วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 11:11  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 09:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว




2643605056711sb9.gif
2643605056711sb9.gif [ 3.96 KiB | เปิดดู 2774 ครั้ง ]
อ้างคำพูด:
ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรกเล่า

การโปรดสัตว์นรกไม่ใช่โปรดด้วคำเทศน์อย่างเดียว แต่สามารถโปรดได้ด้วยการทำบุญกุศลส่งไปให้เขา หรือไม่ก็ทำสมาธิแผ่เมตตาไปให้เขา บุญกุศลและการแผ่เมตตาของเราจะช่วยลดวิบากกรรมเขาลง เขาจะได้กลับตัวกลับใจใหม่




ก็ในเมื่อทำบุญส่งไปได้ แล้วท่านจะลงไปนรกทำไมงับ => (ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรก เล่า)

เออ ทีแรกกรัชกายนึกว่า ท่านจะเป็นพระมาลัย


ก็นะ ตามตำราบอกไว้ว่า การทำบุญอุทิศ ใช่ว่าจะรับได้ได้รับกันทุกภพทุกภูมิก็หาไม่ เพราะบางภพบางภูมิเขามีอาหารของเขาเอง (เอาที่เห็นๆ) เช่นไปเกิดเป็นสัตว์ติรัจฉาน เป็นวัวเป็นควาย ฯลฯ วัวควายก็มี
หญ้า ฯลฯ เป็นอาหาร ก็กินหญ้าไปจนตาย


ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ก็มีวิบากที่ได้รับนั่นๆ แหละเป็นอาหาร

จะอุปมาให้เห็นภาพ เหมือนคนซาดิดส์ยิ่งถูกทุบถูกตีแล้วมีความสุข รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ประมาณเนี่ย
(เด็กและเยาวชน อ่านควรมีผู้ปกครองให้คำแนะนำ) :b9:
หรือ คล้ายๆคนเป้นโรคกลาก โรคเรื้อนยิ่งเกาๆ ยิ่งรู้สึกชื่นใจมีสุขๆจากการเกา ยิ่งได้ย่าง่ตัวบนถ่านเพลิงร้อนๆ
ยิ่งเป็นสุขอื่มอกอิ่มใจ

สัตว์นรกก็ประมาณนั้น ยิ่งได้รับทุกข์ทรมานก็ยิ่งเป็นสุข จะรู้สึกอิ่ม :b32:

สัตว์จำพวกที่ได้รับผลบุญที่เขาอุทิศไห้ได้ ตามตำราว่า ได้แก่เปรตชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า
ปรทัตตูปชีวเปรต (เปรตที่อาศัยผลบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้เป็นอยู่)

หากไปเกิดเป็นเทพ เทพก็มีอาหารของตนเอง ก็ไม่ได้รับเช่นเดียวกัน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 11:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บางครั้งเราใช้คำพูด หรือ ศัพท์ทางธรรมบางศัพท์ หลายๆ ครั้งทำให้เข้าใจไขว่เขวออกนอกทางธรรมได้

เช่น “การเข้านิพพานของมนุษย์ต่างจากสุธาวาสพรหมอย่างไร”

ตัวอย่าง “เข้านิพพาน....” ในตำราไม่ใช้คำว่า “เข้า”

ขนาดท่านใช้คำว่า บรรลุนิพพาน ยังว่า



คำว่า “บรรลุนิพพาน” ใช้ตามที่เห็นว่าเป็นคำคุ้นหู หรือ ฟังง่ายสำหรับคนทั่วไป
แต่ความจริงคำที่ถูกต้องตรงกว่า หรือ ถือได้ว่าเป็นคำศัพท์เฉพาะสำหรับกล่าวถึงการบรรลุนิพพาน ได้แก่
คำว่า “สจฺฉิกิริยา”
(คัมภีร์รุ่นหลังใช้ สจฺฉิกรณ บ้าง รูปกริยาเป็น สจฺฉิกโรติ ฯลฯ ซึ่งแปลว่า การทำให้แจ้ง
แปลตามอรรถกถาว่า การทำให้ประจักษ์ หมายถึงประสบเอง

คำว่า การทำนิพพานให้แจ้ง ฟังดูไม่สู้สะดวกสำหรับคนทั่วไป จึงเลี่ยงมาใช้คำว่า บรรลุนิพพาน

ส่วนคำว่า บรรลุ ตรงกับบาลีว่า อธิคม (รูปกริยาเป็น อธิคจฺฉติ เป็นต้น)
และ ปตฺติ (รูปกริยา และ คุณนามที่ใช้กับนิพพาน คือ ปตฺต)
ทั้งสองคำนี้ พบที่ใช้กับนิพพานหลายแห่ง แต่ก็รองลงมา และส่วนมากใช้ในคำร้อยกรอง คือ คาถา

คำนอกนี้ มีใช้กับนิพพานเพียงประปราย และส่วนมากมาในคำร้อยกรอง ได้แก่ รูปต่างๆของคำ
กริยา ต่อไปนี้ คือ อาราเธติ (ให้สำเร็จ) ผุสติ (สัมผัส ถูกต้อง) คจฺฉติ (ถึง)
ลภติ (ได้)




เราไปใช้คำว่า เข้า ก็นึกว่า (คงจะ) เข้า แบบ (เดิน) เข้าห้าง เข้า ร้านสะดวกซื้อ ประมาณเนี่ย
เลยมองนิพพาน เป็นถิ่นที่ หรือ มีโลกเอกเทศอีกโลกหนึ่ง หรือ ภพภูมิหนึ่ง (โลกนิพพาน)
หลังจากตายแล้วก็ไปร่วมกันอยู่ที่นั่น (เดิน) เข้านิพพาน



ผู้ที่คิดเห็นอย่างนั้นพึงศึกษาอริยสัจลิงค์นี้ ที่ที่อธิบายความหมาย ทุกข์ สมุทัย นิโรธ ฯลฯ

viewtopic.php?f=2&t=22926&start=15

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 มิ.ย. 2009, 17:37
โพสต์: 123


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ"กรัชกาย" ครับ


ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรกเล่า

การโปรดสัตว์นรกไม่ใช่โปรดด้วคำเทศน์อย่างเดียว แต่สามารถโปรดได้ด้วยการทำบุญกุศลส่งไปให้เขา หรือไม่ก็ทำสมาธิแผ่เมตตาไปให้เขา บุญกุศลและการแผ่เมตตาของเราจะช่วยลดวิบากกรรมเขาลง เขาจะได้กลับตัวกลับใจใหม่



1. ก็ในเมื่อทำบุญส่งไปได้ แล้วท่านจะลงไปนรกทำไมงับ => (ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรก เล่า)

เออ ทีแรกกรัชกายนึกว่า ท่านจะเป็นพระมาลัย

....วิญญาณธาตุจำเป็นต้องมีที่อยู่ บางท่านเลือกอยู่ชั้นดุสิต บางท่านเลือกอยู่ในนรก เช่น พระกษิติครรถ์โพธิสัตว์ ผมหมายถึงเมื่อตายแล้ว คุณอยากขึ้นสวรรค์ก็ตามใจคุณ แต่ผมจะต้องไปนรก เพราะเสียงเรียกร้องโหยหวนจากที่นั่น มันน่าสงสารอย่างมาก

ถ้าผมอยู่บนสวรรค์ ผมจะไม่สนเหล่าวิญญาณบาปนั้น เพราะมีแต่ความสุข ถ้าผมอยู่ในนรก เมื่อทำกรรมฐานทีไร ผมจะเห็นพวกเขา และก็จะแผ่เมตตาให้เขา

อยู่ที่ใดไม่สำคัญในเมื่อใจของเราไม่ทุกข์แล้ว


ก็นะ ตามตำราบอกไว้ว่า การทำบุญอุทิศ ใช่ว่าจะรับได้ได้รับกันทุกภพทุกภูมิก็หาไม่ เพราะบางภพบางภูมิเขามีอาหารของเขาเอง (เอาที่เห็นๆ) เช่นไปเกิดเป็นสัตว์ติรัจฉาน เป็นวัวเป็นควาย ฯลฯ วัวควายก็มีหญ้า ฯลฯ เป็นอาหาร ก็กินหญ้าไปจนตาย

ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ก็มีวิบากที่ได้รับนั่นๆ แหละเป็นอาหาร

จะอุปมาให้เห็นภาพ เหมือนคนซาดิดส์ยิ่งถูกทุบถูกตีแล้วมีความสุข รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ ประมาณเนี่ย
(เด็กและเยาวชน อ่านควรมีผู้ปกครองให้คำแนะนำ) :b9:
หรือ คล้ายๆคนเป้นโรคกลาก โรคเรื้อนยิ่งเกาๆ ยิ่งรู้สึกชื่นใจมีสุขๆจากการเกา ยิ่งได้ย่าง่ตัวบนถ่านเพลิงร้อนๆ ยิ่งเป็นสุขอื่มอกอิ่มใจ

สัตว์นรกก็ประมาณนั้น ยิ่งได้รับทุกข์ทรมานก็ยิ่งเป็นสุข จะรู้สึกอิ่ม :b32:

....1. มันไม่ใช่อย่างนั้น สัตว์ติรัจฉาน เช่น วัว ควาย แมลงสาป หนู ฯลฯ มันมีอาหารกิน ก็เพราะบุญของมัน แต่บุญมันมีน้อย เพราะมันเลือกทำบาปเป็นส่วนใหญ่ ก็ต้องรับผลของบาป คือ ทุกข์ แต่ทุกวิญญาณต่างก็ต้องการมีสุขทั้งนั้น ถ้าคนในครอบครัวของคุณอยูในนรก คุณจะพูดอย่างนี้หรือเปล่านะ

....2. การทำบุญอุทิศกุศลให้ดวงวิญญาณ ยากที่จะส่งเข้าไปถึงนรก แต่การแผ่เมตตาออกจากกรรมฐานเมื่อจิตอยู่ในฌาน 4 สามารถเข้าไปถึงได้ในเกือบทุกอบายภูมิ

2.1 ถ้าเป็นนรก เวลาที่เขารับโทษของสัตว์นรกนั้นจะน้อยลง เช่น จาก 10000 ปี พอเราแผ่เมตตาไป 1 ครั้ง โทษของเขาอาจจะลดลง 100 ปี เหลือ 9900 ปี เป็นต้น

2.2 ถ้าเป็นภูมิเปรต ผลของการแผ่เมตตา จะไปสร้างปัจจัย 4 ให้เกิดขึ้นกับเขาเหล่านั้น เปรตบางตัว กลับกลายเป็นนางฟ้า เทวดา มากต่อมากครั้ง พวกเขามาขอบคุณผม และพาไปดูที่อยู่เดิมกับที่อยู่ใหม่ของเขา


3. สัตว์จำพวกที่ได้รับผลบุญที่เขาอุทิศไห้ได้ ตามตำราว่า ได้แก่เปรตชนิดหนึ่ง ที่เรียกว่า
ปรทัตตูปชีวเปรต (เปรตที่อาศัยผลบุญที่ผู้อื่นอุทิศให้เป็นอยู่)

หากไปเกิดเป็นเทพ เทพก็มีอาหารของตนเอง ก็ไม่ได้รับเช่นเดียวกัน

....ความทุกข์ก็คือทุกข์ เขาไม่มีอะไรกิน ก็เป็นทุกข์ เขาโดนไฟนรกเผาก็เป็นทุกข์ มีแต่คนโง่ที่ไม่เข้าใจไปบอกว่า ท้องเขาหิวเป็นสุข โดนไฟเผาเป็นสุข และเป็นอาหาร

อาหารในปรโลกหรือแม้แต่ในโลก ล้วนเกิดจากผลบุญทั้งสิ้น คนอัฟริกาอดอยาก แต่ก็มีอาหารกิน แม้จะน้อยมาก ก็เพราะบุญเขาเคยทำมา แต่ทำมาน้อย

ปลวก แมลงสาบ หนู ฯลฯ ต่างก็มีอาหารของมันกิน ก็เพราะบุญเล็กน้อยที่มันเคยสร้าง บาปไม่เคยสร้างปัจจัย 4 ให้ดวงวิญญาณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 12:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 09 มิ.ย. 2007, 21:13
โพสต์: 2631

อายุ: 0
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณnatdanai

อ่านนิพพานจากกระทู้นี้หรือยัง

ถ้าอ่านแล้วเห็นด้วยไหมครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 12:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ถ้าผมอยู่บนสวรรค์ ผมจะไม่สนเหล่าวิญญาณบาปนั้น เพราะมีแต่ความสุข
ถ้าผมอยู่ในนรก เมื่อทำกรรมฐานทีไร ผมจะเห็นพวกเขา และก็จะแผ่เมตตาให้เขา

อยู่ที่ใดไม่สำคัญในเมื่อใจของเราไม่ทุกข์แล้ว




ก็คุณมีบุญ จึงต้องไปเกิดบนสรวงสวรรค์แดนสุขาวดี แล้วคุณจะไปอยู่นรก ใครเขาจะให้อยู่ คุณจะอยู่ได้ยังไงกัน เพราะคุณไม่ใช่เจ้าของนรกนะงับ จะได้อยู่ตามอำเภอใจ :b32:

ไม่ต้องดูอื่นไกล คนยากคนจนในบ้านเมืองเรานี่ล่ะ บ้านเรือนของตนเองก็ไม่มี ที่ดินสักตารางนิ้วก็ไม่มี มีชีวิตเร่ร่อน มืดตรงไหนนอนตรงนั้น ตามสวน/ที่สาธารณะ ถนนหนทาง ริมฟุตบาธ เทศกิจยังตามไล่เลย
นอนหน้าบ้านใครเจ้าของเขาก็ไล่ ตัวอย่างเห็นง่ายๆ นี่คือนรกบนดิน/นรกทันตาเห็นของเขาเหล่า
นั้น :b7:

คุณไม่มีบ้าน ไม่มีที่ดินในนรกคุณจะอยู่ได้ยังไง เขาก็ไล่คุณไปอยู่สวรรค์อยู่ดี :b16:

เมื่อทำกรรมฐานทีไร ผมจะเห็นพวกเขา และก็จะแผ่เมตตาให้เขา

คุณทำกรรมฐานแบบนั้นไม่ถูกหลัก ตามความคิดขณะปัจจุบันไม่ทัน หลงอดีตารมณ์ คุณเห็นอะไรในขณะนั้นๆ ควรกำหนดจิต เห็นหนอๆๆ ซี่ ยึดอารมณ์กรรมฐานคือลมหายใจเข้าออกภาวนาไป
เห็นใคร เห็นอะไร เห็นหนอๆๆ ได้ยินเสียงอะไรๆ เสียงหนอๆๆๆ ทุกๆขณะที่เห็น/ได้ยิน ฯลฯ ที่คิด

ไม่ใช่แผ่เมตตาเอาตอนนั้น หากจะแผ่เมตตา หรือ ทำอะไรก็ต้องเลิกออกมาก่อน แล้วจึงทำ จะแผ่เมตตา
หรืออุทิศอะไรก็ว่ากันไปช่วงนี้



หากจะพูด ถึงนิพพาน ควรศึกษาความหมาย อวิชชา - ความไม่รู้สภาวะ ให้เข้าใจก่อนคงดีมากมาย
:b16: :b38:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 19:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


mes เขียน:
คุณnatdanai

อ่านนิพพานจากกระทู้นี้หรือยัง

ถ้าอ่านแล้วเห็นด้วยไหมครับ


เพิ่งได้อ่านครับ... :b6: :b6:
เห็นด้วยกับท่านกรัชกายครับ "ทำให้แจ้ง" :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 19:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เห็นด้วยกับท่านกรัชกายครับ "ทำให้แจ้ง"


แล้ว เห็นด้วยไหมครับ ที่ท่านพลศักดิ์จะไปอยู่ในนรก :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 19:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 18 เม.ย. 2008, 13:18
โพสต์: 1367

ที่อยู่: bangkok

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
เห็นด้วยกับท่านกรัชกายครับ "ทำให้แจ้ง"


แล้ว เห็นด้วยไหมครับ ที่ท่านพลศักดิ์จะไปอยู่ในนรก :b1:

ไม่มีความเห็นครับเรื่องนี้... :b32: :b32:
มันเป็นอุปปาทานของเขาครับ...เขาจะไปครับ ห้ามยังไงก็ไม่ฟังหรอกครับ :b13:

.....................................................
ตั้งสติไว้ มองความจริงตามความเป็นจริง


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 21:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เดียวก็บอกว่า..ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรกเล่า..ทำนองว่ามีแต่ตัวเขา..คนอื่นไปอยู่สวรรค์..อยู่สบาย
พอเขาว่า..นรกไม่ใช่ของคุณ..ใช่อยากอยู่แล้วเขาจะให้อยู่
ก็กลับมาบอกว่า..การโปรดสัตว์นรกไม่ใช่โปรดด้วคำเทศน์อย่างเดียว แต่สามารถโปรดได้ด้วยการทำบุญกุศลส่งไปให้เขา หรือไม่ก็ทำสมาธิแผ่เมตตาไปให้เขา บุญกุศลและการแผ่เมตตาของเราจะช่วยลดวิบากกรรมเขาลง

เขาก็ว่า...เมื่ออุทิศให้ได้..แล้ว..คุณจะไปอยู่นรกทำไม

คุณ..ก็ไม่ตอบ..คุณsuwichai ทำอะไรอยู่

เหตุที่ไม่ตอบ..ก็เพราะ..เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมั่ว..วนไปวนมา..จนมา..งับหางตัวเองเข้าแล้ว..นะซิ.. อิ..อิ..อิ..โอ้ย...ขำ


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 06 ก.ค. 2009, 22:11, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 พ.ค. 2008, 14:14
โพสต์: 3835

อายุ: 12
ที่อยู่: กทม.

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
เดียวก็บอกว่า..ถ้าข้าไม่ยอมลงนรก แล้วใครจะลงโปรดสัตว์นรกเล่า..ทำนองว่ามีแต่ตัวเขา..คนอื่นไปอยู่สวรรค์..อยู่สบาย
พอเขาว่า..นรกไม่ใช่ของคุณ..ใช่อยากอยู่แล้วเขาจะให้อยู่
ก็กลับมาบอกว่า..การโปรดสัตว์นรกไม่ใช่โปรดด้วคำเทศน์อย่างเดียว แต่สามารถโปรดได้ด้วยการทำบุญกุศลส่งไปให้เขา หรือไม่ก็ทำสมาธิแผ่เมตตาไปให้เขา บุญกุศลและการแผ่เมตตาของเราจะช่วยลดวิบากกรรมเขาลง

เขาก็ว่า...เมื่ออุทิศให้ได้..แล้ว..คุณจะไปอยู่นรกทำไม

คุณ..ก็ไม่ตอบ..

เหตุที่ไม่ตอบ..ก็เพราะ..เริ่มรู้ตัวว่าตัวเองมั่ว..วนไปวนมา..จนมา..งับหางตัวเองเข้าแล้ว..นะซิ.. อิ..อิ..อิ..โอ้ย...ขำ



เชยยยยจังเลย
ผมรู้ตัวก่อน สบายก่อน ล้ำกว่า :b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2009, 21:53 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เชยยยยจังเลย
ผมรู้ตัวก่อน สบายก่อน ล้ำกว่า :b32: :b32: :b32


อิ..อิ..อิ..แบบว่า..มันหน้ามืด..ขำ..ขำ..จนเลือดขึ้นสมอง..เล้ยไม่ได้ดู..ว่าใครว่าอะไรไปแล้วบ้าง..นะ..อิ..อิ..อิ.

(กำลังวนกลับไปอ่าน)
โอ้ย..คุณ..สุภาพราบเรียบ..อย่างนี้..จะไปสะกิดต่อมเทพ..(ของเขา) ได้หรื้อ..อิ..อิ..อิ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 26 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 72 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร