ลานธรรมจักร http://dhammajak.net/forums/ |
|
จิตแม้ทุกดวง http://dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=25108 |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 |
เจ้าของ: | รสมน [ 22 ส.ค. 2009, 09:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | จิตแม้ทุกดวง |
อนึ่ง จิต แม้ทุกดวง ชื่อว่า "จิต" เพราะเป็นธรรมชาติ วิจิตรตามสมควร ด้วยอำนาจ แห่ง สัมปยุตตธรรม. "วิจิตร" คือ ต่าง ๆ กันไป ตามสัมปยุตตธรรม ซึ่งหมายถึง เจตสิกที่เกิดร่วมด้วย. เป็นไป ตามการสั่งสม ของแต่ละบุคคล. . ฉะนั้น ที่จะให้ทุกคน มีความคิดอย่างเดียวกัน นับถือลัทธิ หรือ ศาสนาเดียวกัน นั้น. จึงเป็นสิ่งที่ เป็นไปไม่ได้ เลย.! . เพราะแม้แต่ รูปร่างกาย ก็ไม่เหมือนกัน ความคิดนึก ก็ย่อมไม่เหมือนกัน ความเห็น ความเชื่อต่าง ๆ ก็ย่อมไม่เหมือนกัน. . แม้ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคฯ ยังไม่ทรงปรินิพพาน. พระผู้มีพระภาคฯ เอง ก็ไม่ทรงสามารถโปรด ให้บุคคลทั้งหลาย มีความเห็นถูก ได้ทุกคน.! . ผู้ที่สั่งสมเหตุปัจจัยมาแล้ว ย่อมมีโอกาสที่วิบากจิต และ กุศลจิตจะเกิดขึ้น ได้ยิน ได้ฟัง ได้ศึกษา ได้พิจารณาพระธรรม ซึ่ง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง นั้น. เมื่อได้ยิน ได้ฟังแล้ว......... ก็ควรพิจารณา ใคร่ครวญ สอบสวน ให้รอบคอบ ละเอียดยิ่งขึ้น. และ อบรมเจริญปัญญา. จนกระทั่งสามารถ รู้ ลักษณะของสภาพธรรม ตรง ตามที่พระผู้มีพระภาคฯ ได้ทรงแสดงไว้. . ความเห็นผิด นั้น ไม่ได้มีแต่ในลัทธิอื่น. แม้แต่ผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนา ก็ประพฤติปฏิบัติ ต่าง ๆ กันไป ตามความคิด ความเข้าใจ ซึ่งสั่งสมมาต่าง ๆ กัน. . ในสมัย หลังจากการสังคายนาครั้งที่ ๒. ภิกษุชาววัชชี ผู้เป็นต้นเหตุให้เกิดการสังคายนาครังที่ ๒ นั้น ก็ได้ตั้งนิกายต่าง ๆ ตามความคิดเห็นของตน. เช่น นิกายหนึ่ง มีความเห็นว่า ผู้ใดก็ตาม ที่จะบรรลุมัคค์ผล รู้แจ้งพระนิพพานได้ ต้องเปล่งวาจา ว่า ทุกข์หนอ ๆ (จาก นิทานกถา กถาวัตถุปกรณัฏฐกถา) . การเข้าใจหนทาง และข้อประพฤติปฏิบัติ ที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อนนั้น มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ. . ฉะนั้น สมัยนี้ ทุกท่านจึงควรศึกษาและพิจารณา พระธรรมวินัย โดยละเอียด. เพราะว่า ผู้ที่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ในสมัยนี้ ไม่ใช่ อุคฆฏิตัญญูบุคคล หรือ วิปัญจิตัญญูบุคคล. ผู้ที่สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ในสมัยนี้ ย่อมเป็น เนยยบุคคล. และ ผู้ที่ไม่สามารถจะรู้แจ้งอริยสัจจธรรมได้ แม้ว่าจะได้ฟังธรรมมาก อ่านธรรมมาก สนทนาธรรมมาก กล่าวธรรมมาก ก็เป็น ปทปรมบุคคล. . ฉะนั้น พระธรรมวินัย ที่พระผู้มีพระภาคฯ ทรงมหากรุณาแสดง โดย ตลอด ๔๕ พรรษา นั้น. ก็เพื่ออนุเคราะห์ ผู้เป็นเนยยบุคคล และ ปทปรมบุคคล. . ทุกท่าน จึงควรศึกษา ให้เข้าใจจริง ๆ ว่า การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม นั้น...คือ รู้ อะไร.! และ หนทางที่จะรู้แจ้งการเกิดขึ้นและดับไป ของนามธรรม และ รูปธรรม ที่ปรากฏ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และ ทางใจ ได้จริง ๆ นั้น. ต้อง อบรม เจริญ...อย่างไร.! . จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ที่เข้าใจ ประโยชน์อย่างแท้จริง ของการศึกษาพระธรรมวินัย ว่า ศึกษา เพื่อเกื้อกูลให้สติ ระลึก รู้ ลักษณะของสภาพธรรม ที่ พระผู้มีพระภาคฯ ทรงตรัสรู้ และ ทรงพระมหากรุณา แสดงไว้โดยละเอียด. . แม้แต่ ลักษณะของจิต.! ที่ได้กล่าวถึงแล้ว. และ "จิต" ซึ่งกำลังเห็น ก็เป็น "สติปัฏฐาน" ซึ่งเป็น สภาพธรรม ที่ "ปัญญา" สามารถอบรมเจริญขึ้น จนประจักษ์แจ้ง สภาพที่เป็น "อนัตตา" ซึ่งก็คือ การเกิดขึ้นและดับไป ของสภาพธรรมทั้งหลาย ซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน หรือ วัตถุสิ่งใด ๆ เลย.! ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในชีวิตประจำวัน. ชีวิตเป็นของน้อย การฟังธรรมเป็นกำไรชีวิต ที่หากำไรอย่างอื่นมาทดแทนไม่ได้ และ ถึงจะฟังเท่าไรเพื่อเป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เกิดสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้จิตเกิดการคิดที่ถูก ต้องนั้น เป็นเรื่องยากมาก การปรุงแต่งของจิตดูเหมือนว่าจะเป็นไปตามโลภะ โทสะ และโมหะเกือบตลอดเวลา ทั้งๆ ที่ฟัง ๆ ๆ ยากจริง ๆ ชนเหล่าใดรู้ธรรมอันเป็นสาระ โดยความเป็นสาระ และรู้ธรรมอันหาสาระมิได้ โดยความเป็นธรรมอันหาสาระมิได้ ชนเหล่านั้นมีความดำริชอบเป็นโคจร ย่อมบรรลุธรรมอันเป็นสาระ พระธรรมเป็นของยาก ละเอียด และลึกซึ้งมาก มิเช่นนั้นพระพุทธองค์คงไม่ต้องใช้ เวลาอันยาวนานในการบำเพ็ญพระบารมีถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ เพราะฉะนั้นไม่ควรรีบ ร้อนที่จะบรรลุเร็ว ๆ หรือจะให้สติปัฎฐานเกิดเร็ว ๆ บางท่านยังไม่เข้าใจถึงลักษณสภาพ ธรรมที่กำลังปรากฎที่มีอยู่จริง ๆ ไม่ว่าทางตา ทางหู...และทางใจ ว่ารูปธรรม นามธรรม มีลักษณะอย่างไร ก็บอกว่าได้ประจักษ์การเกิดดับแล้ว..ไม่ควรประมาทว่าพระธรรมง่าย สามารถบรรลุเร็ว ควรศึกษาอย่างละเอียดและรอบคอบ ไม่เช่นนั้นก็จะเดินทางผิดต้อง วนเวียนอยู่ในวัฎฎะต่อไป การฟังพระธรรมควรตั้งใจฟังและพิจารณาให้ตรงให้ถูกใน สิ่งที่กำลังฟัง ไม่ควรจดหรือเขียนขณะฟังพระธรรม เพราะว่าขณะที่จดนั้นก็ไม่ได้ฟัง หรือไตร่ตรองพระธรรม |
เจ้าของ: | chulapinan [ 22 ส.ค. 2009, 10:21 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: จิตแม้ทุกดวง |
คนเราไม่มีทางเหมือนกัน อะไรๆในสามโลก ไม่มีทางเหมือนกัน แต่สิ่งที่เหมือนกันได้คือ เข้าใจและศรัทธาในหลักธรรมค่ะ เพราะมีอยู่ทางเดียว ทางเดียวที่เข้าถึงได้ด้วยศีล สมาธิ และปัญญาเท่านั้นค่ะ |
หน้า 1 จากทั้งหมด 1 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |