างกายของลูกชายให้โรงพยาบาลตามเจตนาของผู้ตาย อยู่มาไม่นานพ่อก็ฝันว่าลูกชายมาต่อว่า บอกว่าตลอดเวลาที่เป็นคนเขาไม่เคยทำกุศลเลย มีเจตนาครั้งสุดท้ายก่อนตายซึ่งเป็นมหากุศลของเขา แต่พ่อก็มาขัด พ่อเขาก็เสียใจมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำบุญไปให้ แล้วแต่โอกาสซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าลูกจะได้รับไหม? ก็ขัดข้องอยู่ในใจตลอดมา
ส่วนอีกเรื่องก็คือน้องสาว เป็นโรคมะเร็ง เขารู้ตัวว่าจะมีโอกาสทำบุญกุศลได้ไม่นานเขาก็พยายามทำบุญเท่าที่โอกาสเขามี แต่ไม่สามารถจะบริจาคร่างกายได้ เพราะผ่านคีโม ผ่านการฉายรังสี แม้กระทั้งดวงตาที่เขาเคยบริจาคไว้ตั้งแต่สมัยที่เขาไม่เป็นอะไร โรงพยาบาลก็ไม่เอาเพราะใชัไม่ได้ เขาก็พูดอยู่เสมอว่า พวกเธอโชคดีที่ไม่เป็นอะไร อย่างน้อยๆ พอตายไปร่างกายก็ยังใช้ได้ ยังเป็นประโยชน์สำหรับคนอื่น แต่ฉันไม่มีโอกาสนั้น เสียดายมาก
ทั้งสองเรื่องนี้ อ่านแล้วก็ให้ท่านพิจารณาเอาเองนะค่ะว่าท่านต้องการบริจาคร่างกายเพื่อให้ศึกษา หรือเพื่อเป็นประโยชน์แก่คนข้างหลัง หรือไม่?
กุศลใดๆที่เกิดจากข้อความเหล่านี้ ขออุทิศให้แก่ดวงวิญญาณของทั้งสองท่านที่ข้าพเจ้ายกเป็นตัวอย่างเล่าเรื่องนี้ หากกรรมใดที่เกิดขึ้นจากการนี้เช่นกัน ข้าพเจ้าขออโหสิ ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่เพียงแต่อยากยกตัวอย่างเพื่อเป็นวิทยาทานแด่ท่านที่กำลังลังเล สงสัย หรือหลงทางอยู่ เพื่อให้เกิดความแจ่มแจ้ง ขอกุศลผลบุญที่ข้าพเจ้าทำมาตั้งแต่อดีตจนปัจจุบันจงเป็นภารวะปัจจัยให้ญาติทางธรรมทุกท่านเจริญทั้งทางโลกและทางธรรม สว่าง สะอาด และสงบ ด้วยเทอญ :b41: :b37: :b43: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 07:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: taktay ค่ะ ที่ได้นำข้อคิดดี มาฝากให้สำหรับคนที่ยังลังเลน่ะค่ะ
เคยได้ยินหลายครั้งแล้วค่ะที่คนตายบริจาค แต่พอตายไปญาติพี่น้องไม่แจ้งโรงพยาบาล
เพราะไม่เข้าใจในเจตนาของคนตาย ซึ่งคนจะคิดว่าถ้าไม่ได้ทำศพของคนตายให้ถูกวิธี
แล้วคนตายจะไม่ได้ไปสู่สุคติ (นี่ฟังจากคนที่เค้าคิดแบบนี้นะคะ)
:b48: ตัวเองก็ยังหวั่นๆ กลัวว่าถ้าเราตายไป เกิดญาติๆไม่เอาไปบริจาค ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
เราตั้งใจมานาน ถือเป็นการทำบุญครั้งสุดท้ายกลับจะไม่ได้ทำ ก็บอกลูกๆและสามี บ่อยๆน่ะค่ะ
ว่าต้องทำตามที่เราสั่ง
:b48: รบกวนถามท่านผู้รู้ต่อน่ะค่ะ ว่าถ้าในกรณีแบบนี้
:b48: เราตั้งใจแล้ว แต่เมื่อเราตายญาติไม่ให้แล้วความตั้งใจยังเป็นบุญกุศลติดตัวเราไปนั่นยังคงอยู่ไม๊
:b48: แล้วญาติที่ไม่ยอมทำตามเราตั้งใจ อย่างลูกยังอาลัยอยู่แบบนี้เค้าจะบาปไม๊คะ
:b48: แล้วถ้าเราตั้งใจ แต่ปรากฏว่า ร่างกายเราเกิดใช้การไม่ได้ เราจะยังได้กุศลนั้นไม๊
เพราะเกิดเราตายตอนอายุสัก 90 แต่เราบริจาคตอนสาวๆ อยู่น่ะค่ะ
รบกวนถามท่านผู้รู้ที่ถามไม่คิดว่าอยากได้บุญมากๆนะคะ เพราะเราคิดว่าความตั้งใจจริงก็เป็นบุญแล้ว
แต่คำถามนี้มีคนที่เค้าไม่กล้าบริจาคถามมาน่ะค่ะ ก็อยากไปอธิบายเค้าให้ถูกต้องค่ะ :b8:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


O.wan เขียน:
รบกวนถามท่านผู้รู้ต่อน่ะค่ะ ว่าถ้าในกรณีแบบนี้
:b48: เราตั้งใจแล้ว แต่เมื่อเราตายญาติไม่ให้แล้วความตั้งใจยังเป็นบุญกุศลติดตัวเราไปนั่นยังคงอยู่ไม๊

คิดถึงสิ่งที่ท่านพลศักดิ์เน้นย้ำอยู่เสมอ..."เจตนาเป็นกรรม"... :b6:
อ้างคำพูด:
:b48: แล้วญาติที่ไม่ยอมทำตามเราตั้งใจ อย่างลูกยังอาลัยอยู่แบบนี้เค้าจะบาปไม๊คะ

ไม่ครับ...กตัญญูจะบาปยังไงล่ะครับ... :b1:
อ้างคำพูด:
:b48: แล้วถ้าเราตั้งใจ แต่ปรากฏว่า ร่างกายเราเกิดใช้การไม่ได้ เราจะยังได้กุศลนั้นไม๊
เพราะเกิดเราตายตอนอายุสัก 90 แต่เราบริจาคตอนสาวๆ อยู่น่ะค่ะ

:b2: :b2: :b2: (กะจะอยู่นานปานนั้นเชียว :b32: :b32: )
ได้ครับเพราะกุศลเกิดขึ้น ณ.ขณะจิต กรณีนี้กุศลเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่สาวๆ แต่ถ้าตอน 90 เกิดตอนใกล้ตายไปคิดถึงว่าร่างกายที่ได้บริจาคไว้ใช้ไม่ได้ แล้วทำให้จิตขุ่นมัว อันนั้นก็กรรมเก่ามาตัดผล(มีเจ้าหนี้มาทวง)

ถ้าบริจากแล้วก็คือการสละแล้ว...หลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา มันเป็นเรื่องของคนที่เขามีภาระหน้าที่ตรงนั้น(มีกรรมตรงนั้น)....ส่วนเราก็ปล่อย...วาง แล้วก็จะไปยึดถือเอาอะไรอีก

:b32: :b32: :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มิ.ย. 2009, 08:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 01 พ.ย. 2008, 17:20
โพสต์: 1051

งานอดิเรก: อ่านหนังสือธรรมะ
อายุ: 0
ที่อยู่: Bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b2: :b2: :b2: (กะจะอยู่นานปานนั้นเชียว :b32: :b32: )
ได้ครับเพราะกุศลเกิดขึ้น ณ.ขณะจิต กรณีนี้กุศลเกิดขึ้นแล้วตั้งแต่สาวๆ แต่ถ้าตอน 90 เกิดตอนใกล้ตายไปคิดถึงว่าร่างกายที่ได้บริจาคไว้ใช้ไม่ได้ แล้วทำให้จิตขุ่นมัว อันนั้นก็กรรมเก่ามาตัดผล(มีเจ้าหนี้มาทวง)

ถ้าบริจากแล้วก็คือการสละแล้ว...หลังจากนั้นมันจะเป็นอย่างไรก็ไม่เกี่ยวกับเรา มันเป็นเรื่องของคนที่เขามีภาระหน้าที่ตรงนั้น(มีกรรมตรงนั้น)....ส่วนเราก็ปล่อย...วาง แล้วก็จะไปยึดถือเอาอะไรอีก

:b8: คุณ natdanai ตอนนี้เกิดกิเลส อยากถามต่อเดี๋ยว จะไปตั้งกระทู้ใหม่ดีกว่าค่ะ
รับรองมีงานเข้า :b32: ให้ต้องตอบแน่ๆค่ะ :b32: เพราะเราช่างสงสัยน่ะค่ะ :b32: :b9:

.....................................................
    มีสิ่งใด น่าโกรธ อย่าโทษเขา.... ต้องโทษเรา ที่ใจ ไม่เข้มแข็ง
    เรื่องน่าโกรธ แม้ว่า จะมาแรง ....ถ้าใจแข็ง เหนือกว่า ชนะมัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2009, 05:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 31 พ.ค. 2009, 02:41
โพสต์: 5636

แนวปฏิบัติ: พอง ยุบ
ชื่อเล่น: เจ
อายุ: 0
ที่อยู่: USA

 ข้อมูลส่วนตัว www


ขอตอบคุณ o.wanตามความรู้ที่มีน้อยนิด บุญกุศลใดๆก็ตามจะมีแก่บุคคลนั้นๆ ตั้งแต่เจตนาแล้วค่ะ จะสมบูรณ์เมื่อเราได้ทำตามเจตนา คิดง่ายๆ แค่คิดว่าเราจะบริจาคร่างกายเราก็เป็นสุขใจแล้ว เมื่อได้บริจาคแล้ว แต่ยังไม่ตายเราก็สุขใจไปอีก แต่เมื่อเราตายไปแล้ว พ้นสภาวะที่จะรับรู้ว่าลูกหลานจะให้หรือไม่? เราก็มีสุขตรงที่ตัดสินใจให้แล้วใช่ไหมค่ะ?สุขแบบเต็มๆที่ได้คิดดี ทำดี และความสุขก็คือกุศล อย่าไปคิดอะไรยาวนานเกินไป
ส่วนคนที่อยู่ข้างหลังที่เขาไม่ยอมให้ คิดง่ายๆก็คือเขาก็ยังไม่แจ้ง เรื่องบุญ เขายังตัดอาลัยไม่ขาด บาปคงไม่บาปเพราะไม่มีเจตนาที่จะขัด เพียงแต่ไม่ได้บุญด้วย ถ้าเขายอมให้ก็เหมือนเขาโมทนาเขาก็ได้บุญไปกับเราด้วย เพราะฉะนั้นถ้าอยากให้บุญกุศลนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีก็ต้องทำความเข้าใจกับคนที่อยู่ข้างหลังให้ดีด้วยเขาก็จะได้รับบุญกับเราด้วย เอวังก็มีด้วยประการฉะนี้ค่ะ


:b41: :b41: :b42: :b41: :b41:

.....................................................
"มิควรหวังร่มเงาจากก้อนเมฆ"


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มิ.ย. 2009, 16:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 1
สมาชิก ระดับ 1
ลงทะเบียนเมื่อ: 02 พ.ค. 2009, 13:02
โพสต์: 32

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พอดีมีข้อมูลศูนย์รับบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์ค่ะ


ศูนย์รับบริจาคร่างกายเพื่อการศึกษาแพทย์

1. โรงพยาบาลศิริราช ภาควิชากายศาสตร์ ตึกกายวิภาคศาสตร์ ชั้น 1
โรงพยาบาลศิริราช เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700
โทร. 419-7035, 411-2007 หรือ 411-0241-9 ต่อ 7035
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดการบริจาคร่างกายของ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

2. ศาลาทินฑัต โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
โทร 0 2256 4628 กรุณาติดต่อวันและเวลาราชการ
คลิกเพื่ออ่านรายละเอียดการบริจาคร่างกายของโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์

3. โรงพยาบาลรามาธิบดี
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 254-5198 หรือ 246-1358-74
ต่อ 4101, 4102
เจ้าหน้าที่รับบริจาคฯ 0-2201-5400 หรือ 0-2201-5402
คลิก ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิก เพื่ออ่านรายละเอียด
คลิก **เพื่อดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคร่างกาย
หมายเหตุ **ถ้าเปิดโดย Microsoft Office ไม่ได้ให้ลองเปิดด้วย Notepad แทน

4. คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ สุขุมวิท 23
กรุงเทพฯ 10110
โทร. 260-1532, 260-2234-5 ต่อ 4501
คลิก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรินครินทรวิโรฒ

5. โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
บริจาคร่างกายกรุณาติดต่อ:
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ วิทยาลัยแพทย์ศาสตร์พระมงกุฎเกล้า อาคารเรียนวพม. ชั้น 4
315 ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 246-0066 ต่อ 93606
คลิก ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ กองการศึกษา วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า

6. โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ห้องอุทิศร่างกาย ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
โทร 053-945318
เวลาติดต่อ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 08.30 - 20.00 น.
วันเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดราชการ เวลา 08.30 - 16.30 น.
คลิก เพื่ออ่านรายละเอียดการอุทิศร่างกายของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่

7. โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา โทร. 0-7428-8151,0-7428-8131
คลิก เพื่อดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคร่างกาย

8. โรงพยาบาลศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
ภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
โทร (043) 363212, 363173, 348381 หมายเลขภายใน 3212, 3173 ในเวลาราชการ 8.30-16.30 น.
คลิก เพื่ออ่านคำเชิญชวน
คลิก เพื่ออ่านระเบียบการบริจาคร่างกาย
คลิก เพื่อดาวน์โหลดแบบฟอร์มการบริจาคร่างกาย

จากกระทู้ "วิธีการทำบุญที่ไม่ต้องใช้เงิน" (ความเห็นที่ 13)
http://larndham.net/index.php?showtopic=28404&st=10


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 มิ.ย. 2009, 14:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 21 มี.ค. 2009, 20:48
โพสต์: 744


 ข้อมูลส่วนตัว


walaiporn เขียน:
ปริศนา?ตึกกรอสส์บทเรียนอาจารย์ใหญ่
เคยได้ยินเรื่องหลวงพ่อคูณไหม...หลวงพ่อคูณท่านเขียนใบบริจาคร่างกายให้มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้วลูกศิษย์ซึ่งตัดไม่ขาด ก็วิ่งไปขอร้องหัวหน้าภาควิชากายวิภาคให้ยกเลิก

อาจารย์ก็บอกว่า "ไม่ได้ แล้วแต่หลวงพ่อ"

หลวงพ่อคูณบอกว่า...ตายไปแล้วก็เน่า เอาไปให้เขาเรียนยังได้บุญ พวกมึงจะให้กูได้ทำบุญสมใจกูหน่อยไม่ได้หรือ

"ตายแล้วก็เน่า คือความจริง เอาร่างมาให้เรียนได้ประโยชน์กว่า เป็นการทำทาน"



ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์สรรใจ แสงวิเชียร อดีตหัวหน้าภาควิชากายวิภาคศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล บอก

อาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า ทานในพุทธศาสนามี 2 ระดับ ระดับที่หนึ่ง...อามิสทาน เห็นขอทานเอาเงินไปให้คืออามิสทาน ระดับที่สอง... ธรรมทาน ให้ความรู้

การบริจาคศพคือธรรมทาน ศิริราชพยาบาลมีอาจารย์ใหญ่เพียงพอ แล้วใช้ทำอย่างอื่นด้วย ด้วยความมุ่งหมายตามปรารถนาที่บริจาค

อาจารย์ใหญ่แต่ละท่าน ปัจจุบัน 100 เปอร์เซ็นต์เป็นร่างของผู้ที่ตั้งใจบริจาคได้เขียนพินัยกรรมไว้ ถือว่า...ใบบริจาคศพมีลักษณะเป็นพินัยกรรมทุกประการ

เคยมีการฟ้องร้อง ตัดสินกันถึงศาลฎีกา ว่าศพเป็นทรัพย์สินของผู้ตาย เมื่อผู้ตายทำพินัยกรรมยกให้ใครแล้ว ต้องเป็นของคนนั้น

"ที่จริง...ต้องเป็นอย่างนั้น ญาติพี่น้องเก็บไว้ไม่ถูก จะมาขอเลิกก็ไม่ได้ ที่ทำกันมาก็เพื่อความสบายใจทุกฝ่าย จะไม่ใช่บังคับไปทั้งหมด ที่ผ่านมาจึงอะลุ่มอล่วยกันไปว่า ญาติพี่น้องต้องการอย่างไรก็เอาอย่างนั้น"

ถ้าเผื่อเป็นร่างของคนที่มีลูกศิษย์ลูกหามาก ก็จะมีปัญหาหน่อย อาจารย์ ใหญ่บางร่างเป็นพระ ลูกศิษย์แบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งจะให้มา อีกฝ่ายจะไม่ให้มา ก็จะตัดสินด้วยการโหวต ฝ่ายไหนชนะก็ดำเนินการอย่างนั้น



"การได้มาซึ่งร่างอาจารย์ใหญ่...ในประเทศไทยถ้าตั้งต้นให้ถูก เราก็จะมีร่างอาจารย์ใหญ่เรียนไม่ขาด"

เมื่อคุณจะตั้งโรงเรียนแพทย์ ก็ต้องสร้างตึก ห้องเรียน ห้องปฏิบัติการสำหรับเรียนกายวิภาค ในเวลาเดียวกันก็ต้องสร้างโรงเก็บศพ บ่อดองศพที่มีขนาดพอดี ขนาดยาว 2 เมตร กว้าง...ลึก 80 เซนติเมตร เพื่อจะได้ปิดสนิท ล้วงเอาร่างท่านขึ้นได้สะดวก

"ไม่ใช่สร้างใหญ่โตแบบสระว่ายน้ำ จนเอาร่างอาจารย์ใหญ่ขึ้นมาไม่ได้"

ประเด็นต่อมา เมื่อคุณหาอาจารย์ที่สอนกายวิภาค ก็ต้องหาคนงานที่จะทำศพได้พร้อมกันไป คนงานที่ทำศพได้ชื่อไพเราะว่า พนักงานรักษาศพ แต่ที่แท้ก็เป็นคนงาน มีค่าเท่ากับภารโรงธรรมดา...แต่อย่าลืมว่า คนเหล่านี้ มีความสำคัญเท่าเทียมกับอาจารย์

"วันที่จะเปิดเรียน ควรมีร่างอาจารย์ใหญ่อยู่ในมือ 2 เท่าของความต้องการ เพื่อที่ว่า...อย่างน้อยปีหน้าก็ยังมีเรียน"

อาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า อาจารย์ใหญ่แต่ละท่าน ใช้เรียนไปเรื่อยๆ นานทั้งปี หมายความว่าเรียนตั้งแต่ผิวไปจนถึงกระดูก ทุกส่วน เปิดเทอมเดือนพฤษภาคม เรียนเสร็จก็กุมภาพันธ์ปีหน้า
ตึกกายวิภาคศาสตร์ หรือที่นักศึกษาแพทย์เรียกว่า...ตึกกรอสส์

มาจากคำว่า Gross Anatomy คือ วิชามหกายวิภาคศาสตร์ เป็นวิชาที่นักศึกษาแพทย์จะต้องเรียนโดยการชำแหละอาจารย์ใหญ่

ตึกกายวิภาคศาสตร์ ศิริราชพยาบาล สร้างเป็นตึก 2 ชั้น แต่วางแปลนให้ต่อเติมได้อีก 1 ชั้น โดยเงินจากมูลนิธิร็อคกี้เฟลเลอร์ มีการก่อสร้างที่ซับซ้อน ออกแบบ...ก่อสร้างโดยช่าง กระทรวงธรรมการ
สร้างเสร็จ พ.ศ. 2468 เป็นตึกหลังแรกที่ใช้ในการเรียนการสอนวิชาแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

ลักษณะพิเศษ ก่อสร้างแบบไม่ใช้เสาเข็มเป็นฐานราก แต่เป็นแบบฐานแผ่ มีการสร้างรากฐานขึ้นก่อน เพื่อสร้างบ่อสำหรับขังน้ำฝนไว้ที่ชั้นใต้ถุน

ปัจจุบัน ตึกนี้เป็นที่ตั้งของภาควิชากายวิภาคศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ และห้องปฏิบัติการเรื่องราวก่อนประวัติศาสตร์ สุด แสงวิเชียร และพิพิธภัณฑ์กายวิภาคคองดอน

บรรยากาศห้องเรียนกายวิภาค คนภายนอกที่ฟังเรื่องเล่ามามากมาย อาจมองว่าน่ากลัว...วังเวง แต่ความเป็นจริงจากอาจารย์หมอสรรใจ บอกว่า ไม่มีอะไร เป็นห้องเรียนที่สบายๆที่สุด เด็กคุยกันก็ได้ ไม่น่ากลัว

"ไม่น่ากลัวเพราะอะไร เด็กจะทำพิธีไหว้ครู ไหว้อาจารย์ใหญ่ก่อน เด็กจะถือว่าร่างทุกร่างเป็นครู ทุกคนก็รู้ว่าครูไม่ทำร้ายลูกศิษย์ เมื่อนับถือท่านเป็นครูแล้ว ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกครูทำร้าย"
มีบ้างไหม...ลูกศิษย์ขอครูให้สอบผ่านไปได้?

"อาจจะมี ผมไม่รู้...ไม่มีลูกศิษย์คนไหนมาบอกให้ฟัง" อาจารย์หมอสรรใจ ว่า "ที่บอกว่าอาจจะมี เพราะเห็นสอบเสร็จก็มีดอกไม้เยอะแยะไปหมด"

มีอยู่รายหนึ่งตอนนี้เรียนจบแล้ว คุณปู่เป็นหมอ คุณลุงก็เป็นหมอ สอบเข้าเรียนหมอได้ มาเรียนกายวิภาคพอดีกับที่คุณปู่ขึ้นมาพอดี ก็ถาม... ไปไหว้คุณปู่ไหม เขาก็บอกว่าไป ยังบอกด้วยว่า...ขอเปลี่ยนอาจารย์ใหญ่ได้ไหม

"คุณปู่สั่งไว้ว่า ถ้าสอบเข้าได้ คงจะพอดีได้เรียนปู่ ก็รู้สึกดี สบายใจที่ได้เรียนกับคุณปู่"

นักเรียนแพทย์คนนี้ก็ไม่ได้รู้สึกกลัวอะไร เวลาสอบก็รู้สึกว่าคุณปู่ช่วย ที่บอกว่าช่วย...ไม่รู้ว่าช่วยแบบไหน อาจเป็นด้านกำลังใจยังไงสักอย่าง

"นักเรียนแพทย์คนนี้ ชำแหละคุณปู่ในร่างอาจารย์ใหญ่ โดยที่ไม่มีเพื่อนร่วมชั้นรู้"

ช่วงเวลาในการเรียน...ชั่วโมงเรียนกับอาจารย์ใหญ่ก็แล้วแต่ อาจเริ่มบ่ายสองโมงถึงสี่โมงเย็น แต่ที่สำคัญเราเปิดห้องเรียนให้ถึงสี่ทุ่ม เพื่อให้เรียนให้รู้เรื่อง

"ชำแหละเสร็จแล้ว นักเรียนกรุ๊ปที่ดี...ล้างมือเสร็จควรถามตัวเองวันนี้เรียนอะไร อะไรสำคัญ ทำความเข้าใจให้เรียบร้อยเพื่อวันรุ่งขึ้น แล็บหน้าจะได้เรียนต่อได้อย่างต่อเนื่อง"

อาจจัดเวลาให้ลงตัว สี่โมง...ห้าโมงไปพักกินข้าว เสร็จแล้วกลางคืนก็มาเรียนต่ออีกหน่อยก็ได้ไม่มีปัญหา

"นักเรียนแพทย์เริ่มต้นเรียนก็เหมือนๆกัน...มีกลัวบ้าง...ไม่กล้าบ้าง...ทำไม่ได้บ้าง...ไม่กล้าชำแหละก็มี"



อาจารย์หมอสรรใจ ย้ำทิ้งท้ายว่า...ไม่เคยมีสิ่งใดที่เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นในตึกนี้

หนึ่งประสบการณ์เกี่ยวกับอาจารย์ใหญ่ที่โพสต์ไว้ในอินเตอร์เน็ต เล่าว่า อาจารย์ใหญ่จะถูกแช่ไว้ในบ่อฟอร์มาลินเป็นปี จนเนื้อเยื่อต่างๆ เปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และค่อนข้างแข็งคล้ายยาง แต่ยังคงโครงสร้างต่างๆไว้

"เวลาผ่า กลิ่นฟอร์มาลินค่อนข้างแรง ไม่มีเลือดเหลือแล้ว"

ศพปกติที่ตายแล้วฉีดฟอร์มาลิน...ไม่ได้ดูดเลือดออก แต่ผ่าเส้นเลือดใหญ่ที่ขาหนีบ ใส่ท่อเหมือนให้น้ำเกลือ แล้วหยดฟอร์มาลินเข้าไปตามเส้นเลือด...เนื้อเยื่อทำให้ไม่เน่าระยะหนึ่ง จะไม่คงทนเหมือนการดองในบ่อฟอร์มาลินนานๆ

จากความทรงจำกว่า 20 ปีมาแล้ว...กลอนอาจารย์ใหญ่ที่ติดอยู่กับข้างฝาห้องผ่าศพ นักศึกษาแพทย์เชียงใหม่ทุกคนคงคุ้นดี

ครั้งหนึ่งเขา.....เหล่านี้.....มีชีวิต มีความคิด.....เคลื่อนไหว.....ได้อย่างเก่ง

เคยหัวเราะ.....เริงรื่น.....เคยครื้นเครง เคยวังเวง.....โศกเศร้า.....ร้าวรานใจ

มาบัดนี้.....มีแต่ร่าง.....ร้างชีวิต เค้าอุทิศ.....นักศึกษา.....ได้อาศัย

ใช้ร่างเขา.....ศึกษา.....ก้าวหน้าไป จงตั้งใจ.....เคารพเขา.....เหมือนคราวเป็น

ร่างอาจารย์ใหญ่ มีความสำคัญสำหรับการเรียนแพทย์ เพราะขึ้นต้น ต้องรู้จักโครงสร้างของร่างกายอย่างถี่ถ้วน...ถูกต้อง เพื่อที่จะได้เรียนวิชาอื่นๆ...เป็นพื้นฐาน เหมือนคุณสร้างตึก คุณก็ต้องตีเข็มยามที่ศิษย์ก้าวผ่านไปยังชั้นที่สูงกว่าได้สำเร็จ คงไม่มีอาจารย์ คนไหนไปทวงบุญคุณ เพียงแต่หวังเล็กๆว่า...ศิษย์จะไม่ลืมอาจารย์ ใหญ่คนนี้.


จาก หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เสาร์ที่ 6 มิ.ย. 52 .


สาธุ

.....................................................
“เวลาทำสมาธิ ให้ระลึกลมหายใจเข้าออก ให้รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่ต้องบังคับลมหายใจ ตามรู้ลมหายใจเข้าออก สงบก็รู้ ไม่สงบก็รู้ สงบก็ไม่ยินดี ไม่สงบก็ไม่ยินร้าย ไม่เอาทั้งสงบและไม่สงบ เอาแค่รู้ตามความเป็นจริงของสภาวธรรมปัจจุบันนั้น”

ธรรมเหล่านี้เป็นไปเพื่อคลายกำหนัด
เป็นไปเพื่อไม่ประกอบสัตว์ไว้
เป็นไปเพื่อไม่สั่งสมกิเลส
เป็นไปเพื่อความเป็นผู้มักน้อย
เป็นไปเพื่อสันโดษ
เป็นไปเพื่อความสงัดจากหมู่คณะ
เป็นไปเพื่อปรารภความเพียร
เป็นไปเพื่อความเป็นคนเลี้ยงง่าย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 มิ.ย. 2009, 12:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 9
สมาชิก ระดับ 9
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 เม.ย. 2009, 06:18
โพสต์: 731

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ.......................... :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 58 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร