รู้สึกอบอุ่นจังครับที่ท่านกรัชกายยังคงแลดูบอร์ดอยู่...(ยังคงรักษาตำแหน่งที่กระผมยัดเยียดให้อย่างดี)

แปลกๆนะครับที่ท่านมาไล่งับๆท่านขงเบ้ง

ไล่ยังไงงับ อธิบายด้วย 55+

คุณขงเบ้งน่าจะรู้ว่า สิ่งใดปิดบังมรรคผลของคุณนะครับ คุณเคยไปก่อกวนในเว็บธรรมะมาหรือเปล่าล่ะครับ แล้วคุณก่อกวนผู้เข้าถึงธรรมด้วยใช่หรือเปล่า กรรมที่คุณก่อกวนผู้เข้าถึงธรรม นั้นหนักมาก

แม้ว่าผู้เข้าถึงธรรม เขาให้อภัยและอโหสิกรรมให้คุณแล้ว แต่คุณเคยให้อภัยและอโหสิกรรมให้ตัวเอง(สำนึกบาป)ไหม หรือยังสนุกอยู่กับความคิดจะแกล้งและก่อกวนคนในเว็บธรรมะอยู่อีก กรรมนั้นแหละ ปิดบังมรรคผล ของคุณเอง

คุณต้องตอบคำถามนี้ให้ได้ และต้องแก้กรรมด้วยตัวเอง.... สำนึกบาป ครับ

ผมก็รู้สึกอุ่นใจที่คุณยังยิ้มได้นะครับ

55+

ก็นี่ยังไง คือ การใส่ร้ายป้ายสี และก่อกวนผู้เข้าถึงธรรม เพราะผมไม่เคยบิดเบือนเบือนพระธรรม ขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า แม้แต่ครั้งเดียว ผมท้าทุกเว็บที่กล่าวหาผมให้เอาหลักฐานที่ผมบิดเบือนมาลงสักกระทู้เดียว หรือเรื่องเดียว รอคอยมา 5 ปี ยังไม่เห็นมี

ก่อนการใส่ร้ายป้ายสี ก่อกวนใคร อย่าไปกล่าวหาลอยๆ ต้องเอาหลักฐานมาลง ผมบอกกรรมที่คุณทำไว้ให้แล้ว คุณจะเชื่อหรือไม่เชื่อผมก็ตามใจคุณ

อนุโมทนาสาธุค่ะ คุณขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์

งั้นเอาหลักฐานมาคุยกันดีกว่านะงับ



จะไม่บิดเบือนแบบไหนลองแก้ที่ท่านกล่าวมานะงับ ขอให้ท่านกรัชกายเป็นพยานละกัน
พวกที่บรรลุอรหันต์ แต่ไม่ยอมเข้านิพพาน ทิ้งภาวะอรหันต์นั้น โดยนำความเมตตากรุณาเข้ามาในใจใหม่ เพื่อล่อเลี้ยงตัวเองให้อยู่ใน 3 ภพได้ จะได้ช่วยโปรดสรรพสัตว์ใน 3 โลกต่อไป เรียกว่า โพธิสัตว์มหายาน เช่น พระโพธิสัตว์จี้กง พระโพธิสัตว์เยซูคริสต์ พระโพธิสัตว์หลวงพ่อสด พระโพธิสัตว์หลวงปู่ดู่ เป็นต้น




คุณบิดเบือดหรือเห็นผิดหรือ ไม่ ก็ดูเอาละกันนะงับ

อีกอย่างธรรมมีรสเดียวคือ วิมุตติรส ทะเลก็มีรสเดียวคือ รสเค็ม ธรรมปฎิบัติไปถึงก็รู้ได้เหมือนกันนะงับ

อย่างเช่นคุณ บัวศลก ท่านไปถึงแล้ว ผมจึงตั้งกระทู้นี้ให้ท่านอธิบายไม่ใช้ให้คนที่อวดว่าได้ธรรมที่แท้จริงแล้วยังไม่ได้มาคุยอวดนะงับ

แล้วอีกอย่างที่อ้างว่า 5 ปีหาหลักฐานไม่ได่ คุณต้องไปอ่านของคุน walaiporn เขียน:





อันนี้ตอบได้ถูกมากงับ สาธุ


แล้วอีกอย่างใน 5 ปีที่คุณ อ้างว่าไม่ใครมาทำลายทิฎฐิคุณได้ ถ้าไม่ผิดผมทราบว่าคุณถูกไล่ออกจากเว็บๆนั้นๆนะงับ บุคคลส่วนใหญ่ก็คงทราบว่าคุณทำอะไร ถ้าถูกต้องคนส่วนใหญ่ย่อมยอบรับได้



แล้วเรื่องของกรรม ท่านก็ไม่ได้เป็นสัพพัญญู กรรมที่ท่านยกมาลอยๆจะมีหรือเปล่า ก็ยังไม่รู้เลย ความหมายในนี้หมายถึงว่าทำผิดในกรรมนั้นๆ ไม่ใช่กรรมไม่มีนะงับ

ไม่รับปากว่าจะเป็นพยานนะงับ แต่มีความคิดว่า ท่านขงเบ้ง กับ ท่านพลศักดิ์ ถึงเวลาที่ควรตั้งกระทู้สนทนากัน ๒ คน แล้ว เอาเลยงับ จะได้ทำความเข้าใจกันสะ
ส่วนกรัชกายขอเป็นผู้ดูเหมาะกว่าเป็นพยาน

ท่าน กรัชกาย ครับ

นี่แหละต้นเหตุของการสอนคนไม่ให้ไหว้พระพุทธรูป แถมพฤติกรรมย่ำยีอย่างอื่นๆอีก
ผู้มีแนวคิดเช่นนี้แยกบัญญัติกับสภาวะ (ปรมัตถ์)ไม่เป็น แยกไม่ออก เขาว่ามาก็ว่าไป เพราะไม่ได้เข้าถึงจริงๆ
เพียงแต่ตนน่ะ ยึดมั่น คำว่า “ไม่ยึดมั่น” ไว้เท่านั้นเอง (นึกออกไหมครับ)


ท่านพูดเหมือนท่านแยกออกนะ ศีล 5 บริบูรณ์หรือยังท่านกรัชกาย ถ้าบริบูรณ์เมื่อไหร่ อรหันต์ คงอยู่กับท่านนะ คุ้นๆ เหมือนจะว่าใครหรือเปล่า

ถ้าเปรียบพระพุทธรูป กับยาแอสไพริน นะครับ
พระพุทธรูปก็ช่วยน้อมนำจิตใจให้พุทธศาสนิกชนได้รำลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
ยาแอสไพรินนี่ ในยุคสงครามโลกถือเป็นยาวิเศษก็ว่าได้ เพราะรักษาโรคได้ดีมาก

ปัจจุบัน มีการศึกษาผลกระทบของยาแอสไพรินแล้ว สรุปได้ว่า เป็นยาปฏิชีวนะที่เป็นอันตรายต่อตับอย่างมากและควรถอดถอนออกจากยาสามัญประจำบ้านซะ

กับถ้าผู้ที่ท่าน กรัชกาย กล่าวอ้างถึงนั้น รู้ว่ามันจะเกิดผลเสียกับการไปยึกติดกับพระพุทธรูปแล้วก็สอนให้คนที่เชื่อถือตามให้ปฏิบัติตามดดยไม่ยึดติดกับพระพุทธรูป

คำถาม....แล้วไง อะไรคือสิ่งที่ถูกต้อง
พระไตรปิฎก เป็นสิ่งที่บันทึกคำสอนของพระพุทธเจ้าไว้ แล้วเราจะมาเถียงกันไปเพื่อเอาอะไร ถ้าจะเถียงว่าใครผิดใครถูกต้องใครเหมาะสมไม่เหมาะสม ก็ต้องเอาหลักธรรมคำสอนมาเปรียบเทียบดีกว่า จะได้เกิดประโยชน์มากกว่านะครับ

ผมก็คนหนึ่งหละที่กราบพระพุทธรูปอย่างที่ควรจะกราบ
ผมมีเหตุผลที่จะกราบ ถ้าท่านสอนไม่ให้กราบก็เรื่องของท่าน เอาเหตุเอาผลมาว่ากันครับ ดีที่สุดคือ เหตุผลตามพระไตรปิฎก ไม่ใช่ตามความคิดของใคร

สวัสดีครับ คุณคนขวางโลก
เข้าประเด็นเลยนะครับ

การสอนคนจะต้องดูลำดับขั้นของคน ของผู้ฟัง แม้พระพุทธเจ้าเองก็ดูหลักการนี้ว่าใครพร้อมไม่พร้อม พร้อมๆขั้นไหนระดับใด เรื่องนี้พระพุทธเจ้าท่านไปไกลกว่าพวกเรานักแล้ว แต่พระองค์ยังต้องกลับมาที่ระดับพวกเรา ถูกต้องไหม คุณคนขวางโลก

เราสอนให้เขากราบไหว้พุทธปฏิมากร หรือ ตัวแทนพุทธะ (แต่ไม่ใช่พุทธะใครๆก็รู้) แต่จะต้องแนะนำให้อีกว่า กราบไหว้คุณของพุทธะมี อิติ ปิโส ภควา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ เป็นต้น

มิใช่ทำเป็นเก่งหักพร้าด้วยเข่า ผลเสียก็เกิดแก่ผู้มีอินทรีย์ยังไม่แก่กล้า

หรือคุณคนขวางโลกว่าไง

ถูกต้องครับท่าน กรัชกาย

ฉะนั้น เราจะเลือกปฏิบัติยังไง ก็สุดแท้แต่เรา แต่ไม่ใช่เอาความคิดของเราไปว่าคนอื่นที่เขาไม่เห็นอย่างที่เราเห็น

ส่วนไอ้ผลเสียนี่ มันก็จะเกิดกับผู้ที่มองไม่เห็นผลเสียมากกว่าครับ คนที่มองเห็นก็ไม่เกิดแน่นอน ฉะนั้นก็เหมือนเดิมครับ แล้วแต่เราจะเลือกแบบไหนตามแต่ใจจะคิด

ผมก็แค่พูดในสิ่งที่ผมรู้และเข้าใจ ส่วนคนฟังจะคิดตามหรือคัดค้าน ก็สุดแท้แต่ตัวเขาละกัน ถึงยังไง การพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดซึ่งกันและกันย่อมดีกว่าการปิดกั้นตนเองว่าไหมครับ เพราะเราไม่สามารถเรียนรู้เองได้หมดทุกเรื่อง ถ้าผมเป็นอรหันต์จริง ผมก็คงไม่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ให้คนเขาเดือดร้อนหรอกครับเพราะผม สบายแล้ว

ครับ ท่านคนขวางโลก

ทั้งเราและท่านต่างก็พูดในแง่มุมที่ตนเองรู้และเข้าใจ ตามทัศนะของพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ (ภิกษุณี)อุบาสก และอุบาสิกา ซึ่งทั้งหมดนี่ ภิกษุจัดเป็นผู้นำเขา เพราะอยู่ใกล้ชิดพระรัตนไตรกว่า เป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณให้แก่เขา มีหน้าที่ชักนำผู้ที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ชักนำผู้ที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งๆขึ้นไป ถูกไหมครับ

ในเมื่อภิกษุเป็นผู้นำ ผู้นำก็ต้องเข้าใจผู้ตามที่อยู่ระดับล่างว่าเป็นไปต่างๆกัน อย่างที่พระพุทธเจ้าเข้าใจ แล้วหาอุบายโน้มน้าวให้เขายกระดับความคิดให้สูงยิ่งๆขึ้น ด้วยความอดทน และเข้าใจ

ในเบื้องต้น เขาไม่มีอะไรยึดเลย ก็พึงหาพึงสร้างสิ่งที่เป็นมงคลให้เขายึด (อย่างที่โบราณาจารย์ทำไว้) เมื่อเขามีที่ยึดที่ยันแล้ว หากตนสามารถ ก็พึงแนะนำให้เขามองเห็นโทษแห่งการยึดมั่นว่า มีทุกข์
มีโทษอย่างไร แล้วชี้ให้เขาเห็นสิ่งที่ปลอดภัยกว่ามั่นคงกว่า แล้วนำพานำทางเขาคว้าสิ่งอันเกษมปลอดภัย
นั้น นี่คือภาระหน้าที่ของผู้นำทางด้านจิตวิญญาณ ที่ควรทำตามลำดับๆไป หรือ คุณว่าไม่จริง
แล้วผู้เช่นนั้นได้ทำหน้าที่ของตนหรือยัง