วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 06:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 11:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


พระพุทธองค์ท่านแบ่งผู้ประพฤติปฏิบัติธรรมออกเป็น สองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ
"กลุ่มเจตโตวิมุตติ" และ "กลุ่มปัญญาวิมุตติ"

"เจโตวิมุติ" ท่านหมายถึง
"ผู้ที่ชอบความสงบ ชอบทำสมาธิ ทำความสงบง่าย ไม่ชอบใช้ปัญญา
ในอดีตชาติ เคยเป็น ดาบส ฤาษี ชีไพรมาก่อน"

เช่น:-- พระภิษุ ๓๐ รูป ชอบทำสมาธิ จนถึงอรูปญาณ โดยไม่ใช้ปัญญาเลย
เกิดความเข้าใจผิดว่า พวกตนบรรลุธรรมแล้ว พากันไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อขอ
คำพยากรณ์ พระอานนท์ให้ไปจำวัดที่ป่าช้าก่อน รุ่งเช้าจึงค่อยเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า

ก็ไปพบกับศพของสาวสวย ไร้อาภรณ์ปิดปัง กิเลสราคะที่ถูกสมาธิกดไว้ ข่มไว้ก็กำเริบ
ทุกคนก็โวยวายว่า เรายังไม่บรรลุธรรม จึงพากันเจริญปัญญา(วิปัสสนา) จนบรรลุธรรม
แล้วก็จากไป โดยไม่เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด (เพราะรู้เองเห็นเอง ไม่ต้องถามใคร
เรียกว่า ปัจจัตตัง)

ท่านจึงเรียก พระภิกษุกลุ่มนี้ว่า "กลุ่มเจโตวิมุตติ"

"ปัญญาวิมุตติ" ท่านหมายถึง
"ผู้ที่ทำสมาธิเพียงเล็กน้อยอยูในขั้น "ตั้งใจมั่น" (อุปจารสมาธิ) แล้วใช้ปัญญาพิจารณาในเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลย ทำสมาธิไม่ถึงความสงบ (อัปปนาสมาธิ) ทำความสงบยาก ชอบคิดชอบใช้ปัญญา"
ความตั้งใจฟัง ตั้งใจคิด ตั้งใจพิจารณา นี่แหละคือ "สมาธิจิตตั้งมั่น สมาธิตั้งใจมั่น"

เช่น:-- พระพาหิยะ ตั้งใจฟัง ตั้งใจพิจารณาตามธรรมที่พระพุทธสอน ก็ได้บรรลุธรรม
บริวารของพระเจ้าพิมพิสาร หนึ่งแสนสองหมื่นคน ตั้งใจฟังเทศน์ที่พระพุทธองค์แสดง
ก็ได้บรรลุธรรม เป็นพระโสดาบันทั้งหมด หรือพุทธบริษัททั้งหลาย ที่ตั้งใจฟัง ตั้งใจพิจารณาตามก็ได้บรรลุธรรม เป็นพันเป็นหมื่น

ท่านจึงเรียกกลุ่มนี้ว่า "กลุ่มปัญญาวิมุตติ"

ข้อที่เหมือนกันของ "เจตโตวิมุตติ" และ "ปัญญาวิมุตติ" ก็คือ
ทั้งสองกลุ่มบรรลุธรรมด้วย "ปัญญา" หรือ "ปัญญาวิมุตติ" ทั้งสิ้น

ผิดถูกอย่างไร ถือเสียว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้กันนะครับ

เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 14:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 13 มิ.ย. 2009, 07:11
โพสต์: 93

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้เยอะจังเลยนะค่ะ
:b8: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 15:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดีครับ คุณนิดหนึ่ง
รู้มากรู้เยอะ บางครั้งก็ไม่ดีนะครับ ท่านเรียกว่า
รู้มากจะยากนาน หรือ ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด (แหะ :b28: ผมเองแหละครับ)

เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2009, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 ก.พ. 2009, 20:49
โพสต์: 3979

แนวปฏิบัติ: พอง-ยุบ
งานอดิเรก: อ่านหนังสือ
ชื่อเล่น: นนท์
อายุ: 42
ที่อยู่: นครสวรรค์

 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:

ผมว่า ถ้ารู้อย่างคุณ มิตรตัวน้อยนี่
น่าจะเรียกว่า รู้จริงมากกว่าครับ


:b8: :b8: :b8:

.....................................................
แม้มิได้เป็นสุระแสงอันแรงกล้า ส่องนภาให้สกาวพราวสดใส
ขอเป็นเพียงแสงแห่งดวงไฟ ส่องทางให้มวลชนบนแผ่นดิน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 00:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


"เจโตวิมุตติ" เหมือนเรียนหนังสือโดยการท่องจำ สักวันมันก็ลืม

"ปัญญาวิมุตติ" เหมือนเรียนหนังสือด้วยความเข้าใจ มันจะรู้สิ่งนั้นตลอด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 01:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ธรรมสวัสดียามดึกค่ะ...คุณมิตรตัวน้อย :b8:

ขออนุญาตร่วมแสดงความเห็น
ซึ่งถือเป็นการขยายความเพิ่มเติม...ด้วยคนนะคะ
ผิดถูกอย่างไร โปรดวินิจฉัยกันตามสมควรต่อไป ได้เลยค่ะ :b12:

เท่าที่ศึกษาดู สองคำนี้
น่าจะมีความหมายที่ครอบคลุมใน ๒ ประเด็นด้วยกัน
ขึ้นอยู่กับว่า การกล่าวถึงนี้ เราจะหมายถึง "สภาวะ" หรือ "บุคคล"


๑. ปัญญาวิมุตติ และเจโตวิมุตติ : ที่เป็นการกล่าวถึง "ภาวะ" ที่หลุดพ้น คือ

๑.๑ ปัญญาวิมุตติ เป็นการหลุดพ้น "ทางปัญญา"

หมายถึง ผลแห่งญาณ อันเกิดจาก "วิปัสสนาญาณ"
หรือกระบวนการรูแจ้งเห็นจริงด้วยทางปัญญา
ซึ่งเป็นสิ่งที่เด็ดขาดแน่นอน สามารถกำจัดกิเลสได้อย่างถาวรเป็นขั้นๆ ไป

๑.๒ เจโตวิมุตติ เป็นการหลุดพ้น "ทางจิต" (เจโต =จิต ,วิมุตติ = หลุดพ้น)

หมายถึง ผลจากกำลังแห่งสมาธิ ทำให้ไกลจากกิเลส คือ ราคะ
ด้วยอำนาจของสมาธิ ระดับฌาน ซึ่งป็นสิ่งที่ยังไม่แน่นอนอาจเสื่อมได้
หากแต่จะแน่นอนได้ก็ต่อเมื่อได้ "ปัญญาวิมุตติ" ควบคู่ไปด้วย

๒. ปัญญาวิมุต และ อุภโตภาควิมุต : ที่เป็นการกล่าวถึงลักษณะของ "บุคคล" ที่หลุดพ้น

หมายถึง บุคคลที่บรรลุอย่างเด็ดขาดสมบูรณ์ (เป็นขั้นๆ) ไม่ถอยกลับ
ซึ่งทั้งสองลักษณะนี้ ต้องมีทั้ง ปัญญาวิมุตติ และ เจโตวิมุตติ ควบคู่กันไป

แต่หากว่ามีอัธยาศัย และมีวาสนาบารมีเด่นทางปัญญาวิมุตติ
คือ มุ่งเน้นทางวิปัสสนาเป็นสำคัญ
ก็จะทำสมาธิเพียงเท่าที่จำเป็น (เช่น ระดับ อุปจารสมาธิ)
เรียกว่า "ปัญญาวิมุต(บุคคล)" ก็สามารถเข้าถึง " ปัญญาวิมุตติ" ได้

ส่วนบุคคลที่เป็น "อุภโตภาควิมุต"
(แปลตามศัพท์ หมายถึง ผู้ที่หลุดหลุดพ้นทั้ง ๒ ส่วน คือ ทั้งปัญญา และ เจโต)
ซึ่งจะมีการฝึกฝนปฏิบัติตามอัธยาศัย และวาสนาบารมี
ที่เน้นทางเจโตมาก่อน จนได้ระดับฌาน (สูงสุดฌาน ๘)
จึงยกขึ้นทำวิปัสสนา จนได้ปัญญาวิมุตติ..ในที่สุดค่ะ :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 01:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ในพระไตรปิฎก อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต
ว่าด้วย เจโตวิมุตติ และ ปัญญาวิมุตติ


กล่าวไว้ดังนี้....

แสดงสมถะและวิปัสสนา
เมื่อโยนิโสมนสิการโดยแยบคายก็จะเห็นจุดประสงค์ของการปฏิบัติทั้ง ๒

กล่าวคือ เจริญสมถะเพื่อเจโตวิมุตติ เพื่อการอบรมจิตให้ระงับในกิเลสราคะ
เพื่อยังประโยชน์ กล่าวคือ นำจิตที่ตั้งมั่น
เนื่องจากสภาวะไร้นิวรณ์ และราคะ (กามฉันท์ ข้อ ๑ ในนิวรณ์ ๕)
มารบกวนจากการสอดส่ายฟุ้งซ่านไปปรุงแต่ง
หรือสภาพที่ถูกยึดมั่นไว้ด้วยอุปาทาน

จึงเป็นปัจจัยเครื่องสนับสนุนปัญญาในการคิดพิจารณาธรรม
ให้เห็นเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง
กล่าวคือ พึงยังให้เกิดปัญญาวิมุตติขึ้นนั่นเอง
จึงเป็นปัจจัยให้ละอวิชชาเป็นที่สุด.

[๒๗๕] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๒ อย่างเป็นไปในส่วนแห่งวิชชา
ธรรม ๒ อย่างเป็นไฉน คือ สมถะ ๑ วิปัสสนา ๑

ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมถะ ที่ภิกษุเจริญแล้ว
ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมอบรมจิต
จิตที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมละราคะได้
วิปัสสนา ที่อบรมแล้วย่อมเสวย ประโยชน์อะไร ย่อมอบรมปัญญา
ปัญญา ที่อบรมแล้ว ย่อมเสวยประโยชน์อะไร ย่อมละอวิชชาได้ ฯ

[๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย จิตที่เศร้าหมองด้วยราคะ ย่อมไม่หลุดพ้น
หรือปัญญาที่เศร้าหมองด้วยอวิชชา ย่อมไม่เจริญด้วยประการฉะนี้แล
ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เพราะสำรอกราคะได้ จึงชื่อว่าเจโตวิมุตติ
เพราะสำรอกอวิชชาได้ จึงชื่อว่าปัญญาวิมุตติ ฯ

:b8: :b8: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


โปรดพิจารณาข้อวิสัชนาของพระเกจิอาจารย์ ประกอบได้จากกระทู้นี้ค่ะ :b8:

:b43: :b43: :b43:

เจโตวิมุตติ และปัญญาวิมุตติ : พระราชสังวรญาณ (หลวงพ่อพุธ ฐานิโย)
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=2&t=23117


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 07:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


:b6: :b6: :b6:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 08:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 4
สมาชิก ระดับ 4
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 พ.ค. 2008, 09:39
โพสต์: 219


 ข้อมูลส่วนตัว


สวัสดียามเช้าครับ ทุกท่าน

สวัสดีครับ คุณวรานนท์ :b8:
ยังไม่ใช่ "รู้จริง" หรอกครับ รู้อย่างนี้เรียกว่า ความรู้ที่เกี่ยวเนื่องด้วย "สัญญา"
"รู้จริง" ต้องรู้ด้วย "ปัญญาของตนเอง" ไม่ใช่รู้เพราะจำได้ จากตำรา จากคำภีร์
จากปัญญาของผู้อื่น รู้อย่างนี้กิเลสตัวเดียวก็ไม่สะเทือนครับ

เจริญธรรม

====

สวัสดียามเช้าครับ คุณ Suwichai :b8:
คำตอบสั้นแต่ก็ได้ใจความ หลายความเห็นดีครับ หากไม่อ้างว่า เป็นโน้นเป็นนี่
ไม่อ้างอภิญญา สมาบัติ ที่สำคัญ "ฟังคนอื่นบ้าง"

เจริญธรรม

====

สวัสดีครับ คุณกุหลาบสีชา :b8:
โห..นาน ๆ จะได้เห็นคุณกุหลาบฯ แสดงธรรม (ความเห็น) ทีหนึ่ง
ละเอียดยิบเลย ทั้งความเห็น การอ้างอิงและธรรมของพระสุปฏิปันโน
สุดยอด ในการเสนอธรรมะ การนำเสนอข้อมูล..

สาธุ..ครับ :b8: "การสนทนาธรรม" ด้วยดีได้ความรู้ได้ปัญญาเสมอ
ขอยกให้เป็น "กัลยาณมิตรตัวใหญ่ ใน Webboard" นี้เลยนะครับ

เจริญธรรม

:b8: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 08:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุยกันอย่างนี้น่ารักดีครับ เหมือนนั่งอยู่ริมชานเรือนดูปลาว่ายน้ำในสระใสๆ เย็นๆ ชิลๆ :b32:
ถ้ายิ่งได้เบียร์เย็นๆสักขวดก็จะแจ่มเลยครับ :b22: :b21:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 13:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
คุยกันอย่างนี้น่ารักดีครับ เหมือนนั่งอยู่ริมชานเรือนดูปลาว่ายน้ำในสระใสๆ เย็นๆ ชิลๆ
ถ้ายิ่งได้เบียร์เย็นๆสักขวดก็จะแจ่มเลยครับ



:b20: :b20: :b20:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


มิตรตัวน้อย เขียน:
สวัสดีครับ คุณกุหลาบสีชา
โห..นาน ๆ จะได้เห็นคุณกุหลาบฯ แสดงธรรม (ความเห็น) ทีหนึ่ง
ละเอียดยิบเลย ทั้งความเห็น การอ้างอิงและธรรมของพระสุปฏิปันโน
สุดยอด ในการเสนอธรรมะ การนำเสนอข้อมูล..

สาธุ..ครับ "การสนทนาธรรม" ด้วยดีได้ความรู้ได้ปัญญาเสมอ
ขอยกให้เป็น "กัลยาณมิตรตัวใหญ่ ใน Webboard" นี้เลยนะครับ

เจริญธรรม


สวัสดียามค่ำค่ะ...คุณมิตรตัวน้อย :b8:

:b43: :b43: :b43:

กุหลาบสีชาเองก็ยังรู้จำจากสัญญาเช่นกันค่ะ
หาได้ประจักษ์แจ้งแทงตลอดด้วยปัญญาแล้วไม่

และที่ คุณมิตรตัวน้อย ขอยกให้เป็น

"กัลยาณมิตรตัวใหญ่ ใน Webboard" นี้

ต้องขออภัยด้วยค่ะ ที่ตัวเองเกรงว่าจะรับไม่ไหวจริงๆค่ะ

ขอเป็นเพียงกัลยาณมิตรตัวเล็กๆ ธรรมดาๆ คนนึง
ของพี่น้องผองเพื่อนในนี้ดีกว่าค่ะ


เพราะถ้า "ตัวใหญ่" ขึ้นมาเมื่อไหร่ แล้วไม่ยอมเล็กลงๆ
ก็คงยากจะถึงจุดหมายปลายทางที่มุ่งหวังไว้..จริงมั้ยคะ ?!?!

:b4: :b16: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 21:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ชาติสยาม เขียน:
คุยกันอย่างนี้น่ารักดีครับ เหมือนนั่งอยู่ริมชานเรือนดูปลาว่ายน้ำในสระใสๆ เย็นๆ ชิลๆ
ถ้ายิ่งได้เบียร์เย็นๆสักขวดก็จะแจ่มเลยครับ


:b43: :b43: :b43:

เห็นด้วยค่ะ คุณน้องพระเอก
บรรยากาศในการสนทนาธรรมอย่างนี้ดีมากๆ

แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้ ขออนุญาตเปลี่ยนเครื่องดื่มยามสนทนาธรรม
เป็นจิบ ชา น้ำผลไม้ หรือน้ำสมุนไพรเย็นๆ ดีกว่ามั้ยคะ
ศีลข้อ ๕ จะได้สมบูรณ์.... :b32: :b4: :b8:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มิ.ย. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-1
Moderators-1
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 เม.ย. 2007, 17:21
โพสต์: 4148

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว www


ทุกท่านคะ...

คุณตรงประเด็น ได้สืบค้น และนำเสนอเกี่ยวกับ
เจโตวิมุตติ ได้อย่างลึกซึ้ง และน่าสนใจ ติดตามเพิ่มเติมได้จากในกระทู้นี้ค่ะ

:b43: :b43: :b43:

เจโตวิมุต(ติ)...คำที่อาจสับสน
viewtopic.php?f=1&t=23069&start=0&st=0&sk=t&sd=a


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 21 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 107 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร