ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
แดนนิพพาน http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23415 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | mes [ 02 ก.ค. 2009, 10:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | แดนนิพพาน |
แดนนิพพานเป็นการอธิบายถึงนิพพาน แบบอุปมา ดังนั้นแดนนิพพานจริงๆนั้นไม่มี ดังในหนังสือพุทธธรมหน้า๒๓๓ แบบอุปมา ถ้อยคำแบบอุปมามักใช้บรรยายภาวะและลักษณะของผู้บรรลุนิพพาน มากกว่าใช้บรรยายภาวะของนิพพานโดยตรง เช่น เปรียบพระอรหันต์เหมือนโคนำฝุงที่ว่ายตัดกระแสน้ำข้ามถึงฝั่งแล้ว(ม.มูฬ๑๒/๓๑๙/๔๒๐) เหมือนคนข้ามมหาสมุทร หรือห้าวน้ำใหญ่ที่มีอันตรายมากถึงฟากขึ้นยืนบนฝั่งแล้ว(สํ.สฬ.๑๘/๒๘๕/๑๙๖;๓๑๔/๒๑๘) จะว่าไปเกิดที่ไหน หรือจะว่าไม่เกิดเป็นต้นก็ไม่ถูกทั้งสิ้น เหมือนไฟดับเมื่อสิ้นเชื้อ((ม.ม.๑๓/๒๕๐/๒๔๖;สํสฬ.๑๘/๘๐๐/๔๘๕) อย่างไรก็ตาม คำเปรียบเทียบภาวะนิพพานโดยตรงก็มีอยู่บ้าง เช่นว่า นิพพานเป็นเหมือนภูมิภาคอันราบเรียบน่ารื่นรมย์(สํ.ข.๑๗/๑๙๗/๑๓๒) เหมือนฝ่งโน้นไม่มีภัย(สํ.สฬ.๑๘/๓๑๖/๒๑๙) และเหมือนข่าวสาสน์ที่เป็นจริง(สํ.สฬ.๑๘/๓๔๒/๒๔๒) เป็นต้น ที่ใช้เป็นคำเรียกเชิงเปรียบเทียบอยู่ในตัวก็หลายคำ เช่น "อโรคยะ" (ความไม่มีโรค, สุขภาพสมบูรรณ์) "ทีปะ" (เกาะ, ที่พ้นภัย) "เลนะ" (ถ้ำ, ที่กำบังภัย) เป็นต้น ในสมัยคัมภีร์รุ่นต่อๆมาที่เป็นสาวกภาษิตถึงกับเรียกเปรียบเทียบนิพพานเป็นเมืองไปก็มี ดังคำว่า "อุดมบุรี" (ขุ.อป.๒๒/๑๕๗/๒๘๒(ปุรมุตฺตมํ)) และนิพพานนคร (มิลินฺท.๓๙๔) ซึ่งได้กลายมาเป็นคำเทศนาโวหารและวรรณคดีโวหารในภาษาไทยว่า อมตมหานครนฤพาน บ้าง เมืองแก้วกล่าวแล้วคือพระนิพพานบ้าง แต่คำหลังนี้ไมจักเข้าในบรรดาถ้อยคำที่ยอมรับว่าใช้แสดงภาวะของนิพพานได้ |
เจ้าของ: | putsaitrong [ 02 ก.ค. 2009, 11:41 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
นิพพานเป็นอนัตตา ![]() |
เจ้าของ: | sanooktou [ 02 ก.ค. 2009, 13:36 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ในหลักธรรมแห่งพระพุทธพจน์ อาจถูกบิดเบือน เราจึงอยากจะนำพระพุทธพจน์ มากล่าว มาแสดงไว้ในที่นี้ ผู้ใคร่ธรรมทั้งหลาย พึงศึกษาเถิด คำกล่าวเกี่ยวกับนิพพาน อันเป็นอนุปาทิเสสนิพพาน [๒๒๖] ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลส และขันธ์ ของบุคคลผู้รู้สึกตัว เป็นปรินิพพานญาณอย่างไร ฯ สัมปชานบุคคลในศาสนานี้ ย่อมยังความเป็นไปแห่งกามฉันทะให้สิ้นไป ด้วยความไม่พยาบาท ฯลฯ แห่งถีนมิทธะให้สิ้นไป ด้วยอาโลกสัญญา ฯลฯ แห่งอุทธัจจะให้สิ้นไป ด้วยความไม่ฟุ้งซ่าน ฯลฯ แห่งวิจิกิจฉาให้สิ้นไป ด้วยการ กำหนดธรรม ฯลฯ แห่งอวิชชาให้สิ้นไป ด้วยญาณ แห่งความไม่ยินดี ด้วยความ ปราโมทย์ ยังความเป็นไปแห่งนิวรณ์ให้สิ้นไป ด้วยปฐมฌาน ฯลฯ ยังความ เป็นไปแห่งกิเลสทั้งปวงให้สิ้นไป ด้วยอรหัตมรรค ฯ อีกประการหนึ่ง ความเป็นไปแห่งจักษุนี้แล ของสัมปชานบุคคลผู้นิพพาน ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ย่อมสิ้นไป และความเป็นไปแห่งจักษุอื่นย่อม ไม่เกิดขึ้น ความเป็นไปแห่งหู ฯลฯ ความเป็นไปแห่งจมูก ความเป็นไปแห่งลิ้น ความเป็นไปแห่งกาย ความเป็นไปแห่งใจนี้แล ของสัมปชานบุคคลผู้นิพพานด้วย อนุปาทิเสสนิพพานธาตุ ย่อมสิ้นไป และความเป็นไปแห่งใจอื่นย่อมไม่เกิดขึ้น ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลสและขันธ์ ของสัมปชานบุคคล นี้เป็นปรินิพพานญาณ ฯ ชื่อว่าญาณ เพราะอรรถว่ารู้ธรรมนั้น ชื่อว่าปัญญา เพราะอรรถว่ารู้ชัด เพราะเหตุนั้นท่านจึงกล่าวว่า ปัญญาในความสิ้นไปแห่งความเป็นไปแห่งกิเลส และขันธ์ของบุคคลผู้รู้สึกตัว เป็นปรินิพพานญาณ ฯ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๓ ขุททกนิกาย ปฏิสัมภิทามรรค ที่ชื่อว่า อุปาทิเสสนิพพาน คือ ละกิเลสได้แล้ว แต่ยังไม่ตาย ที่ชื่อว่า อนุปาทิเสสนิพพาน คือ ละกิเลสได้แล้ว และตายแล้ว ปรินิพพาน คือความดับรอบแห่งกองขันธ์ทั้งมวล และจะไม่มีขันธ์ใดเหลืออยู่ และจะไม่มีขันธ์ใดเกิดขึ้นอีก หวังว่าพุทธพจน์บทนี้ จะทำให้แจ้งชัดเรื่องนิพพานกันได้ |
เจ้าของ: | น้องนุ่น [ 02 ก.ค. 2009, 17:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
อ่านแล้วรู้สึกดีมากๆค่ะ ขอบคุณนะค่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | suwichai [ 03 ก.ค. 2009, 00:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
1. สรรพสิ่งในโลกและในจักรวาล ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญ ไม่ใช่หรือครับ เพราะทุกอย่างมันเป็นอนัตตา แต่ทำไมชาวโลกจึงเห็นว่าทุกสรรพสิ่งมีตัวตน ไม่ว่าง และไม่สูญล่ะ 2. คิริมานนทสูตร ( อุบายรักษาโรค ) : เมืองพระนิพพาน ตทนนฺตรํ ในลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรัสเทศนาต่อไปอีกว่า อานนฺท ดูกรอานนท์ นิพฺพานํ นครํ นาม อันชื่อว่าเมืองพระนิพพานย่อมตั้งอยู่ในที่สุดแห่งโลก โลกมีที่สุดเพียงใด พระนิพพานก็ตั้งอยู่ที่สุดเพียงนั้น พระนิพพานเป็นพระมหานครอันใหญ่ เป็นที่บรมสุขหาที่เปรียบมิได้ ......อยากอ่านต่อ เปิดgoogle แล้วไปหาอ่านเอาเอง 3. http://board.palungjit.com/attachment.p ... 1202950385 วันหนึ่ง หลวงพ่อ(ดู่) ได้เล่าถึงการปฏิบัติ โดยท่านเป็นผู้บอกว่า “ เมื่อไปถึงวิมานแก้วได้แล้ว เป็นวิมานแก้วของพระพุทธเจ้าก็เหมือนกุฏิของพระพุทธเจ้า นอกจากนี้ก็มีวิมานพระธรรม อยู่ไปทางขวามือของพระพุทธเจ้ามีตู้พระไตรปิฎกอยู่หลายตู้ เขียนเป็นภาษาบาลีอักษรขอม ถ้าอยากรู้แปลว่าอะไรให้ถามหลวงปู่ทวด ซ้ายมือเป็นวิมานของพระสงฆ์ มีพระสงฆ์อยู่พระพุทธเจ้าเป็นประธาน แกเดินจิตให้ดีจากวิมานแก้วจะไปถึงพระพุทธรูป 4 องค์ของกัปป์นี้ มีลักษณะหน้าตักกว้างไม่เท่ากันตามบารมี องค์แรกเป็นของพระกกุสันโธมีหน้าตักกว้าง 20 วา องค์ที่สองพระโกนาคม หน้าตัก 15 วา องค์ที่สาม ของพระกัสสปหน้าตัก 10 วา องค์ที่สี่ หน้าตัก 5 วา ถ้าเป็นพระศรีอริย์องค์ที่ห้า ยังไม่ปรากฎถ้าอธิษฐาน ขอดูจะพบว่ามีหน้าตักเท่ากับองค์แรก เพราะท่านสร้างบารมีมาถึง 16 อสงไขยกับแสนมหากัปป์ ทำจิตให้ดี เดินจิตให้ถึงที่หลังพระทั้ง สี่องค์ มีที่เวิ้งว้างไม่มีประมาณนั้นแหละคือ แดนพระนิพพานจริงๆ ไม่มีอะไรเลยเป็นสภาพของความว่าง แต่ไม่ใช่สูญนะแก |
เจ้าของ: | suwichai [ 03 ก.ค. 2009, 00:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ความจริงแล้ว แดนนิพพานเป็นภาวะวิมุตติ เต็มไปด้วยความสุขบริสุทธิ์ หยั่งรู้ได้ยากจากอายตนะ ขันธ์ 5 แต่ถ้าผู้อยู่ในวิมุตติ เช่น พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ จะแสดงวิมุตติให้คนทั่วไปรู้คงไม่ได้ พวกท่านจึงต้องทำให้เกิดสิ่งที่เป็นสมมุติขึ้นมาให้เห็น เป็นพระแก้ว วิมานแก้ว เมืองแก้ว ไม่อย่างงั้นจะแสดงนิพพานที่เป็นวิมุตติให้คนที่เป็นสมมุติรับรู้ได้ คงยากมากๆๆๆ |
เจ้าของ: | walaiporn [ 03 ก.ค. 2009, 00:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
กระทู้ล่อเป้าจริงๆ ![]() เหตุมี ผลย่อมมี |
เจ้าของ: | suwichai [ 03 ก.ค. 2009, 23:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
นิพพานโลกุตตระภูมิ เป็นนิพพานจริงแท้ เป็นอสังขตธาตุ ไม่พึงกล่าวว่าเป็นอัตตา ทั้งไม่พึงกล่าวว่าเป็นอนัตตา ไม่มีดินแดน ชี้ให้เห็นไม่ได้ แต่การแสดงสภาวธรรมของนิพพานนั้นด้วยดินแดนก็ดี หรือกายของพระอรหันต์ก็ดี จึงต้องใช้ธรรมกายเป็นการสื่อสารกับจิตที่ยังข้องอยู่ในสมมุติบัญญัติ เราเห็นโลกุตตระจิต หรือวิมุตติจิตไม่ได้หรอก นอกจากพบพระอรหันต์ที่ยังทรงขันธ์อยู่น่ะได้ หากท่านดับขันธ์เสียแล้วก็เห็นได้แต่ธรรมกาย |
เจ้าของ: | walaiporn [ 03 ก.ค. 2009, 23:48 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
โอ๊ย!!!!! อ่านแล้วปวดฟัน ![]() |
เจ้าของ: | natdanai [ 04 ก.ค. 2009, 13:10 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ท่าน mes ครับ...ขออภัยไว้ก่อนเลยนะครับ ![]() เรื่องของพระนิพพานนั้นเขาไม่นำมาเป็นเรื่องวิเคราะห์วิจารณ์กันนะครับ... ![]() มันไม่คุ้มกันหรอกครับ ขาดๆ เกินๆ... ![]() อีกอย่างนึงคือ คนที่ยังไม่กระทบกระแส อธิบายยังไงก็ไม่รู้หรอกครับ ที่รับรู้ไปนั่นน่ะมันไม่ใช่ทั้งหมดนั่นแหละ มันก็แค่สัญญาขันธ์ เหมือนแผนที่ เหมือนโบร์ชัวร์แพ็คเกจทัวร์ แต่ยังไม่ตัดสินใจจะเดินทาง มีแต่เอามาดูว่า พระนิพพานนั้นเขาว่าเป็นยังไงนะ ![]() ![]() ![]() ถ้าคนที่ได้กระทบกระแสแล้ว ไม่ต้องอธิบายอะไรเลยครับ เขารู้แล้ว พวกที่ซื้อตั๋วแล้วก็มีเยอะ...กำลังเก็บกระเป๋าเตรียมตัวเดินทาง(ปฏิบัติบูชา) พวกที่ขึ้นรถแล้วก็มีเยอะ...กำลังเริ่มออกเดินทางไป(ได้ญาณแล้ว เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสที่ใต้ร่มโพธิ์ เมื่อคืนวันวิสาข "เมื่อเรายังไม่ได้พบญาณ เราได้ท่องเที่ยวไปในวัฏฏสงสารเป็นเอนกชาติ") พวกที่อยู่ระหว่างทางก็มีอีกเยอะ....ตรงระหว่างทางนี่ก็แตกต่างกันไปนะครับ ขึ้นอยู่กับว่าซื้อทัวร์บริษัทไหน ![]() แต่สำหรับบางคนที่ไม่ชอบเที่ยวก็ไปแบบรถประจำทางเลยก็มีเยอะครับ ![]() ![]() ![]() พวกที่ใกล้ถึงแล้วก็มี...เห็นปลายทางแล้ว ไม่สนใจข้างทางแล้ว พระนิพพานอยู่ตรงหน้าแล้ว กำลังทำหนังสือผ่านแดนอยู่ ตรวจสัมภาระอยู่ ว่ามีสิ่งของต้องห้าม(อารมณ์)รึป่าว ส่วนพวกที่ผ่านเข้าไปแล้วก็ไม่กลับมาแล้ว... ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | mes [ 04 ก.ค. 2009, 17:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
คุณnatdanai คนทีโพสต์ว่าพระพุทธเจ้าเป็นโรคจิตไม่ผิด ผมโพสตกระทู้แดนนิพพานกลายเป็นผมผิด ลบชื่อผมออกจากเวปปธรรมจักรไปเลย จะได้สะใจ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | mes [ 04 ก.ค. 2009, 18:01 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ขอเรียกร้องความเป็นธรรมครับ กระทู้ทีผมโพสต์ผิดกฏตรงไหน |
เจ้าของ: | mes [ 04 ก.ค. 2009, 18:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
คุณnatdanai จะเอาแต่กระทู้กินเนื้อหมาใช่ไหม ไม่ได้ท้าทาย ผมผิดbanผมไปเลย ขอขอบคุณทุกท่านครับ |
เจ้าของ: | mes [ 04 ก.ค. 2009, 18:13 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ก่อนจะถูกไล่ ขอถาม เวปธรรมจักร ตั้งขื้นเพื่อสัจจธรรม หรือ เพื่อเอาใจใคร |
เจ้าของ: | mes [ 04 ก.ค. 2009, 18:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: แดนนิพพาน |
ข้อความเต็มถูกลบไปแล้ว เหลืองแต่ อ้างคำพูด: อ้างอิงคำพูด:
2. ทุกชาติ ทุกศาสนา ทุกเผ่าพันธ์ ที่เคยเจอ วิญญาณ(ธาตุ) ในรูปของผี เทวดา และเปรต ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ล้วนแล้วแต่จิตหลอน เป็นโรคจิตทั้งนั้น 3. พระพุทธเจ้า พระอานนท์ พระสารีบุตร ฯลฯ รวมทั้งพระเยซู ต่างก็เจอ วิญญาณ(ธาตุ) ในรูปของผี เทวดา เปรต พรหม ฯลฯ พวกท่านต่างก็ต้องจิตหลอน เป็นโรคจิตทั้งสิ้น ขอความเห็นหน่อย |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |