ลานธรรมจักร
http://dhammajak.net/forums/

เรื่องที่ mes ต้องการบอก
http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23245
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  mes [ 24 มิ.ย. 2009, 09:35 ]
หัวข้อกระทู้:  เรื่องที่ mes ต้องการบอก

ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรครับ

ถ้าจะบังอาจกล่าวว่า

ยิ่งเรียนธรรม

ยิ่งไกลธรรม

ยิ่งรู้ธรรมยิ่งไกลนิพพาน

การปฏิบัติธรรมต้องมิใช่การแสดง

กริยาสุขุมมิใช่ผู้ถึงนิพพาน

วาจาไพเราะจับใจมิใช่สัมมาวาจา

ท่านกรัชกายกล่าวไว้ว่า

พระธรรมนั้นใกล้แค่ขนตา

เราจึงมักมองไม่เห็น

สัจจธรรมอาจจะเป็นหญ้าปากคอก

ที่ถูกมองข้ามจากวัวควาย

เหมือนพระธรรม คือธรรมชาติอยู่ที่ตัว อยู่ที่ใจ

ยังเผลอหลงไปค้นหาในตำรา

ขอยื่มคำท่านพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ มาประกอบบท

อ้อไม่ใช่

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไม่มีแล้วเป็นอนิจจัง อนัตตา

บอกแล้วว่าอัตตานั้นไม่มี

แล้วไหง

เกิดเข้ากับตัวเองจนได้

ขอหัวเราะ เยาะเย้ย เหวย เหวย ฟ้า

กระทู้นี้

ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ

ลงท้ายเป็นบ้องกัญชา

เห็นเช็งกันหลายท่าน

จึงมาให้สี่สรรกับเวปคร๊าบ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 24 มิ.ย. 2009, 10:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

คุณ mes :b32:
มีอะไรจาบอกก็

“บอกมาเลย”

http://jukebox.pleng.com/player_song.php?song_id=22155

ไฟล์แนป:
imagesCAS3VB6Z.jpg
imagesCAS3VB6Z.jpg [ 3.72 KiB | เปิดดู 3683 ครั้ง ]

เจ้าของ:  คนขวางโลก [ 24 มิ.ย. 2009, 10:18 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่mesต้องการบอก

ก็ต่างพากันเรียนธรรมเพื่อเอาธรรม ได้แล้วก็ไม่ปล่อย ข้ามขั้นตอนไปตะพึดตะพือ มันถึงได้ยิ่งเรียนยิ่งโง่ ยิ่งรู้ก็ยิ่งหลง หลงในภูมิความรู้ของตน โง่เพราะไม่เปิดใจรับฟังผู้อื่น พูดเก่ง เทศน์เก่ง รู้หมด สติเป็นไง สมาธิขั้นไหน แต่ตัวเองไปไม่รอด ต้องมีฌานแบบโน้นแบบนี้ ถึงจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องทำแบบโน้นแบบนี้ถึงจะได้อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตนเองก็อย่างงั้นๆ

พอบอกให้พิจารณาตั้งแต่แรกใหม่ เริ่มใหม่ ก็หาว่า บ้า เพราะตนเองรู้หมดแล้วจะให้ไปเริ่มใหม่นั้นเป็นไปไม่ได้ ทนงค์ตนว่าตนแน่ ตนเก่ง ตนรู้ แต่ก็อย่างงั้นๆ

รากฐานของบ้านไม่ดีไม่มั่นคง ก็ยังจะสอนกันให้สร้างชั้นสองชั้นสามต่อไปอีก ต่อโน่นเติมนี่ไปเรื่อย เดี๋ยวก็พังก็บ้ากันไป

มันเป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะตน ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมายืนยัน นั่งยันหรอก ก็ลองคิดลองทำดูมั่งสิสิ่งไหนที่มันไม่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธเจ้าหนะถึงแม้จะขัดต่อความรู้สึกของตนก็ชั่งหัวมัน

คิดง่ายๆ เมื่อตนเองทำตามที่ตนเองรู้ ตนเองเข้าใจแล้ว มันไม่เกิดผล มันไปไม่ได้ ไปต่อไม่ได้ ก็ลองถอยกลับมาดูใหม่ ลองมาปฏิบัติอย่างอื่นดูบ้างโดยยึดตรงที่ถ้าไม่ขัดต่อคำสอนของพระพุทธะเจ้าแล้ว กูจะทำลองดู เปิดใจให้กว้างยอมรับสิ่งใหม่ๆ บ้าง

ที่สำคัญ พระพุทธเจ้าบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา คนที่มากล่าวว่า นิพพานเป็นอัตตา แสดงว่า ถือตนเองว่าเก่งกว่าพระพุทธเจ้าแน่กว่าพระองค์ แค่นี้ก็พอจะใช้ไขสันหลังตอบได้แล้วว่า พวกนี้มันบ้า

เจ้าของ:  ชิชะ [ 24 มิ.ย. 2009, 11:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

หมากฝรั่งที่ถูกคายทิ้งไว้

เจ้าของ:  ชิชะ [ 24 มิ.ย. 2009, 11:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

mes เขียน:
เห็นเช็งกันหลายท่าน

จึงมาให้สี่สรรกับเวปคร๊าบ


สีสรรอย่างนี้สวยดีครับ...

อ้างคำพูด:
คุณ mes
มีอะไรจาบอกก็

“บอกมาเลย”


ครับผมก็อยากจะฟังคำบอกของคุณ

เจ้าของ:  suwichai [ 24 มิ.ย. 2009, 12:30 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

mes เขียน:


ขอยื่มคำท่านพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ มาประกอบบท

อ้อไม่ใช่

พลศักดิ์ วังวิวัฒน์ ไม่มีแล้วเป็นอนิจจัง อนัตตา

บอกแล้วว่าอัตตานั้นไม่มี

แล้วไหง

เกิดเข้ากับตัวเองจนได้

ขอหัวเราะ เยาะเย้ย เหวย เหวย ฟ้า



ผมขอใช้สิทธพาดพิง ผมไม่เคยพูดหรือแสดงความเห็นอย่างที่คุณอ้างเลย ขอหลักฐานด้วยครับ

เจ้าของ:  mes [ 24 มิ.ย. 2009, 12:37 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

suwichai เขียน:
ผมขอใช้สิทธพาดพิง ผมไม่เคยพูดหรือแสดงความเห็นอย่างที่คุณอ้างเลย ขอหลักฐานด้วยครับ



ข้อความตรงไหนหละท่าน

เจ้าของ:  กามโภคี [ 24 มิ.ย. 2009, 14:23 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

mes เขียน:
ท่านมีความเห็นว่าอย่างไรครับ

ถ้าจะบังอาจกล่าวว่า
ยิ่งเรียนธรรม
ยิ่งไกลธรรม


อันนี้แล้วแต่ข้อเท็จจริง เรียนมารุ้มา ไม่นำไปปฏิบัติ ละทิ้งความรู้ที่รู้มา ก็ไกลออกไป ส่วนที่เรียนมา
ูรู้มา น้อมนำไปปฏิบัติ ก็ได้สมประโยชน์ทั้งปริยัติและปฏิบัติ

mes เขียน:
ยิ่งรู้ธรรมยิ่งไกลนิพพาน


ความจริง ยิ่งรู้ต้องยิ่งไกล้ ถ้ายิ่งรู้แล้วไกล แสดงว่าไม่ไช่เพราะยิ่งรู้อย่างเดียว บกพร่องส่วนอื่นด้วย
คือ รู้ไม่ถูก รู้แล้วไม่ทำ , รู้ถูกแล้วทำแล้ว แต่ไกลนิพพาน แสดงว่า ทำไม่ถูก

mes เขียน:
การปฏิบัติธรรมต้องมิใช่การแสดง


:b12: :b8: สาธุ ครับ

mes เขียน:
กริยาสุขุมมิใช่ผู้ถึงนิพพาน
วาจาไพเราะจับใจมิใช่สัมมาวาจา


ใช่ครับ กิริยาวาจา ยังบอกไม่ได้ว่าถึงนิพพานหรือยัง บางทีเป็นกิริยามารยาทตามอุปนิสัยเดิม
หรือหนักหน่อยก็เมคให้ดูดีมีธรรมะ แต่ก็ไกล้เคียงกับผู้ถึงนิพพาน เพราะท่านมักมีกายวาจาใจสงบระงับ
แล้ว

การเรียน การฟัง ศึกษา หรือปริยัติ ก็เปรียบเหมือนแผนที่ลายแทงขุมทรัพย์ ได้มาแล้วก็ต้องหา
ตามแผนที่ลายแทงนั้น ถ้ามัวแต่ม้วนแผนที่ลายแทงวางไว้ก็คงไม่พบขุมทรัพย์ ซ้ำหนักม้วนแล้วเอา
ไปไล่ตีกบาลคนอื่นอีก แย่เข้าไปใหญ่เลย

เจ้าของ:  เช่นนั้น [ 26 มิ.ย. 2009, 17:28 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: เรื่องที่ mes ต้องการบอก

ผู้มีส่วนสัญญา ในธรรมอันเป็นเครื่องเนิ่นช้า
มีตัณหา ทิฏฐิ มานะ กลุ้มรุมจิต

ย่อมไม่รู้ธรรม เพราะมัวแต่ปฏิบัติ มนสิการ เพิ่มสักกายะ และสัญญา อันเป็นส่วนแห่งความเนิ่นช้าอยู่

การมีความเห็นว่า ยิ่งเรียนธรรม ยิ่งไกลธรรม
ยิ่งรู้ธรรม ยิ่งไกลนิพพาน
หรือการปฏิบัติไม่ใช่การแสดง
หรือมีความเห็นว่า พระธรรมนั้นใกล้แค่ขนตา

ย่อมเป็นผล จากการมีปปัญจธรรม เป็นเหตุ

สิ่งที่ควรทำคือ

ศึกษาจากพระไตรปิฏก พิจารณาธรรมที่ได้จากการอ่าน
หรือ หาครูอาจารย์ที่มีความเห็นตรง เพื่อฟังธรรม เพื่อให้เกิดสุตตมยปัญญา

พิจารณาธรรมนั้นด้วยใจ เพื่อให้เกิด จินตามยปัญญา

จากนั้น ประชุมมรรค ให้สำเร็จภาวนามยปัญญา

สมถะวิปัสสนา ย่อมเคียงคู่กันไป

เจริญธรรม

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/