ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=24844 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 |
เจ้าของ: | dhama [ 11 ส.ค. 2009, 09:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ทำไมนายไม่ชอบเที่ยวล่ะ ผมตอบว่าให้เราไปดูสีขาว สีเขียว สีแดง สีอื่นๆ อีกหรือ ให้ไปรับความเย็น ความร้อนโดยเหตุผลไม่สมควรผมไม่เสียเวลาไปหรอก เพราะที่นี่ก็มี ทำไมนายกินน้อยล่ะ ? ผมตอบว่าพระพุทธองค์บอกว่าอาหารเพียงเมื้อเดียวก็พอเพียงแก่ร่างกายเราแล้ว แล้วนายไม่หิวเหรอ ? ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน มันอาจจะเป็นความเคยชินเก่าๆ เราทนได้มันอาจจะเป็นสักพักในระยะแรกๆแต่มันก็เป็นฝึกการอดทนดีนะ แล้วเรื่องรสอร่อยละนายตัดได้มั้ย ? เราคงตัดที่จะไม่รับรู้รสชาติเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่อะไรก็กินได้ไม่แสวงหาขอเพียงมีอยู่เท่านั้น แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างละ ? เชื่อแล้วละว่าทำไมพระองค์ตรัสอย่างนั้น แล้วนายไม่มีความรู้สึกอย่างว่าหรือ ? ผมบอกว่าผมเสพมานานแล้ว ก็รู้สึกว่ามันซ้ำซากกับรสชาติอยากเลิกเพื่อพิสูจน์คำสอน และนายเลิกได้หรือยัง ? ถ้าถามแบบนี้ตอบตรงเลยเรายังไม่ขาดจากจิตจริงหรอกแต่เรารู้ว่ามันขาดได้ เพราะเราไม่สนใจมันนานแล้ว แล้วเราก็มีสติปัญญาแข็งแรงพอที่จะไม่ให้มันอยู่เหนือเราได้ แล้วนายยังฟังเพลงและดูทีวีอยู่หรือเปล่า ? ถ้าจะให้เราเปิดเราคงไม่เปิดฟังหรอกแต่ถ้ามันมากระทบโสดก็ฟังได้ไม่ได้รังเกลียดอะไร ทีวีก็เช่นกันเราอยู่ร่วมกับคนอื่นก็ดูบ้างแต่ไม่ถือรีโมทเหมือนแต่ก่อน ใครจะเปลี่ยนช่องไปไหนก็ได้ไม่เหมือนก่อนเราเป็นผู้กำหนดช่องเอง และที่นายทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไร ? เหตุผลสูงสุดก็เพื่อการหลุดพ้นน่ะ แต่ถ้ามันหลุดพ้นไม่ได้ มันก็ยังดีที่เราได้กล้าทำ อย่างน้อยสุดมันก็คงให้เรารู้ว่าอะไรมันคืออะไร และที่สุดแล้วมนุษย์จำเป็นจะต้องมีศรัทธาอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นศรัทธาในพระเจ้า หรือแม้กระทั้งตนเอง |
เจ้าของ: | mes [ 11 ส.ค. 2009, 09:54 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
dhama เขียน: ทำไมนายไม่ชอบเที่ยวล่ะ ผมตอบว่าให้เราไปดูสีขาว สีเขียว สีแดง สีอื่นๆ อีกหรือ ให้ไปรับความเย็น ความร้อนโดยเหตุผลไม่สมควรผมไม่เสียเวลาไปหรอก เพราะที่นี่ก็มี ทำไมนายกินน้อยล่ะ ? ผมตอบว่าพระพุทธองค์บอกว่าอาหารเพียงเมื้อเดียวก็พอเพียงแก่ร่างกายเราแล้ว แล้วนายไม่หิวเหรอ ? ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน มันอาจจะเป็นความเคยชินเก่าๆ เราทนได้มันอาจจะเป็นสักพักในระยะแรกๆแต่มันก็เป็นฝึกการอดทนดีนะ แล้วเรื่องรสอร่อยละนายตัดได้มั้ย ? เราคงตัดที่จะไม่รับรู้รสชาติเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่อะไรก็กินได้ไม่แสวงหาขอเพียงมีอยู่เท่านั้น แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างละ ? เชื่อแล้วละว่าทำไมพระองค์ตรัสอย่างนั้น แล้วนายไม่มีความรู้สึกอย่างว่าหรือ ? ผมบอกว่าผมเสพมานานแล้ว ก็รู้สึกว่ามันซ้ำซากกับรสชาติอยากเลิกเพื่อพิสูจน์คำสอน และนายเลิกได้หรือยัง ? ถ้าถามแบบนี้ตอบตรงเลยเรายังไม่ขาดจากจิตจริงหรอกแต่เรารู้ว่ามันขาดได้ เพราะเราไม่สนใจมันนานแล้ว แล้วเราก็มีสติปัญญาแข็งแรงพอที่จะไม่ให้มันอยู่เหนือเราได้ แล้วนายยังฟังเพลงและดูทีวีอยู่หรือเปล่า ? ถ้าจะให้เราเปิดเราคงไม่เปิดฟังหรอกแต่ถ้ามันมากระทบโสดก็ฟังได้ไม่ได้รังเกลียดอะไร ทีวีก็เช่นกันเราอยู่ร่วมกับคนอื่นก็ดูบ้างแต่ไม่ถือรีโมทเหมือนแต่ก่อน ใครจะเปลี่ยนช่องไปไหนก็ได้ไม่เหมือนก่อนเราเป็นผู้กำหนดช่องเอง และที่นายทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไร ? เหตุผลสูงสุดก็เพื่อการหลุดพ้นน่ะ แต่ถ้ามันหลุดพ้นไม่ได้ มันก็ยังดีที่เราได้กล้าทำ อย่างน้อยสุดมันก็คงให้เรารู้ว่าอะไรมันคืออะไร และที่สุดแล้วมนุษย์จำเป็นจะต้องมีศรัทธาอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นศรัทธาในพระเจ้า หรือแม้กระทั้งตนเอง ทำไมนายไม่ชอบเที่ยวล่ะ ผมตอบว่าให้เราไปดูสีขาว สีเขียว สีแดง สีอื่นๆ อีกหรือ ให้ไปรับความเย็น ความร้อนโดยเหตุผลไม่สมควรผมไม่เสียเวลาไปหรอก เพราะที่นี่ก็มี ทำไมนายกินน้อยล่ะ ? ผมตอบว่าพระพุทธองค์บอกว่าอาหารเพียงเมื้อเดียวก็พอเพียงแก่ร่างกายเราแล้ว แล้วนายไม่หิวเหรอ ? ก็รู้สึกหิวเหมือนกัน มันอาจจะเป็นความเคยชินเก่าๆ เราทนได้มันอาจจะเป็นสักพักในระยะแรกๆแต่มันก็เป็นฝึกการอดทนดีนะ แล้วเรื่องรสอร่อยละนายตัดได้มั้ย ? เราคงตัดที่จะไม่รับรู้รสชาติเลยคงเป็นไปไม่ได้ แต่อะไรก็กินได้ไม่แสวงหาขอเพียงมีอยู่เท่านั้น แล้วตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างละ ? เชื่อแล้วละว่าทำไมพระองค์ตรัสอย่างนั้น แล้วนายไม่มีความรู้สึกอย่างว่าหรือ ? ผมบอกว่าผมเสพมานานแล้ว ก็รู้สึกว่ามันซ้ำซากกับรสชาติอยากเลิกเพื่อพิสูจน์คำสอน และนายเลิกได้หรือยัง ? ถ้าถามแบบนี้ตอบตรงเลยเรายังไม่ขาดจากจิตจริงหรอกแต่เรารู้ว่ามันขาดได้ เพราะเราไม่สนใจมันนานแล้ว แล้วเราก็มีสติปัญญาแข็งแรงพอที่จะไม่ให้มันอยู่เหนือเราได้ แล้วนายยังฟังเพลงและดูทีวีอยู่หรือเปล่า ? ถ้าจะให้เราเปิดเราคงไม่เปิดฟังหรอกแต่ถ้ามันมากระทบโสดก็ฟังได้ไม่ได้รังเกลียดอะไร ทีวีก็เช่นกันเราอยู่ร่วมกับคนอื่นก็ดูบ้างแต่ไม่ถือรีโมทเหมือนแต่ก่อน ใครจะเปลี่ยนช่องไปไหนก็ได้ไม่เหมือนก่อนเราเป็นผู้กำหนดช่องเอง และที่นายทำไปทั้งหมดนี้เพื่ออะไร ? เหตุผลสูงสุดก็เพื่อการหลุดพ้นน่ะ แต่ถ้ามันหลุดพ้นไม่ได้ มันก็ยังดีที่เราได้กล้าทำ อย่างน้อยสุดมันก็คงให้เรารู้ว่าอะไรมันคืออะไร และที่สุดแล้วมนุษย์จำเป็นจะต้องมีศรัทธาอย่างใดอย่างหนึ่ง อาจจะเป็นศรัทธาในพระเจ้า หรือแม้กระทั้งตนเอง ถ้าหากผมยังชอบ นอนห้องติดแอร์ มองสาวสวย สีแดง สีเขียว รัปทานอาหาร ๓ มื้อ นอนกับเมีย(อันนี้ประพฤติลำบากเพราะไม่มีเมีย ขอยกเลิก) ชอบดูทีวี แตผม(สมมุติว่า)ฝักใฝ่ธรรมะ มีเอกัคตาจิตระลึกถึงมรณะสติสม่ำเสมอ อย่างนี้ผมจะหมดสิทธิ์ต่อคิวนิพพานไหมครับ ท่านdhama หรือว่าผมประพฤติปฏิบัติตามที่ท่านdhamaปฏิบัติแล้วก็จะถึงนิพพานแน่นอน หรือว่านิพพานนั้นต้องอาศัย ปัญญา ปัญญาต้องอาศัยสมาธิ ฉนั้น เราต้องทำใจไม่ให้อยาก หรือ ละเว้น กิน เที่ยวสนุก ประเวณี หรือ ให้รู้จักความอยาก กิน เที่ยวสนุก ประเวณี ท่านมีความคิดเห็นอย่างไรครับ |
เจ้าของ: | ชาติสยาม [ 11 ส.ค. 2009, 10:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ก็อยู่ที่ความพอดีของแต่ละคนเนาะ จะเอาหรือไม่เอา อะไรก้ตาม คือถ้าไม่มีคนเดือดร้อน แม้แต่ตัวเองเดือดร้อน ก็ใช้ได้ มีคำคมและลึกซึ้งมากของท่านฮวงโป อ้างคำพูด: คนเป็นอันมาก
มักถูกปิดกั้นเสียจากการรู้แจ้งต่อจิต โดยปรากฏการณ์ต่างๆซึ่งแวดล้อมอยู่รอบๆตัวเขา และถูกปิดกั้นเสียจากการรู้แจ้งต่อหลักธรรมที่สำคัญที่สุดโดยเหตุการณ์ต่างๆเฉพาะตน ดังนั้น เขาจึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยงจากปรากฏการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเสีย ด้วยหวังว่าจะทำให้จิตของเขาสงบ หรือ พยามที่จะระงับเหตุการณ์ต่างๆเสีย ด้วยหวังว่าจะยึดหน่วงเอาธรรมะนั้นได้ เขาไม่เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่า การทำอย่างนี้เป็นการกลบเกลื่อนปรากฏการณ์ต่างๆด้วยจิต, กลบเกลื่อนเหตุการณ์ต่างๆด้วยหลักธรรม จงเพียงแต่ทำจิตของเธอให้ว่างเท่านั้น ปรากฏเป็นสิ่งแว้ล้อมต่างๆ ก็จะเป็นของว่างไปในตัวมันเอง จงให้หลักการต่างๆหยุดแกว่งแล้วเหตุการณ์ต่างๆก็หยุดวุ่นวายได้ด้วยตัวของมันเอง จงอย่าใช้ จิต ไปในทางอุตริแผลงๆเช่นนั้นเลย คนส่วนมากขี้ขลาดต่อการทำจิตของตนให้ว่าง โดยเกรงไปว่า เขาจะพลัดตกลงไปในความว่าง เขาเหล่านั้นไม่ทราบว่า จิต ของเขาเองเป็น"ความว่าง, คนโง่มัวแต่หลบหลีกปรากฏการณ์ต่างๆ ไม่หลบ จากความคิดปรุงแต่ง, ส่วนคนฉลาดย่อมหลบหลีกจากความคิดปรุงแต่ง และไม่ต้องหลบหลีกปรากฏการณ์" (คำสอนอันลึกซึ้งนี้ ส่วนหนึ่งได้เล็งถึงพวกพุทธบริษัท ซึ่งปฏิบัติสมาธิภาวนาโดยหวังจะถอนออกซึ่งโลกฝ่ายวัตถุ เพียงชั่วคราว ~ ผู้แปล) ที่มา: บทที่๒๑ หน้าที่๖๑ หนังสือคำสอนของท่านฮวงโป แปลโดยท่านพุทธทาสภิกขุ สำนักพิมพ์เครือเถา |
เจ้าของ: | กามโภคี [ 11 ส.ค. 2009, 10:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ชาติสยาม เขียน: ก็อยู่ที่ความพอดีของแต่ละคนเนาะ จะเอาหรือไม่เอา อะไรก้ตาม คือถ้าไม่มีคนเดือดร้อน แม้แต่ตัวเองเดือดร้อน ก็ใช้ได้ ![]() |
เจ้าของ: | mes [ 11 ส.ค. 2009, 11:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ชาติสยาม เขียน: ก็อยู่ที่ความพอดีของแต่ละคนเนาะ จะเอาหรือไม่เอา อะไรก้ตาม คือถ้าไม่มีคนเดือดร้อน แม้แต่ตัวเองเดือดร้อน ก็ใช้ได้ มีคำคมและลึกซึ้งมากของท่านฮวงโป อ้างอิงคำพูด: คนเป็นอันมาก มักถูกปิดกั้นเสียจากการรู้แจ้งต่อจิต โดยปรากฏการณ์ต่างๆซึ่งแวดล้อมอยู่รอบๆตัวเขา และถูกปิดกั้นเสียจากการรู้แจ้งต่อหลักธรรมที่สำคัญที่สุดโดยเหตุการณ์ต่างๆเฉพาะตน ดังนั้น เขาจึงพยายามหาทางหลีกเลี่ยงจากปรากฏการณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเสีย ด้วยหวังว่าจะทำให้จิตของเขาสงบ หรือ พยามที่จะระงับเหตุการณ์ต่างๆเสีย ด้วยหวังว่าจะยึดหน่วงเอาธรรมะนั้นได้ เขาไม่เห็นอย่างแจ่มแจ้งว่า การทำอย่างนี้เป็นการกลบเกลื่อนปรากฏการณ์ต่างๆด้วยจิต, กลบเกลื่อนเหตุการณ์ต่างๆด้วยหลักธรรม จงเพียงแต่ทำจิตของเธอให้ว่างเท่านั้น ปรากฏเป็นสิ่งแว้ล้อมต่างๆ ก็จะเป็นของว่างไปในตัวมันเอง จงให้หลักการต่างๆหยุดแกว่งแล้วเหตุการณ์ต่างๆก็หยุดวุ่นวายได้ด้วยตัวของมันเอง จงอย่าใช้ จิต ไปในทางอุตริแผลงๆเช่นนั้นเลย คนส่วนมากขี้ขลาดต่อการทำจิตของตนให้ว่าง โดยเกรงไปว่า เขาจะพลัดตกลงไปในความว่าง เขาเหล่านั้นไม่ทราบว่า จิต ของเขาเองเป็น"ความว่าง, คนโง่มัวแต่หลบหลีกปรากฏการณ์ต่างๆ ไม่หลบ จากความคิดปรุงแต่ง, ส่วนคนฉลาดย่อมหลบหลีกจากความคิดปรุงแต่ง และไม่ต้องหลบหลีกปรากฏการณ์" (คำสอนอันลึกซึ้งนี้ ส่วนหนึ่งได้เล็งถึงพวกพุทธบริษัท ซึ่งปฏิบัติสมาธิภาวนาโดยหวังจะถอนออกซึ่งโลกฝ่ายวัตถุ เพียงชั่วคราว ~ ผู้แปล) ที่มา: บทที่๒๑ หน้าที่๖๑ หนังสือคำสอนของท่านฮวงโป แปลโดยท่านพุทธทาสภิกขุ สำนักพิมพ์เครือเถา น้องชาติสยาม ![]() ![]() ![]() อ่านแล้วอึ้งไปเลย เหมือนวัวที่ถูกขังในคอกมานาน เมือประตูคอกเปิดออก ใยยังอยู่กับคอก เห็นด้วยกับน้องชาติสยามครับ อ้างคำพูด: ก็อยู่ที่ความพอดีของแต่ละคนเนาะ จะเอาหรือไม่เอา อะไรก้ตาม คือถ้าไม่มีคนเดือดร้อน แม้แต่ตัวเองเดือดร้อน ก็ใช้ได้ จริต และความเหมาะสมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ขออย่างเดียว ปฏิบัติธรรมแล้วอย่าเพื่อเอาไปข่มกัน ว่าฉันเคร่งกว่าเธอ ฉันวิเศษกว่าเธอเพราะฉันไม่นอนกับเมียแล้ว เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น กิเลสที่เกิดแก้ยากมาก ปัจจุบันที่พบมากในบรรดาผู้ปฏิบัติธรรมคือ ชอบตำหนิผู้อื่น เหมือนตนเองเป็นผู้ทรงธรรม ผิดมากครับ การปฏิบัติธรรมคือการแสวงหาครับ ไม่ใช่การแสดงละคร อ้าวได้เวลาคอนเสริทของน้องชาติสยามแล้ว แต่อย่าได้ไปแสดงการปฏิบัติธรรมในนั้นนะครับ เห็นเนื้อหนังมังสาก็เห็นไปให้รู้ว่าแน่น ว่า ขาว ว่าอวบอั้น ไม่ต้องไปX-RAY(แสดงอุปทาน)เห็นกระดูกเต้น(ขออนุญาตคุณวลัยพรครับที่นำมายกตัวอย่างเป็นธรรม สาธก อย่าโกรธผมนะครับพี่สาวใหญ่) สำคัญว่าเมื่อเห็นแล้วให้กำหนดรู้ลงไป(สอนแทนท่านกรัชกาย) เห็นขาวให้รู้ว่ามันขาว เห็นอวบอั้นก็กำหนดรู้ลงไป แต่ห้ามจินตนาการต่อ ธรรมชาติของมนุษย์ครับ บางโอกาสก็อยากนั่งกรรมฐาน บางโอกาสก็อยากดูหนังโป๊ นั่นแหละคือธรรมะจริงๆ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 ส.ค. 2009, 11:24 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ธรรมะไม่ใด้เกิดจากการเลียนแบบพระอริยะ |
เจ้าของ: | yahoo [ 11 ส.ค. 2009, 12:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
mes เขียน: การปฏิบัติธรรมคือการแสวงหาครับ ไม่ใช่การแสดงละคร ![]() ![]() ![]() อ้างคำพูด: อ้าวได้เวลาคอนเสริทของน้องชาติสยามแล้ว แต่อย่าได้ไปแสดงการปฏิบัติธรรมในนั้นนะครับ เห็นเนื้อหนังมังสาก็เห็นไปให้รู้ว่าแน่น ว่า ขาว ว่าอวบอั้น .... ธรรมชาติของมนุษย์ครับ บางโอกาสก็อยากนั่งกรรมฐาน บางโอกาสก็อยากดูหนังโป๊ นั่นแหละคือธรรมะจริงๆ แล้วคุณ mes ไปด้วยรึเปล่าครับ... นี่ถ้าคุณไป ผมชักจะอยากไปซะแล้วสิ่ ![]() ![]() ![]() แต่ผมว่าจากข้อเสนอที่ผมขอไป คุณชาติสยามคงไม่ยอมให้ผมไปด้วยแล้วล่ะ ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | O.wan [ 11 ส.ค. 2009, 12:30 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
![]() ![]() ![]() ชอบตำหนิผู้อื่น เหมือนตนเองเป็นผู้ทรงธรรม ผิดมากครับ ![]() คือยิ่งถ้าบางสถานที่เหมือนเป็นทีมเวิร์คมาเลยค่ะ ประเภทข้ามาคนเดียว ![]() ได้แต่เอามุมเสาใหญ่เป็นกัลยาณมิตรไปโดยปริยาย ![]() ทำให้ผู้มาใหม่ รู้สึก ![]() ![]() ![]() ![]() เพราะเค้ามีจิตเจริญในธรรมเหมือนๆกัน ถึงได้มารวมพลังกันศึกษา+ปฎิบัติ แต่คำพูด+การกระทำ ก็น่าที่จะโอนอ่อนผ่อนตาม ![]() ที่มากระทบเป็นกิเลสอย่างหนึ่ง ก็รู้สึกดีขึ้น(ในบางครั้ง ![]() แต่ประโยคนี้ของคุณ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
เจ้าของ: | walaiporn [ 11 ส.ค. 2009, 13:12 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
mes เขียน: อ้าวได้เวลาคอนเสริทของน้องชาติสยามแล้ว แต่อย่าได้ไปแสดงการปฏิบัติธรรมในนั้นนะครับ เห็นเนื้อหนังมังสาก็เห็นไปให้รู้ว่าแน่น ว่า ขาว ว่าอวบอั้น ไม่ต้องไปX-RAY(แสดงอุปทาน)เห็นกระดูกเต้น(ขออนุญาตคุณวลัยพรครับที่นำมายกตัวอย่างเป็นธรรม สาธก อย่าโกรธผมนะครับพี่สาวใหญ่) สำคัญว่าเมื่อเห็นแล้วให้กำหนดรู้ลงไป(สอนแทนท่านกรัชกาย) เห็นขาวให้รู้ว่ามันขาว เห็นอวบอั้นก็กำหนดรู้ลงไป แต่ห้ามจินตนาการต่อ ไม่ว่ากันค่ะ อยากจะยกก็ยกกันไป โหสิๆๆๆๆๆ ![]() เพียงจะบอกว่า จะอุปทานหรือไม่อุปทาน อันนั้นมันก็เรื่องของคนอื่นๆเขา เขาจะทำอย่างไรเพื่อรักษาจิตของเขาเอาไว้ มันก็เรื่องของคนอื่นๆเขา กิจอันใดที่กระทำแล้วทำให้จิตออกห่างจากสมาธิ กิจอันนั้นไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง แต่ .. ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคนมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตนเองต้องการจะใช้ค่ะ ไม่ว่ากันๆๆๆ ![]() ที่สำคัญที่บอกว่า เมื่อเห็นแล้วให้กำหนดรู้ลงไปนั้น ใช้กับกิเลสที่มากระทบอายตน่ะค่ะ ไม่ใช่มาใช้กับสิ่งที่ไม่ควรใช้ อันนี้ต้องใช้ให้ถูกสถานการณ์ด้วยนะคะ ![]() |
เจ้าของ: | dhama [ 11 ส.ค. 2009, 14:08 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
ต่างคนต่างความคิดบางคนคิดว่าอวด บางคนคิดว่าข่ม บางคนชมว่าเก่งก็สุดแต่ความคิดจริงๆ ธรรมชาติเป็นเช่นนั้น เพราะท่านไม่เคยรู้จักผม และผมก็ไม่เคยบอกว่าผมเป็นใคร ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรได้ทั้งนั้น เป็นสิทธิ์แต่ละคน มิได้ห้ามใคร แต่เป็นสิ่งที่ผมทำและผมก็มีความสุขในสิ่งผมทำ และก็มีหลายคนทำได้ และทุกคนก็จะทำได้แน่นอนมันไม่ใช่วิเศษอะไร มันเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำได้ในอนาคตถ้าความพร้อมมาถึง มันเป็นตัวอย่างแห่งการที่เราได้รสพระธรรม ให้มองในสิ่งดีเถอะไม่มีอะไรจริงๆผมเพื่อนร่วมทางเดินกับทุกท่าน |
เจ้าของ: | ภัทร์ไพบูลย์ [ 11 ส.ค. 2009, 14:13 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม | ||
สาธุในความเพียรชอบของท่านกัลญาณมิตรผู้เจริญในธรรมครับธรรมะคือธรรมชาติถ้าผู้ปฏิบัติธรรมไม่เบียดตนเองและเบียดเบียนผู้ร่วมการเกิดและการอยู่ร่วมกันในสังคมทุกสรรพสิ่งในโลกของธรรมะคือธรรมชาติครับท่านกัลญาณมิตรขอท่าน จงเจริญสุขและเจริญธรรมให้ถึงฝั่ง นิพพานโดยพลันเถิด ![]() ![]() ![]() ![]()
|
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 11 ส.ค. 2009, 14:20 ] | ||
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม | ||
แล้วแต่วาสนา ![]()
|
เจ้าของ: | dhama [ 11 ส.ค. 2009, 14:42 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
อ้างคำพูด: ถ้าหากผมยังชอบ นอนห้องติดแอร์ มองสาวสวย สีแดง สีเขียว รัปทานอาหาร ๓ มื้อ นอนกับเมีย(อันนี้ประพฤติลำบากเพราะไม่มีเมีย ขอยกเลิก) ชอบดูทีวี แตผม(สมมุติว่า)ฝักใฝ่ธรรมะ มีเอกัคตาจิตระลึกถึงมรณะสติสม่ำเสมอ อย่างนี้ผมจะหมดสิทธิ์ต่อคิวนิพพานไหมครับ ท่านdhama หรือว่าผมประพฤติปฏิบัติตามที่ท่านdhamaปฏิบัติแล้วก็จะถึงนิพพานแน่นอน หรือว่านิพพานนั้นต้องอาศัย ปัญญา อันนี้ผมขอตอบคุณmesนะครับเพราะถือว่าคุณระบุถามdhama สิ่งที่คุณบอกว่าชอบนอนแอร์ ทานอาหาร3มื้อ ชอบดูทีวี ขอตอบทานอาหาร3 มื้อ ถ้าท่านยังอดไม่ได้ก็ค่อยๆลดเพื่อขัดเกาพระพุทธองค์ทรงสั่งสอนเรื่องนี้มาก เรื่องการดูทีวีต้องถามตัวเองว่าเราติดหรือเปล่า เช่นว่าไม่ดูไม่ได้เลย อันนี้ติด แต่ถ้าดูแล้วไม่ติดก็okลองทดสอบจิตใจเราดูการนอนแอร์ก็เช่นเดียวกันครับ เราจะลดละเลิกอะไรก็ต้องใช้ปัญญาครับปัญญาจะพาเราลดละเลิกได้ แต่ถ้าปัญญาน้อยก็ยังลดละอะไรได้อยาก เพราะปัญญามีแต่เป็นปัญญาความรู้ผู้อื่นที่เราไปอ่านเจอแล้วก็จำ ทำให้เราลดละอะไรไม่ค่อยได้ ถ้าเป็นปัญญาของเราที่เป็นสภาวะที่เราพบเอง(หมายความว่าไตรลักษณ์นะครับ)โดยปัญญาของพระพุทธองค์นำทางในเรื่องสุตะ ปัญญานั้นแหละครับเป็นปัญญาที่ประหานกิเลสโดยตรง สิ่งที่ถามว่าประพฤติตามผมเลยคงไปไม่ได้หรอกพระนิพานนะ เพราะกว่าผมจะทำได้ผมขัดเกลามานานมากพอสมควร เราต้องใช้ปัญญาเข้าไปละ ไม่ใช่เชื่อว่าผมทำได้แล้วเอาไปละ แต่ถ้าท่านมีปัญญาเห็นโทษมากพอซึ้งผมไม่รู้ว่าท่านขนาดไหนก็ลองได้นี่ครับผมคิดว่าท่านทำได้นะครับ และทุกท่านก็ทำได้แน่นอน ไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ |
เจ้าของ: | dhama [ 11 ส.ค. 2009, 14:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
รู้เป็นเหตุ ละเป็นผล รู้แล้วละได้ทั้งเหตุและผล |
เจ้าของ: | dhama [ 11 ส.ค. 2009, 15:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: เพื่อนๆ ชอบถามผมว่าทำไม |
อย่างนี้ผมจะหมดสิทธิ์ต่อคิวนิพพานไหมครับ ท่านdhama ตอบคุณmes ถือว่าคุณต่อคิวอยู่ครับ เพราะคนที่เอียงหูฟังธรรมมีน้อยเหรอเกินบางคนเปิดเจอเปลี่ยนทันที่เลยก็มี อันนี้น่าเป็นห่วงแต่ก็เถอะ อย่าหยุดอยู่ที่สุตตะ พัฒนาให้สู่จินตาหาเหตุผลมารองรับ และก็พัฒนาสู่ภาวนามยปัญญา ลดละเลิก ในจิตอกุศลให้หมดเป็นสมุจเฉท |
หน้า 1 จากทั้งหมด 3 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |