ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23464 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 05 ก.ค. 2009, 09:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา |
พระเจ้าพิมพิสาร ทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินแห่งแคว้นมคธ เป็นพระ โสดาบันยังเป็นพระเจ้าแผ่นดินได้ ชีวกโกมารภัทรเป็นหมอเป็นพระโสดาบัน ยังรักษาพระภิกษุได้คนอื่นๆ ด้วย วิสาขามีคารมาดา(และ)ท่านอนาถบิณ- ฑิกเศรษฐีก็เป็นพ่อค้านักธุรกิจก็เป็นพระโสดาบันแล้ว ให้ทราบว่าแต่ละชีวิตเกิดในขณะที่ปฏิสนธิประมวลมาซึ่ง กรรมและสิ่งซึ่งมีปัจจัยที่จะเกิดขึ้นเป็นไปในชาตินั้นตามที่ได้ประมวลมา สำหรับปฏิสนจิตในขณะนั้น เมื่อเกิดเป็นคน ก็เป็นผลของกุศลกรรม ประกอบด้วยปัญญาและไม่ประกอบด้วยปัญญา อันนี้ก็ต่างกันนัยหนึ่งนะ ก็จะเห็นได้ถึงแต่ล่ะบุคคลมีความสนใจมีความเข้าใจธรรม มีการศึกษาประ- พฤติปฏิบัติละเอียดขึ้นหรือเปล่า ก็แสดงให้เห็นว่าเป็นไปตามการสะสม เรา จะทำให้คนที่เขาไม่ได้สะสมปัญญา ให้เขามีความเข้าใจธรรม จนกระทั่งมี ความสามารถที่จะรู้แจ้งสภาพธรรมได้ไหม ? ...ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเขา มีฉันทะมีความพอใจที่จะเป็นนักดนตรี ที่จะเป็นนักกฎหมาย ที่จะเป็นวิศวกร จะไปเปลี่ยนความที่เขาสะสมมาที่จะมีฉันทะในทางนั้นๆ ได้ไหม ? ...ก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่าการสะสมมาทั้งหมดในแสนโกฏิกัปนี้น่ะ ก็ ประมวลมาที่จะทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้น เป็นไปพร้อมด้วยสิ่งที่ได้สะสมมา ต่างๆ กันไป ไม่ต้องคิดว่าเป็นพระโสดาบันแล้วจะไม่ช่วยใครหรือว่าเป็นพระ สกทาคามีแล้ว จะไม่ทำประโยชน์ ...ไม่ใช่อย่างนั้นเลย คนที่ไม่รู้ความ จริงอกุศลมาก อกุศลเป็นประโยชน์แก่ใครแม้กับตัวเองหรือคนอื่นก็ไม่ใช่ ใช่ ไหมแต่เวลาที่กุศลเกิดขึ้นไม่ใช่กับตัวเองเท่านั้น ยังเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น ด้วย เพราะฉะนั้นก็ไม่หวั่นไหวเลยนะคะในเรื่องของการที่ว่าเมื่อรู้สภาพธรรม แล้ว จะไม่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น หรือที่ใช้ คำว่า สังคมแต่จะเป็นผู้ที่หนัก แน่นมั่นคงในธรรมที่เป็นกุศล มีชีวิตที่ไม่เป็นไปในทางที่ทุจริตแต่กว่าจะถึง อย่างนั้นนะ ภาวนาธิษฺฐานชีวิตเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วย การอบรมที่มั่นคง เพื่อที่จะได้รู้ความจริงด้วยการดำเนินชีวิตที่เป็นสัมมาอาชีวะๆ นี้ กาย วาจา สุจริตด้วยนะคะรวมทั้งการอาชีพ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็วันหนึ่งก็สามารถที่จะอบรม เจริญปัญญายิ่งๆ ขึ้น แล้วก็ล่ะอกุศลได้ตามกำลังของปัญญา เมื่อมัคควิถีจิตดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดสืบต่อหลายขณะแล้ว ปัจจ- เวกขณะวิถีก็เกิดขึ้นพิจารณามัคคจิตวาระ ๑ ผลจิตวาระ ๑ พระนิพพานวาระ ๑ กิเลสที่ดับแล้ววาระ ๑ กิเลสที่ยังเหลือวาระ ๑ รวมเป็นปัจจเวกขณะวิถี ๕ วาระ เมื่อมัคควิถีดับไปแล้ว ปัจจเวกขณะวิถีต้องเกิดต่อทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้ พระอริยบุคคลจึงไม่เข้าใจผิดในคุณธรรมที่ตนบรรลุคือพระโสดาบันบุคคล ไม่ เข้าใจผิดว่าท่านเป็นพระสกทาคามีบุคคล พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระ อรหันต์ก็โดยนัยเดียวกัน การบรรลุอริยสัจจธรรมขั้นต่อไป คือสกทาคามิมัคควิถี อนาคามิมัค- ควิถีและอรหัตตมัคควิถีนั้น มหากุศลที่เป็นโคตรภู ก็เปลี่ยนเป็นโวทาน (ผ่องแผ้วขึ้น) เพราะท่านข้ามพ้นความเป็นปุถุชนแล้ว ถ้าเป็นโลกุตตรฌานจิตขั้นใด ก็เกิดร่วมกับองค์ฌานขั้นนั้น คือถ้า เป็นโลกุตตรทุติยฌาน ก็ไม่มีวิตกเจตสิกซึ่งเป็นสัมมาสังกัปปะเกิดร่วมด้วย ถ้า เป็นโลกุตตรตติยฌาน ก็ไม่มีวิจารเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าเป็นโลกุตตรจตุตถ- ฌาน ก็ไม่มีปีติเจตสิกเกิดร่วมด้วย ถ้าเป็นโลกุตตรปัญจมฌาน ก็มีอุเบกขาเวท- นาเกิดร่วมด้วยแทนโสมนัสสเวทนา มัคควิถีจิตของผู้บรรลุอริยสัจจธรรมได้รวดเร็วนั้น เป็น ติกข- บุคคล ไม่จำเป็นต้องมีบริกัมม์ ฉะนั้น มัคคชวนวิถีจึงมีแต่... อุปจาร ๑ ขณะ อนุโลม ๑ ขณะ โคตรภู ๑ ขณะ มัคคจิต ๑ ขณะ และ ผลจิตเพิ่มจาก ๒ ขณะ เป็น ๓ ขณะ รวมเป็นชวนวิถีจิต ๗ ขณะ เมื่อปัญญาอบรมสมบูรณ์ พร้อมที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ประกอบด้วย องค์ของการตรัสรู้ คือ โพชฌงค์ ๗ สมบูรณ์ด้วย โพธิปักขิยธรรม ๓๗ (สติ- ปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มัคค์มีองค์ ๘) แล้ว โลกุตตรจิต ประกอบด้วยมัคค์มีองค์ ๘ ครบทั้ง ๘ องค์ คือ สัมมาทิฏฐิเจตสิก สัมมาสังกัปปเจตสิก สัมมาวาจาเจตสิก สัมมา- กัมมันตเจตสิก สัมมาอาชีวเจตสิก สัมมาวายามเจตสิก สัมมาสติเจตสิก สัม- มาสมาธิเจตสิก ก็เกิดขึ้นประจักษ์แจ้งสภาพของพระนิพพาน เป็น มัคควิถี ทาง มโนทวารดังนี้ คือ ... ภวังค์ เป็นวิบากญาณสัมปยุตตจิต ภวังคจลนะ เป็นวิบากญาณสัมปยุตตจิต (ประเภทเดียวกับภวังค์) ภวังคุปัจเฉทะ เป็นวิบากญาณสัมปยุตตจิต (ประเภทเดียวกับภวังค์) มโนทวาราวัชชนะ เป็นกิริยาจิต บริกัมม์ ๑ เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต อุปจาร ๒ เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต (ประเภทเดียวกับบริกัมม์) อนุโลม ๓ เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต (ประเภทเดียวกับบริกัมม์) โคตรภู ๔ เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตตจิต (ประเภทเดียวกับบริกัมม์) โสตาปัตติมัคคจิต ๕ เป็นโลกุตตรกุศลจิต โสตาปัตติผลจิต ๖ เป็นโลกุตตรวิบากจิต โสตาปัตติผลจิต ๗ เป็นโลกุตตรวิบากจิต ภวังคจิต เป็นวิบากญาณสัมปยุตตจิต -------------------------------------------------------------------------------- ๑ - ๗ เป็นชวนวิถีจิต |
เจ้าของ: | damjao [ 06 ก.ค. 2009, 07:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา |
การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ไม่เศร้าโศกผุดผ่องพ้นผองภัย เป็นมงคลอันยิ่งใหญ่ในโลกา สามสิบแปดมงคลดลสวัสดิ์ พูนพิพัฒน์อำนาจวาสนา ถึงชิงชัยไม่แพ้แก่ปัจจา อยู่ไปมาสวัสดีทุกที่เอยฯ การดำเนินชีวิตด้วยปัญญา ทำให้คนเรารู้เท่าทันกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ไม่หลงโลก เป็นคนสมบูรณ์แบบ หรือมนุษย์โดยสมบูรณ์ มีธรรมนูญชีวิต พุทธจริยธรรมเพื่อชีวิตที่ดีงาม ![]() |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |