วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 10:37  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 206 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2010, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


...


แก้ไขล่าสุดโดย murano เมื่อ 26 ต.ค. 2010, 08:14, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2010, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool มาเขียนอะไรนิดหน่อย ก่อนจะไปเล่นเกม ฮิฮิ... 2 เรื่อง

1. การบันทึกความทรงจำ ที่เราคิดว่า มันเป็นไปได้ที่จะใช้ระบบแม่เหล็ก ไม่ได้หมายความว่า มันจะเป็นระบบดิจิตอลแบบฮาร์ดดิสก์
โมเลกุลหรือสารแม่เหล็ก อาจวางตัวในรูปแบบที่สามารถอ่านออกมาเป็น ภาพ ได้เลย เช่น อาจวางตัวเป็นโครงหน้าของบุคคลทั้งหลาย เวลาอ่านก็ใช้หลักการเหนี่ยวนำข้อมูลเข้าไปใน Buffer ได้เลย ซึ่งนั่นหมายความว่า สมองจะบันทึกข้อมูลแบบ 2 มิติ บนแผ่นระนาบ...

ซึ่งเป็นไปได้ว่า ความทรงจำทั้งหลายนั้น บันทึกลงบนเปลือกสมอง หรือว่าให้ชัดขึ้นก็คือ พื้นผิวของสมอง และอาจบันทึกได้หลายชั้นซ้อนๆ กันไป นั่นก็คือ รอยหยักของสมองจะมีผลมากในด้านความจำ... ยิ่งมีรอยหยักมาก ก็สามารถจำได้มาก
แต่ก็แปลว่า เรา จำ ได้จำกัด

:b6: เราไม่ค่อยรู้เรื่องโครงสร้างของสมองเท่าไร แต่ถ้าเป็นไปตามที่เราเขียน เซลสมองบริเวณที่อยู่ถัดลงมาจากชั้นบันทึกข้อมูล น่าจะมีลักษณะที่ต่างออกไปจากเซลส่วนอื่นๆ ที่ทำหน้าที่เป็นแบตเตอรี่ เพราะมันต้องมีรูปแบบวงจรที่ใช้เพื่อการอ่านข้อมูลโดยเฉพาะ...

ถ้าเราเข้าใจไม่ผิด โครงสร้างของเซลประสาทในสมองจะมีได้อย่างน้อย 4 แบบ
1. เป็นโครงสร้างง่ายๆ ไม่ซับซ้อน เพื่อการเก็บประจุ (เป็นแบตเตอรี่)
2. เป็นวงจรสลับซับซ้อน คล้าย cpu ของคอม เป็นส่วนคอนโทรลเลอร์ อาจมีกระจายๆ ไปในส่วนต่างๆ แต่น่าจะรวมกันมากๆ ที่ระบบลิมบิก
3. เป็นวงจรที่เป็น pattern จำเพาะ เพื่อการอ่านข้อมูลจากเปลือกสมอง
4. เป็นโครงข่ายประสาทสำหรับเก็บข้อมูลประเภท ทักษะ ในซีรีเบลลัม


เรื่องที่ 2... จากแนวคิด รูปปรมัตถ์ เราก็คิดลงรายละเอียดได้อีกนิด
เซลของตัวอ่อนก่อนที่จิตจะเข้ามาเชื่อม น่าจะเป็นเซลที่ ทุกเซลมีสารแม่เหล็ก เซลเหล่านี้จะกลายเป็นตัวกำหนด เส้นลมปราณ ต่อไป...

เมื่อจิตเข้ามาเชื่อม เซลจะเพิ่มจำนวนขึ้น (เติบโตขึ้น) โดยแต่ละเซลที่แบ่งตัวออกไป จะมีเพียงแค่เซนเซอร์สำหรับตอบสนองต่อกระแสของสนามเท่านั้น คือเป็นการขยายรูปออกไปจากของเดิม...
(พอคิดถึงตรงนี้ เราก็มีแนวคิดแปลกๆ อีกแหล่ะ ในกรณีมดปลวก แต่เอาไว้ค่อยเขียน :b32: )

:b6: เซลจากตัวอ่อนดั้งเดิมนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะเป็น อมตะ เพราะมันจะต้องทำหน้าที่เป็นตัวกำหนดเส้นลมปราณ ไปจนกว่าชีวิตจะหมดอายุขัย
จากตรงนี้ มันก็เป็นไปได้ ที่เซลนี้อาจเป็นจุดกำเนิดของ เซลมะเร็ง

แนวคิดเรื่องโรคมะเร็ง เรายังคิดได้ไม่ดีนัก... แต่ถ้าที่เราเขียนนี้มีความเป็นไปได้ ต้นตอของก้อนมะเร็งในอวัยวะต่างๆ ก็น่าจะวางตัวอยู่ในแนวเส้นลมปราณ (ซึ่งหาได้จากวิชาฝังเข็ม) และการลุกลามของโรค ก็จะน่าจะสอดคล้องไปกับเส้นลมปราณเช่นกัน

และแนวคิดเซลอมตะนี้ ก็น่าจะอธิบายได้ว่า ทำไมเราจึงงอกแขนไม่ได้ (จริงๆ สัตว์ทั้งหลายก็งอกไม่ได้แหล่ะ) เพราะจุดกำหนดเส้นลมปราณถูกตัดขาดไปแล้ว ลมปราณจะมีเส้นทางเดินใหม่ โดยต่อกับอีกจุดที่ยังมีอยู่ เพื่อให้ครบวง
ซึ่งนั่นก็น่าจะหมายถึงว่า ตำแหน่งแขนขาที่ขาดไปและมีการซ่อมตัวเอง ก็น่าจะมีความสอดคล้องกับ จุด ต่างๆ ในการแพทย์แผนจีน

จบตอน ฮุฮุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ต.ค. 2010, 23:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ห้วย....ท่านมู...หน่ะ...ง๊าาาาา ทำไมทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เขียนแล้วมาลบออกได้ยังไงงงงง... ง๊าาาาา ไม่ยอม ไม่ยอม...

ก็ช่วงกินเจ...เอกอน...กินแต่ผัก...มันหิวจนตาลายยยย :b23: :b23:
ไม่อยากใช้ขม๋อง...บอกว่า...ออกเจจะมาอ่าน... :b2: :b2:
พอออกเจ...น้ำท่วม...เอกอนไปทำภาระกิจช่วยเหลือสังคม... :b2: :b2:
มันเหน็ด มันเหนื่อย... :b2: :b2: ขม๋องยังไม่ค่อยทำงาน... :b2: :b2:
ก็แว๊บเข้ามาส่องความคืบหน้าทุกวันแต่ไม่ได้อ่าน...
แต่แล้วทำไม....ท่านมูทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เค้าอิ๊ปไว้แล้ว...หง่ะ
มาลบ...ของเค้า...ทามมมมายยยย... :b2: :b2: :b2: :b2:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2010, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool cool cool หวัดดี เปลี่ยนชื่อใหม่เลยนะ...

มาเติมเกร็ดอีกนิด กันสับสน... ที่เราเขียนไปข้างบนน่ะ แสดงว่า โครงร่างของรูปปรมัตถ์ ที่เราเคยเขียนไปนั้น ไม่มี คือไม่มีการกำหนดลงใน DNA

โครงของรูปปรมัตถ์ (เส้นลมปราณ) ก็คือตัวอ่อนทั้งตัว
เป็นการขึ้นรูปปกติ โดยกำหนดให้เซลตัวอ่อนทุกเซลมีจุดควบคุมกระแสในตนเอง (หมายถึงมีจุดที่เป็นช่องทางผ่านของกระแส) ในขณะที่เซลอื่นๆ ที่เติบโตหลังจากนั้น จะมีเพียงเซนเซอร์เท่านั้น...

และจากตรงนี้ เราก็สามารถระบุ เวลา ที่จิตเข้ามาเชื่อมได้อย่างแน่นอน ว่า... ชีวิตเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อใด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2010, 15:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 3
สมาชิก ระดับ 3
ลงทะเบียนเมื่อ: 08 ต.ค. 2010, 17:16
โพสต์: 177

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


eragon_joe เขียน:
ห้วย....ท่านมู...หน่ะ...ง๊าาาาา ทำไมทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เขียนแล้วมาลบออกได้ยังไงงงงง... ง๊าาาาา ไม่ยอม ไม่ยอม...

ก็ช่วงกินเจ...เอกอน...กินแต่ผัก...มันหิวจนตาลายยยย :b23: :b23:
ไม่อยากใช้ขม๋อง...บอกว่า...ออกเจจะมาอ่าน... :b2: :b2:
พอออกเจ...น้ำท่วม...เอกอนไปทำภาระกิจช่วยเหลือสังคม... :b2: :b2:
มันเหน็ด มันเหนื่อย... :b2: :b2: ขม๋องยังไม่ค่อยทำงาน... :b2: :b2:
ก็แว๊บเข้ามาส่องความคืบหน้าทุกวันแต่ไม่ได้อ่าน...
แต่แล้วทำไม....ท่านมูทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เค้าอิ๊ปไว้แล้ว...หง่ะ
มาลบ...ของเค้า...ทามมมมายยยย... :b2: :b2: :b2: :b2:


คุ้นๆมั้ยคะ ท่านเอรากอน เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อนเหรอเปล่า

อ่านมาตั้งเยอะ ต้องขอบอกว่าท่านทั้งสองทั้งเอรากอนและท่านมู...ราโน .........คงจะไปกันได้ดีนะ
เขียนแล้วผู้มีปัญญาน้อยอย่างข้าพเจ้า วาดภาพเป็น เดอะ เมททริค เลย
เห็นเป็นรายละเอียดตัวอักษรลอยเด่น เหนือจอ ...........

:b14: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2010, 16:32 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 ต.ค. 2010, 12:11
โพสต์: 5013


 ข้อมูลส่วนตัว


ploypet เขียน:
eragon_joe เขียน:
ห้วย....ท่านมู...หน่ะ...ง๊าาาาา ทำไมทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เขียนแล้วมาลบออกได้ยังไงงงงง... ง๊าาาาา ไม่ยอม ไม่ยอม...

ก็ช่วงกินเจ...เอกอน...กินแต่ผัก...มันหิวจนตาลายยยย :b23: :b23:
ไม่อยากใช้ขม๋อง...บอกว่า...ออกเจจะมาอ่าน... :b2: :b2:
พอออกเจ...น้ำท่วม...เอกอนไปทำภาระกิจช่วยเหลือสังคม... :b2: :b2:
มันเหน็ด มันเหนื่อย... :b2: :b2: ขม๋องยังไม่ค่อยทำงาน... :b2: :b2:
ก็แว๊บเข้ามาส่องความคืบหน้าทุกวันแต่ไม่ได้อ่าน...
แต่แล้วทำไม....ท่านมูทำอย่างนี้.... :b2: :b2: :b2:

เค้าอิ๊ปไว้แล้ว...หง่ะ
มาลบ...ของเค้า...ทามมมมายยยย... :b2: :b2: :b2: :b2:


คุ้นๆมั้ยคะ ท่านเอรากอน เคยทำเช่นนี้กับใครมาก่อนเหรอเปล่า

อ่านมาตั้งเยอะ ต้องขอบอกว่าท่านทั้งสองทั้งเอรากอนและท่านมู...ราโน .........คงจะไปกันได้ดีนะ
เขียนแล้วผู้มีปัญญาน้อยอย่างข้าพเจ้า วาดภาพเป็น เดอะ เมททริค เลย
เห็นเป็นรายละเอียดตัวอักษรลอยเด่น เหนือจอ ...........

:b14: :b32:


อิ อิ ... สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม... :b14: :b2: :b9:

คือ...ในลานนี้...ก็หลายรสชาดค่ะ...
ท่านมู...ก็มีเอกลักษณ์ของตัวเอง...มีแง่มุมที่ท่านมูสนใจ...
ในนี้ก็มีทั้งเพื่อน ทั้งธรรม...
และ...เพื่อนนอกจากจะมีธรรมมาฝากแล้ว...
บางทีเพื่อนก็นำสาระเพลิน ๆ มาฝาก...หง่ะ...

:b16: :b12: :b12: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2010, 16:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 20 มี.ค. 2010, 19:57
โพสต์: 1014

โฮมเพจ: http://www.vitwong.blogspot.com
อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว www


พวกท่าน คุยกันยาวมาก ผมอ่านไม่ไหว แค่อ่านคร่าวๆ
แต่คันปากเล็กน้อย
จึงมาขอเสนอความเห็นอีก ทางหนึ่ง
จิต เป็น นามธรรม เป็นสภาพรู้
สมอง เป็น รูปธรรม
จิต จึงแตกต่าง จากสมอง
แต่เรา นี่สิ ต้องอาศัยสมองในการคิด ในการจำ
ซึ่งจิต ไม่ต้องเลย จิตอาศัยสัญญาเจตสิก ในการจำ
เรา จึงไม่ใช่จิต
จิต จึงไม่ใช่เรา
เมื่อสมอง แย่ เราพลอยแย่ แต่จิต มันทำหน้าที่รู้ของมันต่อไปไม่ข้องเกี่ยวกับเราเลย
ยกตัวอย่าง ตอนที่เราหลับ เรายังมีจิตหรือไม่
ตอนที่เราหลับสนิทไม่ฝันเลย จิตเรายังคงมีเกิดดับอยู่ที่ หทยวัตถุ
เพราะเหตุนี้
เราตาย ไป จิตจึงมิได้ตายตามเราไปด้วย
จิต ยังคงเกิดดับ เป็นไปในวัฏฏสงสาร ไม่รู้จบ
เรา อาจเกิดใหม่ ด้วยสมองอันใหม่ ซึ่งอาจฉลาดหรือโง่กว่าในชาตินี้ ก็ได้
จิต มันคุ้น กับการเปลี่ยนที่เกิดอยู่แล้ว
บางทีมันก็เกิดที่ตา เรียกจักขุวิญญาณ
บางทีมันก็เกิดที่หู เรียก โสตวิญญาณ
บางทีมันก็เกิดที่ หทยวัตถุ เรียก มโนวิญญาณ
จิต เคลื่อนที่ไม่ได้
ก็แค่ เกิดที่หนึ่ง ตั้งอยู่ ดับไป แล้วไปเกิดอีกที่หนึ่ง ตั้งอยู่ ดับไปอีก
ตอนเรายังไม่ตาย มีใครวัด การเกิดดับของจิตได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ได้บ้าง
แล้วเชื่อไหมว่าจิตมีจริง เกิดดับตามวัตถุ 6 ในร่างกายจริง
ถ้าเชื่อ ก็แสดงว่า คุณเชื่อในสิ่งที่เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์วัดค่าไม่ได้
แล้วถ้าเราตายไป ทำไมจิต จะต้องตายตามเราไปด้วย เอาเหตุผลอะไรมาคาดคะเน
ทำไม่ไม่เชื่อบ้างว่า จิตสามารถเกิดดับได้ในกายทิพย์เช่นกัน
ในกายทิพย์ จิตสร้างเราขึ้นมาใหม่
เราในกายทิพย์ อาจมีสายตาที่ดีกว่า อาจมีสมองที่แจ่มใสกว่า อาจมีหูที่ดีกว่าหูมนุษย์
แต่อย่าลืมว่าเราไม่ได้มีจริงเป็นตัวเป็นตน
เราเอง ก็เป็นแค่สภาวะธรรม ซึ่งอาศัย จิต เจตสิก รูป ทำให้เกิดขึ้นชั่วขณะ ๆ เช่นกัน
เพราะสมอง ทำให้เราคิดว่า เราเมื่อเด็ก กับเราตอนนี้คือ เราอันเดียวกัน
แต่ลองสมองเสีย ดูสิครับ เราอาจจำไม่ได้ว่า เราคือใคร เราชื่ออะไร
แต่คนที่ความจำเสื่อมขนาดหนักอย่างนั้น ก็เป็นเรา มิใช่หรือ เพราะเราเกิดขึ้นชั่วขณะเท่านั้น

.....................................................
ยังงมงาย...
เมื่อเห็นว่าพระไตรปิฏก มีส่วนถูก มีส่วนจริงแค่ 20 ถึง 30 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

เลิกงมงาย..
เมื่อเห็นว่า พระไตรปิฏก มีส่วนถูก ส่วนจริง เกินกว่า 80 ถึง กว่า 90 เปอร์เซนต์

http://www.youtube.com/user/govit2554#g/u


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ต.ค. 2010, 08:05 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


เห็นท่านโกวิท..เข้ามา..ก็เลยแวะมาอ่านซะหน่อย.. :b12:

แวะแล้ว..ก็แสดงตัวหน่อยว่า..ได้มาแล้วนะ :b12:

แม้..ตัวเป็นก้อนเป็นมัด..ไม่เห็น..แต่ทุกคนก็ได้รู้นิ..ว่า..มาแล้ว

นี้แหละ..ตัวตนที่ไม่ใช่..เป็นตัวเป็นตน :b12: :b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ย. 2010, 19:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อนิดหน่อย... cool

โลกมีสนามแม่เหล็ก ซึ่งถ้าสนามแม่เหล็กคือการไหลของสนามแรงโน้มถ่วง มันก็อาจเป็นไปได้ว่า สนามแม่เหล็กโลกก็ทำหน้าที่ในทำนองเดียวกับ ลมปราณ ของร่างกาย
คือสร้างความเป็นเนื้อเดียวกันของแผ่นดิน สร้างเสถียรภาพให้กับเปลือกดาว...

:b6: คำว่า เสถียรภาพ ไม่ได้แปลว่า หยุดนิ่ง แรงโน้มถ่วงเป็นแรงชนิดอ่อนแต่รุนแรง ถ้ามีแรงกระทำชนิดอื่น แผ่นดินก็จะมีผลกระทบไปตามนั้น ความเป็นเนื้อเดียวกันจะเป็นเสมือนแรง background...

จากตรงนี้ก็หมายความว่า... ดวงอาทิตย์ นอกจากจะมีการลุกไหม้อย่างรุนแรงจนยับยั้งการก่อตัวของธาตุหนักแล้ว มันยังปั่นป่วนเพราะสนามแม่เหล็กที่ไม่คงที่อีกด้วย
ถ้าดวงอาทิตย์มีสนามแม่เหล็กที่คงที่ มันจะเป็นดาวที่ลุกไหม้อย่างมีระเบียบ ผิวดาวอาจเป็นเหมือนทะเลเพลิง ที่เคลื่อนตัวไปตามเส้นแรงแม่เหล็ก

ส่วนถ้าเป็นดาวเคราะห์ที่สนามแม่เหล็กไม่คงที่ แผ่นดินที่เป็นเปลือกดาว อาจเกิดการชนปะทะกันตลอดเวลา คือเกิดแผ่นดินไหวอย่างต่อเนื่อง...

:b6: ถ้าแนวคิดนี้เป็นจริง เราก็พอจะเข้าใจแล้วว่า อำนาจจิตที่แผ่ออกไป จะช่วยยับยั้งภัยพิบัติได้อย่างไร


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ย. 2010, 08:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ก.ค. 2010, 07:19
โพสต์: 89


 ข้อมูลส่วนตัว


ขออนุญาติเเสดงความเห็นบ้าง...ได้เเต่เห็นหัวข้อเรื่องมานานเเล้ว
วันนี้พอจะเข้าใจอะไรบ้างเล็กน้อยว่า...

ร่างกายคน..ที่เคลื่อนไหวได้..ด้วยการทำงานของสมอง
ก็ไม่เเตกต่างไปจาก..
หุ่นยนต์..ที่สามารถเคลื่อนไหวได้..ด้วยกลไกทำงานของระบบควบคุม
หากสมอง..หยุดทำงาน
ร่างกายคน ก็ไม่ต่างไปจาก..หุ่นยนต์ ที่ไร้ระบบควบคุม

ส่วนจิตนั้น...เป็นตัวที่..ชุบชีวิต..ให้กับร่างกาย
ร่างกายที่ตาย..เพราะสมองไม่ทำงาน...
จึงเป็นเหตุให้..
จิตทำงานไม่ได้...(หากไม่มีกาย)

ดั่งที่..หลวงพ่อพุธ ฐานิโย :b8: :b8: :b8:
กล่าวไว้ว่า..
จิตจะทำงานไม่เป็นนะ..ถ้าไม่มีกาย


ฝากไว้พิจารณากันเล่นๆ..วันหยุดสุดสัปดาห์

มาตามดูภาพประกอบกันดีกว่า...ทบทวนดูเล่นๆๆ.





แก้ไขล่าสุดโดย อานาปานา เมื่อ 07 พ.ย. 2010, 11:42, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2010, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 8
สมาชิก ระดับ 8
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 ก.พ. 2009, 20:42
โพสต์: 699


 ข้อมูลส่วนตัว


cool วันนี้เปลี่ยนหลอดไฟใหม่ ยาวกว่าเดิม... แจ้งจางปาง คมชัดยังก๊ะบลูเรย์

ก็เลยได้คิดว่า แสงฟลูออเรสเซนต์ที่สว่างน้อย ทำให้รู้สึกไม่สบายตา แต่แสงธรรมชาติที่สว่างน้อย กลับไม่รู้สึกอะไร...
มันมีอะไรที่แตกต่างกัน กับแสง 2 ชนิดนี้ :b6:


เอาล่ะ มาอัพเดทความคิดอีกนิด กันลืม เพราะลืมไปแล้วเรื่องหนึ่ง แต่จำไม่ได้แล้วว่าเรื่องอะไร...

เป็นไปได้ที่โรคมะเร็ง อาจเกิดจาก ไวรัส
เซลอมตะที่เป็นจุดควบคุมลมปราณ น่าจะไม่มีการแบ่งตัวอีกนับจากเวลาที่จิตเข้ามาเชื่อม ซึ่งเป็นไปได้ว่า เซลที่เติบโตหลังจากนั้นจะมีแหล่งที่มาที่เป็นสเต็มเซลของอวัยวะนั้นๆ ซึ่งก็เป็นไปได้อีก ที่แหล่งของสเต็มเซลจะอยู่ล้อมรอบเซลอมตะนี้

:b6: เซลอมตะจะเริ่มแบ่งตัว เมื่อถูกเข้าถึงโดยไวรัส ซึ่งก็น่าจะเป็นผลมาจากระบบภูมิคุ้มกันเฉื่อยชาลง ซึ่งก็หมายถึง จิตที่อ่อนกำลังลง
เมื่อกระแสลมปราณช้าลง อวัยวะต่างๆ ก็ทำงานช้าลง ซึ่งก็คืออาการนำต่างๆ ของโรคมะเร็งนั่นแหล่ะ ตั้งแต่ ท้องอืด (น้ำย่อยมีน้อย) แผลหายช้า เรื้อรัง อ่อนเพลีย ฯลฯ

ในห้วงเวลาที่ระบบร่างกายเฉื่อยลง หากมีการติดเชื้อไวรัสขึ้นมา และไวรัสสามารถเข้าถึงเซลอมตะเหล่านี้ได้ เมื่อนั้นก็คือ ท่านเป็นมะเร็งแล้ว...

:b6: ที่เราคิดคือ... เมื่ออาการปรากฎ มันก็เหมือนการจุดชนวน เพราะเซลอมตะเป็นเซลที่เป็นจุดควบคุมกระแสลมปราณ
เมื่อเซลเพิ่มจำนวน จุดควบคุมก็มากขึ้น กระแสที่อ่อนอยู่แล้ว ก็จะยิ่งอ่อนลงไปอีก... แต่ยังไม่แน่ใจว่า การลุกลามของเซลมะเร็ง จะเป็นไปในทิศทางขากลับของกระแสลมปราณอย่างมีนัยสำคัญหรือเปล่า


เซลมะเร็ง สวยงามนะ เหมือนดอกบัวหรือเปล่า อิอิ

รูปภาพ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 206 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 10, 11, 12, 13, 14

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 139 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร