ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
โรคไข้หวัด 2009 ยังไม่ทันหาย กาฬโรคปอดจะมาหรือไม่ ? http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=24700 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | บัวไฉน [ 06 ส.ค. 2009, 11:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | โรคไข้หวัด 2009 ยังไม่ทันหาย กาฬโรคปอดจะมาหรือไม่ ? |
โรคไข้หวัด 2009 ยังไม่ทันหาย กาฬโรคปอดจะมาหรือไม่ ? เห็นข่าว TV ออกมาพูดเรื่องกาฬโรคปอด จึงขอนำความรู้เรื่อง กาฬโรค มาเพื่อเพื่อนสมาชิกทราบ ความรู้เรื่องกาฬโรค (ฉบับย่อ) กรมควบคุมโรค 4 สิงหาคม 2552 ลักษณะโรค : เป็นโรคติดต่อจากสัตว์สู่คนที่มีแหล่งรังโรคคือสัตว์จำพวกฟันแทะ เช่น หนู และหมัดของ มัน โดยมีเชื้อสาเหตุคือ เชื้อแบคทีเรียชื่อ เยอร์ซิเนีย เพลติส(Yersinia pestis) กาฬโรคสามารถติดต่อได้ ทุกเพศและทุกอายุ ขึ้นอยู่กับปัจจัยเสี่ยง ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษา จะมีอัตราตายสูงถึง ร้อยละ 30-60 พื้นที่ที่มีการระบาด : อาฟริกา สหภาพโซเวียต (ชื่อในอดีต) สหรัฐอเมริกา เอเชีย เช่น คาซัคสถาน จีน อินเดีย ลาว มองโกเลีย เมียนมาร์ อินโดนีเซีย ส่วนในไทย มีรายงานครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2447 และมีการ ระบาดเป็นระยะ จนถึงพ.ศ. 2495 จากนั้นก็ไม่พบกาฬโรคในประเทศไทยอีก อาการและอาการแสดง : มักจะเริ่มด้วยอาการคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ คือ ไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะและตาม ร่างกาย อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งอาการต่อมาสามารถพบได้ 3 ลักษณะคือ . ชนิดต่อมน้ำเหลือง อักเสบ ชนิดเชื้อในกระแสเลือด มักจะลุกลามจากชนิดต่อมน้ำเหลืองอักเสบ มีอาการไข้สูง ความดันเลือด ต่ำ ช็อก หัวใจเต้นเร็ว กระสับกระส่าย เพ้อ หมดสติ เลือดออกในอวัยวะต่างๆ เสียชีวิตภายใน 3-5 วัน หรือ ภายในไม่กี่ชั่วโมง และชนิดกาฬโรคปอด อาจเกิดตามหลังจาก 2 ชนิดแรก หรือติดเชื้อจากคนไอจามรด กัน มีอาการปอดบวม ไอเป็นน้ำ เสมหะไม่เหนียว ต่อมาจะมีเลือดปน อ่อนเพลีย มีไข้ หากไม่ได้รับการ รักษา จะตายเร็วมากภายใน 1-3 วัน การแพร่โรค : เกิดจากการที่คนถูกหมัดของสัตว์ฟันแทะเหล่านี้กัด ซึ่งอาจติดมากับสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น สุนัข หรือแมว บางรายอาจมีการสัมผัสกับเชื้อโดยตรง หรือการหายใจเอาละอองฝอยเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ที่มีเชื้อจากผู้ที่เป็นโรค หรือจากหนู หรือจากหมัดหนู สูดเข้าไปเข้าสู่ร่างกาย ระยะฟักตัว : ประมาณ 1-7 วัน การวินิจฉัยโรค : โดยการย้อมเชื้อ เพาะเชื้อและตรวจทางน้ำเหลืองวิทยา จากสิ่งส่งตรวจของผู้ป่วย เช่น หนองฝีจากต่อมน้ำเหลือง เลือด เสมหะ ซึ่งศักยภาพของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจได้ การรักษา : ใช้ยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ทั่วไป ได้แก่ สเตรปโตไมซิน เป็นยาหลัก เจนตามัยซิน เตตราซัยคลิน และคลอแรมฟินีคอล 2 การป้องกันและควบคุมโรค 1. ให้สุขศึกษากับประชาชนในพื้นที่มีโรคระบาดในสัตว์ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการถูกหมัดติดเชื้อกัด หลีกเลี่ยงการจับต้องสัมผัสกับหนอง หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยกาฬโรค มีการปรับปรุง สุขาภิบาล กำจัดขยะ แนะนำให้สวมถุงมือหนังเวลจับต้องสัตว์ป่าหรือไปล่าสัตว์ 2. เฝ้าระวังและประเมินการเกิดโรคในสัตว์ เช่น สำรวจโรคในสัตว์จำพวกฟันแทะ 3. กำจัดหนูและควบคุมหมัดหนูบนยานพาหนะต่างๆ ท่าเรือ ในโรงเก็บสินค้าและบริเวณที่เกิดโรค 4. มีวัคซีนป้องกันโรคแต่ประสิทธิผลในการป้องกันโรคยังไม่มาก 5. การแยกผู้ป่วย : ทำความสะอาดเสื้อผ้าผู้ป่วยและสัมภาระให้ปราศจากหมัดหนู โดยใช้ยาฆ่าแมลง ที่มีประสิทธิผลในการกำจัดหมัดและปลอดภัยต่อมนุษย์ การแยกผู้ป่วยอย่างเข้มงวด ควรทำ เฉพาะผู้ป่วยชนิดกาฬโรคปอด และป้องกันการฟุ้งกระจายของเชื้อในอากาศ จนกระทั่งได้รับยา ปฏิชีวนะที่เหมาะสมไปแล้ว 48 ชั่วโมง การเจาะดูดหนองฝีควรกระทำหลังให้ยาปฏิชีวนะแล้ว 48 ชั่วโมง 6. การทำลายเชื้อ : ต้องใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำลายเชื้อในเสมหะ หนอง หรือเสื้อผ้าสิ่งของของผู้ป่วยที่ ปนเปื้อน ทำความสะอาดห้องหลังจากผู้ป่วยกลับบ้าน การจับต้องศพและซากสัตว์ที่ตายจากกาฬ โรค ต้องดำเนินการตามแนวทางการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด 7. มาตรการกักกันผู้สัมผัสโรค ไม่มีประสิทธิผลในการควบคุมการระบาดและยังก่อให้เกิดความตื่น ตระหนกในวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยควรได้รับยาป้องกันและเฝ้าระวัง อย่างใกล้ชิด 8. การป้องกันโรคในผู้สัมผัส : ให้ยาเตตราซัยคลินหรือด๊อกซีซัยคลินหรือคลอแรมฟินิคอลในผู้ สัมผัสใกล้ชิด ของผู้ป่วยกาฬโรคปอด สำหรับยาเตตราซัยคลินหรือด๊อกซีซัยคลิน ห้ามให้ในเด็ก อายุต่ำกว่า 8 ปี 9. การสอบสวนผู้สัมผัสและแหล่งโรค : ค้นหาผู้สัมผัสโรคใกล้ชิด ค้นหาหนูที่ปวยหรือตายและ หมัด ควบคุมหมัดและกำจัดหนู รังหนูและแหล่งอาหาร **************************************** |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |